คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 3
3
เขาอยู่ในห้องเช่าเล็กๆ มีแสงสีทองสะลึมสะลือจากโคมไฟบนโต๊ะข้างโซฟาแคบๆ แม้จะเป็นชายวัยสามสิบกว่า แต่ผมที่ยาวรุงรังมีผมหงอกแซม พระเครื่องมากมายที่ห้อยอยู่กับสร้อยทองบนคอ รอยสักยันต์บนหน้าอกและต้นแขนทั้งสองข้าง และแววตาที่อดนอนมาหลายวัน ทำให้เขากลายเป็นเฒ่าแก่ๆที่สิ้นหวัง และเคยมีความเชื่อคนหนึ่ง สายตาของเขาจับจ้องนาฬิกาสีทองบนฝาผนังที่เข็มเส้นบางๆกำลังเดินวนไม่หยุดหย่อน เช่นเดียวกับนาฬิกาข้อมือสีทองบนโต๊ะเบื้องหน้า ที่ถูกวางทิ้งไว้ และไม่ว่าจะอยู่บนข้อมือของเขาหรือไม่ เขาก็ไม่เคยใส่ใจ จนถึงบัดนี้ นาฬิกาไม่ได้เป็นเพียงเครื่องประดับคู่บุญของเขาอีกต่อไป แต่เป็นคนสั่งนับถอยหลังสู่กระสุนประหาร
เขาเคยมีบ้านของตนเอง มีสวนเล็กๆที่ภรรยาชอบปลูกต้นไม้ทุกเช้าเย็น บ้านนั้นเคยเป็นบ้านแสนสุขและสร้างครอบครัวอันอบอุ่นขึ้น จนกระทั่งทุกอย่างถูกทำลาย เขาสิ้นเนื้อประดาตัว เงินเก็บหมด ทรัพย์สินมีค่าของภรรยาถูกผลาญเพื่อเอาไปบูชาในกองไฟสีทองอร่ามที่เย้ายวน ธุรกิจที่สร้างขึ้นจากเงินของภรรยาพังครืนเพราะไม่มีเงินหมุน สุดท้าย ทั้งธุรกิจ และบ้านก็จำต้องสูญสลาย แลกกับเงินจำนวนหนึ่งที่ต้องนำไปบูชาสุมในกองไฟสีทองอร่าม เพราะได้บนบานขอทองเพิ่มจากเจ้าแห่งไฟตัณหาอย่างงมงายไว้แล้ว (แต่ได้กลับมาแต่ลมตด พร้อมขี้อีกหลายสิบกอง ที่เป็นปุ๋ยฆ่าต้นไม้ที่ฟูมฟักเลี้ยงดูมาแรมปีของภรรยา)
ภรรยาของเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาเป็นนักบูชาไฟสีทองตัวยง จนกระทั่งวันที่ลูกชายของทั้งคู่เกิด เขาเดินเข้ามาในห้องพักฟื้นผู้ป่วย สารภาพทุกสิ่งที่แอบทำมาตลอด และให้สัตย์สาบานว่าจะไม่กลับไปงมเลขท้ายสองตัวหกตัวในกองขี้อีก แต่เปลวทองจากไฟกองนั้นช่างสวยงาม ยั่วเย้าอารมณ์ ดุจหญิงงามแพศยาที่ฟันแบงค์เป็นฟ่อนๆจากคนโน้นที คนนี้ที และหลอกใช้คนที่มีไฟโลภะเผาผลาญภายในซ้ำแล้วซ้ำอีก เมื่อไฟในตัวดึงดูดกองเพลิงประกายทองแสนเย้ายวนกองนั้น การต้านทานคือสงครามที่มีแต่แพ้ กับแพ้
แล้ววันที่ตกต่ำที่สุดก็มาถึง เมื่อครอบครัวนี้ต้องถึงคราวแตกหัก ภรรยาทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงหอบลูกชายกับข้าวของที่มีเหลืออยู่น้อยนิดออกจากห้องเช่าหลังเล็กๆนี้ตอนหัวค่ำ ท่ามกลางเสียงตะโกนโหวกเหวกของเขา
