คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ฝันดีนะ...รักนะ(?)
ตอนเด็ก ฉันฝันว่าอยากจะมาโรงแรมที่สวยที่สุดของโลก แต่รู้ว่ามันไม่สามารถเป็นจริงได้ แต่เมื่อฉันมาเหยียบที่นี้ฉันรู้สึกเหมือนอยู่บนสวรรค์มันเป็นที่ๆสวยสุดๆ สไตล์คลาสสิกเหมือนอยู่ในโรงแรมอียิปห์เลยแฮะ
“สวัสดีค่ะ ได้จองไว้หรือเปล่าค่ะ”
“…ผมเป็นลูกเจ้าของ จะมาดูห้องจัดเลี้ยง” การพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยของฟาเรนไฮต์เล่นเอาพนักงานชะงักไปชั่วครู่
“เอ่อ คุณค่ะ ที่นี้ไม่ใช่ตลกคาเฟ่นะค่ะ” พนักงานพูดติดตลก ฟาเรนไฮต์ยื่นบัตรอะไรสักอย่างให้พนักงานดูสีหน้าของพนักงานเปลี่ยนไปจากเดิมมากพอตัว
“…”
“ขออภัยจริงๆค่ะ เราไม่ทราบ…เดี๋ยวจะพาไปที่ห้องจัดเลี้ยงเองค่ะ” พนักงานก้มหัวอย่างเกรงใจและรีบนำเราเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงทันที
ห้องจัดเลี้ยงสไตล์ยุค50 ซึ่งตกแต่งด้วยของโบราณและห้องอาหารอิตาเลียน แบบว่าสวยอลังการงานสร้างสุดๆอะ ฉันแถมจะไม่เชื่อว่ายังมีอะไรคลาสสิคขนาดนี้อยู่ในยุคนี้ สุดยอดจริงๆแหละ
“ฉันว่าที่นี้แหละคลาสสิคดีออกเป็นอะไรที่คลาสสิคดีจริงๆ>O<!”
“ใคร…”
“?”
“ใครถามความรู้สึกเธอ” ฟาเรนไฮต์ว่าโดยที่ไม่หันมามองหน้าฉัน คำนี้มัน ฉึก! กลางใจฉันมาเลยนะจะบอกให้ ฮืออT^T
“ก็เซลเซียสให้ฉันช่วยนี่ ฉันก้เลย…”
“…” ฟาเรนไฮต์เดินต่อโดยที่ไม่สนใจฉันอีก อะไรของเขากันนะ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย-.-
เราเดินดูรอบๆเสร็จสรรพก็ออกไปขึ้นรถและตรงดิ่งกลับกรุงเทพทันที ณ ตอนนี้เราก็อยู่กรุงเทพแล้ว แต่…ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ตรงนั่นเลยแม้แต่น้อย ปัญหามันอยู่ตรงที่ ฟาเรนไฮต์ขับรถมาทิ้งฉันไว้ที่ผับเมื่อวานซืนตามเดิม โอ้ว! ช่างเป็นผู้ชายที่จิตใจดีมากอะ บ่งตงT^T
“นี่! ฟาเรนไฮต์ นายจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะYOY”
“…”
บรืนนน~
ฟาเรนไฮต์เหยียบคันเร่งและพุ่งตัวรถออกไปจากลานจอดรถทันที โอ๊ย! เขาทิ้งฉันไว้จริงๆด้วยสิ รถของฟาเรนไฮตืวิ่งออกไปไกลจนฉันไม่สามารถมองเห็นได้ อ๊าก นี่มันเวรกรรมอะไรของฉันเนี่ย
พรึบ!
ฉันกำลังจะล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋าแต่…เฮ้ย! กระเป๋าหายไปไหน ฉันหันซ้ายหันขวาก็เจอกับชายที่ใส่ชุดสุทสีดำสวมแว่นดำถือมันอยู่ กรรซ์ วันนี้มันวันซวยอะไรของฉันเนี่ยT_T
“ช่วยด้วยค่า ขโมย!” ฉันวิ่งสุดชีวิตหวังจะแย่งคืนมาแต่แล้วโชคก็ไม่เข้าข้างเพราะจู่ๆก็มีคนมาล๊อกแขนฉันไว้ นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย!?
