ฉันชอบอยู่คนเดียว กับบ่อน้ำท้ายบ้าน
ในตอนค่ำของทุกวัน ฉันจะเดินไปที่บ่อน้ำนี้ ก่อนถึงบ่อน้ำ มีต้นไม้ ต้นผลไม้ ให้ฉันได้เก็บกิน ทำไมฉันต้องไปที่บ่อน้ำ ท้ายบ้าน ฉันเองก็อยากรู้
ผู้เข้าชมรวม
74
ผู้เข้าชมเดือนนี้
74
ผู้เข้าชมรวม
ตอนที่ฉันนอนหลับ ฉันฝันมาตลอดว่า ท้ายบ้านมีบ้านหลังหนึ่ง ที่ไม่มีคนเข้าไปหรือไปแวะ บ้านนั้นมียาย และแม่ของเพื่อนฉัน บางครั้งฉันก็สับสน ว่าเรื่องจริงหรือความฝัน แต่มันคือเรื่องจริง มีบ้านนั้นจริงๆ และยังมีสองหลัง ฝั่งทิศตะวันออก ที่ไม่ค่อยมีคนไปใกล้ หรือบอกกันไว้ ไม่ให้เข้าไป พอค่ำแล้ว ที่หมู่บ้านก็จะไม่มีใครไปไหน ต่างคนต่างอยู่บ้านตัวเอง หมู่บ้านของฉันจะไม่ค่อยเปิดไฟ สี่โมงเย็นทุกคนก็เข้าบ้านตัวเอง ทำกับข้าวกิน พูดคุยกันในครอบครัว
และหม่าข้าว ไปนึ่งกินตอนเช้า ไม่เกินทุ่มหนึ่งก็นอนกันหมด หมู่บ้านก็เงียบและมืดสนิท ฉันนอนหลับ และจะมีตัวหนึ่งมากัดที่นิ้วของฉันทุกวัน มันมีหลายขาไง ห้องนอนอับชื้น ฉันเจ็บแป๊ปหนึ่ง จากนั้นก็หลับต่อ มันมาทุกวัน จนฉันคิดว่าตัวของฉันเป็นตะขาบไปแล้วครึ่งหนึ่ง มันไม่บวม เช้ามาก็หาย ฉันตื่นตีห้าทุกวัน ถ้าวันไหนหลับเพลิน จะมีคนมาปลุกที่เท้าของฉันทุกวัน นานวันเข้าฉันก็ตื่นเองเป็นประจำทุกวัน ฉันตื่นทานึ่งข้าว ที่หม่าไว้เมื่อคืน ตีห้า เวลานี้มันมืดมาก
และฉันก็คิดไปต่างๆนานา มันชวนจินตนาการ แต่ฉันต้องทำหน้าที่ ฉันต้องไปเก็บฟืนและถ่าน อยู่ไกลออกไปจากตัวบ้าน ตรงที่เก็บถ่าน พี่ชายเคยเล่าว่ามันมีงูเห่า ฉันเคยเห็นลอกคราบงู อยู่แถวนี้ ทุกวันฉันต้องกัดฟัน ข่มความกลัว ไม่งั้นทุกคนจะไม่มีข้าวกิน ได้ถ่านและฟืน ก็ก่อไฟในเตา นึ่งข้าว เอาข้าวที่แช่ไว้ ใส่หวด เทน้ำล้าง เติมน้ำในหม้อนึ่ง หวดตั้งในหม้อนึ่ง ยกขึ้นเตาไป เอาข้าวเหนียวที่กินเหลือ เมื่อคืน อุ่นใส่ไว้ด้านบน เอาฝาหม้อปิด ผ่านไปประมาณสามสิบนาที ก็กลับข้าวยกหวดขึ้นสลัด ข้าวก็จะกลับไปอยู่ด้านล่าง ปิดฝา นึ่งต่ออีก15นาที ก็ยกข้าวลงเทใส่กระด้ง เอาไม้คน โดยแยกข้าวใหม่กับข้าวที่อุ่น ข้าวใหม่ ใส่กระติบเล็กไว้ใส่บาตรพระ อีกหนึ่งกรเติบใหญ่ เอาข้าวใหม่ไว้ด้านล่าง