“ไป มึงไปเลย แล้วมึงอย่าแส่หน้ากลับมาอีก วันไหนที่กูมีเงิน กูจะเอาฟาดหัวมึงให้มึงคลานกลับมากราบเท้ากู คอยดู” ฤทธิ์เหล้ากับฤทธิ์หวยเข้าสิงร่างของเขาอย่างเต็มตัว
ห่างไปอีกไม่ถึงชั่วโมง ในคืนเดียวกัน ภรรยาและลูกชายวัยสามขวบที่หอบสัมภาระพะรุงพะรังลงจากรถแท็กซี่ฝั่งตรงข้ามบ้านหลังใหญ่ของคุณยายของเด็ก ก็วิ่งข้ามถนนที่มีรถตีนผีบึ่งตรงเข้าหา และคร่าชีวิตของแม่คนหนึ่งลง
หลังจากเสียธุรกิจ เสียบ้าน และเสียภรรยา เขาจึงตั้งมั่นสลัดผีพนันออกอย่างถาวรเป็นครั้งที่เจ็ด (หรือแปดเนี่ยแหละ) แต่คราวนี้พิเศษกว่าคราวอื่น ทุกคนแม้แต่แม่ยายของเขายังถึงกับเชื่อว่าเขาตั้งใจจะเลิกจริงๆ และยอมอนุญาตให้รับลูกชายกลับไปอยู่ด้วยได้อีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น เงินประกันชีวิตจากการตายของภรรยา ยังไปโปะหนี้ และเป็นทุนทำธุรกิจเล็กๆ นับเป็นการเริ่มต้นครั้งใหม่ที่สวยหรู และแทบจะเกินจริง
และความสวยหรูก็เกินจริงอย่างว่า ไม่ถึงปี เขาก็ไม่อาจห้ามใจตัวเองได้อีกต่อไป เขาเริ่มจากการซื้อล็อตเตอรี่เพียงใบสองใบ ห้าใบ สิบใบ หนึ่งชุด สองชุด และลงเอยด้วยหวยใต้ดินอีกครั้ง
คุณคงเดาออกว่า ฉันไม่ค่อยชอบเขาซักเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างไร ฉันจะพยายามเล่าเรื่องต่อๆไปโดยปราศจากอารมณ์ส่วนตัวให้มากที่สุด ในฐานะคนรู้จักเพียงผิวเผินคนหนึ่ง ฉันสามารถบอกคุณได้ว่า สิ่งที่ดีที่สุดในตัวเขาคือ ความรักที่เขามีต่อลูกชาย
แม้จะเลยเที่ยงคืนมาแล้ว แต่เขายังนั่งจ้องนาฬิกาอย่างไม่ลดละ ในใจวุ่นวาย ส่วนใหญ่เขรอะกรังด้วยความกลัวปนกล้า ตัวนั่งขยับไปมาด้วยท่าทีร้อนรน เขาเดินแวะเวียนไปหน้าห้องข้างๆเกือบทุกๆสิบนาที กล้าๆกลัวๆ ใจหนึ่งอยากรับลูกชายกลับมา อีกใจแค่อยากกอดลาเป็นครั้งสุดท้าย และอีกใจต้องอดกลั้นความรักนั้นไว้ในอก เขาฝากลูกชายไว้กับเพื่อนข้างห้องที่มีลูกชายวัยเดียวกันไว้ตั้งแต่ตอนเย็น หลังจากกอดจูบลูก และย้ำว่ารักอยู่นานเกือบชั่วโมง ป่านนี้ลูกคงหลับปุ๋ยกอดเครื่องบินที่เขาเคยซื้อให้เป็นของขวัญอยู่แน่ๆ
เขารอโทรศัพท์มาเกือบค่อนวันจนแทบจะคลั่งตาย ในที่สุด ด้วยความบ้าบิ่นที่เหลืออยู่ รวมกับความโกรธที่สั่งสมมาตลอดสามร้อยหกสิบนาที เขาอดทน และเล่นบทคนฉลาดต่อไปไม่ได้อีก จึงคว้าโทรศัพท์มือถือ แล้วกระแทกนิ้วบนปุ่มหมายเลข
