ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Addicted

    ลำดับตอนที่ #2 : 2

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.ค. 51


    2

     

    เขานอนอยู่บนเตียง แน่นิ่งเหมือนซากต้นไม้แห้งกรากผอมๆ แขนขาเป็นเนื้อหุ้มกระดูกที่แผ่ออกบิดเบี้ยวราวกิ่งไม้ชวนสยองที่เห็นกันตามรูปคืนปล่อยผี ซีดจนเห็นเส้นเลือดปูดเป็นสายเขียวๆ และเหมือนจะบีบให้แหลกเป็นธุลีได้ด้วยมือเปล่า ใบหน้าซูบตอบ ดวงตาเบิกโพลงมองเบื้องบน

    ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้รู้จักเขาดีเท่าไหร่ จนกระทั่งวันที่เขาถูกโซ่ตรวนล่ามไว้กับอดีต และใจตนเอง ขณะนี้ฉันมองเห็นร่างห่อหุ้มด้วยสีดำ ท่ามกลางผืนผ้าสีขาว เขาติดอยู่ระหว่างโลกจริง กับภาพลวง ไม่ว่าจะมีแอลกอฮอล์ ไหลเวียนในเส้นเลือดเหนื่อยแรงของเขาหรือไม่ โลกกำลังหมุน เพดานนั่นก็ใช่ แต่ไม่ใช่เตียงของเขา เขาติดอยู่ที่นี่ ตาลายจนเพดานสีขาวกลายเป็นสีรุ้งสดใส กลายเป็นดาวตกใส่ตา กลายเป็นเงาผ้าปิดตา และกลายเป็นความมืดสนิท เขาชอบเมื่อมองไม่เห็นอะไร เพราะผ้าสีขาวที่รองรับตัวเขาอยู่กำลังหายไป และเขากำลังลอยอยู่ในอากาศ เป็นตัวเขาเท่านั้นที่หมุนเคว้ง ไม่ใช่โลก หรือเพดาน เขาจะเป็นแค่วิญญาณว่างเปล่า เขาจะไม่เป็นอะไรทั้งสิ้น ปลอดจากทุกอย่าง

    แต่เป็นเช่นนั้นได้ไม่เคยนานพอ เขาจะถูกดึงกลับมาบนเตียงแน่นิ่งที่มีเพดานหมุนไปไม่จบสิ้น และหัวก็กำลังจะระเบิด เมื่อนั้น ผู้หญิงคนหนึ่งจะปรากฏกายขึ้น นอนตะแคงหันหน้าให้เขา แล้วพูด

    ชั้นให้อภัยเธอแล้ว เสียงของเธอไม่เคยเปลี่ยน แต่ไม่เคยคุ้นหูสำหรับเขา เมื่อนั้น เขาจะค่อยๆเหลือบตาหาเธอพร้อมน้ำตาสองสามหยด แล้วหลบตากลับมามองอากาศเหมือนเดิม แต่คราวนี้ด้วยแววตาที่เหมือนจะมีพลังชีวิตฟื้นขึ้นมาบ้าง ใบหน้าของเธอไม่เคยเปลี่ยน แต่เขาก็ไม่เคยอยากจำได้

    ชั้นให้อภัยเธอ ตื่นได้แล้ว จำได้มั้ย เธอเคยฮึดเลิกยาเลิกเหล้า เธอทนกับความทรมานทุกอย่าง ผ่านมาได้ถึงตอนนี้ เธอมีความสุขนานเท่าไหร่นะ ใช่ เกือบสามเดือนเชียวนะ จำได้มั้ย เธอเดินจูงมือผู้หญิงที่เธอรัก แหม ชั้นยังอิจฉาพวกเธอสองคนเลย จำให้ได้สิ เธอมีความสุขที่สุด เธอเป็นแค่ผู้ชายธรรมดา เธอไม่ได้หวังอะไร หรือต้องการอะไรทั้งสิ้น แต่เธอมีความสุข เพราะเธอมีทุกอย่าง มีชีวิตเพื่อวันพรุ่งนี้ แรงใจที่ทำให้เธอฮึดสู้เหล่านั้นยังไม่ได้หายไปไหน นำมันกลับมา เธอทำได้สิ แค่เริ่มต้นใหม่เท่านั้น ฮึดสู้ใหม่ ชั้นรู้ว่ามันทรมานแค่ไหนกว่าจะเลิกมันได้ แต่เธอต้องฝืนความอยาก ความลุ่มหลงของเธอด้วยใจทั้งหมดที่มี เธอจะพึ่งยาไม่ได้อีกแล้ว จะให้ยาประคองชีวิตเธอให้ผ่านไปวันๆไม่ได้ เพราะชั้นให้อภัยเธอ เธอจึงไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ จงมีชีวิตอีกครั้งสิ มีเพื่อตัวเอง เพื่อผู้หญิงที่เธอรัก เพื่อพราว

    ท่ามกลางฟ้าฝนที่กระหน่ำอยู่ภายนอก เขาเงียบสนิท นิ้วมือทั้งสิบเกร็งจิกผ้าปูที่นอนจนเส้นเลือดที่มือปูดขึ้นจากเดิมจนใกล้ระเบิด เธอยื่นมือเย็นเฉียบมากุมมือข้างหนึ่งของเขาไว้ แต่ความเย็นกลับเป็นกระแสไฟฟ้าผ่านทุกประสาทในกายเจ็บปวดจนอยากจะตะโกนออกไปให้คอแตกตาย