ข้าวเก่าอยู่ด้านบน ทุกอย่างเสร็จก่อน หกโมงเช้า เวลาหกโมงครึ่ง ฉันถือกระติบข้าว ไปรอใส่บาตร กับยายอีก5-6 คน ที่หมู่บ้านนี้ เอาข้าวใหม่มาใส่บาตรกันทุกบ้าน พระก็จะมา4-5รูป ใส่บาตรเสร็จรับพร หยิบข้าวหนึ่งปั้นยกขึ้นเหนือหัว แล้วเอาไปวางไว้หน้ารั้วบ้าน เขาพากันทำแบบนี้ ใส่บาตรเสร็จก็มาทำกับข้าว อ้อ ถ้าไม่ได้ใส่บาตรหรือมารอใส่บาตรไม่ทัน พระไปก่อน
จะเกิดอะไรขึ้น มันคือหายนะครั้งใหญ่ ในวันนั้นและอีกหลายวันตามมา การบ่นว่า จะทำให้เราไม่อยากกินข้าวเช้าในวันนั้น เขาอบรมกันมาว่า ถ้าไม่ได้ใส่บาตรพระ ไม่ต้องกินข้าวเช้า ฉันเลยต้องรอใส่บาตรพระในทุกเช้า ให้ได้ทุกวัน แต่ก็ชอบอยู่ ได้เจอยาย ป้าๆ พี่ๆ คุยกัน อาจจะก็คนเดียวที่ได้พูดด้วย ประโยคสองประโยค กับข้าวที่บ้านทำง่ายๆ ฉันทำได้ไม่กี่อย่าง ป่นปลา กับลวกผัก ฉันทำได้ดี แต่คนที่ทำเก่ง ก็จะบอกไม่อร่อย พอกินได้ กินข้าวเสร็จ เก็บล้าง ทำความสะอาด จากนั้นก็จะมีงานให้ฉันทำ วันละสองสามอย่าง เขาจะแจ้งและบอกฉัน ในพาข้าว
และฉันต้องจำให้ได้ว่าจ้องทำอะไรบ้าง และต้องทำให้เสร็จกี่โมง งานที่ฉันไม่ชอบมากที่สุด คือ ยัดนุ่น ใส่หมอน เสื่อ มันปลิวเข้าจมูก หายใจไม่ออกและอึดอัด ร้อนและระคายไปหมด แต่ฉันต้องทำ ถ้าเขามอบแล้ว ในแต่ละวันฉันเหนื่อย และไม่ได้ไปไหน เพื่อนของฉันคือต้นไม้ ดอกไม้ และผีเสื้อ ฉันคุยกับสิ่งเหล่านี้ในใจเบาๆฉันคอยถาม และสงสัย พวกเขามีความสุขไหม อย่างฉันเรียกลำยากไหม ฉันไม่ได้ไปหาใคร โลกข้างนอกเป็นอย่างไร ฉันก็ไม่มีคำตอบ
ถ้าฉันทำงานเสร็จเร็ว ฉันก็มีเวลาไปเดินเล่น ที่เดินเล่นของฉัน ไม่ใช่ไปเดินเล่นกับเพื่อนๆ ฉันชอบเดินไปที่สวนหลังบ้าน หรือทุ่งข้าว เพื่อนฉันคือธรรมชาติรอบตัว ขนมของหวานฉันก็เก็บในสวน ในแต่ละวันฉันไม่ได้ใช้เงิน ไม่มีใครให้ ไม่มีเงิน
มีลมหายใจ และตัวตนทำงานให้คนอื่น ผลไม้ในสวน มีน้อยหน้า มะละกอ มะม่วง กล้วย ฉันเข้าสวนไปเก็บกิน ฉันก็สงสัย คนอื่นอยู่ยังไง มีชีวิตเหมือนกันไหม มันคือคำถามในใจฉันทุกวัน ตอนบ่ายฉันชอบเดินไปหลังบ้าน มีบ่อน้ำเก่าไปอยู่ มีบัวอยู่กอหนึ่ง มี4-5ดอก เป็นบัวสีม่วงสวย รอบขอบบ่อ มีขอนไม้ใหญ่วางอยู่ ฉันดูอยู่ไกลๆไม่กล้าเข้าไปใกล้ ฉันกลัวน้ำ ฉันกลัวว่าจะมีอะไรอยู่ในน้ำ ไม่รู้ว่ามีอะไรบ้างอยู่ในน้ำ ฉันยืนนิ่งเพ่งดูบ่อน้ำ เวลาผ่านไปน่าจะนานแล้ว
