ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Addicted

    ลำดับตอนที่ #4 : 4

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.ค. 51


    4

     

    เธอนอนเปลือยเปล่าอยู่ในความมืด ความนุ่มเย็นของที่นอน กับไอเย็นของอากาศสัมผัสร่างจนเหมือนเนื้อระหว่างน้ำแข็ง เขาลุกออกไปได้ไม่นาน เตียงบริเวณข้างๆเธอยังอุ่นจนเธออยากไขว่คว้าไว้ แต่ก็ไร้ผล เธอขยับไม่ได้ ไม่ใช่เพราะความอ่อนแรง หรือเพราะอยู่ในความฝัน แต่การหลอมรวมเป็นหนึ่ง ความรู้สึกที่มีเขาอยู่ข้างในเธอ ความซาบซ่าน ความเจ็บปวด ความสุข... ทุกอย่างผ่านไปแล้ว ทั้งเจิดจ้า และฉับไวดุจสายฟ้าฟาด ความแตกต่างช่างมากเหลือเกิน เมื่อเธอได้สัมผัสทุกข์ที่รุนแรงที่สุด สุขที่เกรี้ยวกราดที่สุด ความแตกต่างระหว่างทุกข์ และสุข ช่างมากเหลือเกิน เธอไม่ได้เสพติดความสุข แต่เธอผวาสุดขีดหากความทุกข์จะเอื้อมคว้าตัวเธอไปอีก เธอเกินจะทานทน ความแตกต่างของมันมีมากเกินไปจนเธอเกินจะทานทน

    เธอรักเขา แต่ความรักจะไปสำคัญอะไรต่อจากนี้ คำตอบไม่ได้อยู่ที่รัก หรือเซ็กซ์ กุญแจสูอิสระในชีวิตเธอไม่ได้อยู่ที่สิ่งเหล่านี้ และเธอไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าเซ็กซ์จะช่วยประคองชีวิตของเธอต่อไปได้ ความหวัง หรือทางออกที่ริบหรี่ของเธออยู่ที่เขา ไม่ใช่ความรัก ไม่ใช่เซ็กซ์ แต่เป็นเขา เธอและเขาที่ตัดขาดออกจากโลก กรอบที่บีบชีวิตเธอจนขาดใจ หากมีทางหนึ่งที่จะเหนี่ยวรั้งเธอไว้ในโลกนี้ได้ ทางนั้นคือ เธอ กับเขา เพียงสองคน นอกโลก เพราะเหตุนี้ความหวังจึงริบหรี่ ไม่มีนอกโลกอยู่ในโลกนี้ เธอติดกับ อยู่ในโลกของใจเธอเอง

    คุณเคยรู้สึกมั้ยว่าช่วงเวลาแห่งความสุขในชีวิตช่างมีน้อยนิด และสั้นมาก ฉันคิดอยู่ตลอดว่า ขอเถอะ ยืดเวลาแห่งความสุขออกไปอีกหน่อย ซักนิดก็ยังดี ความสุขที่ได้ คุ้มค่ากับความทุกข์ที่เกิดจากความเสียดายหลังความสุขนั้นจบสิ้นหรือเปล่า คุ้มกับการที่ฉันเฝ้าเปรียบเทียบช่วงเวลาที่สูงสุดของชีวิต กับต่ำสุดของชีวิตหรือไม่ หากฉันไม่สุขเกินไป ฉันก็คงไม่ทุกข์เกินไป หากฉันไม่เคยมีสิ่งนั้น ฉันก็คงไม่ทุกข์มหาศาลเมื่อยามสูญเสียมันไป

