ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : แล้วเขาก็กลับมา
ก่อนอื่นก็ต้องขอแนะนำตัวก่อนนะคะ  อันตัวข้าพเจ้านี้นามปากกาแก้มป่อง  สืบเนื่องมาจากตัวจริงเป็นคนแก้มป่องมากกก  สำหรับนิยายเรื่องนี้เขียนเป็นเรื่องแรกค่ะ ไม่ชอบยังไงก็คอมเม้นได้นะคะ  หรือถ้าชอบก็บอกกันด้วยจะได้มีแรงปั่นงานต่อคะ
ป.ล.ถึงจะเขียนบรรยายเยอะไปนิดก็ขอให้อ่านจนจบก่อนนะคะค่อยปิดทิ้ง
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
                                                              คุณเคยรออะไรซักอย่างไหม
                                                   
                                                    แล้วขีดจำกัดการรอของคุณคือเท่าไหร่
                                                                   
                                                                      1  วัน
                                                                   
                                                                      1  เดือน
                                                                   
                                                                      1  ปี
                                                                 
                                                                      10 ปี
                                                   
                                    แต่สำหรับฉันแล้ว มันเกือบตลอดชีวิตเลยทีเดียว
                                            ********************************
“รอเรานะ  ไม่นานหรอก แล้วเราจะกลับมา”
“อือ เราจะรอ รอจนกว่าเชนจะกลับมา”
กริ๊ง ------กริ๊ง------กริ๊ง--------
“โอ๊ย  รู้แล้ว ๆ ตื่นเดี๋ยวนี้แหละ เจ้านาฬิกาบ้าจะเที่ยงตรงอะไรกันนักกันหนา” ( + _+)
เฮ้อ เป็นเช้าที่ไม่ค่อยสดใสเอาซะเลย มันเป็นเพราะอะไรกันนะ หรืออาจเป็นเพราะฝันบ้า ๆ เมื่อคืนนี้ก็ได้  บ้าจริง ! ผ่านมาตั้งนานแล้วทำไมกันนะ  ทำไมถึงลืมมันไม่ได้ซักที  ทำไมฉันถึงได้อดทนรอกับสิ่งที่ไม่รู้ว่าจะเป็นจริงได้รึเปล่า ได้นานขนาดนี้  ฮืม รู้สึกว่าตัวเองนี่ทึ่มชะมัด 
(_)
“โอ๊ย สายแล้ว ๆ มัวมานั่งคิดอะไรบ้า ๆ อยู่ได้นี่เรา เดี๋ยวไปทำงานพิเศษไม่ทันกันพอดี”
ซ่า  ซ่า
จะมองกี่ทียัยผู้หญิงผมฟู  ที่คาบแปรงสีฟันจ้องตอบจากกระจกข้างหน้านี่ก็ไม่ได้ดูน่ารักเท่าไหร่เลยแฮะ  ตาก็โตเหมือนคนที่ตกใจอยู่ตลอดเวลา  แก้มก็เหมือนกับมีซาลาเปา 2 ลูกมาเกาะอยู่ที่หน้า มีดีก็แต่จมูกที่ไม่แบน  ผิวที่ขาวเหมือนแม่กับริมฝีปากที่ดูเซ็กซี่นี่แหละที่ทำให้ฉันภูมิใจได้ว่า อย่างน้อยก็ไม่ขี้เหร่เท่าไหร่หรอก (คิดว่างั้นนะ )