“ไอ้ห่า!! มึงทำเหี้ยอะไรของมึงอยู่” เขาตะโกนกรอกใส่โทรศัพท์ แต่เสียงกลับเงียบฉี่ เขากดเบอร์ซ้ำ แต่ไร้ผล อีกสายปิดเครื่องหนีไปแล้ว เขาแทบจะปาโทรศัพท์ลงพื้น แต่ยั้งใจไว้ทัน เพราะถ้าไม่มีโทรศัพท์เครื่องนี้ ก็ไม่มีเครื่องไหนให้ติดต่อและเริ่มแผนการได้อีก
อีกสองนาทีต่อมา เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“คุณลอย ผมขอโทษ ผมทำไม่ได้”
“มึงจะมาทำกลัวเหี้ยอะไรตอนนี้ มึงจะให้พวกมันมาตัดนิ้วกูวันละนิ้วจนกูหาเงินมาจ่ายเหี้ยมันได้เหรอ ไอ้ห่า”
“ไม่ ผมจะมอบตัว” เสียงในสายฟังราบเรียบ แต่เอาจริงเอาจัง
“เสือกจะทำตัวเป็นคนดีตอนนี้อีก” เขาตะคอกใส่ “มึงจะมาทำดีเหี้ยอะไรตอนนี้ กูรอมึงมาค่อนวัน มึงรู้มั้ยว่านั่งรอนับถอยหลังทุกวินาทีให้ถูกฆ่าน่ะมันทรมานเหี้ยขนาดไหน มึงรีบย้ายตูดเอาปืนมานี่เดี๋ยวนี้เลย ก่อนที่กูจะไปยิงกระสุนยัดตูดมึงเอง กูไม่สนสถานที่เหี้ยมึงแล้ว มึงมาที่บ้านกูเดี๋ยวนี้”
“ผมทำไม่ได้ ผมอยากชดใช้ แต่ผมทำไม่ได้”
“ไอ้ห่า!!!” เขาระเบิดออก ความเคียดแค้นถาโถมเข้าใส่ ไม่ใช่กับคนในสาย ไม่ใช่กับเจ้าหนี้เถื่อน เจ้าหนี้เถื่อน ใช่ เขายอมรับว่าไม่เคยกลัวอะไรมากเท่านี้ในชีวิต แต่ไม่มีเหตุผลต้องเคียดแค้นคนพวกนั้น เขาจนตรอก แน่นอนว่าถ้าเขาตัวคนเดียว เขาจะหนีไปอย่างไม่ลังเล และหากเขาไม่รักลูกถึงขนาดนี้ เขาคงทิ้งแกให้อยู่กับยายของแกตั้งแต่แรก และหากเขายอมเป็นคนขี้แพ้ เขาคงกล้าคลานไปกราบตีนแม่ยาย และขอเงินมาใช้หนี้ และหากเขามีสมองคิดวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ได้ เขาก็ไม่เคยเป็นคนที่ผีพนันเข้าสิงอย่างทุกวันนี้ เขาหายใจหนัก ควบคุมอารมณ์ที่เชือดเฉือนเลือดเนื้อของเขา เลือดเนื้อที่ถูกเอามาย่างให้เกรียมบนกองไฟสีทอง
“มึงฟังกูให้ดี” เขาเบาเสียงลง กดแรงระเบิดไม่ให้ปะทุขึ้นมาอีก “ถ้ากูไม่ตายวันนี้ ไอ้พวกเหี้ยนั่นจะมาหากูถึงบ้าน กูจนตรอกแล้ว มึงต้องทำ เราตกลงกันแล้ว มึงต้องฆ่ากู แล้วเอาเงินไป ห้าหมื่นทั้งฟ่อนอยู่ที่นี่ กูไม่ได้ขอให้มึงมอบตัว มอบตัวไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว คนตายไปแล้ว จะชดใช้ก็ต้องชดใช้ให้คนที่อยู่นี่ มึงต้องยิงกู เอาเงิน แล้วหนีไป มึงได้เงิน กูได้เงิน ไอ้พวกเหี้ยก็เอาเงินมันไป ลูกกูก็ปลอดภัย ดังนั้นมึงต้องมาที่นี่เดี๋ยวนี้”