ฉันก็ต้องกลับ ฉันก็กลัว มันสังเวงและเงียบมาก แต่ก็ชอบไป มันสงบ สวยงาม ฉันได้จินตนาการ คุยกับสิ่งรอบตัว ในตอนเช้าทุกวันฉันต้องไปโรงเรียน ฉันเดินไปโรงเรียนทุกวัน คนอื่นปั่นจักรยาน ใส่ชุดนักเรียนใหม่ ฉันตื่นตี5 เหมือนทุกวัน นึ่งข้าว ไปเก็บไข่เป็ดในเล้า ซึ่งคลานเข้าไปเล้าเป็ดที่แคบและเหม็นมาก ได้ไข่เป็ดลูกสีฟ้าและขาวมาสองลูก ฉันมาทำไข่ดาว กินหนึ่งฟอง ห่อใส่ตลับข้าวไปกินที่โรงเรียน 1ฟอง มีกระเป๋าที่เป็นย่าม คนอื่นมีกระเป๋าสีดำที่นิยมและมีฝาปิด ฉันก็อายอยู่ แต่ไม่มีอะไรให้ใช้ ก็ใส่ไปโรงเรียน ระหว่างทางที่เดินไปมีแต่ทุ่งนา ถ้าเป็นหน้าเกี่ยวข้าว ก็มีเฟืองข้าว และที่พลาดไม่ได้ คือ มีงูลูกเชือก เป็นงูตัวสีน้ำตาลเล็กๆยาวๆ มีเยอะมาก จนฉันไม่กลัวเลย แต่มีตกใจบ้าง
ระหว่างทางก็คุยกับต้นหญ้า ใบไม้ สายลมแสงแดดไป ก็สนุกดี ถึงโรงเรียนฉันก็เล่นกับเพื่อนๆปกติ ฉันมีเพื่อนสนิท อยู่หลายคน ที่เล่นด้วยกัน เช่น เล่นขายของ เล่นบทบาทสมมติ ตลกนะ ฉันกับเพื่อนเคยพนันกันไว้ ว่าบ้านใครจะมีตู้เย็นก่อนกัน ฮ่าๆๆแล้วก็ทีวีอีก สนุกเลยล่ะ ฉันหัวเราะและเล่นได้ทั้งวัน ฉันติดเพื่อน
ชอบเพื่อนและไม่ชอบกลับบ้าน ความสุขอยู่ที่โรงเรียน อยู่กับเพื่อน มีความสุข สนุกที่สุด สุดๆไปเลย ฉันรักเพื่อนทุกคน และรักมากๆ ก็ฉันไม่มีใครให้รัก จริงๆฉันชื่อขนุนฉันอยากเป็นนักเขียน ชอบอยู่่คนเดียว ใช้ความคิด มีความสุขกับการได้ทำในสิ่งที่รัก ได้ทำตามแผนการของตนเอง กินข้าวอิิ่ม นอนหลับ และตื่นมารู้ว่าจะทำอะไร แค่นี้ฉันก็มีความสุขมากแล้ว ขนุนไปโรงเรียน และมีการเล่นที่สนุกๆไม่เหมือนใคร มันเรียกว่า มันเป็นเกม หรือเป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่ง หรือจะเรียกแผนการก็ได้
พวกเราตั้งชื่อมันว่า “สะกดรอยตาม” เกม หรือแผนการนี้น่าหดหู่มาก สำหรับผู้ถูกกระทำ หรือผู้ถูกตาม มาดูการเล่นกันเลย เราจะมีสองฝ่าย คือ กลุ่มเรา และฝ่ายตรงข้าม ใกล้เคียงกัน 4-5 คน มีความคิด ความชอบและแนวทางเดียวกัน และมีฝั่งตรงข้ามที่รู้สึกอยากจะอบรมสั่งสอนเหมือนกัน ต่างฝ่ายต่างไม่รู้กลยุทธ์ และแผนการของตน คือก็คิดว่าตัวเองเด็ดสุดแล้ว เกมนี้หรือแผนการณ์นี้ เราจะปฏิบัติกันหลังเลิกเรียน