    ฉันเคยคิดว่าไม่อาจเข้าถึงเธอได้ ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าการอยากจะเข้าถึงใจมนุษย์คนอื่นช่างไร้สาระ แม้เราจะมีอำนาจอ่านใจคนอื่นได้ หรือเห็นสิ่งต่างๆอย่างที่เขาเห็นได้ ความอยากนี้ก็ยังไร้สาระอยู่ดี ชีวิตคนเรามีเวลาเหลือเฟือที่จะใช้กับการทำความเข้าใจผู้อื่นอย่างนั้นหรือ ข้อดีในความไร้สาระนี้มีอยู่สิ่งเดียว คือเรามองเห็นตัวเราจากการทำความเข้าใจจิตใจคนอื่นมากเพียงใด ชีวิตก็มีเพียงเท่านี้ เวลาที่มีแทบจะไม่พอให้เข้าถึงตัวเองด้วยซ้ำ ดูเธอเป็นตัวอย่างสิ เธอติดอยู่ในความคิดของตัวเอง ใช้เวลาเกือบทุกนาทีค้นหาคำตอบสู่อิสระ ไม่เคยอยากทำความเข้าใจความคิดของคนอื่นหรอก แต่ที่น่าสมเพชที่สุดก็คือ สุดท้าย เธอก็ไม่สามารถค้นหาตัวตน และความสุขของเธอได้ ทุกอย่างที่เธอครุ่นคิด ประสบการณ์ตลอดชีวิตยี่สิบปีของเธอ ความสุขที่กระจายประปรายอยู่ในยี่สิบปีนั้น ทั้งหมดกลายเป็นสิ่งไร้ความหมาย และไม่มีพลังชักจูงมากพอให้เธออยู่ต่อไป

    เธอลุกขึ้น ทนกับความหนาวเย็นรายรอบที่ปะทะเข้ามา เดินเข้าประตูห้องน้ำ แล้วล็อคปิด เธอคิดมามากพอแล้ว ถึงเวลาต้องทำแล้ว พิสูจน์ด้วยตัวเธอเอง ความตายที่ลึกลับ ดำมืด หอมหวน น่าค้นหา เธอเดินตรงไปที่อ่างล้างหน้า เปิดก๊อกน้ำจนสุดเกลียว น้ำไหลซ่าปะทะอ่างกระเบื้อง เธอเปิดตู้กระจกเหนืออ่างล้างหน้า หยิบกุญแจสู่อิสระขึ้นมาไว้ในมือ มีดโกนของเขา ใช่ ง่ายจะตาย แค่กรีดลงฉับเดียว เธอพินิจดูใบมีดสีเงิน เล็ก บาง คมกริบ เธอจับมีดกระชับในมือซ้าย แล้วดันตู้กระจกปิด

    ภาพตรงหน้าคือใบหน้าของคนแปลกหน้า เธอไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน ตาแบบนี้ จมูกแบบนี้ ปากแบบนี้ รูปหน้าแบบนี้ เธอมองเธอทุกเช้ามาตลอดชีวิต มองเธอทุกครั้งที่เดินผ่านกระจก มองเธอทุกครั้งที่ล้างมือหลังจากอ้วกเสร็จ แต่กว่าเจ็ดปีแล้วที่ภาพที่เห็นไม่เคยทำให้เธอพอใจ ทุกวัน เธอตื่นนอนด้วยความหวังที่ว่าจะดูดีกว่าเมื่อวาน และผิดหวัง หลังจากทุกความผิดหวัง เธอไม่เคยหยุดหวังว่าพรุ่งนี้เธอจะดูดีขึ้นกว่าวันนี้ ใช่ เธอมีทางลัดของเธอ เธอจะไม่กินข้าว เธอจะผอมในอีกสามวันข้างหน้า แต่สามวันนั้นล่วงเลยมาถึงเจ็ดปี น้ำหนักที่เธอกลุ้มใจนักหนาเมื่อเจ็ดปีที่แล้วกลายเป็นน้ำหนักที่เธอตกลงรอมชอมได้ในเจ็ดปีให้หลัง แต่ไม่อาจลดให้ถึงได้อีกแล้ว ความคาดหวังเท่ากับความผิดหวัง สมการนี้ใช้ไม่ได้กับเธอ ไม่ว่าจะลดความคาดหวังลงมาเท่าใด ความผิดหวังนับวันจะทวีความรุนแรงขึ้น

    ทุกอย่างอยู่ที่ใจเธอเอง ไม่ใช่เรื่องของรูปร่างมาตั้งแต่ต้น

    แต่ต้น เจ็ดปีที่แล้วภาพทุกอย่างกลับมาสู่เธอ เสียงเชียร์ดังกระหึ่ม เธอเป็นลีดเดอร์ม.ต้นคนเดียวในทีม เธอสวย หุ่นผอมเพรียว และสาวทุกคนอยากเป็นเธอ

    WE WILL WE WILL KNOCK YOU!!!