ก็แหงละ  สำหรับผู้หญิงที่สูงแค่ 162  แต่หนักตั้ง  56 จะเอาอะไรมาสวยเหมือนคนอื่นได้เล่า แต่ไม่เป็นไรหรอกอย่างน้อยฉันก็ไม่อ้วนมาก  เพียงแต่ดูอวบอิ่มเกินไปก็เท่านั้น [ ไม่จริงเลยนะนั่นขอยืนยันโดย- แก้มป่อง(-^v^-) ] แปลกนะ ทั้ง ๆ ที่ฉันเป็นคนส่วนมากของสังคม(พูดง่าย ๆ ก็คือคนจนนะแหละ) แต่น้ำหนักฉันกลับดูสวนกระแสเหลือเกิน  แต่ช่างมันเถอะยังไงฉันก็เป็นผู้หญิงที่มีความสุขก็แล้วกัน ความสุขกับสัญญาเล็ก ๆ ในวัยเด็กของฉัน  ถึงจะเป็นแค่สัญญาเล็ก ๆ แต่ก็เป็นข้อผูกมัดที่ยิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่ขนาดไหนนะแหรอ ก็ขนาดที่ว่าทำให้ฉันไม่มีแฟนจนถึงทุกวันนี้เลยแหละ
ตึง ตึง ๆ
“โธ่ พี่เฟิร์น ทำตัวให้สมกับเป็นกุลสตรีหน่อยซิฮะ”
นี่เป็นคำทักทายตอนเช้าของทุกวันของเจ้าเฟย์น้องชายสุดหล่อของฉัน  ซึ่งนับวันจะทำตัวเป็นตัวแทนของพ่อและแม่ที่เสียไปได้เหมือนจริงยังกับท่านมายืนบ่นให้ฉันด้วยตัวเอง
“รู้แล้วน่าก็คนมันรีบนี่” 
“รีบ..แล้วทำไมไม่ตื่นให้เช้ากว่านี้ละฮะ”
“ก็เมื่อคืนนอนดึกนี่นา” 
“นอนดึก ..ทำไมถึงนอนดึก”  น่าน .เสียงแข็งขึ้นมาเชียวตกลงใครเป็นพี่ ใครเป็นน้องกันแน่นี่
“เอ่อ .. ก็มันนอนไม่ค่อยหลับนี่เลยนั่งเล่นเกมจนเกือบเช้านะแหละ” (\"-_-)  ฉันตอบเลี่ยงไปงั้นแหละ  ที่จริงฉันรับจ๊อบพิเศษรับจ้างพิมพ์งานต่างหาก  แต่บอกเจ้าเฟย์ไม่ได้หรอก  ขืนรู้ว่าฉันรับทำงานเพิ่มนะ  มีหวังคิดมากไม่สบายใจอีก  มันช่วยไม่ได้นี่นาเดี๋ยวเจ้าเฟย์ก็ต้องเข้ามหาลัยแล้ว  ขืนไม่เตรียมเงินไว้ได้แย่กันพอดี
“แล้ววันนี้พี่จะกลับกี่โมง” (-_-)
“อ้อ  ก็ประมาณ  2 ทุ่มนี่แหละ” (-^v^-)
“เอ้านี่  ข้าวกล่องเอาไปกินซะ” (-_-)
“อะไรกัน  ไม่ต้องทำให้ก็ได้  อย่าบอกนะว่าที่นายตื่นเช้าก็เพื่อจะมาทำข้าวกล่องนี่  พี่ว่าซื้อกินเอาไม่ง่ายกว่าเหรอ” (-^v^-)
“ใช่  มันง่าย  แต่สารอาหารมันไม่ครบนี่นา  แถมพวกอาหารเส้น ๆ ที่พี่ชอบกินนี่ มันก็ไม่ได้มีคุณค่าอะไรเลยนอกจากช่วยเพิ่มระดับชั้นของพุงพี่ก็เท่านั้น” (-_-)
“พูดอะไรออกมาน่ะ  พี่ไม่ได้อ้วนซักหน่อย แค่อวบไปหน่อยเดียวเอง” (”- -) 
“ไม่หน่อยมั้งพี่ ไม่รู้ละยังไงต่อจากนี้พี่ต้องห่อข้าวไปกินทุกวัน จะได้เป็นการควบคุมน้ำหนักของพี่ด้วยไง”    ไม่พูดเปล่าเจ้าเฟย์ยังรีบยัดเอาข้าวกล่องใส่กระเป๋าเป้ของฉัน  เฮ้อ  ช่างมันเถอะเข้าใจว่าน้องมันห่วงสงสัยกลัวว่าพี่สาวจะขายไม่ออก
“งั้น พี่ไปทำงานก่อนนะ” (”- -) 
“อ้าวแล้วไม่กินข้าวเช้าด้วยกันก่อนเหรอฮะ” (-_-)
“ไม่หรอก  กลัวอ้วนไปละ” (-o-)
                              -------------------------------------
แฮ่ก แฮ่ก  ถึงร้านซักที ทำไมวันนี้รถมันถึงติดนักนะ  แถมยังมีไอ้รถลีมูซีนอวดรวยนั่นอีกรถเลยยิ่งดูติดขึ้น  ฉันไม่เข้าใจเลยนะว่าการนั่งรถลีมูซีนคนเดียวมันเหลานักรึไงถึงต้องมีรถตำรวจ คอยขับล้อมหน้าล้อมหลัง ยังกับคุมนักโทษไปเรือนจำอย่างงั้นแหละ น้ำมันยิ่งแพง ๆ อยู่ด้วยไม่เสียดายพลังงานกันหรือไง
“เฟิร์น วันนี้เธอมาสายนะ”  แพมเพื่อนสาวสุดสวยและหุ่นดีของฉัน ร้องทักฉันด้วยคำพูดที่ฉันคุ้นเคยกับมันดี
“ก็รถมันติดนี่นา” (-o-) ฉันตอบกลับด้วยประโยคเดิมเหมือนทุกครั้ง
