ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Addicted

    ลำดับตอนที่ #1 : 1

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.ค. 51


    1

     

    ถนนสีทะมึนทอดยาวเป็นเส้นตรง มุ่งสู่ความมืด เส้นขนานสองเส้นเหมือนจะบรรจบกันที่ปลายสุดนั้น ปลายเท้าเปลือยเปล่าของเธอหดเกร็ง ฝ่าเท้าเหยียบลงไม่ยั้ง สองมือบีบพวงมาลัยแน่น สั่นเทา และสองตาถูกบังด้วยม่านห่าฝนที่แม้เธอจะพยายามปัดออกเท่าใด กลับยิ่งดูถาโถมเข้าหา รอบๆไม่เห็นอะไรนอกจากสีดำ ดำสนิท ความหนาวเย็นของห้วงอวกาศนี้วิ่งผ่านเส้นเลือดสู่ทุกส่วนของร่าง ถึงหัวใจ

    เธอบอกไม่ได้หรอกว่าวินาทีนี้เป็นวินาทีที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตเธอหรือไม่ เพราะเหมือนความมืดมิดจะห่อหุ้มเธอไว้บ่อยครั้งเสียจนเธอลืมไปแล้วว่าอยู่ใต้แสงอาทิตย์ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ไม่เคยมีแสงสว่าง แต่ไม่เคยชินชา ไม่เคยไร้หวัง แต่ไม่เคยมีสุข ไม่เคยไร้ชีวิต แต่ไม่เคยมีชีวิต

    วิญญาณของเธอกำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ บาดลึกด้วยแสงสะท้อนจากอดีต ภาพปัจจุบัน และรัศมีลวงในอนาคต ความคิดของเธอพรั่งพรูออกมาดังสายน้ำเชี่ยวกรากที่ฉันเองก็ไม่อาจสกัดกั้นเพื่อเก็บมาถ่ายทอดให้คุณฟังได้ แต่หากคุณจะทนฟังอีกหน่อย ฉัน(ผู้ขออ้างว่าเป็นคนรู้จักคนหนึ่ง)จะพยายามลำดับเรื่องราวในหัวของเธอ แล้วบรรยายภาพเหตุการณ์ออกมาเป็นช่วงๆ ท้ายที่สุด ฉันอาจทำให้คุณเห็นภาพตัดต่อแบบเละๆของชีวิตเธอคนนี้ แต่ฉันคงต้องบอกตรงๆว่า คุณจะไม่เข้าใจเธอมากนักหรอก

    ขณะที่ปัดน้ำฝนกำลังทู่ซี้ทำงานเป็นจังหวะสม่ำเสมอท่ามกลางห่าฝนที่เอาแต่คำรามใส่ หัวใจของเธอกำลังกรีดร้องจนแก้วเสียงร้าวมีเลือดไหลซิบๆ

    แสงสีขาวฉกนัยน์ตาของเธอเพียงเสี้ยววินาที

    บัดนั้น น้ำจากก๊อกน้ำเทกระหน่ำบนอ่างกระเบื้องดังซ่า เธออยู่ในห้องน้ำทึมๆ กำลังคุกเข่า เอาหัวมุดลงชักโครก ยัดนิ้วชี้กับนิ้วกลางในปาก แล้วล้วงเข้าไปให้ลึกที่สุดจนฟันขูดเนื้อที่หลังมือ คว้านนิ้วจนทั่วคอ ทันใดนั้น แรงมหาศาลดันขึ้นจากท้องร้าวไปถึงกะโหลก ช่องท้องบีบรัดจนระบม หูอื้อ เบ้าตาแทบระเบิดออก แล้วร่างกายก็ต้องยอมจำนน แผดเสียงขึ้น

    ตะคอกใส่จนเธอผวา เสียงฟ้าร้องดังแข่งกับเสียงฝนที่เทลงมา เธอกดเท้าบนคันเร่งแรงขึ้นอีก พยายามหนีจากฝันร้าย เธอร้องไห้จนหอบ และพยายามจะหายใจทางปาก แต่เมื่อดูดอากาศเข้า กลับเหมือนมีใบมีดเฉือนในคอ ซ้ำตรงแผลเดิม และเจ็บจนสำลัก

