ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : #1 : Prisoners[20%]
PRISONERS
by...Double NN
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
...ความมืด...อย่างนั้นหรือ...?
...ความว่างเปล่า...อย่างนั้นหรือ...?
...โดดเดี่ยว...อีกแล้วงั้นหรือ...?
...ไม่สิ...
...ทั้งหมด...คือความฝันงั้นสินะ...?
"มาสิ...มาทางนี้..."
...เสียง...ของใครกันนะ...?
"ฉันจะปลดปล่อยความโดดเดี่ยวของนายให้เอง..."
...จะทำได้...จริงๆน่ะหรือ...?
"ลองดูสิ...แค่ลืมตาขึ้นมาเท่านั้น..."
...งั้นหรือ...
...นี่คือความฝัน...จริงๆสินะ...?
"ใช่แล้ว...ถึงเวลาที่จะต้องตื่นแล้วล่ะ...ที่รัก..."
----------------------------------------------------------------------------------------------
by...Double NN
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
...ความมืด...อย่างนั้นหรือ...?
...ความว่างเปล่า...อย่างนั้นหรือ...?
...โดดเดี่ยว...อีกแล้วงั้นหรือ...?
...ไม่สิ...
...ทั้งหมด...คือความฝันงั้นสินะ...?
"มาสิ...มาทางนี้..."
...เสียง...ของใครกันนะ...?
"ฉันจะปลดปล่อยความโดดเดี่ยวของนายให้เอง..."
...จะทำได้...จริงๆน่ะหรือ...?
"ลองดูสิ...แค่ลืมตาขึ้นมาเท่านั้น..."
...งั้นหรือ...
...นี่คือความฝัน...จริงๆสินะ...?
"ใช่แล้ว...ถึงเวลาที่จะต้องตื่นแล้วล่ะ...ที่รัก..."
----------------------------------------------------------------------------------------------
"ว้ากกกกกก~!!"
พรึ่บ!
"เฮ้ย?!"
...เสียงสามเสียงดังขึ้นพร้อมกันในขณะที่สมองของผมยังมึนเบลอจากการละเมอตื่นจากฝันร้ายกลางดึก...
'ว้าก' แรกน่าจะมาจากการที่ผมตกใจตื่น...
'พรึ่บ' สองน่าจะมาจากเสียงผ้าห่มที่ผมสะบัดออก...
แต่ว่า 'เฮ้ย' นี่มัน...
"เอาอีกแล้วเหรอวะ ฟอส?! แกรู้ไหมว่าเสียงในคุกมันก้องขนาดไหนหา!!!"
'คุก' เหรอ...?
อ้อ...ผมถูกจับขังตั้งแต่เดือนที่แล้วนี่นา...
ถ้างั้น...เสียง 'เฮ้ย' ตอนแรกนั่นคงเป็น...
"...เรกัส?"
"จะเรียกชื่อหาพระแสงอะไรเล่า! ให้ตายเถอะ...คนจะหลับจะนอนแท้ๆเชียว"
ผมรับฟังคำบ่นของเพื่อนร่วมห้องขังอย่างเงียบๆในขณะที่สายตาของผมเริ่มชินกับแสงสลัวๆของโคมไฟอันริบหรี่ในคุกใต้ดิน...ผมกวาดสายตาไปรอบๆเพื่อยืนยันสถานะของตนเอง...ผนังปูนหนา ซี่ลูกกรงสีดำสนิท ฟางปูพื้นชื้นแฉะ ฟูกและผ้าห่มที่เต็มไปด้วยฝุ่นผงสกปรก รวมทั้งกลิ่นอับชื้นเตะจมูกอันเป็นเอกลักษณ์นั้นได้ย้ำเตือนให้รู่ว่าผมไม่ได้อยู่ในโลกแห่งความฝัน...ผมปาดเหงื่อที่เกิดจากความกลัวซึ่งเกาะพราวอยู่บนใบหน้าออกก่อนจะหันไปสนใจคู่สนทนาเพียงหนึ่งเดียวนั้น
"โทษที"
"...เออ ช่างเหอะ"
อีกฝ่ายตอบกลับมาอย่างไม่คิดอะไรมากก่อนจะเริ่มขยับท่านั่งให้ถนัดขึ้นแล้วจ้องมาที่ผมด้วยสายตาจริงจัง
"ถามจริงเหอะ...แกฝันเรื่องอะไรกันแน่?"