“งั้นก็ตื่นให้เช้ากว่านี้ซิ” 
“พูดเหมือนเจ้าเฟย์เลย  นี่ถ้าพวกเธอสองคนมาอยู่ด้วยกันนะ ฉันคนหนึ่งละที่ต้องขออยู่ห่างพวกเธอซัก  10  กิโลเมตร” (-o-)
“ยะ ถ้าน้องของเธอยอมมาอยู่กับฉันก็ดีซิยะ  ก็น้องเฟย์ออกจะหล่อนี่ ผิวก็ขาว คิ้วก็เข้ม  ตาก็คม แถมาหุ่นก็ทรมานใจสาวขนาดนั้น  ฉันละไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าพวกเธอสองคนเป็นพี่น้องกันได้ยังไง ถามจริง ๆ เถอะเฟิร์น  เธอเป็นเด็กที่เก็บมาเลี้ยงหรือเปล่า” (-^o^-)
“อ้าว ๆ พูดงี้ก็สวยเดะแพม”  (-o-)
“แน่นอน  ฉันสวยอยู่แล้ว” (-^o^-)  ไม่ต้องแปลกใจค่ะเรื่องยอตัวเองไม่มีใครเกินแพมไปได้
“ฉันเป็นพี่เจ้าเฟย์นะ เกิดก่อนเจ้าเฟย์  ถ้าครอบครัวฉันจะมีเด็กเก็บมาเลี้ยงก็ต้องเป็นเจ้าเฟย์ซิ”
 
“ช่วยไม่ได้นี่ ก็คุณลุงคุณป้า  ท่านออกจะหน้าตาดี น้องเฟย์ทีรักของฉันก็หน้าตาดีเหมือนท่าน  จะมีก็แต่เธอนั่นแหละยัยเฟิร์นที่เป็นลูกเป็ดขี้เหร่ของบ้าน” (-^o^-)
“นี่หล่อนตอนฉันผอม ฉันก็สวยนะถ้าไม่เชื่อจะเอารูปตอนเด็ก ๆ มาให้ดูก็ได้” (>o<)
“จ้า ๆ รู้แล้วว่าเธอตอนเด็กนะสวย ก็เล่นเอารูปมาอวดฉันสัก 100 รอบได้มั้ง แต่อย่าลืมไปนะว่าตอนนี้เธอไม่ได้เด็ก ผอม สวยเหมือนเดิมแล้ว  แต่เป็นยัยหมูอ้วนพุงพลุ้ยผมฟู ไม่เหลือเค้าสาวน้อยผมเปียก้มใสเลยซักนิดต่างหาก  โฮะ โฮะ” (-^o^-)
ยัยแพมหัวเราะอย่างสะใจที่สามารถพูดให้ฉันหมดความมั่นใจได้ในทุกครั้งที่เธอมีโอกาส
“รู้แล้วน่า  ฉันไปจัดหนังสือหลังร้านก่อนแล้วกันขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงด้วยแล้ว” ( T^T) 
ที่จริงร้านที่ฉันทำงานพิเศษอยู่ตอนนี้ก็จัดว่าเป็นร้านที่ดังอยู่เหมือนกันนะ  หนังสือเล่มไหนหายาก ๆ ไปซื้อที่ไหนไม่มีถ้ามาที่นี่แล้วต้องเจอแน่นอน  เพราะเจ้าของร้านที่นี่เขาเป็นคนที่รักหนังสือมากแล้วร้านนี่ก็เปิดเพราะใจรัก  ไม่ได้หวังกำไรอะไรมากมายเพราะเขามีธุรกิจส่งออกเป็นรายได้หลักอยู่แล้ว  และเวลาเขาไปติดต่องานที่ต่างประเทศก็มักจะซื้อหนังสือดี ๆ มาด้วยเยอะแยะ หนังสือที่ร้านนี้จึงแตกต่างจากร้านอื่น
“ เฟิร์น  เฟิร์น  มะ ..มานี่หน่อยซิ” แพนเรียกฉันตะกุกตะกักซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมากเพราะจริง ๆ แล้วความสามารถพิเศษของเธอคือพูดได้เก่งชนิดลิงยังหลับได้เลยแหละ
“มีอะไรแพม  ฉันกำลังวุ่นกับชั้นหนังสืออยู่นะ” (>o<)
“ตะ..แต่..มะ..มานี่ก่อนเถอะ..ลูก..ลูกค้าต้อง..ต้องการ ช่วยหาหนังสือให้”
“ได้ ได้ ไปเดี๋ยวนี้แหละ” (- o -)
ทุกครั้งเลยที่ลูกค้าต้องการหาหนังสือ ยัยแพมจะต้องเรียกฉันไปหาให้เพราะหล่อนไม่รู้ว่าชื่อหนังสือที่ลูกค้าเอ่ยมามันเป็นประเภทไหน  ทำไมนะเหรอก็เพราะหล่อนเกลียดการอ่านหนังสือนะซิ (แต่ดันมาเลือกงานขายหนังสือ) สงสัยต้องหาเวลาว่างสอนวิธีหาหนังสือให้ยายแพมซะแล้ว
“แพม  ไหนลูกค้าที่จะให้ช่วยหาหนังสือให้” (- o -)
