ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตำนาน "นางเงือก"
เงือก เป็นเผ่าพันธุ์ของอมนุษย์สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกอีกชนิดหนึ่ง ว่ากันว่าเงือกพวกนี้อาจมีถิ่นกำเนิดบนฝั่ง บริตานี และว่ายข้ามช่องแคบอังกฤษ ไปยังคอร์วอลล์ จึงทำให้ผู้คนที่นั่นขนานนามว่า เมอร์เมด-เมอร์แมน (เงือกตัวเมีย-ตัวผู้ )อันเปนคำผสมของแองโกล-ฝรั่งเศส และจากคอร์นวอลล์นี่เอง เงือกที่แพร่พันธุ์ไปจนถึงฝั่งตะวันตกของอังกฤษ ไปถึงรอบๆสกอตแลนด์ ตอนเหนือสู่สแกนดิเนเวียมีบางครั้งที่เราอาจเห็นเงือกในจุดต่างๆตลอดแนวฝั่งยุโรปด้วย อาจเปนเพราะเงือกชอบอากาศเย็นและแนวฝั่งแอตแลนติกของอังกฤษกับไอร์แลนด์ (อันหลังนี่เรียกว่าเมอร์โรว์และเมอรูชา )
ในต่างถิ่นมีตำนานเล่าถึงกำเนิดเงือกต่างๆกัน นิทานพื่นบ้านของยุโรปบอกว่า "ในสงครามกรุงทรอยเศษไม้จากซากเรือรบ ที่ถูกเผาวอดวาย กลายสภาพเป็นเลือดเนื้อ และเกิดเป็นสิ่งมีชีวิต คือ เงือก"
ชาวไอริสเล่าว่า "นางเงือก คือผู้หญิงนอกศาสนาที่ถูกเนรเทศออกไปจากแผ่นดิน"
บางท้องที่เล่าว่า ชาวเงือกคือลูกๆของฟาโรห์ ที่จมน้ำในทะเลแดง
ในตำนานเทพของกรีก ต้นตระกูลเงือกคือ ไตรตอน ซึ่งเปนลูกของ โพเซดอน เทพเจ้าแห่งท้องทะเล กับพรายน้ำสาวตนหนึ่ง ผู้คนมักจะจินตนาการว่า ไตรตอนมีหางเป็นปลา ไว้หนวดเครายาว ทรงอำนาจในท้องทะเลเหมือนพ่อ ไตรตอนอาศัยอยู่ในปราสาททองคำที่ซ่อนตัวอยู่ก้นทะเล มีตรีศูล (ฉมวกสามง่าม)เป็นอาวุธ คอยเป่าแตรหอยสังข์ เพื่อควบคุมทะเล ให้สงบหรือบ้าคลั่ง ไตรตอนจึงมีสมญานามว่า นักเป่าแตรแห่งท้องทะเล
แต่ตำนานที่เก่าแก่เล่าว่าชาวเงือกยุคบุกเบิกคือ โอนเนส(oannes)เทพแห่งทะเลของชาวบาบิโลน(อาณาจักรโบรารในแถบเอเชียตะวันตกเฉียงใต้)ซึ่งมีพลังอำนาจต่อดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ โอนเนส เป็นตัวแทนของดวงอาทิตย์ มีร่างกายเป็นมนุษย์ และมีศรีษะเป็นปลา (บ้างก็ว่าสวมเสื้อคลุมเป็นปลา)โอนเนสจะปรากฎกายขึ้นจากทะเล ในยามเช้า และกลับลงไปในทะเลตอนพลบค่ำทุกวันต่อมา เทพอียา(EA) ซึ่งมีลักษณะครึ่งคนครึ่งปลา เช่นกันก็ได้ค่อยๆเข้ามามีบทบาทแทนที่โอเนส ซึ่งถือกันว่า เทพเจ้าอียาเป็นบรรพบุรุษของเงือก ส่วนเทพเจ้า อาทาร์การ์ติส(Atargartis) เป็นตัวแทนของดวงจันทร์ มีลักษณะตรึงคนครึ่งปลาเช่นเดียวกัน สาเหตุที่เทพเจ้าต่างๆต่างๆของชาวบาบิโลน มีลักษณะดังกล่าวนี้ เพราะพวกเขาเชื่อว่า เมื่อพวกเขาเสร็จสิ้นภารกิจในแต่ละวัน ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ก็จะจมหายลงไปในทะเล ดังนั้นเทพเจ้าของเขา จึงควรมีรูปร่างลักษณะ ที่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ทั้งในน้ำและบนบก