    คมมีดล่องหนกลายเป็นนิ้วของเธออีกครั้ง ควานเข้าไปอีก แล้วอ้วก เข้าไปให้ลึกที่สุด แล้วอ้วก หน้าของเธอแดงก่ำ น้ำมูกไหลเขรอะ ตาขาวแดงเกือบเป็นสีเลือด น้ำตาพราก เธอหายใจถี่ ใกล้หมดแรง

    ท้องฟ้าของเธอแผดเสียงครั้งสุดท้าย ไม่เหลืออะไรแล้ว เธอเงยหน้าขึ้น นั่งลงกับพื้น และให้ผนังประคองตัวไว้ แล้วสูดหายใจหนัก นิ้วสองนิ้วเปรอะน้ำลายปนเลือด ในคอเจ็บปวดจนไม่มีแม้เสียงสะอื้น

    หมดแรงใจ มือทั้งสองตกลงข้างตัว กายทรุดยวบลงกับพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบ เธอนอนคู้ ตัวสั่น มีเพียงเสียงเฮือกจากการสูดหาอากาศรอบตัวที่ดูจะหดหายลงทุกที

    แล้วโลกก็ดับมืด

    ทำไมพราวทำแบบนี้ พราวไม่รักผมเหรอไง ไหนพราวสัญญากับผมแล้วว่าจะไม่ทำอีก แล้วทำไม เสียงผู้ชายกระซิบข้างหูเธอ

    เธอค่อยๆยกเปลือกตาไร้เรี่ยวแรงขึ้น มองเห็นร่างลางๆนอนตะแคงหันหน้าให้เธอ

    เราสัญญากันแล้ว จำไม่ได้เหรอ

    เธอเผยอปาก พยายามเปล่งเสียง แต่มีเพียงความเงียบเท่านั้น

    พราวพูดกับผมสิ ตอบผม บอกผม

    เธอออกแรงเปล่งเสียงมากขึ้นอีก แต่ไร้ผล เธอได้แต่ส่ายหน้า น้ำตาเริ่มไหลอีกครั้ง พลางควานหามือของชายผู้นั้น

    บอกผม ไม่เป็นไรพราว บอกผมเถอะ บอกผม

    เธอคว้ามือนั้นขึ้นมาแนบอกของเธอ แล้วบีบจนแน่น

    บอกผมสิ บอกผม…….”

     

    เธออยู่ในร้านอาหารเงียบๆ แสงไฟสีเหลืองทองสว่างไสว รายรอบเป็นโต๊ะผ้าคลุมสีขาวว่างๆ เบื้องหน้าคือชายที่เธอรัก เธอจับมือเขาที่อยู่บนโต๊ะไว้แน่น แล้วมองเข้าไปในตาคู่ตรงหน้า

    เพียว มีอย่างนึงที่พราวปิดทุกคนมานานเสียงของเธอสั่นนิดๆ

    ชายตรงหน้าแสดงสีหน้ากังวล และหวาดกลัว

    เธอบีบมือเขาแน่นขึ้นอีก พยายามเอ่ยปาก แต่น้ำตากลับเริ่มไหลจนเธอต้องใช้มืออีกข้างปาดข้างแก้ม

    มีอะไรพราว บอกผมสิ เธอมองเขาอีกครั้ง สะอื้นเบาๆ แล้วค่อยๆหายใจเพื่อรวบรวมสติ

    บอกผม

    ในที่สุดเธอก็เค้นเสียงออกมา จำเมื่อวานที่เพียวบอกพราวว่ารักได้มั้ย เธอยิ้ม แล้วก้มหน้าลงพักหนึ่ง เป็นวันที่พราวมีความสุขที่สุดเลยนะ ยิ่งทำให้พราวรู้ว่า เพียวทำให้พราวยิ้มได้เยอะขนาดไหน และพราวอยากอยู่ใกล้ๆเพียวมากขนาดไหน

    เขายิ้ม แต่แววตายังแสดงความหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอกำลังจะพูดต่อไป