ต้องใช้เวลาพอสมควร คือกลุ่มเราจะมีแต่หัวกะทิ คือสุดๆ เรียกห้องเอ รองลงมาคือห้อง บี ให้ทายว่าเราอยู่กลุ่มไหน กลุ่มเอ คือ ลูกครู ลูกคุณหนู ดูหรูหรา มีแต่คนหน้าตาดี คือ ผิวขาวใส เรียนเก่ง พื้นฐานครอบครัวดี มีแต่คนรู้จัก กลุ่มบี คือ กลุ่มพ่อแม่เป็นเกษตรกร เลี้ยงวัว ปลูกผัก เรียนระดับกลาง โผงผาง พูดไม่เพราะ แต่เล่นกีฬาเก่ง
ฉันยังไม่เฉลยนะว่าฉันอยู่กลุ่มไหน หลายคนก็รู้แล้วแหละ เพราะมีบริบท หรือบทนำก่อนหน้านี้ งานอดิเรกของฉันคือ สะสมรากไม้ ต้นไม้ ดอกไม้ หรือใบไม้ เมื่อเจอ จะเก็บมาทับในหนังสือ ผ่านไปหลายวัน มันแห้ง
ก็จะนำมาทากาว เรียงในสมุดวาดเขียน คือสมุดวาดรูปแนวนอน ตอนแรกฉันไม่ได้ชอบ แต่อาจจะเป็นเพราะว่า ได้เก็บดอกไม้มา ค้ือ บ้านเราเรียกว่า ดอกเสลา สีม่วง กลีบบาง สวย มีทั้งม่วงอ่อน ม่วงเข้ม ในช่อเดียว ฉันชอบความสวยงาม ชอบดอกไม้ นี่คือความอ่อนโยนเดียวที่ฉันมี เด็ดจากต้นแล้วเสียดาย
เลยเอามาเก็บในหนังสือไว้ หลายวันเข้ามันก็แห้ง แต่ยังสีสดอยู่ ตั้งแต่วันนั้นมา ก็เร่ิ่มเก็บมากขึ้น และทำเป็นขั้นตอน เป็นเรื่องราว ได้หนึ่งเล่ม เก็บไว้ในที่นอนอย่างดี กลัวใครมาขโมย มาต่อกันที่แผนการสะกดรอยตาม คืออะไร เมื่อเรามีใครที่ไม่ค่อยชอบหน้า จะด้วยสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ หรือไม่มีสาเหตุ คือเหตุการณ์นี้เกิดตอนอายุ 8-9 ขวบ จะรู้สึกสนุกกับการเล่น เล่นได้สนุกทั้งวัน จนมีแผนการณ์ วางแผนไว้ ว่าพรุ่งนี้จะเล่นอะไรบ้าง การสะกดรอยตาม
กลุ่มของเราทำได้ดีมาก ค้ือเกินคาด รู้ได้อย่างไร ฮ่าๆๆก็ฝ่ายตรงข้ามเกรงกลัว หรือสยบไง แสดงว่ามันไปได้ดี แต่เหนื่อยมาก คุณไม่ต้องไม่ย่อท้อ ในการติดตามฝ่ายตรงข้าม อย่างไม่ลดละ และพร้อมบุกหรือลุยตลอดเวลา กลุ่มเราสะกดรอยตาม ฝั่งตรงข้ามในช่วงเย็น เราประสานกำลังไปเป็นกลุ่ม ฝั่งนั้นดูคุณหนู แต่ก็มีอิทธิพล คือ คนรู้จักเยอะ แต่ฝั่งเราก็ไม่ลดละ ไม่เกรงกลัว