    ชั้นให้อภัยเธอแล้ว เพียว กลับไปใช้ชีวิตให้มีความสุขเถอะ ทำเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น ได้โปรดเถอะ ลืมมันไปซะ เพื่อตัวเธอเอง ไม่ต้องสนใจใครแล้ว เธอไม่มีตราบาปใดๆ ตราบใดที่ใจเธอไม่เชื่อเช่นนั้น เป็นอิสระซะ กลับไปหาพราว ดูแลเธอให้ดี แต่งงานกับเธอ แล้วหนีไปให้ไกลที่สุด ใช่ หนีไปที่ที่ไม่มีใครรู้จักพวกเธอก็ได้ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ เธอไม่ได้เป็นหนี้ใคร เธอไม่จำเป็นต้องชดใช้ สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่ใช่ชะตาที่ลิขิตมาให้เธอต้องชดใช้โทษ ไม่ใช่เลย จงกำหนดชีวิตตนเอง เพราะเธอมีอำนาจควบคุมมันได้ เชื่อชั้นเถอะ

    เขาส่ายหน้า จากช้าๆ เป็นถี่ขึ้น จนสะบัดคอแรงสุดตัวเหมือนคนบ้า ดิ้นทุรนทุราย แล้วกระชากมือออกจากความเย็นเฉียบนั้น

    เชื่อชั้น เธอไม่ได้เป็นหนี้ใคร เธอไม่ต้องทำเพื่อครอบครัวชั้น ไม่จำเป็น ใช่ ปล่อยให้ลอยรับกรรมของเค้าไป ส่วนชินก็ไม่ต้องเป็นห่วง อย่างมากเค้าก็เป็นแค่เด็กกำพร้าคนนึงที่ไม่เหลืออะไรต่างหน้าพ่อแม่ของเค้า ไม่แม้แต่เงินซักแดงเดียว เขายังดิ้นรนสะบัดหน้าไม่ยั้ง โธ่ ลูกที่น่าสงสารของแม่ ทำไมถึงได้โชคร้ายขนาดนี้ แม่มาถูกฆ่ายังไม่พอ พ่อยังมาสิ้นไร้ไม้ตอกอีก แล้วลูกแม่จะเอาอะไรกิน ลูกต้องมาเห็นแม่ค่อยๆตายไปกับตา เธอก็เห็นนี่ ชินน่ะแค่สามขวบเท่านั้น ก็ต้องมาเห็นภาพอนาถของแม่ถูกทิ้งให้นอนตายข้างถนน ทำไมเธอถึงใจร้ายขนาดนี้นะ ถ้าเธอแค่หยุดรถ แล้วลงมาช่วยพาชั้นไปโรงพยาบาล หรือแค่รบกวนโทรเรียกตำรวจก็ได้ แต่เธอก็หนีไป

    เขาตะเกียกตะกาย พยายามลุกขึ้นหนีเสียงที่ได้ยิน แต่แรงมหาศาลยึดทั้งตัวเขาไว้แน่นจนแทบหายใจไม่ออก

    ฆาตกร!!! เสียงของผู้หญิงเริ่มดังขึ้น เธอมันฆาตกร ทิ้งชั้นไว้ไม่ใยดี แกมันเป็นคนอยู่รึเปล่า เฮอะ แล้วเสียงตะโกนก็กลายเป็นตะคอก แกมันไม่ใช่คน สิ่งเดียวที่แกทำเป็นคือเมา เหยียบ แล้วหนี วิ่งหางจุกตูดไปเลยสิมึง เอาสิ มึงเก่งเรื่องนี้อยู่แล้วนี่ มึงเป็นแต่หนี มึง ไอ้หน้าตัวเมีย ไอ้ชาติหมา ไอ้สถุน มึงน่ะต้องทรมานไปชั่วกัปชั่วกัลป์ ให้มึงตายทั้งเป็นก็ยังไม่สาสม ถ้ามึงยังไม่คิดจะช่วยผัวกูอีก มึงก็เหี้ยยิ่งกว่าสัตว์นรกต่ำทรามที่สุด ว่ายังไงล่ะ มึงจะมีสำนึกช่วยผัวกูบ้างมั้ย

    เขาดิ้นสุดชีวิต มือสองข้างดันปิดหูสองข้าง แล้วตะโกนแข่งกับทั้งเสียงฟ้าผ่า และเสียงนั้น ดังก้องหู

    อ๊าก!!!!!!!!แต่เสียงนั้นก็ยังดังกรอกหูเขาเหมือนเดิม

    ชีวิตมึงน่ะไร้ค่าแล้ว อยู่ไปก็เปลืองเปล่าๆ มึงจะช่วยทำตัวให้เป็นประโยชน์หน่อยได้มั้ยวะ ที่ผัวกูขอไม่ได้ยากเย็นเลย มึงจะเป็นไอ้หน้าตัวเมียไปถึงไหน แค่มึงเหนี่ยวไก คลิกเดียว ให้ลูกกูได้มีกิน ชดใช้ให้กู แค่นี้มึงทำได้มั้ย เสียงนั้นค่อยๆเบาลง และราบเรียบขึ้น ขณะเดียวกับที่เขาเริ่มมีแรงประคองตัวลุกขึ้น แต่มือทั้งสองยังปิดหูอยู่แน่น