“นะ นั่นไง เห็นกลุ่มผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงชั้นหนังสือฝั่งนั้นไหมเฟิร์น” แพมบอกฉันด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นจนฉันเองก็แปลกใจ
“เห็นแล้ว  แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องทำเสียงตื่นเต้นอย่างนั้นด้วย” (- o -)
“ก็..เธอต้องได้เห็นหน้าเขาก่อนถึงจะอยู่ว่าทำไม คนอะไรก็ไม่รู้หล่อชะมัดเลย  หล่อจนฉันแทบกองลงตรงนี้  เพราะถูกละลายด้วยสายตาของเขาเลยแหละ” (>o<)
“เวอร์ นะแพม”  (- o -)ฉันไม่เชื่อยายนี่สุดขีด  เพราะผู้ชายทุกคนบนโลกนี้สามารถละลายหล่อนด้วยสายตาของเขาได้หมดแหละ
“ฮึ  เธอก็ไปดูด้วยสายตาของตัวเองซิถ้าไม่เชื่อ”   
ฉันรีบเดินเข้าไปหากลุ่มลูกค้าที่ยืนเลือกหนังสืออยู่    อืม..สูงจังแฮะ  แต่เอะ !ไหนพูดภาษาอังกฤษกัน เอ หรือว่าเป็นคนต่างชาติ  ตายละฉันยิ่งพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ด้วย
ไหน ๆ ก็มาแล้วลองพูดด้วยภาษาไทยก่อนแล้วกัน
“เอ่อ..คือ ขอโทษคะ หนังสือเล่มไหนคะที่ต้องการให้ทางร้านหาให้” (-º◊º-)
ตึง  โครม
เปล่าคะ  ไม่ใช่เสียงช้างล้มหรอกคะ  แต่เป็นเสียงของผู้หญิงอวบเกินไปนิดคนหนึ่งที่ล้มชนชั้นหนังสือ  เพราะความดีใจ  ตกใจ  สุขใจ  แปลกใจ  อะไรไม่รู้มันมั่วไปหมด ทันทีที่เขาคนนั้นหันมา เขาคนนั้นที่เธอฝันเห็นมาตลอดไม่ว่า ยามหลับหรือยามตื่น  ผู้ชายที่เธอเฝ้ารอมาตลอด  10  ปี
“เฮ้  คุณ  เป็นไรรึเปล่า” (\"-_-)
ว้าว  เสียงของเขายังฟังดูอบอุ่นเหมือเดิมเลย
“เอ่อ  ไม่เป็นไร  ไม่เป็นไรซักนิด” (>o<)ฉันพยายามตะเกียกตะกายยื่นหน้ากลม ๆ ออกมาจากกองหนังสือเพื่อมาตอบเขา
“แน่ใจนะครับ  ให้ผมช่วยอะไรคุณไหม” (\"-_-)
น่านยังใจดีเหมือนเดิมด้วย
“ไม่เป็นไร  แค่นี้สบายมาก เอ่อจริงซิ กลับมาเมืองไทยตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอเชน  ยังไงก็ยินดีต้อนรับกลับเมืองไทยนะจ๊ะ” (>v<)ฉันพยายามส่งยิ้มที่คิดว่าทำให้ผู้หญิงอวบที่ล้มแหมะ อยู่ใต้กองหนังสือดูดีที่สุด  แต่เอะ! ไหงเขาทำหน้างงอย่างงั้นละ  ดูซิคิ้วก็ขมวดจนผูกโบว์ได้แล้ว  หรือว่าเขาจำฉันไม่ได้  จริงซิเราลืมแนะนำตัวเองนี่นา
“เอ่อ  ฉัน เฟิร์น ไงเชน  อะไรกันแกล้งทำเป็นลืมละซิ  อย่าอำกันเลยน่ารู้ทันหรอก” (>o<)
น่าน ยังแกล้งทำหน้างงอำฉันอยู่อีก  [แล้วหล่อนจะนอนอยู่ใต้กองหนังสืออีกนานไหมยัยเฟิร์น ทำไมไม่ลุกซักทีรอให้เขามาอุ้มหรือไง -แก้มป่อง(-^v^-) -- ถ้าได้ก็ดีซิเจ๊:เฟิร์น ]
“เฟิร์น ใครกัน  ผมไม่รู้จัก แล้วคุณรู้จักชื่อผมได้ยังไง” (\"-_-)
เปรี้ยง
ไม่ใช่เสียงฟ้าผ่าตอนฟ้าใสหรอกคะ  แต่เป็นเสียงประกาศิตจากปากของเขาทีมีอานุภาพเท่ากับฟ้าที่ผ่าลงตรงกลางใจฉันพอดี  ผ่าซ้ำไปซ้ำมาด้วยซิ
เฟิร์น ใครกัน  ผมไม่รู้จัก  ผมไม่รู้จัก  ผมไม่รู้จัก  ผมไม่รู้จัก  ผมไม่รู้จัก  ผมไม่รู้จัก  ผมไม่รู้จัก
ไม่รู้จักงั้นเหรอ  อะไรกันแล้วที่ผ่านมาฉันรอมันไปเพื่ออะไรกันเล่า  อืม  ทำไมห้องมันมืดจัง เอหรือว่าฉันกำลังฝันไปกันแน่เนี่ย  ต้องฝันไปแน่นอนฝันเหมือนกับทุกคืนตลอด  10  ปีที่ผ่านมา  อือ ง่วงจริง ๆ แฮะ
