ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    DegreeFahrenheitองศาไร้หัวใจยิ่งใกล้ยิ่งรักเเบบฉบับยัยคุณหนู

    ลำดับตอนที่ #3 : ภาษารัก

    • อัปเดตล่าสุด 16 ธ.ค. 56


    2

    ตอนนี้ฉันกำลังยืนเถียงกับเซลเซียสเรื่องฟาเรนไฮต์ที่จะมานอนที่นี้ด้วย เซลเซียสลากฉํนเข้ามาในห้องทันทีที่รู้ว่าฟาเรนไฮต์จะมานอนด้วย จะโทษฉันมันได้ที่ไหนเล้าจะโทษก็ไปโทษพี่ชายนายสิT^T

    “อะไรกัน เธอ...-O-+++”

    “จะมาโทษฉันไม่ได้นะ ฉันไม่ได้ชวนเขาสักหน่อยนึงอะ”

    “ถ้าไม่ใช่เธอแล้วจะใคร”

    “กะก็เพราะนายนั่นแหละ ฝากแบบแผนกับฉัน ฟาเรนไฮต์เลยรู้ว่าฉันรู้จักนายอะ แล้วก็รู้หมดเลยTT^TT”

    “โอ๊ย แล้วเธอจะบอกทำไมละYOY!”

    “ก็มันมาจากนายนี่!!”

    “โธ่! ฟังนะ เธอห้ามพักที่นี้แล้ว กลับไปเลย ฉันไม่ยอมให้ไอ้ไฮต์มาชิ่งความสุขวันนี้ไปเด็ดขาด ที่มันจะมานอนด้วยก็เพราะเธอ ถ้าเธอกลับไปมันก็ต้องกลับไปแน่นอน”

    “นายจะมาไล่ฉันตอนนี้ไม่ได้นะ ตอนนี้มันกลางคืนแล้ว ที่นี้ไม่ใช่ว่าจะใกล้กับบ้านฉันนะ-O-” ฉันโวยยกใหญ่ อีกตาบ้านี่จะให้ฉันเดินกลับบ้านหรือไงเนี่ย

    “ก็เรียกคนที่บ้านเธอมารับสิ”

    “นายจะบ้าหรือไงนั่นสามทุ่มจะสี่ทุ่มแล้วนะ ไม่รู้แหละ ฉันจะนอนที่นี้ เดี๋ยวนี้เลย”

    “ยัยคุณหนูฟังฉันนะ ถ้าไอ้พี่บ้านี่มาอยู่ในห้องฉัน อย่าหวังว่าฉันจะได้แอ้มโมจิเลย แค่แตะยังแทบไม่ได้ด้วยซ่ำ ที่ฉันเอาเธอมาอยู่ด้วยเพราะจะให้เธอมาเฝ้าห้องให้เฉยๆ จะออกจากห้องกับโมจิสองคนยังยากเลยถ้าไอ้ไฮต์อยู่ด้วย เพราะฉะนั้นเธอต้องเอามันกลับไป รู้ไหมกว่าโมจิจะว่างตรงกับฉัน ฉันรอมานานขนาดนั้นT_T”

    “เอางี้ไหม ฉันจะช่วยนายเอง เอ่ออย่างๆน้อยก็น่าจะช่วยอะไรได้บางแหละ”

    “สัญญาไหมละ”

    “สัญญาเลย!!”

     

    เช้าวันต่อมา

    วันนี้ไม่มีเรียนที่มหาลัย เพราฉันจะโดด ถึงไปวันนี้ก็แทบไม่ได้เรียนเพราะฉะนั้นฉันเลยยอมมานอนอุตุอยู่ที่ห้องของเซลเซียสยังไงละ ตอนนี้ฉันเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเซลเซียสถึงไม่อยากให้ฟาเรนไฮต์มาอยู่ด้วย

    “โมว่าโมจะออกไปห้างนะ เซลจะไปด้วยไหมอะ” โมจิหันไปหาเซลเซียส ฉันนั่งอยู่ที่เคาร์เตอร์บาร์เพราะไปอยากไปนั่งเป็นกขค

    “ไปสิ…” เซลเซียสว่าพลางลุกขึ้น “งะงั้นโมไปแต่งตัวเถอะ”

    “อ่า

    …” ฟาเรนไฮต์จ้องพวกเขาอย่างไม่วางตา สรุปฟาเรนไฮต์ไม่ไว้ใจโมจิ หรือว่า ไม่ไว้ใจเซลเซียสกันแน่เนี่ย=O=