เรื่องราวเหล่านี้ล้วน เป็นปริศนา ลี้ลับที่ไม่สามารถ อธิบายได้ ความลึกลับนี้ สืบทอดสืบทอดต่อเนื่องกันมาโดยผ่านเรื่องเล่าเกี่ยวกับเงือก กระจกที่นางเงือกใช้ส่องนั้น เป็นตัวแทนของดวงจันทร์ ซึ่งการโคจรของดวงจันทร์นั้นมีอิทธิพลต่อการเกิดน้ำขึ้นน้ำลง และความเชื่อมโยง กันระหว่างดวงจันทร์และนางเงือกนี้ได้ช่วยให้ตำนานของนางเงือกมีความแปลกประหลาดพิศดารมากยิ่งขึ้น
เมื่อศาสนาคริสต์เริ่มก่อตั้งขึ้น ตำนานนางเงือกได้เปลี่ยนแง่มุมไปจากเดิม ตามความเชื่่อของศาสนาคริสต์นั้น นางเงือกสามารถที่จะมีชีวิตและจิตจัย และวิญญาณได้ แต่จะต้องสัญญาว่าจะอาศัยอยู่บนบกตลอดไปไม่คิดจะกลับคืนสู้ท้องทะเลอีก ซึ่งเปนเรื่องที่เปนไปไม่ได้ จึงถือเป็นการสร้างความทรมานใจให้แก่ตัวเธอเป็นอย่างยิ่ง
มีเรื่องราว อันน่าเศร้าใจเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับนางเงือก ซึ่งไปเยียมเยียนนักบวชรูปหนึ่งอยู่เป็นประจำ ณ สถานที่อันเป็นที่เคารพสักการะในเกาะไอโอนา(Iona)เกาะเล็กๆแห่งหนึ่ง ห่างออกไปจากประเทศสกอตแลนด์เธอได้ขอชีวิตจิตจัยและวิญญาณ จากนักบวชรูปนั้น และนักบวชก็ได้สวดมนต์ขอพรให้แกเธอแต่เธอจะต้องละทิ้งท้องทะเลของเธอตลอดไป แม้ว่าเธอจะปรารถนาชีวิตและจิตใจมากเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถละทิ้งทะเลไปได้...ตอนจบค่อนข้างเศร้าเล็กน้อย เธอได้ไปจากเกาะนั้น และน้ำตาของเธอได้กลายมาเป็นก้อนกรวดสีเขียวเทา หากมีใครพบก้วนกรวดดังกล่าวบนเกาะไอโอนา ก็จะกล่าวบนเกาะไอนา ก็จะเป็นที่ทราบกันดีว่า คือน้ำตา ของนางเงือก
ชาวประมงมักจะเห็นเงือกอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะในเวลาที่คลื่นลมแรงจัด พวกนี้กล่าวว่าไม่มีอะไรงามเตะตาเท่ากับที่ได้เห็นกลุ่มเงือก ทุกวัยโลดแล่นอยู่ในทะเลที่กำลังมีคลืนลม ร่างกาย สีเงินยวงของพวกนี้ดูระยิบระยับเหนือคลื่น ดวงตาสีเขียวเป็นประกายสนุกสนานยามเมื่อไถลตัวลงตามคลื่น
แม้ว่าเงือกจะอาศัยอยู่ใต้ทะเล แต่ก็สามารถพูดภาษาคนของแผ่นดินที่มันอาศัยอยู่ไกล้ที่สุดได้เช่นกัน ว่ากันตามอุปนิสัยแล้ว นางเงือกที่มักจะชอบขึ้นมาเที่ยวชายฝั่ง ก็แค่มานั้งหวีผมที่ยาวสลวย ฟังเสียงทะเลและนกร้องเท่านั้น เงือกเป็นสิ่งมีชีวิตในทะเลที่ฉลาดที่สุดและว่องไวเกินกว่าจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องยุ่งยากใดๆเงือกกินปลาและอาหารทะเลอื่นๆแต่ก็ไม่เคยเข้าไปข้องแวะในกิจกรรมของชาวประมงยกเว้นว่ามนุษย์ไปรุกรานเงือกเข้าเรื่องใดเรื่องหนึ่งเท่านั้น
นางเงือกเป็นสิ่งมีชีวิตเพศเมียที่น่าสนจัย เพราะมีความสวยสะดุดตา และมีความลึกลับที่น่าค้นหา พวกนี้มีผมสีบลอนด์แก่อ่อนต่างระดับ เรียกว่า"สตรอเบอรี่บลอนด์"มีดวงตากลมโตสีเขียว หรือเขียวอมฟ้าเหมือนน้ำทะเล ผิวเนื้อส่วนที่เปนคนขาวบริสุทธ์ผุดผ่องเหมือนไข่มุก เมื่อลงไปอยู่ในทะเลก็จะเคลือบเป็นสีเงิน ยิ่งกว่านั้น ทรวงอก ช่วงไหล่ แขน เอวและสะโพกยังอยู่ในส่วนที่พอเหมาะสวยงาม ชาวเงือกมีพัฒนาการช้ามาก จึงไม่อาจเดาอายุที่แท้จริงได้เงือกที่อ่อนเยาว์ใช้เวลานานมาก กว่าจะถึงวัยรุ่นแล้วยังได้ใช้ชีวิตตอนนี้อย่างมีความสุขอีกนาน กว่าจะถึงวัยสาวเต็มที่ และยังคงอยู่ในสภาพความเป็นสาวเช่นนี้ไปนานนับปีๆทีเดียว ส่วนพวกนายเงือก ก็หล่อเหลาเอาการ พวกนี้ดูบึกบึนร่างกายเต็มไปด้วยขนและแลดูคล้ำกว่า พวกที่เป็นเพศเมีย การปรากฎตัวของมันก็ดูอ่อนโยนกว่าบุคลิกมากทีเดียว เงือกเป็นสิ่งที่ไม่มีวิญณาน แต่มีอำนาจเหนือธรรมชาติ อันอาจทำให้เป็นอมตะ และสามารถทำนายอนาคตได้