    มีอย่างนึงที่เพียวจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับพราว พราวไม่อยากเก็บมันไว้คนเดียวอีกแล้ว พราวจะไม่ทำมันอีกแล้วด้วย เธอเน้นที่ประโยคสุดท้าย เสียงสั่นเครือ

    พราวบอกผมได้ ไม่ต้องกลัว เขาเอาอีกมือมากุมมือเธอไว้

    เพียวเคยสงสัยมั้ยว่าทำไมพราวไดเอ็ดบ่อยมาก แถมเข้าห้องน้ำนานมากด้วย เธอก้มหน้า เพียวรู้จักบูลีเมียมั้ยเขานิ่ง  พราวเป็นมานานแล้ว ซักเจ็ดปีได้ นานชะมัดเลยว่ามั้ย เธอหัวเราะประชด ตั้งแต่ม.ต้น พราวไม่เคยกินแบบมนุษย์เค้ากินกันอีกเลย พราวทำจนหมดแรง กินแล้วก็เอาออกน่ะ เป็นอย่างนี้เกือบทุกวัน กินมันทุกอย่าง แล้วค่อยเอาออก พราวพยายามเลิก แต่ เสียงเธอเริ่มขาดหายจนเธอต้องเค้นเสียงออกมามากขึ้น ไม่เคยทำได้เลย พราวหยุดตัวเองไม่ได้ พราวปล่อยให้มีขนมที่รู้อยู่ว่าทำให้อ้วนอยู่ในท้องไม่ได้ แต่พราวก็หยุดกินไม่ได้ เธอใช้มืออีกข้างปาดน้ำตาออกจากแก้ม ไม่เคยมีมื้อไหนเลยที่พราวจะกินอย่างเป็นสุข ยิ่งทำ น้ำหนักดันยิ่งเพิ่ม บางครั้งมุดหัวอยู่ในชักโครกเป็นชั่วโมง แล้วร้องไห้เป็นวักเป็นเวร พราวรู้ว่าปัญหามันน่าทุเรศไม่เห็นเป็นปัญหา แต่พราวสู้มันไม่ได้ สู้ไม่ได้จริงๆ ขอโทษนะที่ต้องให้เพียวมารับรู้อะไรอย่างนี้ด้วย เธอยิ้มทั้งน้ำตา

    เขาพยายามจะปลอบเธอ แต่ก็ทำได้แค่กุมมือเธอให้แน่นขึ้น

    ทุกครั้งที่พราวเลิกทำ พราวก็อ้วน พราวอยู่แบบนั้นไม่ได้ พราวไม่กล้าออกไปข้างนอกเลย พราวทนให้คนมาเห็นว่าพราวอ้วน บอกพราวว่าอ้วนไม่ได้ พราวต้องไดเอ็ด ทำทุกอย่าง กินน้อย ออกกำลังจนเกือบตาย กินยาลด แต่สุดท้ายพอน้ำหนักลด พราวก็หยุดกินไม่ได้อีก ต้องกลับมาเอาออกอีก เป็นแบบนี้จนเหมือนเป็นไปไม่ได้ที่พราวจะหาย พราวอ่อนแอไป พราวทำไม่ได้ ทนไม่ได้ เธอปาดน้ำตาออกสองข้าง แล้วยิ้มกับเขา แต่เพียวไม่ต้องเป็นห่วงพราวแล้วนะ เมื่อวานที่เพียวบอกพราว พราวก็รู้ว่าชีวิตนี้มีอะไรมากกว่าจะมาคิดถึงแต่ตัวเอง พราวจะเลิกจริงๆ พราวสัญญากับตัวเอง กับเพียวด้วย ตอนนี้เลย พราวจะเลิก ไม่เอาแล้ว

    เขาเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูด ผมบอกไม่ถูกว่าดีใจแค่ไหนที่พราวบอกผม เขาอ้ำอึ้ง ตอนแรกพราวทำผมกลัวจริงๆ นึกว่าจะบอกเลิกกันซะอีก

    เธอหัวเราะ ใช้หลังมือปาดน้ำตาออก

    ผมรักพราวนะ เขายกมือเธอที่เขากุมอยู่ขึ้นมา พราวเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุด จะไม่มีทางสวยน้อยลงในสายตาผม