“เฮ้  คุณเป็นไรไป”
                                                  *+*+*+*+*+-*+*+*+*+*+*+
ป.ล.ถึงจะเขียนบรรยายเยอะไปนิดก็ขอให้อ่านจนจบก่อนนะคะค่อยปิดทิ้ง
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
                                                              คุณเคยรออะไรซักอย่างไหม
                                                   
                                                    แล้วขีดจำกัดการรอของคุณคือเท่าไหร่
                                                                   
                                                                      1  วัน
                                                                   
                                                                      1  เดือน
                                                                   
                                                                      1  ปี
                                                                 
                                                                      10 ปี
                                                   
                                    แต่สำหรับฉันแล้ว มันเกือบตลอดชีวิตเลยทีเดียว
                                            ********************************
“รอเรานะ  ไม่นานหรอก แล้วเราจะกลับมา”
“อือ เราจะรอ รอจนกว่าเชนจะกลับมา”
กริ๊ง ------กริ๊ง------กริ๊ง--------
“โอ๊ย  รู้แล้ว ๆ ตื่นเดี๋ยวนี้แหละ เจ้านาฬิกาบ้าจะเที่ยงตรงอะไรกันนักกันหนา” ( + _+)
เฮ้อ เป็นเช้าที่ไม่ค่อยสดใสเอาซะเลย มันเป็นเพราะอะไรกันนะ หรืออาจเป็นเพราะฝันบ้า ๆ เมื่อคืนนี้ก็ได้  บ้าจริง ! ผ่านมาตั้งนานแล้วทำไมกันนะ  ทำไมถึงลืมมันไม่ได้ซักที  ทำไมฉันถึงได้อดทนรอกับสิ่งที่ไม่รู้ว่าจะเป็นจริงได้รึเปล่า ได้นานขนาดนี้  ฮืม รู้สึกว่าตัวเองนี่ทึ่มชะมัด 
(_)
“โอ๊ย สายแล้ว ๆ มัวมานั่งคิดอะไรบ้า ๆ อยู่ได้นี่เรา เดี๋ยวไปทำงานพิเศษไม่ทันกันพอดี”
ซ่า  ซ่า
จะมองกี่ทียัยผู้หญิงผมฟู  ที่คาบแปรงสีฟันจ้องตอบจากกระจกข้างหน้านี่ก็ไม่ได้ดูน่ารักเท่าไหร่เลยแฮะ  ตาก็โตเหมือนคนที่ตกใจอยู่ตลอดเวลา  แก้มก็เหมือนกับมีซาลาเปา 2 ลูกมาเกาะอยู่ที่หน้า มีดีก็แต่จมูกที่ไม่แบน  ผิวที่ขาวเหมือนแม่กับริมฝีปากที่ดูเซ็กซี่นี่แหละที่ทำให้ฉันภูมิใจได้ว่า อย่างน้อยก็ไม่ขี้เหร่เท่าไหร่หรอก (คิดว่างั้นนะ )
ก็แหงละ  สำหรับผู้หญิงที่สูงแค่ 162  แต่หนักตั้ง  56 จะเอาอะไรมาสวยเหมือนคนอื่นได้เล่า แต่ไม่เป็นไรหรอกอย่างน้อยฉันก็ไม่อ้วนมาก  เพียงแต่ดูอวบอิ่มเกินไปก็เท่านั้น [ ไม่จริงเลยนะนั่นขอยืนยันโดย- แก้มป่อง(-^v^-) ] แปลกนะ ทั้ง ๆ ที่ฉันเป็นคนส่วนมากของสังคม(พูดง่าย ๆ ก็คือคนจนนะแหละ) แต่น้ำหนักฉันกลับดูสวนกระแสเหลือเกิน  แต่ช่างมันเถอะยังไงฉันก็เป็นผู้หญิงที่มีความสุขก็แล้วกัน ความสุขกับสัญญาเล็ก ๆ ในวัยเด็กของฉัน  ถึงจะเป็นแค่สัญญาเล็ก ๆ แต่ก็เป็นข้อผูกมัดที่ยิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่ขนาดไหนนะแหรอ ก็ขนาดที่ว่าทำให้ฉันไม่มีแฟนจนถึงทุกวันนี้เลยแหละ