ผมสะดุ้งเล็กน้อย
"...ไม่ใช่เรื่องของแกนี่หว่า"
ผมบอกปัดแบบขอไปที แต่ดูเหมือนว่าเรกัสไม่คิดที่จะเลิกล้มความตั้งใจแรกเริ่มของตนเพียงเพราะคำพูดไร้ความรับผิดชอบของผมประโยคนั้น
พรึ่บ!
"เฮ้ย?!"
...เสียงสามเสียงดังขึ้นพร้อมกันในขณะที่สมองของผมยังมึนเบลอจากการละเมอตื่นจากฝันร้ายกลางดึก...
'ว้าก' แรกน่าจะมาจากการที่ผมตกใจตื่น...
'พรึ่บ' สองน่าจะมาจากเสียงผ้าห่มที่ผมสะบัดออก...
แต่ว่า 'เฮ้ย' นี่มัน...
"เอาอีกแล้วเหรอวะ ฟอส?! แกรู้ไหมว่าเสียงในคุกมันก้องขนาดไหนหา!!!"
'คุก' เหรอ...?
อ้อ...ผมถูกจับขังตั้งแต่เดือนที่แล้วนี่นา...
ถ้างั้น...เสียง 'เฮ้ย' ตอนแรกนั่นคงเป็น...
"...เรกัส?"
"จะเรียกชื่อหาพระแสงอะไรเล่า! ให้ตายเถอะ...คนจะหลับจะนอนแท้ๆเชียว"
ผมรับฟังคำบ่นของเพื่อนร่วมห้องขังอย่างเงียบๆในขณะที่สายตาของผมเริ่มชินกับแสงสลัวๆของโคมไฟอันริบหรี่ในคุกใต้ดิน...ผมกวาดสายตาไปรอบๆเพื่อยืนยันสถานะของตนเอง...ผนังปูนหนา ซี่ลูกกรงสีดำสนิท ฟางปูพื้นชื้นแฉะ ฟูกและผ้าห่มที่เต็มไปด้วยฝุ่นผงสกปรก รวมทั้งกลิ่นอับชื้นเตะจมูกอันเป็นเอกลักษณ์นั้นได้ย้ำเตือนให้รู่ว่าผมไม่ได้อยู่ในโลกแห่งความฝัน...ผมปาดเหงื่อที่เกิดจากความกลัวซึ่งเกาะพราวอยู่บนใบหน้าออกก่อนจะหันไปสนใจคู่สนทนาเพียงหนึ่งเดียวนั้น
"โทษที"
"...เออ ช่างเหอะ"
อีกฝ่ายตอบกลับมาอย่างไม่คิดอะไรมากก่อนจะเริ่มขยับท่านั่งให้ถนัดขึ้นแล้วจ้องมาที่ผมด้วยสายตาจริงจัง
"ถามจริงเหอะ...แกฝันเรื่องอะไรกันแน่?"
ผมสะดุ้งเล็กน้อย
"...ไม่ใช่เรื่องของแกนี่หว่า"
ผมบอกปัดแบบขอไปที แต่ดูเหมือนว่าเรกัสไม่คิดที่จะเลิกล้มความตั้งใจแรกเริ่มของตนเพียงเพราะคำพูดไร้ความรับผิดชอบของผมประโยคนั้น
"ไม่เกี่ยวกับฉัน?" อีกฝ่ายทวนคำด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความหงุดหงิดอย่างไม่ปิดบัง "แกจะบอกว่า...ที่ฉันต้องสะดุ้งตื่นเพราะตกใจกับเสียงละเมอของแกทุกคืนจนอดหลับอดนอนนี่มันไม่เกี่ยวกับฉันเลยงั้นเรอะ?"
...ผมนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะระบายลมหายใจออกมาอย่างยอมจำนน
"ก็ได้..." ผมพึมพำ "ฉันฝันถึง 'ไซเรน' "
"ไซเรน? ...ไอ้ตัวที่มันคอยร้องเพลงล่อให้เรืออับปางอะไรพวกนั้นน่ะเหรอ?"
"ไม่ใช่ ฉันหมายถึง..." ผมลังเลไปชั่วขณะหนึ่ง "...ไซเรน แซนเทียร์..."
เรกัสมีท่าทีนิ่งไปอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้รับรู้ถึงข้อมูลนั้น ผมสังเกตเห็นเม็ดเหงื่อสีขุ่นที่เริ่มซึมออกมาจากหน้าผากของเขาอย่างรวดเร็ว...เขากลืนน้ำลายผ่านลำคอที่แห้งผากด้วยความกลัวก่อนจะกลับมาจดจ่อกับหัวข้อสนทนา
"ไซเรน แซนเทียร์...?" อีกฝ่ายพึมพำด้วยเสียงแหบแห้งแผ่วเบาราวกระซิบ "นี่แกหมายถึง...อาชญากรระดับชาติคนนั้นน่ะนะ?"
"อืม"
ผมรู้ดีว่าไม่มีใครไม่รู้จักเธอ...ไซเรน แซนเทียร์...เธอคือเด็กสาวผู้มีพลังจิตอันแข็งแกร่งและความบ้าคลั่งที่น่าสะพรึงกลัวจนสามารถทำลายเมืองหนึ่งเมืองและฆ่าผู้คนนับพันได้ขณะที่มีรอยยิ้มพึงพอใจแต่งแต้มอยู่บนใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยรอยเลือดสดใหม่...แน่นอนว่าคำพูดที่ผมบรรยายทั้งหมดนี้ไม่ได้เกินจริงแม้แต่น้อย ทำไมน่ะหรือ...?
...เพราะผมได้เห็นมันด้วยตาของผมเอง...
"แล้ว..." ในที่สุดเรกัสก็กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงปกติได้หลังจากหยุดรวบรวมสมาธิอยู่ครู่หนึ่ง "ทำไมถึงต้องเป็นไซเรน?"
"...นายรู้เรื่อง...คดีเมื่อ 3 ปีก่อนรึเปล่า?"
"อืม แน่นอน"
...คดีเมื่อ 3 ปีที่แล้ว...คดีที่ไซเรนเป็นผู้ก่อด้วยวัยเพียง 9 ปี...
"ฉันเป็นคนของเมืองที่ถูกทำลายนั่น" ผมเริ่มเล่าเรื่องในที่สุด "ไซเรน...เธอเป็นเด็กที่อาศัยอยู่ในบ้านข้างๆฉัน พ่อของเธอ... ฉันไม่แน่ใจหรอกนะ... แต่เขาพูดกันว่าพ่อของเธอน่ะเป็นโรคประสาท เขาจับลูกสาวของตัวเองซึ่งก็คือไซเรนนั่นแหละ ขังเอาไว้ในกรงขังสัตว์ในบ้านของตัวเอง..."