    มึงไม่ต้องห่วงอะไรแล้วนี่ มึงบอกเลิกเค้าไปแล้ว เชื่อเถอะ มึงน่ะไม่คู่ควรกับพราวหรอก ปล่อยเค้าไป ให้เค้ามีความสุข มึงน่าจะเห็นแล้วว่ากรรมมันตามทัน ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้วว่ามึงต้องชดใช้ ตั้งแต่วินาทีแรกที่มึงเจอพราว มึงก็ถูกกาหัวไว้แล้ว จำนนต่อมันซะ ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามทางที่มันควรจะเป็น มึงไม่มีโอกาสเริ่มชีวิตใหม่อีกแล้ว มึงไม่เคยมีด้วยซ้ำ จะเปลืองแรงดิ้นรนสู้ไปทำไม มึงไม่เห็นเหรอว่าตอนมึงล้มหลังจากลุกได้ หลังจากได้ลิ้มรสความสุขอีกครั้งน่ะ มันเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิมหลายพันเท่า ความสิ้นหวังที่ลิ้มรสอยู่น่ะ ถึงใจมั้ย สะใจมึงมั้ยล่ะ ตอนนี้มึงคงรู้แล้วว่าไม่มีทางลัดสู่การไถ่บาป และทางหนีบาป มึงเปื้อนโคลนตมไปแล้ว มึงไม่มีวันสะอาดอีก อย่างน้อยที่สุด ให้ชีวิตโสมมของมึงได้เป็นประโยชน์กับครอบครัวชั้นเถอะ

    เขานั่งอยู่บนเตียง ชันเข่า ก้มหน้า มือที่ดันปิดหูคลายออก แต่ยังกุมอยู่ เขานั่งอยู่เช่นนั้น คนเดียว ในความเงียบ เป็นเวลานาน วินาที นาที ชั่วโมง หลายชั่วโมง ฝนยังไม่ยอมหยุด เขาอยากหลับเหลือเกิน อยากไปให้พ้นจากโลกนี้ แต่ตราบใดที่โซ่ตรวนเส้นนั้นยังอยู่ เขาจะไม่มีวันไปสู่โลกหน้า เขารู้ดี

    เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น และดังอยู่เกือบนาที กว่าเขาจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียงมารับ แต่ไม่ได้พูดอะไรซักคำ

    ฮัลโหล ฮัลโหล เสียงแหลมปรี๊ดผู้หญิงในสายฟังขึงขังเอาเรื่อง แกใช่มั้ย ชั้นรู้นะว่าแกได้ยิน ฮัลโหล

    เขาไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่ฟังด้วยท่านั่งที่อดอาลัยตายอยาก

    แกเอาพราวไปไหน ชั้นสาบานเลยนะ ถ้าแกแตะต้องลูกชั้น ชั้นจะทำให้แกไม่ได้ผุดได้เกิดอยู่ในคุก แกให้ชั้นพูดกับพราวเดี๋ยวนี้เลยนะ ชั้นรู้ว่าลูกชั้นอยู่กับแก เร็ว เอาพราวมาพูดกับชั้นเดี๋ยวนี้

    พราวไม่ได้อยู่กับผม ขอโทษด้วย ผมคุยกับคุณตอนนี้ไม่ได้เขาพูดเสียงเหนื่อยอ่อน

    แกอย่าวางสายนะ ชั้นสาบานชั้นจะแจ้งตำรวจจับแก แกมันสารเลว แกก็รู้ว่าแกมันคนละชั้นกับพราว คนชั้นสวะไม่เจียมกะลาหัว...

    เขาพูดขัดขึ้นเพราะทนฟังเสียงแหลมๆแสนปวดประสาทต่อไปไม่ได้อีก ผมบอกว่าพราวไม่ได้อยู่กับผม ผมเลิกกับเค้าแล้ว

    แกอย่ามาหลอกชั้น

    ฟังนะคุณ คุณจะไม่เชื่อผมก็ตามใจ แต่ตอนนี้ผมเมา ผมฟังหรือพูดกับใครไม่รู้เรื่องหรอก ผมจะบอกคุณอีกครั้ง ผมเลิกกับพราวแล้ว คุณต้องตามหาเธอเอง และขืนคุณยังใช้เสียงแบบนี้ควบคุมชีวิตพราวอีก ผมก็สาบานได้เหมือนกันว่า คุณจะไม่ได้เจอพราวอีกเลย

    นี่แก แกกล้าขู่ชั้นเหรอ

    ฟังนะคุณนาย ผมเหลือทนกะคุณแล้ว ถ้าคุณโง่ขนาดนี้ล่ะก็ พราวก็ทำถูกแล้วที่หนีไป แต่ถ้าคุณอยากจะฉลาดขึ้น รออยู่ที่บ้านเงียบๆ พราวจะกลับไปหาคุณเอง แล้วคุณต้องนั่งฟังเธอ ฟังเธอ เข้าใจมั้ย ปัญหามันหนักมากสำหรับพราว และคุณต้องฟังเค้า ผมพูดได้แค่นี้แหละ

    แก.. แล้วเขาก็กดหูวางสาย ทิ้งโทรศัพท์บนเตียง ข้างๆตัว แล้วเอามือกุมหัว

    ทันใดนั้นเอง เสียงเคาะประตูก็ดังโครมๆ เขาสะดุ้งเฮือก เงยหน้าขึ้น ขอบตาคล้ำกับตาขาวที่มีแต่เส้นเลือดแดงวาดเป็นสายแตกแขนงยิ่งทำให้ใบหน้าที่ซูบตอบดูเหมือนผี เขาลุกขึ้นช้าๆ หัวที่มึนตื้บทำเอาเขาเซเกือบล้มขณะเดินไปเปิดประตู เสียงทุบประตูดังและถี่ขึ้นเรื่อยๆ

    พราว เธอยืนร้อนรนอยู่หน้าประตู เปียกโชก ผมยาวดำที่ปล่อยลีบติดหนังหัว เสื้อยืดสีขาวแนบเนื้อจนเห็นบราข้างใน ตาของเธอแดงก่ำ แม้เธอจะดูอ้วนขึ้นมาก แต่ใบหน้ากลับอิดโรย มีรอยแดงเป็นจุดๆเต็มแก้มสองข้าง เขาเปิดประตูให้เธอเข้ามาในอพาทเม้นท์ซอมซ่อ ในหัวตื้อไปหมด และไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น หรือควรจะทำอะไรต่อไป