    เธอถูกน็อก หลังจากการอดอาหารอย่างจริงจังแรมเดือน วันที่หน้าที่เชียร์ลีดเดอร์เสร็จสิ้น คือวันปล่อยผี เธอสวาปามทุกอย่างที่เธออด และหลังจากนั้น เธอก็ไม่เคยรู้จักคำว่าอาหารสามมื้อ และขีดความพอดีในชีวิตอีกเลย

    พราว กินอะไรอีกล่ะ จะเป็นหมูอยู่แล้ว ดูสิ แก้มย้อยจนตาจะลืมไม่ขึ้นแล้ว ทำไมปล่อยเนื้อปล่อยตัวขนาดนี้ แม่ไม่ได้เลี้ยงให้ลูกเป็นหมูนะ ดูพี่เจนซิ ขยันออกกำลังกาย ขนาดทำงานบนเครื่องเดินทางอยู่เกือบทุกวัน ต่างกับแกที่เอาแต่กินกับนอนลิบลับ ดูซิ เดี๋ยวนี้พี่เจนทั้งสวยทั้งหุ่นดีอย่างกะนางแบบ ทำไมไม่เอาอย่างพี่ มานั่งเก็บตัวซึมอยู่กับบ้านอย่างกะยายแก่ มีตัวอย่างดีๆทำไมไม่เอาอย่าง

    พราว จำไม่ได้เลย ทำไมอ้วนขึ้นขนาดนี้ยะ ทำไม อกหักเหรอไง นี่ เป็นถึงดาวโรงเรียน เดี๋ยวเพื่อนมาเห็นก็ตกใจแย่

    โอ้ย ทำไมปล่อยให้อ้วนขนาดนี้ กินเยอะเรอะ ไม่ไหว กินน้อยๆหน่อยสิ ต้องลดแล้วนะ ครูเห็นตอนแรกนึกว่าเป็นคนอื่น ต้องลดแล้วนะ ไม่ไหว

    พักนี้อวบอั๋นอีกแล้วนะ อ้วนไป ต้องลดแล้ว ใส่เสื้อผ้าจะได้สวยๆ ดูสิ แขนเป็นปล้องๆเลย ขาก็บ๊ะเร่อ ลดนะ ลดซะ

    นี่ต้องน้ำหนักขึ้นไม่ต่ำกว่าห้าโลเลยนะเนี่ย เกิดอะไรขึ้นกับพราวคนสวย ฮะ หรือว่าเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ

    นี่ คุมอาหารบ้างสิลูก อย่าตามใจปาก เกิดเป็นผู้หญิงต้องเอาใจใส่ตัวเองมากๆ ลูกก็จะเรียนจบแล้ว อ้วนขนาดนี้ไม่มีใครเค้ารับเป็นแอร์หรอกนะ เฮ่อ แม่ล่ะอยากให้ได้ทำงานสบายๆ หน้าตาก็ออกจะสวย เสียอย่างเดียวที่หุ่นเนี่ย เกิดอะไรขึ้นกับพราว แต่ก่อนล่ะข้าวยังไม่ยอมกิน เดี๋ยวนี้ซื้อของเข้าบ้านล่ะกวาดเรียบภายในวันเดียว