ตึง ตึง ๆ
“โธ่ พี่เฟิร์น ทำตัวให้สมกับเป็นกุลสตรีหน่อยซิฮะ”
นี่เป็นคำทักทายตอนเช้าของทุกวันของเจ้าเฟย์น้องชายสุดหล่อของฉัน  ซึ่งนับวันจะทำตัวเป็นตัวแทนของพ่อและแม่ที่เสียไปได้เหมือนจริงยังกับท่านมายืนบ่นให้ฉันด้วยตัวเอง
“รู้แล้วน่าก็คนมันรีบนี่” 
“รีบ..แล้วทำไมไม่ตื่นให้เช้ากว่านี้ละฮะ”
“ก็เมื่อคืนนอนดึกนี่นา” 
“นอนดึก ..ทำไมถึงนอนดึก”  น่าน .เสียงแข็งขึ้นมาเชียวตกลงใครเป็นพี่ ใครเป็นน้องกันแน่นี่
“เอ่อ .. ก็มันนอนไม่ค่อยหลับนี่เลยนั่งเล่นเกมจนเกือบเช้านะแหละ” (\"-_-)  ฉันตอบเลี่ยงไปงั้นแหละ  ที่จริงฉันรับจ๊อบพิเศษรับจ้างพิมพ์งานต่างหาก  แต่บอกเจ้าเฟย์ไม่ได้หรอก  ขืนรู้ว่าฉันรับทำงานเพิ่มนะ  มีหวังคิดมากไม่สบายใจอีก  มันช่วยไม่ได้นี่นาเดี๋ยวเจ้าเฟย์ก็ต้องเข้ามหาลัยแล้ว  ขืนไม่เตรียมเงินไว้ได้แย่กันพอดี
“แล้ววันนี้พี่จะกลับกี่โมง” (-_-)
“อ้อ  ก็ประมาณ  2 ทุ่มนี่แหละ” (-^v^-)
“เอ้านี่  ข้าวกล่องเอาไปกินซะ” (-_-)
“อะไรกัน  ไม่ต้องทำให้ก็ได้  อย่าบอกนะว่าที่นายตื่นเช้าก็เพื่อจะมาทำข้าวกล่องนี่  พี่ว่าซื้อกินเอาไม่ง่ายกว่าเหรอ” (-^v^-)
“ใช่  มันง่าย  แต่สารอาหารมันไม่ครบนี่นา  แถมพวกอาหารเส้น ๆ ที่พี่ชอบกินนี่ มันก็ไม่ได้มีคุณค่าอะไรเลยนอกจากช่วยเพิ่มระดับชั้นของพุงพี่ก็เท่านั้น” (-_-)
“พูดอะไรออกมาน่ะ  พี่ไม่ได้อ้วนซักหน่อย แค่อวบไปหน่อยเดียวเอง” (”- -) 
“ไม่หน่อยมั้งพี่ ไม่รู้ละยังไงต่อจากนี้พี่ต้องห่อข้าวไปกินทุกวัน จะได้เป็นการควบคุมน้ำหนักของพี่ด้วยไง”    ไม่พูดเปล่าเจ้าเฟย์ยังรีบยัดเอาข้าวกล่องใส่กระเป๋าเป้ของฉัน  เฮ้อ  ช่างมันเถอะเข้าใจว่าน้องมันห่วงสงสัยกลัวว่าพี่สาวจะขายไม่ออก
“งั้น พี่ไปทำงานก่อนนะ” (”- -) 
“อ้าวแล้วไม่กินข้าวเช้าด้วยกันก่อนเหรอฮะ” (-_-)
“ไม่หรอก  กลัวอ้วนไปละ” (-o-)
                              -------------------------------------
แฮ่ก แฮ่ก  ถึงร้านซักที ทำไมวันนี้รถมันถึงติดนักนะ  แถมยังมีไอ้รถลีมูซีนอวดรวยนั่นอีกรถเลยยิ่งดูติดขึ้น  ฉันไม่เข้าใจเลยนะว่าการนั่งรถลีมูซีนคนเดียวมันเหลานักรึไงถึงต้องมีรถตำรวจ คอยขับล้อมหน้าล้อมหลัง ยังกับคุมนักโทษไปเรือนจำอย่างงั้นแหละ น้ำมันยิ่งแพง ๆ อยู่ด้วยไม่เสียดายพลังงานกันหรือไง
“เฟิร์น วันนี้เธอมาสายนะ”  แพมเพื่อนสาวสุดสวยและหุ่นดีของฉัน ร้องทักฉันด้วยคำพูดที่ฉันคุ้นเคยกับมันดี
“ก็รถมันติดนี่นา” (-o-) ฉันตอบกลับด้วยประโยคเดิมเหมือนทุกครั้ง
“งั้นก็ตื่นให้เช้ากว่านี้ซิ” 
“พูดเหมือนเจ้าเฟย์เลย  นี่ถ้าพวกเธอสองคนมาอยู่ด้วยกันนะ ฉันคนหนึ่งละที่ต้องขออยู่ห่างพวกเธอซัก  10  กิโลเมตร” (-o-)