“ทำไมคุณต้องตาย ในเมื่อคุณขอเงินแม่ยายคุณได้ เป็นวิธีที่ดีที่สุด คุณไม่ต้องตาย ชิ.. ลูกคุณไม่ต้องกำพร้า ได้โปรดเถอะ ไปขอเงินแม่ยายคุณ แล้วผมสัญญาว่าผมจะมอบตัว พรุ่งนี้เช้าผมจะมอบตัว”
“มึงไม่เข้าใจเหี้ยอะไรเลย” เสียงเขาแผ่วลง หมดอาลัยตายอยาก “มึงไม่ได้เป็นกู มึงไม่รู้ว่าเป็นยังไงที่ต้อง.. ต้องกราบตีนไปขอเงินใครต่อใคร” เสียงของเขาเริ่มสั่น ตาที่โกรธเกรี้ยวกลับมีน้ำใสๆไหลออกมา เขาพูดต่อไปไม่ได้อีก ได้แต่ก้มหน้า ซ่อนใบหน้าไว้ใต้ฝ่ามือที่ปิดไม่มิด
“คุณลืมศักดิ์ศรีบ้านั่นไปได้มั้ย นี่คุณกำลังจะตาย แต่มีวิธีอื่นที่คุณทำได้ คิดถึงลูกคุณสิ”
“ก็เพราะคิดถึงชิน กูถึงทำแบบนี้” เขาแผดเสียงที่ทั้งแตกและแหบ “มึงคิดว่าคนมีศักดิ์ศรีจะผิดคำสาบานเป็นสิบๆครั้ง แล้วยังหน้าด้านหากินกับเงินที่แลกจากชีวิตเมียตัวเองเรอะ ชีวิตกูไม่เคยมีศักดิ์ศรี โดยเฉพาะกับครอบครัวนี้ กูมีแต่เกาะเค้ากิน ล้างผลาญเค้า กูฆ่าเค้า กูจะให้ไอ้พวกเหี้ยนั่นมายุ่งกับพวกเค้าไม่ได้”
“แต่ลูกคุณ”
เขาเงียบ แล้วพูดขึ้นเบาๆ “ชินจะมีความสุข กูให้ลูกมาวนเวียนอยู่กับคนเลวๆไม่ได้ โดยเฉพาะกู ชินต้องมีชีวิตที่ดีกว่ากู”
“เชื่อผมเถอะ คุณต้องอยู่เพื่อลูก คุณต้องไปขอ..”
“จะให้กูกราบตีนมึงใช่มั้ย” เขาพูดเสียงสะอื้น “จะให้กูคลานไปกราบตีนมึงให้มึงฆ่ากูใช่มั้ย” เขาเสียการควบคุมทุกอย่าง ได้แต่นั่งสั่น “สงสารกูเถอะ ให้กูได้รับผิดชอบของกูเองซักครั้ง ถึงกูจะอยู่ต่อ กูก็ไม่เหลืออะไรแล้ว สงสารกูเถอะ ขอให้กูรับผิดชอบ ทำเพื่อชินเหมือนอย่างที่เจนทำมาตลอด”
อีกสายเงียบไปนาน ทุกวินาทีดูเชื่องช้า และหดหู่ ขณะแสงสะลึมสะลือก็เริ่มมืดครึ้มลงอีก ประกายแสงทองไม่เหลืออีกต่อไป กลายเป็นภาพขาวดำเก่าๆที่กระดาษมีคราบสีเหลือง เขาคือมนุษย์ที่หมดอายุ สร้อยกับพระเครื่องเป็นแค่สิ่งที่นำมาห้อยคออย่างไร้เหตุผล ผมเผ้าเริ่มซีดขาว รอยสักเหี่ยวย่น ยึกยือ ไม่เป็นรูป เขาหมดสภาพแล้ว
“ผมจะมอบตัว” ใจของเขาแหลกสลาย “หลังจากยิงคุณแล้ว ผมจะมอบตัว เก็บเงินของคุณไว้ คุณจบ ผมก็จบ” แต่ทันใดนั้น ภาพขาวดำเหมือนจะกลายเป็นภาพสีทองหมองๆอีกครั้ง “ผมจะรอให้ประกันจ่ายก่อน แล้วผมจะมอบตัว เผาโทรศัพท์เครื่องนี้ซะ แล้วไปรอผมที่บาร์ที่ผมบอกคุณไว้ ผมจะไปถึงอีกชั่วโมง”
แล้วสายก็ขาดไป
รอยยิ้มสีดำปรากฏขึ้น เขาสูดหายใจลึก แล้วเงยหน้า โลกในอึดใจสุดท้ายของเขากลายเป็นสีทองอีกครั้ง เขาลุกขึ้น ถือโทรศัพท์ และกำลังจะเดินออกไป