“อยู่นิ่งๆไว้” เสียงชายปริศนาผู้ขึ้น สิ่งที่ฉันรับรู้ได้อย่างแรกคือของปลายแหลมที่จ่อตรงเอว และสิ่งที่สองคือผ้าที่มันเอามาปิดปากฉันไว้ ชายสวมสุทสองคนวิ่งกลับมาพร้อมกับกระเป๋าถือของฉัน
“เฮ้ย แกแน่ใจนะว่าบ้านมันรวย” ชายคนหนึ่งผู้ขึ้น
“แน่ดิวะ ดูมันถือกระเป๋าแบรนด์เนมแถมยังมีเพื่อนรวยขนาดนั่นอีก ไม่รวยก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ววะ ไปเหอะ” มันว่าก่อนจะพาฉันเดินไปที่รถคันหนึ่ง นี่มันแก๊งเรียกค่าไถ่เหรอTOT!
ชีวิตของอีนังเอพริลช่างอาพับนัก นอกจากจะโดนปล่อยิ้งไว้ที่ไหนผับแล้วยังจะโดนจับตัวไปเรียกค่าไถ่อีก แหม่ เกิดมารวยมันไม่ดีอย่างงี้เองสินะT_T
“…เฮ้ย นี่พวกนายจะจับฉันไปจริงๆเหรอ บ้านฉันเล็กกว่ารูหนูอีกนะ แถมกระเป๋าใบนี้ก็ไปขโมยเขามาด้วยแหละ (เหรอ)”
“อย่ามาหลอกกัยวะให้ยากเลยนะ น้องสาว พี่เคยไปถึงบ้านน้องมาแล้ว ฮึๆ”
กรี๊ดดด นี่ฉันโดนสต๊อกเกอร์ตามตั้งแต่เมื่อไหร
“นั้นมันที่ทำงานต่างหากละ ฉันเป็นคนใช้บ้านนั่นน่ะ” ฉันรีบแก้ตัวทันควัน
“หุบปาก เลิกโกหกได้แล้ว เราไปสืบมาหมดแล้วมหา’ลัยที่เธอเรียนค่าเทมอเป็นแสน หน้าอย่างเธอถ้าไม่รวยก็เขาไม่ได้หรอก!” ชายอีกคนว่าก่อนจะเปิดรถ
ฉันก็นึกว่าพวกแกจะโง่กว่านี้T_T
“แกไปขับเดี๋ยวฉันนั่งกับยัยนี้เอง ส่วนแกเข้าไปก่อน” ชายคนหนึ่งว่าก่อนจะให้คนที่จับฉันอยู่ไปขับรถแล้วจังหวะนั่นแหละ…
พลั๊ก!
ฉันพลักเขาจนล้มลงและหยิบจุดสำคัญซ่ำเข้าไป ไม่รอช้าใส่เกียร์หมาวิ่งแน่บสุดชีวิต โอ๊ย ลูกยังไม่อยากตาย ฮืออ
“อ๊ากก แสบนักนะแก! ไปตามจับมาดิไอ้พวกโง่!” มันว่าส่วนชายสวมสูทอีกสองคนก็เริ่มได้สติ วิ่งไล่ฉันมาทันใด
“…” ฉันตั้งหน้าตั้งตาวิ่งสุดชีวิต แต่จู่ๆก็ได้ยินเสียงรถวิ่งมา รถหน้าตาคุ้นๆขับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆจนฉันรู้ว่ามันคือรถของฟาเรนไฮต์
“ขึ้นมา…” ฟาเรนไฮต์เปิดกระจกรถลงมาและพูดขึ้น ฉันชะงักไปชั่วขณะ
“ยัยตัวดี อย่าหนีนะ” ทันใดทีได้ยินเสียงของพวกมันฉันก็ตัดสินใจกระโดดขึ้นรถของฟาเรนไฮต์ทันทีโดยที่ไม่ลังเล
บรืนนน
รถของฟาเรนไฮต์ออกตัวอย่างรวดเร็วจนหน้าฉันแทบคว้ำไปปักที่พื้นรถ ฉันังไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยเลยนะยะ-O-!