    เกิดอะไรขึ้น พราว เธอเงียบ ได้แต่เดินก้มหน้าไปนั่งอย่างหมดแรงบนขอบเตียง น้ำไหลหยดเป็นทางบนพื้น เขายืนงงอยู่เป็นนาที ก่อนที่จะเดินไปหยิบผ้าขนหนูในลิ้นชัก แล้วมาคุกเข่าตรงหน้าเธอ

    พราวขับรถมาคนเดียวใช่มั้ย เขาใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้าเธอเบาๆ แล้วเอาผ้าคลุมไหล่เธอไว้ ฟังนะพราว ผมอยากช่วยพราว แต่เราต่างรู้ว่าจะไม่มีอะไรดีขึ้น ผมมีแต่จะจับมือพราวลงเหวไปกับผม ผมจะพาพราวไปส่งที่บ้าน ตกลงมั้ย

    เธอส่ายหน้าช้าๆ น้ำตายังไหลอาบแก้ม

    ฟังนะ พราวอยู่กับผมตอนนี้ไม่ได้ อยู่ไม่ได้อีกเลยด้วย ผมกำลังเมา ผมไม่ไว้ใจตัวเองด้วยซ้ำ พราวต้องไปเพื่อตัวของพราวเอง

    เธอโผกอดเขา แล้วร้องไห้โฮ พราวไม่รู้แล้วว่าจะทำยังไง มันยากไปเพียว มันหนักไป พราวทนไม่ได้อีกแล้ว ขอร้องล่ะเพียว ทำให้พราวมีความสุขที ขอร้องล่ะ พราวทนไม่ได้อีกแล้ว ทนไม่ได้ ทนไม่ได้ ทนไม่ได้ เธอกอดเขาแน่นจนเขาทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ค่อยๆใช้แขนโอบหลังเธอไว้

    พราวไม่อยากอยู่แล้วเพียว ขอร้องล่ะ พราวเหยียบมามิดตลอดทาง อยากให้มันจบๆไปซะที แต่มันไม่ยอมจบ ไอ้... ไอ้ชีวิต... บ้า พราวไม่รู้จะทำยังไงแล้ว พราวตัน พราวไม่มีที่ไป เธอหอบ ขอร้องล่ะเพียว ทำให้พราวมีความสุขที พราวทนไม่ได้อีกแล้ว มากเกินไปเพียว พราวทนไม่ได้ พราวอยากตาย ขอร้องนะเพียว ทำให้พราวมีความสุข ขอร้องล่ะ ขอร้อง ขอร้อง ขอร้อง เธอมองหน้าเขา แล้วกดริมฝีปากลงบนปากเขา แม้ตัวยังสั่นสะอื้น

    เขาผละออกแม้ประสาทในตัวจะแปลบปลาบ อึ้ง ได้แต่มองตาเธอ สักพักเมื่อคิดได้แล้วว่าจะทำอะไร เขาจึงค่อยใช้มือสัมผัสแก้มสองข้างตรงหน้า พราว เชื่อผมเถอะ ผมอยากให้พราวมีความสุข แต่ไม่ใช่วิธีนี้ พราว...

    เธอผละเข้ามาจูบเขาอีกครั้ง ริมฝีปากเย็นเฉียบของเธอทำให้เขาใจหวิว แต่เขาก็ผลักเธอออกอีกครั้ง พราว ฟังผม เสียงที่เต้นตุบๆในหัวดังแรงแข่งกับเสียงในอก ผมอยากทำอย่างนี้มากที่สุดในโลก แต่พราวฟังผมนะเขาสูดหายใจลึก พราวไม่พร้อม พราวไม่เป็นตัวของตัวเองตอนนี้ ผมทำอย่างนี้กับพราวไม่ได้ พราวต้องมีชีวิตอยู่ โดยไม่มีผม พราวยังมีชีวิตที่ดีเหลืออยู่อีกยาวเลย แล้วพราวจะได้เจอ..

    ไม่ เพียวไม่เข้าใจหรือไง พราวไม่มีอะไรเหลือแล้ว พราว…” เธอพูดไม่ออก ได้แต่แสดงความอัดอั้น พราว พราวกำลังจะแตก ระเบิด เพียวเข้าใจมั้ย แตก ทุกอย่างในนี้มัน....ตัน... บีบ เธอกำมือแน่น พราวทนไม่ไหวแล้ว ทำให้พราวมีความสุขทีเถอะ ช่วยพราว ขอร้องล่ะน้ำเสียงของเธอแสนอัดอั้น และจนตรอก

    พราว เขาพยายามยืดนิ้วมือที่กำอยู่ของเธอออก ผมรักพราวมากจนผมต้องปล่อยพราวไป ผมมันงี่เง่า ใช่ แต่นี่เป็นสิ่งที่ถูก ผมสัญญาว่าพราวจะเข้าใจทุกอย่าง เชื่อผมเถอะ ผมอยากทำให้พราวมีความสุขมากกว่าทุกอย่างเลย แต่ผมทำไม่ได้ ผมรักพราวมากจนผมทำไม่ได้ เขากอดเธอแน่น ตาที่ลืมอยู่ยังแน่นิ่ง แต่น้ำตาคลอเบ้า