    “ฟังนะพี่ไฮต์ ฉันกับโมจิเป็นคู่หมั่นกัน นั่นหมายความว่าพี่ต้องไว้ใจโมจิสิ ไม่ใช่ไปจ้องเธอแบบนั่น แล้วก็ช่วยหยุดมองเธอด้วยสายตาแบบนั่นสักทีเถอะ ฉันจะไปเที่ยวกับโมละ ฝากยัยเอพริลไว้กับพี่ด้วยแล้วกัน” เซลเซียสว่าก่อนจะเดินไปแต่งตัว

    ปัง

    เสียงปิดประตูของเซลเซียสดังไปทั่วห้องราวกับไม่พอใจในการที่ฟาเรนไฮต์ไม่ไว้ใจโมจิ ฉันได้มองเขาพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ

    “มันไว้ใจได้ที่ไหน…” ฟาเรนไฮต์บ่นพึมพัมกับตัวเอง ฉันโดดลงจะเก้าอี้และเดินไปหาฟาเรนไฮต์

    “นายน่ะ หัดวางใจซะบ้างสิ พวกเค้าเป็นคนรักกันนะ ถ้าคนในครอบครัวของอีกฝ่ายไม่ยอมรับคิดเหรอว่าเขาจะไม่อึดอัดน่ะ” ฉันเดินไปนั่งข้างๆฟาเรนไฮต์

    “ไอ้เซลมันแคยเกือยตายเพราะผู้หญิงคนนั่นนะ..” ฟาเรนไฮต์ไม่ทันพูดจบฉันก็ตัดหน้าเขาเสียก่อน

    “แล้วเขาเต็มใจที่จะตายเพื่อผู้หญิงคนนั่นหรือเปล่าละ!!”

    “ผู้หญิงคนนั่นไม่น่าไว้ใจ”

    “นายเอาอะไรมาตัดสินคนอื่นแบบนี้ ฉันนึกว่านายเป็นคนมีเหตุผลมากกว่านี้ซะอีก ผิดหวังจริงๆ”

    …-_-ใครใช้ให้เธอมาคาดหวังในตัวฉัน

    “นี่ฉันรู้นะว่านายทำหน้าแบบนั่นหมายความว่าไง”

    …-_-เก่งจริงๆ

    “อย่ามาประชดฉันนะ-O-;;”

     

    “เอาละ ฉันไปก่อนนะ” เซลเซียสกับโมจิที่แต่งตัวเสร็จแล้วกำลังออกจากห้องโดยที่ไม่ลืมย่ำให้ฉันเฝ้าห้อง

    “ฉันจะไปด้วย-_-” จู่ๆฟาเรนไฮต์ที่หายไปก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่หล่อเหลาเข้ากับชุดไปรเวทสีดำที่ดูเข้ากับคนไร้ความรู้สึกอย่างเขาที่สุด เฮ้ย!ดะ….เดี๋ยวสิถ้าเขาไปฉันก็ต้องนั่งเฝ้าห้องคนเดียวเหรอ ไม่เอาอะT^T

    “ถะถ้านายไปฉันก็จะไป!!” ฉันยืนกราดและล็อกแขนฟาเรนไฮต์ไว้ เซลเซียสถลึงตาใส่ฉัน ฉันขยิบตาให้เขาพยายามสือว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวจัดการเอง ถึงแม้ไม่รู้ว่าจะจัดการได้หรือเปล่าก็เหอะ

    ….-_-” ฉันลากฟาเรนไฮต์เข้าห้องในขณะเดียวกันเซลเซียสก็รีบฉุดให้โมจิเดินไปที่รถให้เร็วที่สุด หลังจาดเขาห้องมาเป็นที่เรียบร้อย ฟาเรนไฮต์ก็ปรายตามามองฉันอย่างไม่ไว้วางใจ ฉันเป็นคุณหนูนะไม่ใช่มิฉาชีพT^Tไม่เห็นต้องจ้องกันแบบนั่นเลย

    “นายจะไปด้วยใช่ไหม งั้นรอฉันตรงนี้ก่อนขอไปแต่งตัวห้านาที” ฉันว่าและรีบวิ่งเข้าห้อง ฉันบอกแล้วว่าฉันเป็นคุณหนูแต่ฉันไม่จำเป็นต้องแต่งตัวเป็นชั่วโมงๆใช่ไหมละ ฉันอาบน้ำสามนาทีก็เสร็จแล้ว แต่งตัวก็แค่หาชุดทาครีมแค่นั่น ห้านาทีก็พอแล้วสำหรับฉัน