พอฝั่งนั้นรู้ว่าถูกบุกรุกและสะกดรอยตาม ก็เกร็งๆกลัวๆ และยังไม่มีท่าทีตอบโต้ แผนการณฺ์ หรือกลยุทธ์อันใด รู้ได้อย่างไรว่าฝั่งเราเหนือกว่า หรือเยี่ยมกว่า ฝั่งนั้นไม่ได้ตอบโต้ ไม่มีอะไรที่จะทำให้เราร้องว้าว กลุ่มเราก็ได้แต้มต่อ ทีมเราเข้มแข็ง รวมกันเป็นหนึ่ง เราหัวเราะกันและกลับบ้าน และไปคิดแผนมาว่าวันต่อไปจะทำอะไร มีแผนการอย่างไร เกมนี้ไม่มีใครบาดเจ็บ ไม่มีทะเลาะกัน มีแค่สายตาที่เชือดเฉือนกัน กลุ่มฉันก็ชนะ เพราะเดินแต้มต่อ กลุ่มนั้นไม่ได้เป็นคู่แข่งที่สนุก เราก็แค่แสดงพื้นที่ไม่ให้ใครครอบงำความคิด เล่นสนุกๆในแบบของเรา เราตัวเล็ก ขาว กะปุกลุก
ทุกวันพุธ ต้องอม ฟลูออลไล มันคือ น้ำยาบ้วนปาก ป้องกันฟันผุ เป็นกิจกรรมที่เราไม่ชอบ มันเอี้ยะเลี้ยะ เหมือนอมสบู่ หรือ ยาสระผมผสมเเกลือ เค็มๆรสชาดที่อยากรีบทำ รีบเสร็จ แต่ฉันก็ไม่เคยหลบเลี่ยง ทำกิจกรรมกับเพื่อนทุกครั้ง เอางี้นะ จะเล่าว่า จันทร์ถึงศุกร์ทำอะไรบ้าง ทุกวันตอนเช้า ต้องเข้าแถวอยู่แล้ว แล้ววันหนึ่งฉันก็โดนฟาดกลางหลัง เพราะเข้าแถวไม่ตรง ฉันหัวคะมำไปข้างหน้าเลย ดีที่ไม่ล้มหัวน้อคก้อนหิน แต่ฉันเป็นหัวหน้าห้องนะ และมีบทดุ คือ วันหนึ่งในฤดูหนาว ใครๆก็ชอบหน้าหนาว ได้ใส่เสื้อหนา ฉันก็เล่นหมุนตัว หมุนกระโปรงในสนาม บ่อทราย หมุนไปหมุนมา ไม่รู้ว่ามีผู้ชายอยู่ใกล้ เขานั่งอยู่ ฉันหมุนกระโปรง คือคิดว่าตัวเองเป็นนางเอก
สิ่งเดียวที่ฉันมีความสุข และเป็นตัวเอง คืออยู่กับความเพ้อฝัน ใครไม่เป็นบ้างล่ะ หมุนกระโปรงทำตัวปลิว กระโปรงไปปัดผ่านหัวผู้ชายที่นั่งอยู่ ฉันไม่สังเกต ว่าเขามาอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ และแล้วนรกก็มาเยือน แบบไม่รู้ตัว แบบรวดเร็วฉับพลัน “ปั๊วๆๆปั๊กๆ” เธอคิดว่ามันคือเสียงอะไร คือเสียงนรกลงกบาลผู้ชายคนนั้นไง มันไม่ได้เหมือนมิวสิคที่ฉันคิดไว้ ฉันตีหัวเขาเสียงดังมาก ต้องบาปมากแหละ จนตอนนี้รู้สึกผิด และคิดว่าไม่ใช่ความผิดเขา ตีเสร็จเห็นสีหน้าเขาเจ็บปวดก็สงสาร เขาดูเจ็บปวดมาก แต่ไม่ตอบโต้ ไม่พูดอะไร ฉันไม่ได้ขอโทษเขา ฉันเป็นเด็กที่รั้น ดูโหด และไม่ได้ใจดีกับใคร