    ถึงจะอ้วนฉุ แก่หงำเหงือกเหรอ

    เขาหัวเราะ จะให้ผมโกหก หรือพูดจริงล่ะครับ เธอทำตาขวางใส่ ผมรักพราวเพราะพราวเป็นพราว ผมพูดจริง ผมอาจจะเห็นผู้หญิงสวยเยอะแยะ แต่จะมีพราวคนเดียวที่ผมรักด้วยความรู้สึกนี้ และทำให้ผมรู้สึกแบบนี้ ไม่ว่าพราวจะเป็นยังไง ผมจะอยู่ช่วยพราว

    เธอยิ้ม สูดหายใจยาว จริงนะ

    พราว เพราะพราว ผมถึงมีความสุขอย่างวันนี้ พราวเป็นคนช่วยชีวิตเลวๆของผมไว้ และ...

    อย่าพูดอย่างงั้น เธอส่ายหน้า

    ไม่ พราว ผมไม่ใช่คนดี ผมเหลวแหลกกว่าที่พราวเห็น แต่จากนี้ไปผมจะช่วยพราว

    เธอนิ่งไปสักพัก พราวจะเลิก เพียว พราวเลิกเด็ดขาด เริ่มวันนี้แหละ

    ผมรับฟังพราวได้เสมอ ถ้าพราวอยากพูด หรือระบายอะไร หรือต้องการให้ผมทำอะไรก็ตาม ผมจะทำทุกอย่าง พราวมีผมอยู่ตลอด

    ขอบคุณนะ

     ทั้งสองเงียบไปพักใหญ่ แต่มือของทั้งคู่ยังกุมกันอยู่ พราว สิ่งที่พราวพูดวันนี้ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดรู้มั้ย ผมรู้ว่าทุกอย่างจะดีขึ้น ไม่ใช่แต่ชีวิตของพราว แต่ชีวิตของผมด้วย บอกตามตรง ตอนนี้ผมเริ่มเชื่อแล้วว่าชะตาลิขิตมีจริง ผมกับพราวมาเจอกัน จนถึงตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าเรารักกัน.. ไม่ใช่สิ ... ต้องพูดว่าผมหลงรักพราวได้ยังไง แต่ความรู้สึกที่ผมมีให้พราวได้ช่วยผมไว้ และตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าผมถูกส่งให้มาอยู่กับพราวเพื่ออะไร เขาหยิบขวดเหล้าเล็กๆในกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ตด้านในขึ้นมา ไหนๆวันนี้ก็เป็นวันเริ่มต้นของพราวแล้ว งั้นผมเอาด้วย เขาวางขวดกระแทกลงบนโต๊ะ พราวเลิก ผมก็เลิก

    เธอมองขวด แล้วเงยขึ้นมองเขา

    พราวช่วยผมไว้มาก ตอนนี้ผมจะช่วยพราวให้มากที่สุด ให้เราหลุดจากวงจรโสโครกนี่ซะที ผมจะเลิกเหล้าเลิกยาทุกอย่าง พราวก็เหมือนกันนะครับ

    อืม เธอพยักหน้า

    ทั้งคู่เงียบไปพักใหญ่ สุดท้าย เขาเริ่มยักคิ้วหลิ่วตามองเธอ แล้วพูดเสียงกวนๆ เด็กเอ๋ยเด็ก อ้วนเอิ้นอะไร ยิ่งอ้วนผมน่ะยิ่งชอบ กอดเต็มไม้เต็มมือดี

    บ้า เธอชักมือที่เขากุมอยู่กลับ ใบหน้าเหมือนจะไม่เหลือร่องรอยความเสียใจใดๆอีกแล้ว

    เขาหัวเราะ ผมอยากให้พราวมีความสุข พราวกินมื้อนี้แล้วเก็บไว้เพื่อผมนะ

    ก็บอกแล้วไงว่าเลิก อืม จะเก็บไว้ให้ออกมาอีกทางตอนเช้าวันพรุ่งนี้ เธอยิ้มหยอก

    เห็นมั้ย ยิ้มแล้วน่ารักกว่าหน้าเครียดเป็นกอง ชีวิตต้องมีความสุขเยอะๆสิเด็กน้อย

    นี่ นี่ ก่อนที่พราวจะลืม

    เหอ

    เธอก้มหน้า นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วค่อยๆเงยขึ้นมองตาเขา พร้อมพูดขึ้นเบาๆพราวรักเพียวกลับ