    เร็วดีนะ” ฟาเรนไฮต์บอกพร้อมกับสายตาที่จ้องไปดูนาฬิกาแขวน ฉันที่แต่งตัวเรียบเหมือนคนเดินห่างธรรมดา(ความจริงถ้าอยู่บ้านก็จัดเต็มเหมือนกันแหละ)

    “ถ้าไม่เร็วฉันกว่าว่านายจะงับหัวฉันน่ะ”

    …-_-

    “เลิกพูดโดยใช้สายตาได้หรือยัง ฉันฉลาดก็จริง(ดูมันชมตัวเอง)แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนะที่จะมาแปลภาษาสายตาของนาย-*-

    “โอเคๆ”

    “ให้ตายสิ ฉันว่าคนที่อยู่ดุริยางคศิปล์จะต้องมีใจเฟรลี่กว่านี้ซะอีก ยิ่งนายที่เป็นเดือนของคณะด้วยน่ะนะ” ฉันบ่นพึมพัมกับตัวเองด้วยความไม่สบอารมณ์

    ชิ้ง!

    -_-+++”

    แฮะๆ ดูเหมือนว่าเขาเองก็จะไม่สบอารมณ์เหมือนแฮะT_T

     

    โรส เซ็นทรัล

    ฉันเดินมาอยู่ที่หน้าร้านอาหาร และพยายามติดต่อหาเซลเซียส ฟาเรนไฮต์ก็กลายเป็นคนดังในห้างเพราะหน้าตาที่ดูดีผิดมนุษย์และแน่นอนว่าฉันก็พลอยเดือดร้อนเพราะมีแต่คนคิดว่าฉันเป็นแฟนเขา ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้พูดแก้ต่างอะไรให้เลยแม้แต่น้อย

    ความจริงเขาอาจจะชอบฉันอยู่(?) ซึ่งความเป็นได้เท่ากับศูนย์=_=

    “ถ้าได้จะช่วยปริบปากพูดสักคำฉันจะดีใจมากTT_TT” หลังจากที่เขานิ่งและตอบฉันผ่านทางสายตาอย่างเดียว ทำให้ฉันเหมือนคนบ้าที่กำลังยืนคุยอยู่คนเดียว ถ้าเขาคิดจะตอบสักคำฉันจะดีใจเป็นอย่างมากของมากของมากที่สุด

    …-_-”…เรื่องของฉัน

    “นี่ นายอยากให้ฉันเหมือนคนบ้าที่คุยกัยใครที่ไหนไม่รุ้หรือไงกัน อีกอย่างเขาไม่ได้มองเพราะฉันเป็นบ้าอย่างเดียวนะ เขาคงมองว่านายเป็นคนใบ้ที่หล่อเอาการอีกด้วย”

    …-_-;”…แล้วมันจะยังไง?

    โอ๊ย!หัดเข้าใจฉันสักวินาทีจะได้ไหมเนี่ยTOT

    “นายรู้ไหมว่านายชอบทำหน้าตายังไงเวลาไปไหนมาไหน”

    -_-

    “ใช่นายจะทำหน้าแบบนี้ >>-_- หรือไม่ก็แบบนี้>> -_- หรือไม่ก็แบบนี้>>-_- ซึ่งทุกหน้านายไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ให้ตายเถอะบร๊ะเจ้าT^T”

    “รู้ไหมว่าเธอชอบทำหน้ายังไงเวลามองมางฉันหรือไม่ก็คุยกับฉัน”

    ในที่สุดก็ปริบปากพูดแล้ว*^*!

    “หน้าฉัน(‘ ‘)???”

    “ใช่ มันจะเป็นแบบนี้ >>T^T ไม่ก็แบบนี้ >>T_T ไม่ก็แบบนี้ >>TOT มีอีกนะ แบบนี้>> *O* บบนี้>>*^* ล้วก็ชอบทำหน้าตาคาดหวังด้วย-_-” ฟาเรนไฮต์พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่ดูหน้าที่เขาทำตามฉันสิตลกเป็นบ้า เดี๋ยวก่อนนะถ้าฉันเคยทำหน้าแบบนั่นแล้วฉันคิดว่ามันตลกแสดงว่าหน้าที่ฉันทำก็ต้องตลกด้วยใช่ไหมTTOTT