“ขอบใจนะที่ช่วย”
“…” ฟาเรนไฮตืเงียบและตั้หน้าตั้งตาขับรถต่อ
“นายโกรธอะไรฉัน ทำไมไม่พูดกับฉันเลยละ ถึงจะบอกว่านายเป็นคนแบบนั้นอยู่แล้วก็เถอะ-_-^” ฉันว่า
“…” และเขาก็ยังคงเงียบ
“โอเค ถ้านายจะนั่งใบ้กินแล้วก็มองฉันแบบนั่นจะปล่อยฉันลงตรงนี้อีกรอบเลยก็ได้นะ ยังไงนายก็ไม่แคร์ไม่ใช่เหรอ”
เอี๊ยด
ฟาเรนไฮต์เบรกรถกระทันหันโดยที่ไม่ได้จอดเทียบข้างถนนแต่อย่างใด เขาจอดรถไว้กลางถนนและปลดลล็อกประตู
“เชิญ…”
“…!!” ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรมาทิ่มตรงอก อีตาบ้านี่จะทิ้งกันแบบนี้ง่ายเกินไปแล้ว!
“ไม่ลงไปละ จะได้โดนจับไปอีกรอบ”
“นี่นาย! ฉันทำอะไรผิดหรือไง ทำไมต้องเย็นชาใส่ฉันขนาดนั่นด้วย ตอนอยู่ที่ชายหาดนายยังนิสัยดีกว่านี้แท้ ให้ฉันยืมกีตาร์ สอนฉันทุกอย่าง เลือกชุดให้ แต่พอจะกลับก็บอกว่าขอกีตาร์คืน แล้วก็ยังทิ้งฉันไว้คนเดียวอีก…ฮึก” น้ำตาฉันเริ่มคลอเบ้า ดวงตาเริ่มร้อนผาวขึ้น
“…”
“ฉัน…ฉันขอโทษ ฉันไม่รู้จริงๆว่าตัวเองทำอะไรผิด ฉันขอโทษ นายโกรธที่ฉันหายไปตอนนั่นเหรอ หรือฉันทำให้นายรำคาญ ฉันงี่เง่าเหรอ...ฟาเรนไฮต์ T^T แง้”
“ทำตัวเป็นเด็กไปได้-_-” ฟาเรนไฮต์เอามือลูบหัวฉันเพื่อปลอบใจ(มั้ง) ฉันมองเขาทั้งน้ำตา นายนี่มัน…น่ารักเกินไปแล้ว!TOT
“ฮืออ นายโกรธอะไรฉันอ่า แง้~”
“…ฉันเป็นของฉันแบบนี้”
“ฮึก…นายไม่ได้โกรธฉันใช่มั้ย”
“…” คำถามของฉันนเมื่อถามกับฟาเรนไฮต์มักจะไม่ได้คำตอบกลับมาเสมอ มีเพียงแววตาสีเทาที่ทอดมองสายตามาที่ฉัน และฉันก็รู้สึกเสมอว่ามันอบอุ่นมากแค่ไหน…รู้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอเขา
“ถ้านายร้องเสียงให้ฉันฟังสักเพลง ฉันคงตายตาหลับ…” ฉันว่าก่อนจะสลบไป
“…!”
ฉันค่อยๆพริมตาตื่นขึ้น และรู้สึกเหมือนมีคนมองอยู่รอบๆ ตาของฉันเริ่มปรับได้เข้าที่เข้าทางกับแสงจากดวงไฟแล้ว เมื่อเห็นทุกอย่างฉันเจน ฉันก็เห็นผู้ชายสี่คนที่นั่งและยื่นอยู่
“ตื่นแล้วนี่-O-” เสียงของเซลเซียสดังขึ้นเป็นคนแรก ฉันมองไปรอบๆห้องก็เจอกับสี่พี่น้องดีกรีที่เรียงรายกันครบทุกคน
“ยัยเบอะนี่อีกแล้วเหรอ” เคลวินเอ่ยทักขึ้นเป็นคนที่สอง
แหม่ ถ้าจะพูดอย่างงี้ไม่ต้องพูดก็ได้นะค่ะ
“พี่สาว ลูกอมฮะ นี่ตุ๊กตาหมี และก็ผ้าห่มลายหมี น่ารักใช่ไหมฮะ(‘ ‘)” เสียงใสๆของเด็กหนุ่มคลั่งหมีดังขึ้น
“จ้ะ น่ารักจ้ะ” แต่ฉันไม่ต้องการอย่างยิ่ง ขอบคุณ!