ความสัมพันธ์ระหว่างคนกับเงือกเป็นเรื่องซับซ้อนเกินเข้าจัย ในเมือสายพันธุ์ทั้งสองต่างก็ประทับจัยในความงามของร่างกาย ของแต่ล่ะฝ่าย เรื่องราวความรัก ระหว่างเงือกกับมนุษย์มักจะมีให้ฟังเสมอแต่ความที่บุคลิกและการดำรงชีวิตกลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทำให้ความสัมพันธ์ แต่ละครั้งมักจะจบลงด้วยความเศร้า นางเงือกไม่สามารถทนอยู่กับมนุษย์ได้นาน ด้วยความที่รักอิสระเสรี เธอจึงเริ่มรู้สึกว่าชีวิตที่แห้งแล้งและเต็มไปด้วยฝุ่นบนบก เป็นสิ่งที่น่ายุ่งยาก นางเงือกจะไม่ทำงานบ้าน สิ่งเดียวที่เธอทำคือ นั่งส่องกระจก หวีผม และลองทำผมทรงใหม่ๆซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้รักจืดจาง (ก็มนุษย์ผู้ชายยกงานบ้านให้ผู้หญิงหมด)เธอจะเริ่มรู้สึกชิงชังการพูดซุบซิบนินทาของมนุษย์จนต้องหนีลงทะเล และเข้าร่วมกลุ่มกับเพื่อนเก่า หวีผม และร้องเพลง กันที่ริมหาดเหมือนเดิม
เชื้อสาย ของนางเงือก และมนุษย์ จะมีรูปร่างเหมือนมนุษย์ทุกอย่าง แต่จะมีพังผืดที่มือและเท้าแถมมาด้วยทำให้ว่ายน้ำได้คล่องแคล่ว
เป็นที่ทราบกันดีว่า นางเงือกจะทำการแก้แค้นอย่างโหดร้ายทารุณ หากถูกขัดขวางหรือดูถูก ชาวประมงที่เคยมีเมียเป็นเงือกไม่ควร ออกทะเลอีกต่อไป หลังจากที่หล่อนจากไปแล้ว เพราะเขาจะไม่มีวันจับปลาได้อีกเลย ยิ่งกว่านั้นทั้งเรือและตัวเขาเองอาจถูกทำลายทิ้งกลางทะเลด้วย หากยังดื้อดึงที่จะออกทะเลต่อไป (เพราะพวกเธอถือว่าที่คู่ชีวิตไปกันไม่รอด เป็นความผิดของอีกฝ่าย)
ชุมชนประมงชายฝั่งมักจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับนางเงือก เพราะรู้ว่านางเงือกมีอำนาจการหยั่งรู้ พวกนี้เลยต้องการให้เธอช่วยทำนายอนาคตให้ ไม่ว่าจะเป็เรื่องของอากาศ หรือแหล่งที่มีปลาชุกชุม ส่วนค่าจ้างของนางเงือกไม่ได้ว่ากันเป็นเงิน แต่เธอจะทำงานแลกกับหวีทองและกระจกทองเท่านั้น
ในบางกรณีพวกเงือก แสดงตนเชื่อมโยงกับลูกมนุษย์โดยสำแดงตนเป็นผู้พิทักษ์เด็กก็มี พวกนี้พร้อมที่จะลงโทษใครก็ตามที่รบกวนเด็กให้ได้รับความเจ็บไข้ทุกรูปแบบ
แต่บางตำนานก็เล่ากันว่า นางเงือกคือนางฟ้าฝ่ายอธรรม ที่ใช้ เสียงอันไพเราะหลอกล่อให้ชายหลงไหล เมือกล่อมจะหลับแล้ว เธอจะฉีกเนื้อของผู้ชายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ด้วยฟันอันแหลมคม กินเนื้อของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายนั้น
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น