    “ฉันอยากฆ่านายชะมัดT_T

    “จะมาฆาฉันทำไมเนี่ย ประสาทททท-_-“

    ขอบคุณที่ทำให้เขาพูดเยอะขึ้น ถึงในคำผู้นั่นมันจะเสียดแทงใจฉันมากก็ตามT^T

    “เออ ฉันมันบ้าTT^TT” จำใจพูดสุดๆคิดว่าเขาคงจะช่วยพูดปลอบใจฉันบ้างละนะ ต้องปลอบฉันแน่ๆ

    “ก็ดีที่ยังรู้ตัว-_-^^”

    กรรซ์ อยากฆ่ามันYOY

    ทำไมฉันถึงเข้าใจผิดไปว่าเขาดูเป็นคนที่น่านับถือ อย่างเช่นตอนที่ช่วยฉันไว้ แล้วทำไมก่อนหน้านี้ฉันถึงสนใจเขาได้ ที่ฉันสนใจมันเป็นเพราะอะไรกัน ความจริงตอนนี้เขาก็ยังน่าค้นหาอยู่นะ และฉันก็รู้สึกสนใจเขามากๆ แต่ทำไมนิสัยเขามันถึงเป็นแบบนี้ เขาก็ดูเป็นคนที่อบอุ่น แต่ทำไมชอบทำหน้าตาเหมือนด่าฉันอยู่ตลอดเวลา ไม่ด่าตรงๆก็ด่าอ้อมๆนั่นแหละT^T

    “แล้วไอ้เซลละ”

    “โดนรอบฆ่าไปแล้วมั้ง รอมาชาติกว่าแล้ว”

    …-_-อยากจะมีอีกชาติไหมละ จะได้ช่วย

    “ไม่ละขอบคุณ-O-;;” ฉันตอบโดยการพูด แน่นอนว่าฉันคุยทางสายตาไม่เป็น และการที่ตอบทางสายตาไม่เป็นเลยต้องพูดออกไปเป็นคำพูด เป็นทักษะที่เพิ่งได้มาเมื่อได้เจอเขาเนี่ยแหละ ซึ่งมันก็ดูจะไม่แย่ซะทีเดียวเพียงแต่มันแค่ดูเหมือนฉันเป็นคนบ้าที่พูดอยู่คนเดียวก็นั่นเอง

    …” และแล้วบรรยากาศก็เงียบลงอีกครั้ง ก็ไมรู้สินะว่าจะว่าไงดี แต่ตอนนี้ฉันกลับรู้สึกใจเต้นแปลกๆ ฉันนั่งก้มหน้าข่มริมฝีปาก ตอนนี้มันรู้สึกเกร็งแปลกๆที่จู่ๆก็ต้องมาอยุ่กับเขาสองต่อสองในห้าง(คนออกจะเยอะ=3=)เหมือนกับมาเดทกันอย่างงั้น

    “นะนี่

    “หือ-_-?”

    “นายว่ามันแปลกไหม ที่จู่ต้องมาอยู่กับฉันสองคนแบบนี้” ฉันหลับตาปี๋แล้วกำมือแน่น ตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะลอยอย่างงั้นแหละ กล้าถามไปได้ยังไงเนี่ยฉันTOT

    “ก็ไม่นี่อยู่กับเธอก็สนุกดี

    ” ฉันเงียบ ตอนนี้หน้าฉันเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆแต่ตรงข้ามกับคนพูดที่ยังมีสีหน้านิ่งไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเท่าไหร

    “จะไปกินอะไรก่อนไหมละ-_-

    “อะอื้ออ ฉันตอบ ใบหน้าเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ ไม่เคยเขาออกปากชวนมาก่อนครั้งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตเลย ฉันควรดีใจใช่มั้ย?

     

    ร้านอาหาร จุบุ้จุบุ้ชิ

    ตอนนี้ฉันมานั่งในร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ กินไม่อั้นหนึ่งชั่วโมงครึ่ง หัวละสี่ร้อยเก้าเก้า ก็ไม่รู้ว่าจะแพงไปไหน-*- ฉันมองสายพานที่เลื่อนไปเรื่อยๆ ก็ไม่รู้จะกินอะไรดี ก็เลยหยินู้นหยิบนี้มาใส่หมอโดนทีไม่ได้เลือกเลย ฟาเรนไฮต์ก็เอาแต่นั่งขมวดคิ้วมองฉันอย่างงงๆ