    เหมือนอาการของคนที่ได้ยินสิ่งที่ไม่คาดหวัง และดีใจเสียจนไม่รู้จะแสดงออกอย่างไรดี เขามองเธอ ปากค่อยๆยิ้ม ก้มหน้า ใช้มือทั้งสองปิดหน้า แล้วลูบขึ้นเสยผม วางมือประสานที่ท้ายทอย แล้วค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเธออีกครั้ง ท่ามกลางแขกในร้านมากมาย เขาดีดตัวขึ้นแล้วตะโกนบอกทุกคน

    เ ธ อ รั ก ผ ม ค รั บ!!!

    บ้า เธอกระซิบ เมาเหรอไง นั่งลงมา อายเค้า เธอโบกมือให้เขานั่งลง ขณะที่สายตาเหลือบมองซ้ายขวาด้วยความอาย เธอยิ้มพยักหน้าแก้เขินให้แขกหลายคนที่หันมายิ้มให้ และหลายคนยังหันไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันเองต่ออีก

    เขานั่งลง ปากยิ้มแฉ่ง ถ้าจะเมาก็เมารักล่ะคร้าบ

    อื๋ย เสี่ยวอ่ะ คนแก่ขี้เมาเสี่ยวๆ

    เหอ คนแก่คนนี้ไม่ได้เล่นของมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ตอนนี้ร่างกายและจิตใจสะอาดที่ซู้ด นี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่ผมรู้สึกมีชีวิตชีวาอย่างนี้ เหมือนเกิดใหม่เลย เขาสูดหายใจเฮือกใหญ่ ตอนนี้ไม่ว่าอะไรผมก็ทำได้ทั้งนั้น ผมจะหางานใหม่ทำ จะตั้งใจเก็บเงิน ผม ... ผมจะก้าวต่อไป จะพาพราวไปเที่ยว แล้วเราจะมีความสุขที่สุด ลืมทุกอย่างในอดีตให้เกลี้ยงซะ เหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น เราจะมีความสุขที่ซู้ด

    แน่ใจนะว่าไม่ได้เมา

    เอ้า พูดตอนสติดีก็มาหาว่าเมาอีก

    ปกติเพียวไม่มีลูกบ้าอย่างนี้ซะหน่อย มีแต่จะซึมๆบ่อยๆ ไม่ก็เรื่อยๆ จริงๆตอนเมาเองพราวยังไม่เคยเห็นบ้าขนาดนี้เลย

    วันนี้เป็นวันสำคัญของเราไปแล้วพราว ใช่ เราจะเริ่มต้นด้วยกัน ผมจะทำสิ่งที่อยากทำให้หมด จะทำทุกอย่างให้พราว จะไม่สนใจอะไรอีก ไม่คิดถึงอดีตอีกแล้ว ช่างหัวอดีต ชีวิตผมเริ่มต้นวันนี้

    จริง งั้นพราวเอาบ้าง พราวจะไม่แคร์ใครอีก พราวจะเดินหน้า ตั้งแต่ตอนนี้เลย ช่างแม่ ช่างทุกคน

    ผมจะทำให้ท่านเห็นว่าผมดีพอ จะทำทุกอย่าง แล้วเราจะแต่งงานกัน

    เธออึ้ง ขณะเขายื่นมือทั้งสองเข้ามากุมมือเธอ ใช่ พราว ผมไม่เคยแน่ใจอะไรเท่านี้มาก่อน เราแต่งงานกันนะ อีกไม่ถึงปีพราวก็จะเรียนจบแล้ว ผมเองก็มีเงินเก็บอยู่บ้าง บวกกับเงินที่ผมจะเริ่มตั้งใจเก็บตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ผมจะสร้างฐานะเป็นคนใหม่ให้ดีพอสำหรับพราว ถึงตอนนั้น เราแต่งงานกันนะ