“ป่ะป๊า” เขาชะงัก หันมองด้านซ้าย แกยืนแอบอยู่หลังเสา ในมืออุ้มเครื่องบินยางเป่าลม ตามองเขาด้วยความสงสัย “ป่ะป๊าจะไปไหน หาคนที่คุยด้วยเมื่อกี้เหรอฮะ”
เสาคอนกรีตค่อยๆเจือสีเนื้อไม้ถลอก พื้นปูนกลายเป็นแผ่นกระดานสีน้ำตาลเข้มโทรมๆ และเสียงฝนจากภายนอก ถูกกลบด้วยเสียงสดุดีของจักจั่น
“พ่อ” เขายืนแอบอยู่หลังเสา ทักขึ้นขณะพ่อของเขาคุยโทรศัพท์เสร็จ “คุยกะใครเหรอ”
เขาอายุสิบขวบ สะดุ้งตื่นเพราะเสียงตวาดของพ่อที่ดังลอดประตูห้องนอนของเขา พ่อของเขาห้อยพระเครื่องเต็มคอ และมีรอยสักเลขยันต์เต็มหลัง และเต็มแขนสองข้าง
“เอ็งตื่นเพราะกูเรอะ โทษที ไป ไปนอนต่อเถอะ ดึกมากแล้ว” พ่อของเขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้ ยกมือไล่ให้ไป
“ผมไม่ง่วงแล้ว ขอนั่งแถวนี้ก่อนได้มั้ย ลมพัดเย็นดี” ลมพัดเข้าทางหน้าต่างไม้บานใหญ่ที่เปิดรับอากาศ และกลิ่นอายดินจากสวนด้านนอก ทั้งยังพาเสียงจักจั่นเข้ามากล่อมทุกคืน
“เอ้า มาสิ”
ทั้งคู่นั่งข้างๆกันบนเก้าอี้ไม้ตัวยาว พ่อของเขาหยิบเศษกระดาษที่เหน็บอยู่ระหว่างพุงกับผ้าขาวม้าขึ้นมา แล้วหยิบปากกาข้างๆมาขีดกลุ่มตัวเลขที่เขียนเป็นสองแถว เขาชะเง้อหน้าดู
“ไม่ตรงเหรอ”
“เออ สูตรเหี้ยอะไรของมัน หลอกกินเงินกูล่ะไม่ว่า”
“งั้นพ่อก็คิดสูตรเองสิ พ่อถูกมากกว่าคนทั้งซอยรวมกันซะอีก วันๆพวกลุงๆป้าๆมีแต่จะมาขอเลขพ่อ”
“สูตรกูล่ะก็มี แต่มันต้องเล่นดักไว้เยอะหน่อย จะได้ถูกเยอะๆ กล้าได้ก็กล้าเสียสิวะ ไม่งั้นคนจะรวยได้ไง”
“เออ พ่อ ผมลืมไป” เขาควักเศษเหรียญสองบาทหกเหรียญขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง “ผมให้พ่อ ทอยชนะรวดสิบตา ไอ้พวกนั้นมันกระจอกจะตาย โง่ให้ผมกินทุกตาจนหมดตัวเลย สะใจชิบเป๋ง”
พ่อของเขาหัวเราะ “เอ็งนี่มีแวว ใช้ได้ เก็บไว้เป็นค่าขนมเอ็งเถอะ”
“พรุ่งนี้ผมจะเอาปลากัดไปกัดแข่งกับพวกมันด้วย ได้มาอีกเพียบแน่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมเอาเงินนี่ไปเป็นทุนเรียกกำไรหนักๆมาให้พ่อวันพรุ่งนี้นะ ไอ้ฟัดมันเจ๋ง สู้ยิบตาเลย ไม่มีทางแพ้หรอก”
“ดี ดี แต่เอ็งอย่าเอาแต่เล่นล่ะ ตั้งใจเรียนหนังสือหนังหาด้วยนะโว้ย”
“ครับ”