    ทันใดนั้น ภาพหญิงแปลกหน้าในกระจกเริ่มเคลื่อนไหว มือจับผมที่ปล่อยสยายดำยาว แล้วรูดลง เธอมองลงตามมือแปลกหน้านั้น สุดขอบกระจก ต่อมาถึงอ่างล้างหน้า ผมร่วงหล่นลงอ่างกระเบื้องสีขาวทีละเส้น กระจุก กำ กอง แล้วมองขึ้นมาใหม่ เนื้อสีขาวซีดที่ศีรษะมีเลือดไหลซิบๆ ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความกลัว ขอบตาลึกโหล คล้ำขึ้นเรื่อยๆ รอยที่ร่องแก้มขีดลึก และยานลง และเสียงระงมกรอกหูซ้ำแล้วซ้ำอีก อ้วน อ้วน อ้วน อ้วน อ้วน อ้วน อ้วน ................. เธอทนมองความอัปลักษณ์ของตัวเองไม่ได้อีก ทนฟังเสียงตะโกนกรอกหูจากทุกสารทิศไม่ได้อีก เธอมือกำแน่น แล้วชกอัดกระจกตรงหน้าเต็มแรง กระดูกที่มือเจ็บร้าวไปทั่ว กระนั้น ภาพตรงหน้ายังคงอยู่ มัวด้วยม่านน้ำตา เธอคือคนแปลกหน้า เธอไม่เหลืออะไรอีกแล้ว หากชีวิตต่อจากนี้ต้องรู้สึกและต้านทานสิ่งโหดร้ายและทรมานอย่างนี้ไปตลอดล่ะก็ พอทีเถอะ ไม่เอาอีกแล้ว เธอเหนื่อยเต็มที ไม่เอาอีกแล้ว

    เธอทรุดฮวบลงกับพื้นกระเบื้อง ผิวสัมผัสของมันหนาวไปถึงกระดูก เธอยกข้อมือซ้ายหงายขึ้น เอียงคอมองเส้นเลือดสีม่วงข้างใต้ผิวสีขาวซีด รอยย่นตัดผ่านข้อมือคือเส้นนำทาง ไม่ยากเลย ชีวิตคนเราจะจบลงได้อย่างไม่ยากเย็น แค่กรีด แล้วรอให้เลือดแดงๆไหลออกมาเท่านั้น เดี๋ยวชีวิตก็ไหลตามออกมาเอง

    เธอมองเห็นจากปลายตาซ้าย ผู้หญิงคนหนึ่ง มีผมยาวเหลืออยู่น้อยนิดบนหนังศีรษะที่มีเลือดซึม มุดหัวลงชักโครก ล้วงศักดิ์ศรี ความมั่นใจ และคุณค่าในตัวเองออกมาซ้ำแล้วซ้ำอีกจนภายในเป็นโพลงอันบอบช้ำ เหม็นเน่า และสูญสลาย ผู้หญิงคนนั้นนอนคุดคู้อยู่บนกระเบื้อง หอบ และกำลังจ้องเธอ ดวงตาที่ว่างเปล่าเหมือนคนตาย ลมหายใจนั้นสิ้นหวังไปนานแล้ว และปากแตกเลอะคราบน้ำลายสีแดงฉาน

    พราว ผมรักพราว เขากระซิบข้างหูเธอ ลมหายใจอุ่นๆสัมผัสไรผม คาง และต้นคอ ปลายจมูกของเขาคลอเคลียอยู่ข้างๆ คิ้ว ปลายตา แก้ม ใบหู สัมผัสเบาๆดุจขนนก ทุกอย่างอ่อนละมุน เธอสะอื้นไห้ น้ำตาไหลอาบแก้ม แล้วยิ้ม ผมรักพราว

    ข้อมือยังยื่นอยู่ที่เดิมมือขวากำมีดโกนแน่น แล้วค่อยๆเคลื่อนมาจ่อที่ข้อมือซ้าย ทุกอย่างสั่นเทา เธอเหลือบมองข้างซ้าย ผู้หญิงยังนอนอยู่ที่นั่น จ้องเธอ ริมฝีปากขยับช้าๆ ลงมือสิ