    ไม่ พราวไม่เข้าใจ เธอผละออกจากตัวเขา แม่ไม่ชอบเพียวแล้วเป็นไง พราวไม่สน พราวเบื่อเต็มทนแล้ว พราวเกลียด เกลียด เกลียด ทำไมทุกคนต้องมาบอกว่าอะไรดีเลวกับพราว พราวคิดของพราวเองได้ เข้าใจมั้ย แม่ เธออัดอั้น พูดไม่ออก แม่พราว... เธอตัวสั่นสะท้าน แม่เค้า... ในที่สุดก็ตะคอกออกมา แม่บ้าพันธุ์นั้น พราวไม่สน!!! พราวไม่เหลือบ้าอะไรแล้ว พราวอยู่คนเดียวไม่ได้ พราวต้องการเพียว พราวกำลังจะเป็นบ้า เข้าใจมั้ย พราวอยากตาย แต่สิ่งเดียวที่พราวเห็นตลอดทางที่ขับรถมา พราวเห็นแต่เพียว ไม่เข้าใจหรือไง ไอ้สารรูปแย่ๆแบบนี้พราวไม่กล้าโผล่หน้าไปเจอใครทั้งนั้น แต่ไม่เห็นเหรอ ว่าพราวต้องการแค่เพียว เพียวเป็นคนเดียวในโลก เข้าใจมั้ย คนเดียว คนเดียวที่พราวกล้าเอาสารรูปที่....ที่มัน...อ้วนเป็นหมูขนาดนี้..

    ผมรักพราว เขาพูดเสียงสั่น สองมือจับต้นแขนของเธอไว้ พราวไม่ได้อ้วน พราวต้องเชื่อผม

    เธอกำมือแน่นจนสั่น โพล่งลุกขึ้นแล้วระเบิดเสียง พราวไม่เชื่อ!!! เข้าใจมั้ย ชีวิตเหี้ยๆของพราวมีแต่คำปลอบใจตอแหล พราวเหนื่อยที่ต้องโกหกกับตัวเองว่าพราวจะมีชีวิตที่ปกติ แต่ชีวิตมันเหี้ย!!! เหี้ย!!! เข้าใจมั้ย พราวทนไม่ได้ เธอหอบ เสียงหายใจดังแทรกเสียงห่าฝนข้างนอก จากนั้นจึงพูดต่อ เพียวไม่เข้าใจเหรอว่าเพียวเป็นคนเดียวที่พราวไว้ใจ พราวอยู่กับใครไม่ได้อีกแล้ว และถ้าพราวอยู่คนเดียว พราวฆ่าตัวตายแน่ๆ พราวรู้ พราวถึงได้ดิ้นรนมาหาเพียว เหตุผลเดียวที่พราวยังอยู่ก็เพราะพราวเห็นหน้าเพียว เข้าใจมั้ย

    เขามองตาเธอ ค่อยๆลุกขึ้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบถ้าไว้ใจผม ได้โปรด เชื่อผมเถอะ เราอยู่ด้วยกันไม่ได้ ผมก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วไงว่าผมกลับตัวอย่างที่สัญญากับพราวไม่ได้ ผมเหลวแหลก ผมเลว ผมกลับมาเล่นของทุกอย่างอีก และผมรู้ว่าเลิกไม่ได้ พราวต้องการคนที่แข็งแกร่งกว่าผม และที่สำคัญตอนนี้ พราวต้องแกร่งสำหรับตัวเอง เพราะผมช่วยอะไรพราวไม่ได้ ผมมีแต่จะทำให้พราวเลวร้ายลง

    แล้วไง พราวไม่สนแล้ว พราวเองก็ทำไม่ได้ พราวกลับมาอ้วกมาทำทุกอย่าง หนักขึ้นกว่าเดิมอีก เพียวรู้มั้ย พราวทำมันทุกมื้อ ทุกวัน ระหว่างมื้อด้วย พราวก็เลว พราวโกหกเพียวด้วย พราวแอบไปทำอีก พราวก็เลว พราวไม่สน แล้วไง เราเลิกไม่ได้ ก็ทำไปสิ แต่พราวต้องมีเพียว เพียวไม่เข้าใจเหรอ เพียวคนเดียวที่เข้าใจพราว พราวไม่มีใครแล้ว แล้วเสียงของเธอก็แหบหาย กลืนไปกับเสียงสะอื้น

    ทั้งคู่ยืนเงียบ เขาอยากกอดเธอ อยากจูบเธอ อยากทะนุถนอมเธอ อยากปกป้องเธอ อยากทำให้เธอมีความสุขมากเหลือเกิน แรงปรารถนาเหล่านี้ช่างมหาศาลจนเผาผลาญเขาทั้งเป็น เขารู้ว่าความรักของเขาและเธอไม่ใช่ความลวง แต่เป็นสิ่งเดียวที่เป็นจริงที่สุดด้วยซ้ำ แต่ความรักไม่เคยเพียงพอที่จะช่วยชีวิตของพวกเขาได้ และเขาจะไม่หลอกตัวเองอีก

    เด็กเอ๊ยเด็ก มา เช็ดตัวให้แห้งดีกว่า ดูสิ หนาวจนสั่นแล้ว เดี๋ยวจะปอดบวมนะครับ เขาเก็บผ้าเช็ดตัวที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมา แล้วค่อยๆเช็ดผมให้เธอ เธอยืนนิ่ง หลับตา แล้วร้องไห้

    ดูสิ พราวทำผมสร่างเมาเลย ช่วยผมประหยัดกาแฟๆไปได้หลายถ้วย เธอไม่พูดอะไร

    คืนนี้เป็นแค่หนึ่งในคืนแย่ๆของพราวเท่านั้นเอง เดี๋ยวก็ผ่านไปแล้ว เอาเป็นว่าผมจะอยู่เป็นเพื่อนพราวนะ พรุ่งนี้จะดีขึ้นเป็นกอง พราวจะสวยปิ๊งใหม่ พูดถึงตอนนี้ก็สวยอยู่..