"มีหลายคนพยายามจะเข้าไปสืบข่าวลือนั่น แต่พ่อของเธอไม่ยอมให้เข้าไป บางคนที่ดื้อดึงจะไปดูให้ได้ก็ถึงกับถูกทำร้ายกลับมา... เพราะงั้น หลังจากนั้นบ้านนั่นก็เหมือนกับถูกปิดผนึก... ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้หรือแม้แต่จะเดินผ่านเลยด้วยซ้ำ แต่ว่านะ... มีอยู่วันนึง แม่ฉันที่กำลังทำกับข้าวอยู่ได้ยินเสียงดังออกมาจากบ้านหลังนั้น... แน่นอนตอนนั้นฉันก็อยู่ด้วย มันฟังดูทรมาน...โหยหวน...เจ็บปวด... ไม่รู้สิ ฉันอธิบายไม่ถูกหรอกนะแต่มันน่ากลัวมาก... แม่ฉันเลยตามพวกชาวบ้านให้เข้าไปดูให้"
"ตอนนั้นฉันอายุ 15... กำลังอยากรู้อยากเห็นเลยเข้าไปดูกับเขาด้วย ปรากฎว่า..." ผมเว้นจังหวะเล็กน้อยเมื่อนึกถึงภาพนั้นขึ้นมา "ฉัน...มองเห็นศพของผู้ชายคนนั้น... ไม่สิ ต้องบอกว่าตอนนั้นจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าร่างที่โดนฟันจนแหลกเละอยู่บนพื้นนั่นคือใคร... เลือด... ท่วมเต็มไปหมด นองไหลทั่วพื้นบ้านเลยล่ะ ฉันกลัวมาก รู้สึกเสียใจที่เข้าไปดูจนถึงตอนนี้เลยล่ะ..."
"...นายรู้เรื่อง...คดีเมื่อ 3 ปีก่อนรึเปล่า?"
"อืม แน่นอน"
...คดีเมื่อ 3 ปีที่แล้ว...คดีที่ไซเรนเป็นผู้ก่อด้วยวัยเพียง 9 ปี...
"ฉันเป็นคนของเมืองที่ถูกทำลายนั่น" ผมเริ่มเล่าเรื่องในที่สุด "ไซเรน...เธอเป็นเด็กที่อาศัยอยู่ในบ้านข้างๆฉัน พ่อของเธอ... ฉันไม่แน่ใจหรอกนะ... แต่เขาพูดกันว่าพ่อของเธอน่ะเป็นโรคประสาท เขาจับลูกสาวของตัวเองซึ่งก็คือไซเรนนั่นแหละ ขังเอาไว้ในกรงขังสัตว์ในบ้านของตัวเอง..."
"มีหลายคนพยายามจะเข้าไปสืบข่าวลือนั่น แต่พ่อของเธอไม่ยอมให้เข้าไป บางคนที่ดื้อดึงจะไปดูให้ได้ก็ถึงกับถูกทำร้ายกลับมา... เพราะงั้น หลังจากนั้นบ้านนั่นก็เหมือนกับถูกปิดผนึก... ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้หรือแม้แต่จะเดินผ่านเลยด้วยซ้ำ แต่ว่านะ... มีอยู่วันนึง แม่ฉันที่กำลังทำกับข้าวอยู่ได้ยินเสียงดังออกมาจากบ้านหลังนั้น... แน่นอนตอนนั้นฉันก็อยู่ด้วย มันฟังดูทรมาน...โหยหวน...เจ็บปวด... ไม่รู้สิ ฉันอธิบายไม่ถูกหรอกนะแต่มันน่ากลัวมาก... แม่ฉันเลยตามพวกชาวบ้านให้เข้าไปดูให้"
"ตอนนั้นฉันอายุ 15... กำลังอยากรู้อยากเห็นเลยเข้าไปดูกับเขาด้วย ปรากฎว่า..." ผมเว้นจังหวะเล็กน้อยเมื่อนึกถึงภาพนั้นขึ้นมา "ฉัน...มองเห็นศพของผู้ชายคนนั้น... ไม่สิ ต้องบอกว่าตอนนั้นจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าร่างที่โดนฟันจนแหลกเละอยู่บนพื้นนั่นคือใคร... เลือด... ท่วมเต็มไปหมด นองไหลทั่วพื้นบ้านเลยล่ะ ฉันกลัวมาก รู้สึกเสียใจที่เข้าไปดูจนถึงตอนนี้เลยล่ะ..."
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น