    ผมรักพราว ปลายริมฝีปากของเขาเคล้าเคลียเธอ ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่าง

    ลงมือสิ เสียงยะเยือกของผู้หญิงซึมผ่านโสตประสาท เชือดเฉือนภายในด้วยคมมีดน้ำแข็ง

    เธอวางใบมีดเย็นเฉียบบนข้อมือ สะดุ้งเหมือนโดนน้ำแข็งแตะต้นคอในฤดูหนาว ผิวอ่อนนุ่มช่างดูอ่อนแอ และฉีกขาดได้ง่ายจริงๆ แค่แรงกดฉับเดียวเท่านั้น มือขวาสั่น จ่อใบมีดติดเนื้อ

    ลงมือสิ เธอกำมีดโกนแน่น เล็บจิกเข้าเนื้อจนปวดไปทั้งมือ ทันใดนั้น เล็บที่บาดลึกเข้าเนื้อพลันหักดังแครก เธอครางด้วยความเจ็บ

    ผมรักพราว เขาบรรจงจูบบนแก้มเธอ เขาอยู่ในตัวเธอ ทุกส่วนแนบชิด ความเสียวซ่านลึกอยู่ข้างในตัวเธอ อยู่ข้างล่าง อยู่ที่ท้อง อยู่ที่ริมฝีปาก อยู่ที่ปลายลิ้น อยู่ที่ปลายนิ้ว อยู่ที่หัวใจ เธอปล่อยใบมีดตกลงพื้น แล้วระเบิดร้องไห้

    ทำไม่ได้ เธอต้องการแรงอาฆาตมากเท่าใดจึงเพียงพอจะออกแรงกดแค่เสี้ยววินาที เธอทำไม่ได้

    ลงมือสิ ผู้หญิงคนนั้นนอนไม่ขยับ แขนที่อยู่ราบกับพื้นยื่นมาทางเธอ ที่ข้อมือมีเลือดซึมออกมาเป็นเส้นตรงบางๆ สีแดงเพิ่มขึ้นเป็นเส้นหนา ไหลตกบนกระเบื้อง ไหลไปตามรอยต่อ ไหลแผ่เป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ สีแดงสดสะท้อนแสงไฟเป็นประกาย มีเงาเจ้าของสะท้อนอยู่ในนั้น ลงมือสิ

    หัวใจของเธอเต้นแรงเหมือนจะปะทุออก ในหัวถูกอัดด้วยน้ำแข็งจนหนักอึ้งและชา เหงื่อซึมทั่วร่าง และสูดหายใจเหมือนอากาศกำลังจะหมดลง

    ผมรักพราว

    ลงมือสิ เลือดสีแดงฉานไหลแผ่มาถึงตัวเธอ เธอใช้ปลายนิ้วแตะของเหลวข้นขึ้นมา

    ขอครั้งหนึ่งในชีวิตที่เธอจะทำอะไรสำเร็จบ้างเถอะ

    แล้วเธอก็คว้ามีดโกน เฉือนสุดแรงตรงเนื้อเป็นทางยาวขวาง แล้วคราง แนวเลือดสาดเป็นเส้นบนพื้น เลือดสดๆซึมออกตามแนวกรีด เอ่อล้นขึ้นเรื่อยๆ แล้วหยดลงบนพื้น เธอทรุดฮวบ นอนราบเรียบบนพื้น ทับพรมสีแดงสด ความปวดที่ข้อมือขยายไปถึงปลายนิ้วที่กระดิกกระเดี้ยซ้ำไปซ้ำมา สายตามองแสงไฟสีขาวเบื้องบนที่สว่างจ้า เธอรู้สึกถึงของเหลวที่ไหลผ่านรอยแตกบนผิว ไหลสู่พื้น ป่านนี้คงเป็นแอ่งกว้างแล้ว อีกไม่นานก็จะจบแล้ว