    พราวอยู่ได้ถึงวันนี้ก็เพราะเพียวนะ เธอพูดอย่างอ่อนแรง ชีวิตพราวอยู่เพื่อเพียว

    ชีวิตของผมก็อยู่เพื่อพราว แต่เราต้องเลิกพูดแบบนี้กันซะที ชีวิตคนเราลำบากเกินกว่าจะมาอยู่เพื่อคนอื่น หรือสร้างเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่น มีแต่จะเสียเวลาเปล่า ต้องอยู่เพื่อตัวเองพราว และมีแต่พราวเท่านั้นแหละที่จะช่วยตัวเองได้

    เธอลืมตาขึ้น เงยหน้ามองเขา พราวอ่อนแอไป พราว...

    อ่อนแอก็ต้องฝืนสู้จนถึงที่สุดสิ คนเราแตกหักได้ก็ติดกาวซ่อมใหม่ได้เหมือนกัน คำตอบอยู่ที่ใจของตัวเองทั้งนั้น เสียงของเขาสั่นเครือ แต่ยังฝืนยิ้มให้เธออยู่

    เธอยิ้ม พราวเจอมาจนพราวเชื่อไม่ลงแล้ว แต่ที่พูดมาก็ฟังดูดีจนพราวคงต้องโกหกตัวเองให้เชื่ออีกแล้วใช่มั้ย

    ถ้าจะช่วยพยุงเด็กน้อยให้ผ่านวันนี้ไปได้ ก็... ถูกต้องแล้วคร้าบ เขาฝืนหัวเราะออกมา

    เธอหัวเราะตาม พลางเข้ากอดเขาอย่างอบอุ่น แล้วพูด งั้นพราวจะโกหกต่อไปว่า พราวจะไม่เป็นไร ทุกอย่างจะโอเค

    เขาชะงักขณะกำลังจะโอบรอบตัวเธอ กำมือแน่น หลับตาที่มีน้ำซึมออกมา แล้วผละตัวออก หันหลังเดินออกจากเธอ

    มา เดี๋ยวผมเอาเสื้อผ้าแห้งๆมาให้เปลี่ยนนะ

    เพียว แค่นอนกอดกันได้มั้ย ทำให้พราวมีความสุข แค่นอนด้วยกันเฉยๆ เธอพูดอย่างสงบ

    เขาหยุด ยังหันหลังให้เธอ ผมทำไม่ได้

    ต่างคนต่างเงียบ ทั้งคู่ยืนห่างกันหลายฟุต แต่เธอคงเห็นว่าเขากำลังร้องไห้อยู่ข้างหลังแผ่นหลังนั่น เธอค่อยๆเดินเข้าไปหาชายที่สูงกว่าเธอเกือบครึ่งฟุต ด้วยความสงบอย่างเหลือเชื่อ แล้วใช้มือวางบนแผ่นหลังนั้น

    พราวไม่แก่ตายหรอกเพียว พราวรู้ตัวดี ไม่ว่าจะโกหกตัวเองมากเท่าไหร่ วันนั้นจะมาถึง ถ้าถึงวันนั้น เพียวอย่าโกรธพราวได้มั้ย

    เบื้องหลังแผ่นหลังที่ยังคล้ายสงบนิ่ง คือคนธรรมดาคนหนึ่งที่หัวใจแตกเป็นเสี่ยงๆ เขากลั้นสะอื้นไว้ หายใจทางปากเพื่อกลบเสียงสะอื้นที่เล็ดลอดออกมา

    พราวแค่อยากรู้ซักครั้งว่าความสุขที่สุดมันเป็นยังไง เพราะไม่มีทางที่พราวจะเจอคนอื่นที่เหมือนเพียวอีกแล้ว พราวอยากมีความสุขอย่างนั้นซักครั้ง สุขแบบตัดขาดจากทุกสิ่งในโลก พราวอยากเป็นอิสระ

    ผม.... ผมจะพาพราวไปส่งบ้านนะ เขาหันกลับมา ไป ไปกันเถอะ

    เธอเดินตรงไปหาเขา แล้วเงยหน้าขึ้นจูบที่ริมฝีปากแห้งกรากคู่นั้น เขายังไม่ขยับ แต่ขาสองข้างกำลังจะล้มลงเสียให้ได้ แรงต้านทานในตัวกำลังจะพังครืน บัดดลในเสี้ยววินาที ด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี และด้วยแรงต่อต้านภายในที่สูญสิ้น ความคิดทั้งหมดพลันอันตรธาน ทุกส่วนของร่างขับเคลื่อนด้วยสิ่งเดียวคือแรงปรารถนา เขาคว้าตัวเธอแนบติด แล้วจูบตอบด้วยความต้องการล้นปรี่ และสัญชาตญาณที่ปะทุออกเป็นครั้งแรก มือทั้งสองลูบไล้ตัวเธอที่อยู่ในอ้อมแขน แผ่นหลังที่เรียบติดผ้าเปียกชื้น ส่วนโค้ง เว้า และความละมุนของผิว เขาถอดเสื้อเปียกชุ่มของเธอออก ตามด้วยของเขาเอง แล้วโอบรัดร่างขาวนวลที่บอบบาง และหนาวเย็นนั้นด้วยความร้อนรุ่มทั้งหมดของเขา เขาอุ้มเธอไปที่เตียง ทุกสัมผัสช่างเร่าร้อนราวประกายไฟที่จะทำลายทุกสิ่งให้เป็นจุล ช่างเยือกเย็นราวน้ำแข็งที่วูบวาบให้สั่นสะท้าน ทุกสัมผัสไม่เคยเพียงพอ ไม่เคยมากพอ ไม่มีทางมากพอ มีแต่ความต้องการที่เพิ่มขึ้นไม่รู้จบ และหลังจากนั้น คงมีเพียงเขาและเธอเท่านั้นที่รับรู้ความลุ่มลึก ความลึกลับ ความรุนแรง ความอ่อนโยน ความเจ็บปวด  ความสุขสันต์ ความท้าทาย การปลอบประโลม การถูกควบคุม อิสระ ความใคร่ และความรัก