    “เธอกินเยอะชะมัด แถมกินไม่เลือกอีก-_-

    “ก็มันไม่รู้จะกินอะไรนี่”

    …-_-“…ยัยนี่คิดถูกที่มาบุฟเฟต์

    “นายเป็นคนเลือกร้านให้ไม่ใช่เหรอ-O-!” ฉันโวยกลับทันทีที่แปลภาษาสายตาเขาออก

     

    ซุบซิบ

    “ยัยนั่นพูดอะไรคนเดียวอะ” บุคคลปริศนา1

    “เออนั่นสิ บ้าหรือเปล่า” บุคคลปริศนา2

    “อุ๊ย เธอดูสิๆ ผู้ชายคนนั่นหล่อจัง แต่คนที่มาด้วยที่นั่งพูดอยู่คนเดียวแล้วกินเยอะๆนั่น ใช่คนบ้าหรือเปล่าอะ” บุคคลปริศนา3

    และอีกหลายคนตามมา

     

    ฉันไม่ใช่คนบ้าที่พูดคนเดียวซะหน่อย ฉันพูดอยู่กับคนที่พวกหล่อนชมว่าหล่อต่างหากละยะTT^TT ทำไมพวกเขาไม่คิดบ้างลยนะว่าหมอนี่เป็นใบ้ มีแต่คนคิดว่าฉันเป็นบ้า โอ๊ย!วดเฮด

    “ฉันขอสั่งให้นายพูดตอบฉันโดยไม่ใช่สายตา” ฉันยืนกราด

    …-_-”…ทำไมต้องฉันทำตามเธอด้วอย

    “งั้นก็ช่วยสอนภาษาสายตาของนายสิ ตอนนี้ทุกคนเขามองว่าฉันบ้าเพราะนายคนเดียวเลยT^T”

    …-_-;”…ก็เรื่องของเธอปะ?

    “มันก็จริงอยู่ต่จะช่วยกรุณาขยับเมาส์พูดหน่อยได้ไม่ได้เลยหรือ TOT” ฉันร้องโอยครวญ ตอนนี้คงมีคนมองว่าฉันบ้าเพิ่มขึ้นอีกเป็นร้อยแล้วแน่ๆ ฮือๆ

    “ฉันไม่ชอบพูด…”

    “ระวังเถอะ จะเป็นใบ้!!”

    “พูดมากก็ระวังน้ำลายฟูปากตายนะ ยิ่งพูดไม่หยุดแบบเธอเนี่ย-_-“

    มันมีกรณีพูดมากแล้วน้ำลายฟูปากตายด้วยเหรอ แง้ๆ

    “นะนายอย่ามาขู่ซะให้ยากเลย เท่าที่ฉันเรียนมากพูดมากมันไม่เคยทำให้ใครตายซะหน่อย ฉันโต้กลับ เขามองฉันนิ่งๆก่อนจะทำท่าเหมือนจะพูดต่อแต่ก็ต้องชะงัก

    “หมดเวลาแล้วคะ” พนักงานหญิยิ้มหน้าแดงๆเดินมาบอก โอเค ทำไมมันหมดช้าจังเลยละ กำหนดหมดคือเที่ยวครึ่งแต่นี่มันบ่ายหนึ่งแล้วนะ-O-;;

    “ครับ” ฟาเรนไฮต์ว่าก่อนจะหยิบบิลไปจ่ายเงิน ส่วนฉันก็เดินออกไปรอนอกร้าน เอ๋ะ!ริงสิ ฉันล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเพื่อหยิบกระเป๋าตังค์

    “อ๊ะ เจอแล้วๆ” ฉันควัดแบงค์ห้าร้อยออกมาและยืนรอเขาเหมือนเดิม

    …” ไม่นานคนใบหน้านิ่งเดินออกมาจากร้าน ฉันเดินตรงเข้าไปหาทันที ฉันยื่นแบงค์ห้าร้อยให้เขา เขามองฉันด้วยสายตาเชิงถามว่า นั่นมันอะไร

    “นี่อะไรน่ะเหรอ ก็เงินไง เงินน่ะ”

    “เอามาให้ฉันทำไม”

    “โอ๊ย! ก็ค่าอาหารไง สี่ร้อยเก้าสิบเก้าบาท

    “เธอดูถูกฐานะของบ้านฉันมากไปหรือเปล่า-_- ต่ก็เอามาเถอะ” เขาพูดและใช้มือรับมันแต่ฉันสะบัดแบงค์ออก

    “จริงสิ ฉันไม่ควรดูถูกตระกูลของนายสินะ^^+” ฉันยิ้มให้เขา หน๊อย!เออดี รวยก็เลี้ยงฉันเลย ดีมาก ตังค์ก็ไม่ต้องจ่าย เจ๋งดี!!