    เธอนิ่ง ก้มลงมองมือของเขาที่กุมมือเธออยู่ เขากำลังใช้มือสัมผัสนิ้วทุกนิ้วของเธอเบาๆ ไล่ลงมาถึงหลังมือ และพิเคราะห์ที่โหนกข้อต่อระหว่างนิ้วกับหลังมือของมือขวาซึ่งมีรอยฟันกัดเป็นแผลแดง เขาบรรจงยกมือขวาของเธอขึ้นใกล้ปากของเขา แล้วเป่าลมใส่เบาๆ ผมอยากดูแลพราวนะ แล้วเขาก็กุมมือข้างนั้นของเธออีกครั้ง พราวไม่ต้องสัญญาอะไรก็ได้ จริงๆผมก็หุนหันเกินไป แต่ทุกอย่างที่ผมพูดไป ผมพูดจากใจจริง พอถึงเวลานั้น ผมจะขอพราวใหม่ แล้วพราวค่อยตัดสินใจตอนนั้นก็ได้ ผมเข้าใจว่าพราวอยากทำงานก่อน และ...

    ตกลงค่ะ

    เหอ

    เธอสบตากับเขา ตกลงค่ะ พราวตอบให้ล่วงหน้าเลย เขาอึ้ง และเงียบไปพักใหญ่จนทำให้เธอต้องพูดแก้เขิน อย่าเข้าใจผิดนะ พราวแค่สงสารตาลุงวัยเกือบขึ้นเลขสามที่คงไม่มีใครเค้าเอาแล้ว ก็เท่านั้น

    เขาผละมือข้างหนึ่งออกจากมือของเธอ แล้วทำท่าตะเบ๊ะใส่ ครับผมเธอหัวเราะอย่างร่าเริง

    แล้วมือของเขาที่กุมมือของเธออยู่ก็จางหายไป แสงสีเหลืองทองค่อยๆหรี่ลง และกลายเป็นสีเทา บรรยากาศแห่งความอบอุ่นมลายไป ความหนาวเย็นค่อยคลืบคลานเข้ามา เสียงหัวเราะถูกกลบด้วยเสียงร้องไห้จากทั้งภายใน และภายนอกรถ ใบหน้าของเขาถอยห่างเธอออกไปมากขึ้นทุกที เธอออกแรงกดคันเร่งหนักขึ้นอีก หวังจะฉวยใบหน้าของเขาไว้ในมือ

    Lovin’ you .. is easy cause you're beautiful.

    Makin' love with you… is all I wanna do.

    Lovin' you … is more than just a dream come true.

    And everything that I do … is out of lovin' you.

    เพลง Lovin’ Youเริ่มบรรเลงท่ามกลางพายุฝน แสงไฟสีขาวปรากฏขึ้นทางด้านซ้ายของเธอ ทันใดนั้น โลกของเธอพลันเปลี่ยนเป็นเช้าวันใหม่ มีแสงอาทิตย์เคล้าเสียงนกเจี้อยแจ้ว ชวนให้ ลา ล้า ลา ลา ลา ตามไป

    ไง อยู่ไหนแล้วครับ

    เธอนั่งอยู่บนโต๊ะหิน เพิ่งจะบรรจงใช้ช้อนตักโจ๊กคำแรกเข้าปาก ก่อนโทรศัพท์มือถือดังได้ไม่นาน เสียงของเขาทำให้เธอยิ้มทั้งน้ำตา

    นั่งอยู่ที่โรงอาหารคณะ เธอตอบเบาๆ

    กินข้าวเช้าอยู่เหรอ

    ใช่ เสียงของเธอเริ่มสั่น

    เป็นอะไรรึเปล่าพราว

    ไม่มีอะไร พราวกำลังคิดจะโทรหาเพียวอยู่พอดีเสียงของเธอเริ่มแหบจนขาดหายเป็นบางช่วง

    มีอะไรเหรอ

    ดีใจที่ได้ยินเสียงเพียว

    พราวเป็นอะไรรึเปล่า บอกผม

    ไม่มีอะไร พราวกำลังจะโทรไปบอกเพียวว่าพราวกินข้าวเช้าแล้วนะ เธอพูดด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า