“ยะ ถ้าน้องของเธอยอมมาอยู่กับฉันก็ดีซิยะ  ก็น้องเฟย์ออกจะหล่อนี่ ผิวก็ขาว คิ้วก็เข้ม  ตาก็คม แถมาหุ่นก็ทรมานใจสาวขนาดนั้น  ฉันละไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าพวกเธอสองคนเป็นพี่น้องกันได้ยังไง ถามจริง ๆ เถอะเฟิร์น  เธอเป็นเด็กที่เก็บมาเลี้ยงหรือเปล่า” (-^o^-)
“อ้าว ๆ พูดงี้ก็สวยเดะแพม”  (-o-)
“แน่นอน  ฉันสวยอยู่แล้ว” (-^o^-)  ไม่ต้องแปลกใจค่ะเรื่องยอตัวเองไม่มีใครเกินแพมไปได้
“ฉันเป็นพี่เจ้าเฟย์นะ เกิดก่อนเจ้าเฟย์  ถ้าครอบครัวฉันจะมีเด็กเก็บมาเลี้ยงก็ต้องเป็นเจ้าเฟย์ซิ”
 
“ช่วยไม่ได้นี่ ก็คุณลุงคุณป้า  ท่านออกจะหน้าตาดี น้องเฟย์ทีรักของฉันก็หน้าตาดีเหมือนท่าน  จะมีก็แต่เธอนั่นแหละยัยเฟิร์นที่เป็นลูกเป็ดขี้เหร่ของบ้าน” (-^o^-)
“นี่หล่อนตอนฉันผอม ฉันก็สวยนะถ้าไม่เชื่อจะเอารูปตอนเด็ก ๆ มาให้ดูก็ได้” (>o<)
“จ้า ๆ รู้แล้วว่าเธอตอนเด็กนะสวย ก็เล่นเอารูปมาอวดฉันสัก 100 รอบได้มั้ง แต่อย่าลืมไปนะว่าตอนนี้เธอไม่ได้เด็ก ผอม สวยเหมือนเดิมแล้ว  แต่เป็นยัยหมูอ้วนพุงพลุ้ยผมฟู ไม่เหลือเค้าสาวน้อยผมเปียก้มใสเลยซักนิดต่างหาก  โฮะ โฮะ” (-^o^-)
ยัยแพมหัวเราะอย่างสะใจที่สามารถพูดให้ฉันหมดความมั่นใจได้ในทุกครั้งที่เธอมีโอกาส
“รู้แล้วน่า  ฉันไปจัดหนังสือหลังร้านก่อนแล้วกันขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงด้วยแล้ว” ( T^T) 
ที่จริงร้านที่ฉันทำงานพิเศษอยู่ตอนนี้ก็จัดว่าเป็นร้านที่ดังอยู่เหมือนกันนะ  หนังสือเล่มไหนหายาก ๆ ไปซื้อที่ไหนไม่มีถ้ามาที่นี่แล้วต้องเจอแน่นอน  เพราะเจ้าของร้านที่นี่เขาเป็นคนที่รักหนังสือมากแล้วร้านนี่ก็เปิดเพราะใจรัก  ไม่ได้หวังกำไรอะไรมากมายเพราะเขามีธุรกิจส่งออกเป็นรายได้หลักอยู่แล้ว  และเวลาเขาไปติดต่องานที่ต่างประเทศก็มักจะซื้อหนังสือดี ๆ มาด้วยเยอะแยะ หนังสือที่ร้านนี้จึงแตกต่างจากร้านอื่น
“ เฟิร์น  เฟิร์น  มะ ..มานี่หน่อยซิ” แพนเรียกฉันตะกุกตะกักซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมากเพราะจริง ๆ แล้วความสามารถพิเศษของเธอคือพูดได้เก่งชนิดลิงยังหลับได้เลยแหละ
“มีอะไรแพม  ฉันกำลังวุ่นกับชั้นหนังสืออยู่นะ” (>o<)
“ตะ..แต่..มะ..มานี่ก่อนเถอะ..ลูก..ลูกค้าต้อง..ต้องการ ช่วยหาหนังสือให้”
“ได้ ได้ ไปเดี๋ยวนี้แหละ” (- o -)
ทุกครั้งเลยที่ลูกค้าต้องการหาหนังสือ ยัยแพมจะต้องเรียกฉันไปหาให้เพราะหล่อนไม่รู้ว่าชื่อหนังสือที่ลูกค้าเอ่ยมามันเป็นประเภทไหน  ทำไมนะเหรอก็เพราะหล่อนเกลียดการอ่านหนังสือนะซิ (แต่ดันมาเลือกงานขายหนังสือ) สงสัยต้องหาเวลาว่างสอนวิธีหาหนังสือให้ยายแพมซะแล้ว
“แพม  ไหนลูกค้าที่จะให้ช่วยหาหนังสือให้” (- o -)
“นะ นั่นไง เห็นกลุ่มผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงชั้นหนังสือฝั่งนั้นไหมเฟิร์น” แพมบอกฉันด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นจนฉันเองก็แปลกใจ
“เห็นแล้ว  แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องทำเสียงตื่นเต้นอย่างนั้นด้วย” (- o -)