    ทั้งคู่นอนเปลือยเปล่าในอ้อมกอดซึ่งกันและกัน ไร้เรี่ยวแรง เชื่อมโยงกันด้วยเสียงเต้นของหัวใจที่แนบชิด คล้ายจะไม่มีอะไรมากั้นกลางได้ตลอดไป

    เธอนอนหลับตานิ่งไปนานแล้ว ส่วนเขายังลืมตาเหม่อมองเพดานสีขาวที่ตอนนี้เห็นแต่สีเทา เคล้าเงาสายฝนที่กระทบหน้าต่าง มีแสงไฟจากฟ้าแลบแซมเป็นระยะ เขากำลังก้าวออกมาจากโลกในฝันที่มีเพียงเธอกับเขากับความรักกับแรงปรารถนาที่ไม่มีวันหมด และวินาทีหลังจากสิ่งที่เกิดขึ้น คือวินาทีแห่งความเสียใจ เหมือนคนทั่วไปที่มักเสียดาย และหวังอย่างไร้หวังว่า ถ้าเพียงฉันแค่.....ในตอนนั้น ชีวิตฉันก็คงไม่....ในตอนนี้ เขาทำอะไรลงไป ทำไมคนเราถึงไม่มีความยับยั้งชั่งใจ แล้วต้องมาเสียใจในภายหลังด้วย เขากำลังจะทำร้ายเธอ ไม่ใช่สิ เขาได้ทำร้ายเธอไปแล้ว ความสุขสุดขีดชั่ววูบนั้นคุ้มค่ากับผลที่จะเกิดขึ้นตามมาหรือเปล่า

    เขานึกย้อนไปถึงครั้งแรกที่เขาพบเธอ เขานั่งดูภาพยนตร์อยู่คนเดียว เช่นเดียวกับเธอ ทั้งคู่นั่งอยู่แถวเดียวกัน มีเพียงทางเดินตรงกลางที่คั่นพวกเขาไว้ มีคนอื่นๆอีกเพียงสามสี่คนนั่งกระจัดกระจายทั่วโรง ความโดดเดี่ยวของคนทั้งคู่เชื่อมถึงกันได้ด้วยความรู้สึกลี้ลับอะไรซักอย่าง เขาสังเกตเห็นเธอตั้งแต่ตอนที่เธอเดินเข้ามานั่งที่ก่อนหนังจะฉายได้ไม่นาน และเหลียวมองเธอหลายครั้งระหว่างหนังฉาย เธอเอาแขนสองข้างท้าวที่วางแขน มือข้างหนึ่งสัมผัสริมฝีปากคล้ายอยากจะกัดเล็บอยู่ตลอด แม้จะเห็นเธอไม่ชัดเจนในความมืด แต่เขารู้ว่าเธอมีบางอย่างเหมือนกับเขา เขาเห็นสิ่งเหล่านั้นจากแววตาที่จดจ่อ แต่ซึมเศร้ากับหนังตรงหน้า ความสิ้นหวังและความทรมานบางอย่างสื่อออกมาจากท่าทางการนั่งที่ดูสงบนิ่งเช่นนั้น

    หนังเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่เขาจำได้แม่น ทุกความรู้สึกขณะดู และหลังดูจบ ในโรงหนังที่มืดมิด มีเพียงจอใหญ่ยักษ์เท่านั้นที่ส่องแสงสว่าง เขาคือเบนิซิโอ เดล โตโร เขาปรารถนาจะเป็นเบนิซิโอ เดล โตโร แต่เขาเลวเกินกว่าจะเป็นเบนิซิโอ เดล โตโร คุณรู้มั้ยว่าหลังคุณตาย น้ำหนักของคุณจะลดลงไป 21 กรัม? 21 กรัมเท่านั้น สิ่งนั้นคืออะไร คือน้ำหนักของวิญญาณมนุษย์อย่างนั้นเหรอ เมื่อคุณสูญเสียมันไป คุณได้อะไรกลับคืนมาบ้าง สำหรับเขา การไถ่บาปคือความเสียใจมากที่สุดที่สายที่สุดในชีวิต เขาจะทำอย่างไรเมื่อชีวิตต้องเสียศูนย์ เมื่อไม่อาจเปลี่ยนอดีตได้แม้จะภาวนาจนอกแตกตาย ชีวิตถูกปิดตายแล้วไม่ว่าเขาจะโกหกตัวเองกี่ร้อยกี่พันครั้งก็ตาม สำหรับเขา เขาได้สูญเสียมันไปแล้ว วิญญาณ 21 กรัมนั้น คำถามคือ เขากำลังรออะไรอยู่ รอมันกลับคืนมาอย่างนั้นเหรอ หรือรอให้สิ่งอื่นมาแทนที่

    เธอคือ นาโอมิ วัตต์ ของเขาแม้เขาจะไม่ใช่เบนิซิโอ เดล โตโร ของเธอ เขาเป็นหนี้เธอมากพอๆกับลอย และชิน และที่ทุเรศที่สุดก็คือ เขาไม่อาจบอกให้เธอรู้ความจริงข้อนี้ได้ เธอกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ส่วนเขากำลังเล่นบทคนขี้ขลาดไปเรื่อยๆเพื่อพยุงเธอเอาไว้ หรือแค่ใช้เธอหาความสุขให้ตัวเองเท่านั้น