“กูจะบอกอะไรมึงให้ เรากำลังจะรวยโว้ย วันนี้ไอ้รวยข้างบ้านมันมาเล่าให้ฟัง ก็พ่อไอ้เพชรมันเพิ่งเสียไป แล้วแม่งเฮี้ยนชิบเป๋ง พอตกดึกวันที่ตาลุงเสียนะ วิญญาณแม่งมาเข้าฝันไอ้เพชร ขับรถเบนซ์ป้ายแดงมาให้ เลขทะเบียนสี่ตัวชัดแจ๋วเลย ไอ้เพชรแม่งก็โง่เล่าให้ชาวบ้านชาวช่องเค้าฟังหมด ทีนี้ล่ะแห่กันไปซื้อเลขเด็ดกันทั้งซอย แต่กูรู้เรื่องที่พวกมันไม่รู้โว้ย ในฝันพ่อไอ้เพชรมันขับรถมาเอง” พ่อยักคิ้วเจ้าเล่ห์ให้เขา
“แล้วไงล่ะพ่อ”
“ปัดโธ่ ก็เลขอายุพ่อมันน่ะซีวะ นี่แหละไม้ตาย กูเลยตีเลขไว้ทั้งบนทั้งล่าง งวดหน้าแม่งถูกแน่ กูว่าพรุ่งนี้จะแวะเอาเลขไปให้หลวงพ่อเจิมเอาฤกษ์เอาชัยซะหน่อยว่ะ ”
“งั้นอย่างนี้ผมก็ได้ค่าขนมเพิ่มน่ะสิ”
“เอ็งอย่าลามปาม ปกติกินฟรีอยู่ทุกวันไม่ใช่รึไง ไอ้ลอย”
เขายิ้มอย่างภาคภูมิ “กินยางชนะเรียบพ่อ”
“เออ เอ็งมันเก่งนี่หว่า ไปไกลแน่ กูไม่ต้องห่วงมึงเลย”
“ป่ะป๊า” ลูกของเขาเดินเข้ามาเขย่าแขนพ่อ “ป่ะป๊าร้องไห้ทำไม”
เขาใช้ปลายนิ้วปาดน้ำตา แล้วยิ้มให้ลูก “เปล่าลูก ดึกแล้ว ตาป่ะป๊าไม่ค่อยจะดี” เขาอุ้มแกขึ้นมา แล้วพาไปที่โซฟา “ชินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมยังไม่นอนอีก ดึกมากแล้วรู้มั้ยคับ”
“ผมนอนไม่หลับฮะ เลยแอบย่องออกมา นึกว่าป่ะป๊ายังไม่กลับซะอีก แต่ไฟเปิดอยู่ ประตูก็ไม่ยอมล็อก ป่ะป๊านี่ไม่ระวังเลย ดึกๆต้องล็อกประตูนะฮะ เดี๋ยวโจรจะเข้ามาขโมยเงิน”
“ป่ะป๊าผิดเองคับ” เขายิ้ม กลั้นน้ำตาไว้ แล้วนั่งลงบนโซฟา ให้ลูกนั่งตัก “ต่อไปป่ะป๊าจะล็อกไม่ให้โจรเข้ามาขโมยเงินไปได้อีก แต่ถ้าป่ะป๊าไม่อยู่ ชินต้องล็อกเองนะคับ”
“ป่ะป๊ายังจะไปไหนอีกเหรอ” ลูกยังกอดเครื่องบินลมอยู่ เขาเอื้อมมือไปจับเครื่องบินนั้น
“ป่ะป๊าต้องไปบินซักพัก ชินต้องอยู่กับอาม่า กับอี๊พราวนะ แล้วเป็นเด็กดี จำที่เราคุยกันเมื่อตอนบ่ายได้มั้ยคับ”
“ผมนึกว่าป่ะป๊าเสร็จธุระแล้วซะอีก แต่ไม่เป็นไร ป่ะป๊ารีบๆกลับมานะ”
เขาเกือบหลุดเสียงสะอื้นออกมา แต่หายใจกลบไว้ได้ทัน แล้วพูดตอบ “ชินต้องกลับไปนอนแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นไปโรงเรียนแต่เช้า แล้วอาม่าจะไปรับตอนเย็นนะ”
“ผมยังไม่ง่วง อยากอยู่กับป่ะป๊าก่อนป่ะป๊าไป มา มาเล่นไพ่ก่อนนอนกันดีกว่า อีแก่กินน้ำ หรือป๊อกเด้งดีฮะ” ลูกทำท่าจะลุกขึ้น แต่เขารั้งไว้ก่อน
“ไม่ได้ชิน ชินห้ามเล่นไพ่อีก เข้าใจมั้ยคับ” เขาขึ้นเสียงเอาจริงเอาจัง “จำไว้นะคับ ห้ามแตะต้องการพนันทุกชนิด ป่ะป๊าห้ามเด็ดขาด ชินเข้าใจคำว่าการพนันมั้ยคับ”
“แต่...” ลูกก้มหน้า “แต่ป่ะป๊าเป็นคนสอนชินเองนี่ แล้วเล่นไพ่ก็สนุกมากด้วย อีแก่กินน้ำไง ไม่เห็นเป็นการพนันเลย”