“ก็..เธอต้องได้เห็นหน้าเขาก่อนถึงจะอยู่ว่าทำไม คนอะไรก็ไม่รู้หล่อชะมัดเลย  หล่อจนฉันแทบกองลงตรงนี้  เพราะถูกละลายด้วยสายตาของเขาเลยแหละ” (>o<)
“เวอร์ นะแพม”  (- o -)ฉันไม่เชื่อยายนี่สุดขีด  เพราะผู้ชายทุกคนบนโลกนี้สามารถละลายหล่อนด้วยสายตาของเขาได้หมดแหละ
“ฮึ  เธอก็ไปดูด้วยสายตาของตัวเองซิถ้าไม่เชื่อ”   
ฉันรีบเดินเข้าไปหากลุ่มลูกค้าที่ยืนเลือกหนังสืออยู่    อืม..สูงจังแฮะ  แต่เอะ !ไหนพูดภาษาอังกฤษกัน เอ หรือว่าเป็นคนต่างชาติ  ตายละฉันยิ่งพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ด้วย
ไหน ๆ ก็มาแล้วลองพูดด้วยภาษาไทยก่อนแล้วกัน
“เอ่อ..คือ ขอโทษคะ หนังสือเล่มไหนคะที่ต้องการให้ทางร้านหาให้” (-º◊º-)
ตึง  โครม
เปล่าคะ  ไม่ใช่เสียงช้างล้มหรอกคะ  แต่เป็นเสียงของผู้หญิงอวบเกินไปนิดคนหนึ่งที่ล้มชนชั้นหนังสือ  เพราะความดีใจ  ตกใจ  สุขใจ  แปลกใจ  อะไรไม่รู้มันมั่วไปหมด ทันทีที่เขาคนนั้นหันมา เขาคนนั้นที่เธอฝันเห็นมาตลอดไม่ว่า ยามหลับหรือยามตื่น  ผู้ชายที่เธอเฝ้ารอมาตลอด  10  ปี
“เฮ้  คุณ  เป็นไรรึเปล่า” (\"-_-)
ว้าว  เสียงของเขายังฟังดูอบอุ่นเหมือเดิมเลย
“เอ่อ  ไม่เป็นไร  ไม่เป็นไรซักนิด” (>o<)ฉันพยายามตะเกียกตะกายยื่นหน้ากลม ๆ ออกมาจากกองหนังสือเพื่อมาตอบเขา
“แน่ใจนะครับ  ให้ผมช่วยอะไรคุณไหม” (\"-_-)
น่านยังใจดีเหมือนเดิมด้วย
“ไม่เป็นไร  แค่นี้สบายมาก เอ่อจริงซิ กลับมาเมืองไทยตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอเชน  ยังไงก็ยินดีต้อนรับกลับเมืองไทยนะจ๊ะ” (>v<)ฉันพยายามส่งยิ้มที่คิดว่าทำให้ผู้หญิงอวบที่ล้มแหมะ อยู่ใต้กองหนังสือดูดีที่สุด  แต่เอะ! ไหงเขาทำหน้างงอย่างงั้นละ  ดูซิคิ้วก็ขมวดจนผูกโบว์ได้แล้ว  หรือว่าเขาจำฉันไม่ได้  จริงซิเราลืมแนะนำตัวเองนี่นา
“เอ่อ  ฉัน เฟิร์น ไงเชน  อะไรกันแกล้งทำเป็นลืมละซิ  อย่าอำกันเลยน่ารู้ทันหรอก” (>o<)
น่าน ยังแกล้งทำหน้างงอำฉันอยู่อีก  [แล้วหล่อนจะนอนอยู่ใต้กองหนังสืออีกนานไหมยัยเฟิร์น ทำไมไม่ลุกซักทีรอให้เขามาอุ้มหรือไง -แก้มป่อง(-^v^-) -- ถ้าได้ก็ดีซิเจ๊:เฟิร์น ]
“เฟิร์น ใครกัน  ผมไม่รู้จัก แล้วคุณรู้จักชื่อผมได้ยังไง” (\"-_-)
เปรี้ยง
ไม่ใช่เสียงฟ้าผ่าตอนฟ้าใสหรอกคะ  แต่เป็นเสียงประกาศิตจากปากของเขาทีมีอานุภาพเท่ากับฟ้าที่ผ่าลงตรงกลางใจฉันพอดี  ผ่าซ้ำไปซ้ำมาด้วยซิ
เฟิร์น ใครกัน  ผมไม่รู้จัก  ผมไม่รู้จัก  ผมไม่รู้จัก  ผมไม่รู้จัก  ผมไม่รู้จัก  ผมไม่รู้จัก  ผมไม่รู้จัก
ไม่รู้จักงั้นเหรอ  อะไรกันแล้วที่ผ่านมาฉันรอมันไปเพื่ออะไรกันเล่า  อืม  ทำไมห้องมันมืดจัง เอหรือว่าฉันกำลังฝันไปกันแน่เนี่ย  ต้องฝันไปแน่นอนฝันเหมือนกับทุกคืนตลอด  10  ปีที่ผ่านมา  อือ ง่วงจริง ๆ แฮะ
“เฮ้  คุณเป็นไรไป”
                                                  *+*+*+*+*+-*+*+*+*+*+*+
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น