    ในวันนั้น เธอเป็นฝ่ายเดินเข้ามาทักเขาหลังหนังจบ จนถึงบัดนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงทำเช่นนั้น คงเพราะเหตุผลนี้เองที่ทำให้เขาคิดมาตลอดว่า ความรักของเขาและเธอเป็นพรหมลิขิต แน่นอนว่าไม่ใช่รักแรกพบ แต่ความรักที่ก่อตัวระหว่างคนสองคนที่แม่ของเธอมองว่าแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงกลับลึกซึ้ง และจริงใจในแบบของเขาทั้งคู่เอง เขาเป็นไอ้บ้าขี้เมาไม่เอาถ่านที่ชอบเก็บตัว ส่วนเธอเป็นคุณหนูนักเรียนอินเตอร์ และเชียร์ลีดเดอร์ที่ดูเพียบพร้อม แต่ทั้งสองฝ่ายต่างมีสิ่งที่เก็บซ่อน เงาที่ดำมืด และแค่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันในครั้งแรกที่เจอ กับบทสนทนาเกี่ยวกับหนังเพียงไม่กี่ชั่วโมง ความลับสีดำเหล่านี้ก็ส่องแสงให้อีกฝ่ายเห็นไม่ยาก แน่นอนว่าเขาไม่รู้หรอกว่า สิ่งนั้นของเธอคืออะไร เช่นเดียวกับเธอที่ไม่รู้หรอกว่าความลับของเขารูปร่างเป็นอย่างไร แต่การมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันเช่นนี้ เป็นสายใยที่เชื่อมต่อคนทั้งคู่อย่างรวดเร็ว

    ตลอดเวลาการคบหากัน เธอเท่านั้นที่เป็นกำลังใจให้เขาเลิกยา แม้จะไม่สำเร็จ แต่ก็บรรเทาลงมาก ไม่เพียงสภาพร่างกายจะดีขึ้นจนเกือบเรียกว่าเปล่งปลั่งเหมือนนักกีฬาวัยรุ่น แต่สภาพจิตใจยังสดใสจนเกือบเหมือนไม่เคยมีโซ่ตรวนมัดตัวเขาไว้กับอะไรทั้งสิ้น ชีวิตเขามีความหมายมากขึ้น ชีวิตที่ไร้คนห่วงใย อยู่อย่างโดดเดี่ยวมานาน กับชีวิตที่มีแค่คนหนึ่งคนเข้ามาใส่ใจ ช่างมีความแตกต่างมหาศาลเหลือเกิน

    และแล้วก็เป็นเธอที่เปิดเผยเงามฤตยูออกมาให้เขารับรู้ ใช่ ในวินาทีที่เธอพูดออกมา เขาก็ใกล้จะคายตราบาปของเขาออกมาอยู่แล้ว ถ้าเขาทำเช่นนั้นจริง ป่านนี้เรื่องก็คงไม่วุ่นวาย และทำร้ายเธอ เขา และลอยได้มากมายเท่าที่เป็นอยู่ เรื่องก็คงแตกหัก และจบลงไปเรียบร้อย

    แล้วจะไม่ให้เขาคิดได้อย่างไรว่าเขาอยู่ในกำมือของชะตาที่กำลังพิพากษาโทษเขา เมื่อเขารักเธอหมดหัวใจ เมื่อทั้งคู่วางแผนการแต่งงาน และทั้งชีวิตร่วมกัน และเมื่อเขาได้พบเด็กที่นั่งร้องไห้อยู่ข้างศพผู้หญิงที่เขาทิ้งให้ตายอยู่ข้างถนน อยู่ในบ้านของพี่สาวของเธอ บ้านที่มีแต่พี่เขยหม้าย กับลูกชายกำพร้าแม่ ตลอดเวลาสองปีที่คบกัน เกือบสามปีที่รู้จักกัน ไม่เคยมีซักครั้งเดียว ที่เธอจะพูดถึงพี่สาว พี่เขย หรือหลานกำพร้า ไม่เคยแม้แต่จะบอกว่าพี่สาวของเธอตายอย่างอนาถเพราะถูกไอ้สารเลวขี้เมาขับรถชนแล้วหนี ไม่เคยแม้แต่จะพูดถึงหลานกำพร้า เวลาสามปีเชียวนะ สามปี หนึ่งพันเก้าสิบห้าวัน สองหมื่นหกพันสองร้อยแปดสิบชั่วโมง หนึ่งล้านห้าแสนเจ็ดหมื่นหกพันแปดร้อยนาที ตลอดเวลาทั้งหมด เธอไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลย นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นความจงใจที่จะรอให้เขาผูกพันกับเธอมากขนาดนี้ แล้วจึงสั่งให้เขาชดใช้ความผิดทั้งหมด สั่งประหารชีวิตเขา

    และคำสั่งก็ประกาศขึ้นอีกครั้ง เมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นจากหัวเตียง

    เขารู้ดีว่าเป็นใคร และเขาจะไม่มีวันรับสายนี้เลย หากไม่ใช่เพราะความกลัวว่าจะทำให้เธอที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของเขาต้องตื่นขึ้นมารับรู้ความจริงทั้งหมด

    ฮัลโหล

    ไอ้ห่า!!  มึง... เสียงผู้ชายดังลอดออกมา เขากระชากเสียงนั้นออกจากหู แล้วกดปิดโทรศัพท์ทันที จากนั้นจึงค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง ใส่กางเกงขาสั้นสีดำ แล้วเดินออกไปจากห้องอย่างเงียบที่สุด

    แต่เธอไม่ได้หลับอยู่ ตาทั้งสองข้างลืมขึ้น และเบิกโพลงในความมืดท่ามกลางเสียงพายุที่โหมกระหน่ำ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×