    ฉันเห็นเธอ วิญญาณที่ถูกบั่นทอน และแม้ฉันปรารถนาจะช่วยเธอมากเท่าใด ความจริงก็คือความจริง เด็กสาวที่ชีวิตมีขีดจำกัดกับปัญหาของเธอได้เท่านี้ อย่าตัดสินเธอเลย ฉันขอร้อง เธอเป็นเพียงผลผลิตของธรรมชาติ การเดาสุ่ม โชคชะตา และสังคม เช่นเดียวกับคุณ และฉัน และเมื่อมองจากมุมที่ต่างออกไป ชีวิตมันก็แค่นี้แหละ

    พราว สวยสุดยอดเลย ไป ไปถ่ายรูปเถอะ หนุ่มๆต่อแถวรอใหญ่แล....... เธอยิ้ม ภาพเธอที่แต่งชุดลีดเดอร์กระโปรงสั้น ขาเรียวยาวบนส้นสูง ใบหน้าตอบยาว เนียนภายใต้เครื่องสำอาง ปรากฏขึ้น

    พราว อ้ะ กินนะลูก กุ้งตัวหย่ายหย่า...... ภาพเธอกับแม่และพี่สาวนั่งอยู่ริมทะเล เด็กน้อยกำลังรับกุ้งมาถือในมือและกัดกินด้วยความเอร็ดอร่อย

    พราว พี่ไม่รู้ว่าพราวมีปัญหาอะไร แต่พี่รับฟังได้นะ พราวอาจจะไม่ค่อยชอบพี่ แต่พี่ยัง... ภาพพี่สาวน้องสาวร้องไห้กอดกันฉายขึ้นลางๆ เธอยิ้มแล้วสะอื้น

    พราว ผมดีใจนะที่พราวบอกผม... ภาพเขากุมมือเธอ และเป่าลมเบาๆบนแผลที่หลังมือ

    พราว ผมรักพราว ภาพเขาปรากฏขึ้นตรงหน้า แล้วค่อยๆเลือนไป

    หัวโหวง เหมือนตัวกำลังลอยเคว้งคว้างไร้ทิศทาง แสงจ้าข้างบนค่อยๆจางลง มีลมเย็นๆพัดผ่าน เธออยู่กลางอากาศ มีท้องฟ้ายามเย็นสีส้มอยู่รายรอบ

    Lovin’ you เธอกระซิบ สร้างทำนองเท่าที่ลมหายใจที่เหลืออยู่จะพาไป

    “.. is easy cause you're beautiful.

    Makin' love with you… is all I wanna do.

    Lovin' you … is more than just a dream come true.

    And everything that I do … is out of lovin' you.
                        La la la la la … la la la la la .. la la la la la.. la la la la la la

       Do do do do do…. Ha ha ha ha ha ha ha …

     “No one else can make me feel

    The colors that you bring.

    Stay with me while we grow old

    And we will live each day in springtime.

    “Cause lovin' you …has made my life so beautiful.

    And every day my life … is filled with lovin' you.

    Lovin' you … I see your soul come shinin' through.

    And every time that we oooooh

    I'm more in love with you.
                            La la la la la … la la la la la .. la la la…

     

    ท้องฟ้าสีส้มพลันเปลี่ยนเป็นสีแดง ในคอเธอแห้งผากจนจะสำลัก แต่ไร้เสียงใด เธอลิ้มรสคาวเลือดในปาก เหมือนทุกครั้งที่เปิดก๊อกน้ำทิ้งไว้ เสียงฝนประสานกับเสียงน้ำไหลซ่าจากก๊อก อื้ออึง และดังขึ้นเรื่อยๆ สีแดงฉานรายรอบเริ่มเข้มขึ้นเป็นแดงดำ เข้มเพิ่มขึ้นอีก จนทุกอย่างดับวูบ

    “la la la la la…” ริมฝีปากที่ขยับกระซิบคำร้องพลันหยุดนิ่ง หน้าอกขยับขึ้นลงอย่างเอื่อยเฉื่อย

    ผมรักพราว เสียงของเขาดังแผ่วเบาอยู่ข้างหู

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×