“แม้แต่น้ำ หรือเหรียญบาทเหรียญสลึงก็ห้ามเล่น ป่ะป๊ะเป็นคนสอนก็จริง ป่ะป๊าขอโทษ ชินต้องลืมทุกอย่างที่ป่ะป๊าสอน แล้วจำเฉพาะที่ป่ะป๊าพูดวันนี้ เข้าใจมั้ยคับ” น้ำตาของเขาเริ่มไหลอีกครั้ง
“ก็ได้ฮะ” ลูกมองเขา “แต่ป่ะป๊าต้องหยุดร้องไห้ก่อน”
เขากอดลูกแน่น แล้วร้องไห้ออกมา ความทรงจำทั้งหลายพรั่งพรูเข้ามา นับตั้งแต่วันที่ลูกของเขาเกิด สิ่งที่น่าทะนุถนอมที่สุด เขาปฏิญาณแน่วแน่ว่าจะเลิกเล่นทุกอย่างเพื่อลูก วินาทีแรกที่เขาเห็นภรรยานอนเหนื่อยอ่อนอยู่บนเตียงผู้ป่วยหลังคลอด เขาปฏิญาณแน่วแน่ว่าจะเลิกเล่นทุกอย่างเพื่อเธอ จนถึงวันที่เขาไปรับลูกที่โรงพยาบาล และลูกร้องไห้ กอดเขาด้วยความหวาดกลัว และเศร้าโศก เขาปฏิญาณแน่วแน่ว่าจะเลิกเล่นทุกอย่างเพื่อลูก และเพื่อภรรยาที่ตายไป วินาทีแรกที่เขาได้รับเงินประกันจากการตายของเธอ เขาปฏิญาณแน่วแน่ว่าจะเลิกเล่นทุกอย่างเพื่ออนาคตของลูก แต่คำปฏิญาณเหล่านั้นไม่เคยเพียงพอ ไม่เคยมีอำนาจเพียงพอที่จะยับยั้งเขาจากการเล่นทุกอย่างเพื่อสนองตัณหาของตัวเอง เขาไม่รู้ว่าความล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วนเหล่านั้นเริ่มขึ้นได้ยังไง ทำลายคำปฏิญาณอันแน่วแน่ของเขาได้อย่างไร จนถึงบัดนี้ เขาเพิ่งรับรู้เป็นครั้งแรกว่าความล้มเหลวมากมายเหล่านั้น กำเนิดจากจุดที่เล็กที่สุด จากเหตุการณ์ที่ไม่สลักสำคัญอะไร จากการพนันที่เสียเงินเพียงไม่ถึงร้อย ตั้งแต่วัยเด็ก ตั้งแต่วัยรุ่น ตั้งแต่วัยโสด จนถึงเมื่อตัวเองเป็นสามี เป็นพ่อ เหตุการณ์ และโอกาสที่สามารถทำให้เขาเลิกเล่นได้มีนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ผ่านเลยไป เหมือนสิ่งที่ไร้ค่า จวบจนวินาทีนี้ที่เขาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าโอกาสอีกครั้ง โอกาสที่ไม่ผ่านมาอีกแล้ว
“ป่ะป๊ารักชินนะคับ” เขากอดลูกเป็นครั้งสุดท้าย แล้วปล่อย “ไป ชินต้องกลับไปนอนกับป้ารัก ป่ะป๊ากำลังจะไปแล้ว”
“โอเคฮะ” ทั้งคู่เดินออกไปจากห้อง เขามองดูลูกชายเดินเข้าห้องเพื่อนบ้านไป แล้วโบกมือลา “ป่ะป๊ารีบกลับนะ”
เขายิ้มทั้งน้ำตา “คับผม”
“แล้วเลิกขี้แยได้แล้วด้วย ป่ะป๊าต้องแข็งแรง” ลูกเบ่งกล้ามใส่เขา
เขาจุ๊ปากให้ลูกเงียบ แล้วกระซิบ “กู๊ดไนท์คับ”
ถึงเวลาที่ฝนฟ้าจะดับกองเพลิงสีทองของเขาอย่างถาวรเสียที
ความคิดเห็น