    สายอีกฝั่งเงียบไปสักพัก จากนั้นจึงพูดขึ้นมาใหม่ ดีแล้วเด็กน้อย กินให้อร่อยนะ มื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด กินแล้วจะได้แข็งแรง

    เธอหัวเราะ เป็นอาหารเช้ามื้อแรกในรอบเจ็ดปีเลย อย่าหาว่าพราวขี้แยนะ พราวแค่...เธอเงียบ ใช้นิ้วปาดน้ำตาออก

    ผมก็กำลังจะกินขนมปังพราว เหล้าเช้าน่ะผมทิ้งไปหมดแล้วนะเธอยิ้ม เป็นอาหารเช้าแรกในรอบปีของผมเหมือนกัน แต่ก่อนกัดคำแรก ผมอยากคุยกับพราวก่อน ก็เลยโทรมา

    ขอบคุณนะคะ

    ค่อยๆกิน ให้ผ่านไปทีละมื้อนะพราว

    อืม

    แล้วผมจะโทรหาตอนเที่ยงนะ แล้วตอนเย็นผมจะไปรับ

    ค่ะ

    แล้วเจอกันครับ

    บ๊ายบาย

    ตั้งใจเรียนนะ เสียงของเขาค่อยๆเบาลง แทนที่ด้วยเสียงเพลง Lovin’Youแต่จู่ๆ เมโลดี้ของเพลงกลับถูกยืดออกจนยาน และถูกเสียงซ่าไร้ชีวิตชีวาแทรกจนฟังแล้วชวนหวาดผวา แสงรุ่งอรุณกลายเป็นแสงจัดจ้า แทงลูกตาของเธอจนพร่ามัว

    เธอหันขวับมองทางซ้าย ลนลานคว้าโทรศัพท์ที่ฉายแสงแผดเผาเกินทน แล้วกดปิด เสียงเพลงหยุด แต่แสงไฟจากจอยังไม่ยอมดับ เธอกำโทรศัพท์ไว้แน่นราวกับจะบีบมันให้แหลกเหลวคามือ หลับตา กัดฟัน พยายามข่มใจ รวบรวมสติที่มีเหลืออยู่น้อยนิดไว้ แต่เปลือกตาของเธอกลายเป็นผิวโปร่งใสไปแล้ว ไม่ว่าจะปิดตาให้สนิทเท่าไหร่ แสงปิศาจก็ยังทะลวงนัยน์ตาของเธอ ลึกไปถึงสมอง หัวใจของเธอกรีดร้องสุดเสียงด้วยความอัดอั้น วินาทีนั้นเอง เธอเขวี้ยงโทรศัพท์ไปข้างหลังอย่างสุดแรงเกิด ปัง!!! โทรศัพท์ชนกระจกหลังร้าวเหมือนถูกกระสุนปืน ส่วนตัวโทรศัพท์เองแตกเป็นเสี่ยงๆ

    เพลง Lovin’Youดังโพล่งขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มาจากด้านหลังของเธอ

    เงียบ!!! เธอสุดทน ร้องลั่นด้วยกำลังทั้งหมด ให้เสียงกลบเสียงเพลงนั้น เธอแผดเสียงนานจนหมดลม เจ็บแสบไปทั้งลำคอ แต่ทำนองที่เคยสดใสหวานซึ้งกลับยังคงเสียดแทงประสาท ราวตะปูเงินวาววับตัวยาวที่ตอกทะลุกลางหน้าผาก ยึดเธอไว้กับเสาปูนโสโครก ยิ่งค้อนตอกตะปูลึกเท่าไหร่ หัวเหมือนแตกเป็นเสี่ยงๆ น้ำตาที่ไหลอาบแก้ม กลายเป็นสีแดงฉานในบัดดล

    ลา ลา ล้า ลา ลา ลา ลา ... แม้คอจะเจ็บปวดถึงขีดสุด แต่เธอต้องการตะโกนให้ดังไปถึงแก่นสมอง

    เสียงเพลงดังไม่หยุดไปตลอดทางราวยี่สิบกิโลเมตร บนถนนที่วังเวงและโหดร้ายที่สุดสำหรับมนุษย์คนหนึ่ง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×