"..." ฟาเรนไฮต์ไม่ได้พูดอะไร เขาเเค่มอวหน้าฉันนิ่งๆ เขาโกรธฉัน...ไม่ๆ เขาเป็นคนเเบบนั่นอยู่เเลัวตืางหากละ
"ที่นี่ที่ไหน-O-?" ฉันเอ่ยถามขี้น
"โห่ ใจร้ายวะ จำบ้านฉันไม่ได้เหรอ ยัยคุณหนู-.,-" เซลเซียสตอบอย่างเซ็งๆ ฉัน มองรอบๆห้องสีขาวที่ค่อนข้างจะว่างเปล่า
"เซล ฉันขอยืมเลคเชอร์ไปซีร็อกซ์นะ" ฉันว่า ตอนนี้ฉันยังมึนหัวอยู่นิดๆ รู้สึกว่ามันจี๊ดๆ
"รู้ได้ไงว่าฉันจดเลคเชอร์ไว้-.-"
"ฉันรู้ว่านายจดเผื่อฉันด้วยซ่ำ เพราะนายเคยเเต่ขอฉันซีร็อกซ์ รอบนี้นายไม่มีฉัน นายก็ต้องจดเองเเล้วก็ต้องจดให้ฉันอยู่เเล้ว"
"เสียใจ ฉันไม่ได้จดเผื่อเธอ" เซลเซียสว่า เเต่อย่าคิดว่าฉันจะเชื่อ
"อ๊ะจ้ะๆ ไม่ค่อยไม่ได้จดเลยเนอะ" ฉันพูดประชด สายตาฉันเลื่อนไปจ้องหน้าเขาอีกครั้ง โอ๊ย! ถ้าจะอยู่เเล้วไม่มีพูดออกไปเลยก็ได้นะTAT!
"อะ...เออ เเล้วก็สถานที่จัดงาน พวกนายคิดกันได้หรือยัง?"
"อ้อ งานเเต่งพี่องศาอะนะ"
"อือ"
"อ้อ สั่งก่รไปหมดเเล้วละ ทั้งสถานที่จัดงานเเละก็อาหารเครื่องดื่มด้วย เออจริงสิ" เซลเซียสลุกไปหยิบกระเป๋าคุ้ยหาอะไรบ้างอย่าง
"?"
"เธอว่าอันไหนสวยที่สุด" เซลเซียสยื่นการ์ดงานเเต่งมาห้าใบ มีสีเหลือง สีฟ้า สีขาว สีเขียว เเละสีเนื้อ
"อือ...โดยส่วนตัวฉันชอบสีฟ้านะ" ฉันกลอกตาอย่างครุ่นคิด
"งั้นเอาไป เขียนการ์ดอวยพร"
"ห๊ะ? เดี๋ยวสิ ฉันไม่เคยเห้นเเม้เเต่หน้าตาของพี่เขาเลยนะ จะให้เขียนอวยพรำด้ยังไง"
"เขียนๆไปเหอะ การ์ดอวยพรระดับวีไอพีเลยนะ ปกติที่เขาใช้กันมันการ์ดระดับสามัญ"
ขนาดการ์ดยังมีการเเบ่งชนชั้น!
"ฉันเพิ่งเคยเห็นการ์ดอวยพรหลากสีก็ครั้งนี้เเหละ"
"ก็ถึงบอกไงว่าวีไอพี ของธรรมดามันค้องสีชมพู เเต่นี่มัน วี-ไอ-พี!"
"เออ อีตาvery improtant person"
"เยส" เซลเซียสยักคิ้วให้เล็กน้อยด้วยท่าทางกวนบาทา ฉันมองหน้ามันด้วยความมันไส้ ในขณะเดียวกันฉันก็รู้สึกเหมือนมีคนจ้องมอง…ไอ้สามคนนี่มันก็มองฉันอยู่นี่เนอะ-_-
“นี่วันที่เท่าไหร แล้วฉันขาดเรียนไปกี่วันแล้วเนี่ยO_o?” ฉันสะดดุ้งถามเมื่อนึกได้ว่าตัวเองไม่ได้กลับบ้าน กรี๊ดดด อีพี่เมษาได้ฆ่าฉันแน่งานนี้T_T
“วันนี้วันที่ยี่สิบห้า เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2566 เวลา บ่ายโมงครึ่ง” เซลเซียสว่า ตอบแบบนี้ ประชดกันเหรอ-_-
"กรี๊ดดด ตายแล้ว ฉันขาดเรียนไปตั้งสามสี่วันแน่ะ แย่แล้ว กรี๊ดดดด”
“เงียบได้แล้วยัยบ้า” เซลเซีสเอามือมาอุดปากฉันไว้ อะไรกัน นี่ฉันหยุดเรียนไปเยอะขนาดนี้เชียวYOY
“อ๊ะ โทษทีๆY_Y” ฉันก้มหน้าสำนึกผิด เซลเซียสถอนหายใจออกมาเอือกใหญ่ แหม่ เก็บอาการหน่อยจะได้ไหม รู้ว่าฉันทำให้เหนื่อยใจ-_-+
“เธอนอนพักไปก่อนแล้วฉัน ฉันต้องไปเที่ยวต่อสักหน่อย ไปปะ ไอ้เคล”
“เออ ไปดิ อยู่กับไอ้โรมฉันได้ไมเกรนกินหัวกันพอดี” เคลวินบอกและเดินออกไป
“ผมไปนะ เดี๋ยสพี่เอพริลจะไมเกรนกินหัว(‘ ‘;;)”
ไม่ต้องเลียนแบบมาก็ได้เฟ้ย!