    …-_-;;;”

     

    ฉันไม่ได้พูดกับฟาเรนไฮต์อีกตั้งแต่ออกจากร้านอาหาร ใช่!ฉันงอนเขา  ถ้าฉันงอนใครเข้าเมื่อไหรฉันจะเงียบ! และจะเป็นแบบนี้กับทุกคน ไม่เกินอาทิตย์เดี๋ยวฉันก็เป็นเหมือนเดิมแล้วละ-_- ถ้ามีคนง้อก็อาจจะหายวันนี้เลยก็ได้ ตอนนี้เราเดินมา

    “เป็นอะไร” จู่ๆคนหน้านิ่งก็ยอมปริบปากถามด้วยสีหน้าเอือมๆเหมือนไม่รู้ความผิดตัวเอง ฉันไม่ตอบเพียงแค่มองหน้าและสบตากับเขาเท่านั่น

    ก็เปล่า ฉันว่า

    “โกหกตกนรก-_-” เขาว่าต่อ

    “มันก็เรื่องของฉัน ไม่ใช่เรื่องของนายที่จะมาใส่ใจอะไรไม่ใช่เหรอ” ฉันพูดอย่างปประชดประชัน ขนาดสาเหตุที่ฉันงอนฉันยังไม่ค่อยจะรู้เลย ก็แค่อยากงอนเฉยๆ สาเหตุอาจจะเพราะฉันหงุดหหงิดที่เขาพูดตอนอยู่ที่หน้าร้านอาหาร

    “ฉันไม่ชอบคนไร้สาระ ถ้าเธอจะประชดฉันก็ไม่ได้ว่า” ว่าเสร็จเขาก็เดินตีตัวออกห่างจากฉันไป ฉันหันควับแล้ววิ่งตามเขาไปทันที

    “เดี๋ยวสิจะทิ้งฉันไว้เหรอ ฉันไม่มีรถกลับนะ”

    “เลิกทำตัวไร้เหตุผลได้แล้ว ฉันไม่ว่างมานั่งง้อเธอหรอกนะ”

    “จ้ะๆ นายก็ไม่เคยว่างอยู่แล้วนี่ ไม่รู้ว่าเอาเวลาไปทำอะไรหมด ไม่เห็นจะเคยว่างสักครั้ง-3-

    โอเค บอกตามตรง ฉันหายงอนเขาแล้ว เพราะเขาน่ารักมาก>///<

    …-_-”…อย่ามาประชด

    “โอเคๆ ไม่ประชด ไม่งอน ไม่ด่า ไม่ว่า ไม่ตี ไม่สั่ง ไม่ดุ พอใจไหม”

    “นั่นแหละที่เขาเรียกว่าประชด-_-

    เออเนอะลืมT^T

    “มะไม่ได้ตั้งใจสักหน่อยนี่ วันหลังก็อย่าดุฉันสิ

    “หึ”ฟาเรนไว้หัวเราะในลำคอเบาๆ และกระตุกยิ้มขึ้น

    “ฉันไม่ชอบเวลามีใครมาดุเลย จริงๆนะ(.///.)

    “อือๆ ฉันรู้แล้ว-_-”ฟาเรนไฮต์วางมืบนหัวฉันลูบไปมาเบาๆ ฉันเหลือบตาขึ้นมือเขา

    ตึกตัก ตึกตัก

    ให้ตาย หัวใจฉันเต้นเร็วเกินไปแล้ว เลือดสูบฉีดดีเกินไปมันไม่ดีหรอกใช่ไหมT^T?

     

    ‘…อยู่กับเธอก็สนุกดี

     

    ประโยคนี้มันชอบผุดขึ้นมาทุกทีเลย แสดงว่าเขาก็เริ่มมีใจให้ฉันแล้วใช่ปะ? สนุกก็แสดงว่ามีความสุขเปล่าวะ เเต่ช่างเถอะ แค่เขาสนุกไปกับฉันมันก็เกินพอแล้ว ว้ายๆ!อแล้ว สนุกกับฉันแล้วมันจะทำไมเล่า-///-(ไม่ค่อยจะเล๊ยย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×