และแล้ว ก็เหลือฉันกับฟาเรนไฮต์เพียงแค่สองคน บรรยากาศช่างมาคุอะไรแบบนี้นะT^T ฉันกระอึกกระอักประมาณว่าทำอะไรไม่ถูก กะ…ก็แบบว่าเพิ่งไปร้องไห้ต่อหน้าเขามาอ่า(.///.)
“เอ่อ เกิดอะไรขึ้นเหรอ ตอนนั่นฉันเป็นอะไรไปเหรอ”
“…เธอโดนฤทธิ์ยาสลบทำให้หมดสติไปน่ะ” ฟาเรนไฮต์พูดและทำท่าเหมือนจะเดินออกไปจากห้อง
“ดะ…เดี๋ยวสิ นายจะไปแล้วเหรอ”
“…”
“อยะ…อยู่เป็นเพื่อนฉันก่อนได้ไหมอะ(. .)” ฟาเรนไฮต์ไม่ตอบ เขาแค่ยิ้มที่มุมปากนิดๆแล้วลากเก้าอี้มานั้งข้างๆ
“เธอนี่…”
“?”
“ชอบทำให้ฉัน…ช่างเถอะ=///=” ฟาเรนไฮต์หันหน้าหนีทำให้ฉันไม่สามารถเห็นหน้าเขาได้ อะไรอะ เวลาพูดอย่าพูดให้ค้างคาสิT^T ฉันอยากรู้
“ง่า ทำไมนายพูดแล้วไม่พูดให้จบเล่า ฉันอยากรู้น่า>3<” ฉันพยายามง้อให้เขาบอก แต่เขาก็หันมาบอกแนด้วยสายตาว่า…
‘เรื่องของเธอสิ:p’
มีแลบลิ้นด้วย น่ารักที่สุดอะค่า>_<๐
“…”
และแล้วบรรยากาศก็เงียบลงอีกครั้ง ฉันพยายามหลับตานอนแต่ทุกครั้งที่ฉันจะหลับตาลงก็เห้นแต่หน้าเขาผุดขึ้นมาทุกทีเลย ทำให้ฉันหลับไม่ลง
ตึกตักๆ
หัวใจของฉันก้เต้นไม่เป็นจังหวะอีกต่างหาก ให้ตายสิ ฉันหัวใจเต้นสามร้อยสี่สิบห้าครั้งต่อนาทีแล้วเนี่ย อ๊ากกก ฉันจะหัวใจระเบิดแล้ว>.,<
“หลับหรือยัง” ฟาเรนไฮตืพูดขึ้น ฉันแกล้งหลับตานอน
“…”
“ฝันดีนะ…” เขาว่าก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
ปัง!
เสียงปิดประตูเบาๆทำให้ฉันรู้ตัวว่าเขาออกจากห้องไปแล้ว ฉันลืมตาขึ้นมา หัวใจที่เต้นแรงขึ้นเป็นพันๆเท่าทำให้ฉันหน้าหน้าเป็นไฟ มะ…เมื่อกี้มันอะไร…
‘รักนะ…’
‘รักนะ…’
‘รักนะ…’
‘รักนะ…’
‘รักนะ…’
กรี๊ดดดดดดดดดดดด รักนะ งั้นเหรอ ฉันจะตายเพราะนายนั่นแหละ อีตาฟาเรนไฮต์ ฉันหลับตาปี๋และพยายามทำให้ตัวเองหลับไปจริงๆ
ความคิดเห็น