ตั้งแต่วันนั้น ฉันก็ตั้งใจว่าจะไม่ทำร้ายผู้ชายอีกเลย ไม่คิดว่าเขาจะไม่ตอบโต้ ฉันจำไม่ได้แล้ว ว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไร ฉันเป็นหัวหน้าห้องและเรียนเก่ง แต่ไม่ชอบวิชาคณิตศาสตร์นะ รู้สึกว่ามันยากและบวกเลขไม่เก่ง เมื่อต้องเป็นตัวแทนห้องไปตอบถาม คือเป็นการแข่งขันตอบปัญหา ก็ไปกับเด็กผู้ชายอีกคนหนึ่งแต่ไม่ต้องกลัวนะ ฉันใจดีขึ้นมาก ฉันบอกกับตัวเอง จะไม่ทำร้ายใคร ฉันจำผลของการแข่งขันไม่ได้ นอกจากตอบคำถามแล้ว ไม่ค่อยอยากเล่าเท่าไหร่ คือ ฉันไม่ชอบวิชาพละ ไม่ชอบเลยจริงๆ ความรู้สึกมาจาก ฉันเสริฟวอลเลย์บอลไม่ข้ามเชือก หรือตาข่าย ครูพละ ให้สอบเก็บคะแนน 10 ลูก 10 คะแนน ฉันได้0คะแนน เสริฟไม่ผ่านซักลูก ฉันเลยอคติ ไม่ชอบวิชาพละ แต่เพื่อนฉันเป็นนักกีฬา เขาเป็นรองหัวหน้าห้อง แต่ฉันก็รังแกเขา
บทนี้โหดมากไม่อยากจะเล่า คือ ฉันคิดว่าต้องมีใครมาขโมยสมุดฉันไป ฉันรู้สึกว่าเขาจะโดดเด่น วิชาพละ ฉันคงมีอารมณ์พลุ่งพล่าน ไม่ใช่วัยทอง แต่ะเหมือนมีพายุอยู่ในตัวฉัน ติดเทอร์โบไว้
พร้อมระเบิดตลอดเวลา ฉันเดินสุดกำลัง ทำท่าเหิมเกริมมาก ไปที่โต้ะรองหัวหน้าห้อง หยิบกระเป๋าขึ้นมา และเททุกอย่างในกระเป๋าทิ้ง คือบทนี้ฉันไม่เคยดูหนังเลยนะ แต่มันโหดในสายเลือด เททุกอย่างทิ้ง และโยนกระเป๋าทิ้งไว้ข้างๆ เหมือนเขาต่อว่าฉัน แต่ไม่ตอบโต้ด้วยวิธีรุนแรง ร้องไห้เสียใจและเช็ดน้ำตา คราวหลังเป็นเพื่อนสนิทกัน ฉันไปช่วยเกี่ยวข้าวบ้านเขา ไปเล่นนาเขา ไปกินข้าวบ้านเขา เธอว่าฉันสวมหลายบทบาทไหม ฉันว่าเขาไม่เอายาเบืื่อใส่ข้าวให้ฉันกินก็บุญแล้ว เฮ้อ..ไม่อยากจะคิด
กิจกรรมตอนเข้าเข้าแถว มีกิจกรรมที่ฉันชอบมาก คือ รำแม่ไม้มวยไทย เธอ…..อย่าไปบอกใครนะ ฉันเรียนแม่ไม้มวยไทย 18 ท่าใช่ไหม เขาจะเปิดเพลง เมดอินไทยแลนด์ ตอนนั้นดังมาก เข้าหูทุกวัน เป็นเพลงเดียวที่ฉันขยับปากได้ ร้องเพลงและเล่นไปแต่ละท่า ฉันอยากเข้มแข็งและดูแลตัวเองได้ จึงตั้งใจทำ ฉันชอบท่า “จระเข้ฟาดหาง” มันสุดยอดมาก และท่าสวยงาม แต่ใครโดนก็ตัวใครละ มีสลบแน่
ทุกคนได้เรียนแม่ไม้มวยไทย เป็นบทการออกกำลังกายตอนเช้า จากนั้นก็เข้าเรียน ฉันชอบวิธีการเรียนภาษาอังกฤษ คือเราจะต้องท่องคำศัพท์ทุกวัน วันละ 3หรือ 5 คำก็จำไม่ได้ แล้วท่องคำศัพท์เพิ่มขึ้นในแต่ละวัน โดยเพิ่มคำศัพท์เก่าแต่ละวันไปด้วย ท่องจนหมดเล่ม ฉันเลยเป็นคนท่องเก่ง จำเก่ง 108ธาตุก็ท่องได้ ชีววิทยา ไฟลัมต่างๆก็ท่องได้ คือ หลายๆวิชาก็เน้นท่องจำ “เพชรน้ำดี มณีแดง เขียวใสแสงมรกต เหลืองใสสด บุษราคัม แดงแก่ก่ำ โกเมนเอก สีหมอกเมฆ นิลกาฬ มุกดาหาร หมอกมัว สีสลัวเพทาย สังวาลย์สาย ไพทูลย์” ก็นี่แหละ จำขึ้นใจ จำได้ทุกวันนี้ ก็มีผลดีตามมาหลายอย่าง ที่เราสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ เอ้อ เรื่องกีฬายังไม่จบ
ฉันเคยลงวิ่งแข่งด้วย มีบทโกะกับเขาเหมือนกัน คือ อะไร ไม่อยากรู้ก็จะบอก ฉันได้วิ่งแข่งกีฬา ระหว่างที่วิ่งไปจะเลยคู่แข่งไปแล้ว ฉันก็สะดุดขาตัวเองล้ม ฉันไม่อยากเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นและไม่เชื่อว่าฉันจะเล่นมุกนี้ แต่บทนี้ ล้มจริงเจ็บจริง และฉันก็แพ้ โมเม้นรักฉันก็มีนะ คือ ฉันชอบลูกตำรวจ เขาขาว หุ่นดี ผมได้รูปทรง แต่มีลูกแม่ค้าและลูกภารโรงมาชอบฉัน การแสดงความรักของฉันก็คือ ทอดปลาทูไปฝากเขา นี่เธออย่าหัวเราะไปนะ มันคือเรื่องจริง เอาปลาทูไปฝาก และตอนเย็นเราจะเดินไปส่งที่ทุ่งนา เป็นทางลัดกลับบ้านเขา เราก็จะไปบ้ายบาย ได้แค่นั้น ถึงฤดูเกี่ยวข้าว บ้านเราจะมีลงแขกเกี่ยวข้าว วนไปบ้านนักเรียนทีละคน เป็นช่วงเวลาที่สนุก เกี่ยวข้าว ได้ทำกับข้าวกินกัน ปิ้งปลา อ่อมหอย ต้มปลา ตำบักหุ่ง พูดคุยกัน จีบกัน มันสนุกและมีความสุขมาก
ฉันชอบวัฒนธรรมแบบนี้ มันไม่ซับซ้อน ทุกคนไปช่วยกันจริงๆ ช่วยเกี่ยวข้าวกันจนเสร็จ มีอะไรก็กินด้วยกัน ไม่มีอะไรต้องใช้เงิน ออกแรงออกกำลังกาย ผักปลา ก็มี ช่วยกันทำกับข้าว กินด้วยกัน มีแค่ไหนก็กินแค่นั้น ไม่มานั่งว่ากัน กินเสร็จก็รีบทำงาน ไม่สนว่านาใคร บ้านใคร แต่ทุกคนช่วยกันเต็มที่และมีความสุขที่ได้ทำ และจำได้ไหมที่เป็นรองหัวหน้าห้อง เล่นกีฬาเก่ง และยังว่ายน้ำเก่ง ถึงวันไปเกี่ยวข้าวนาเขา มันมีหนองน้ำที่ลึกมาก ฉันไปนั่งทำมิวสิคที่คันแทนา ทำบทนางเอกอีกแล้ว คือที่ไหนบรรยากาศดี ฉันก็จะเคลิ้ม สมมติตัวเอง เป็นผู้หญิงบอบบาง เป็นนางเอก
ระหว่างที่ฉันเคลิ้มๆอยู่นั้น เพื่อนผู้หญิงคนนั้นผลักฉันตกน้ำ ฉันตกใจมาก ตกใจที่สุดในชีวิต ฉันว่ายน้ำไม่เป็นและมันลึกประมาณ 3เมตร ฉันตกลงไปในท่านั่งยองๆ ลืมตาเห็นแต่ปลาลอยไปมา ระหว่างที่ฉันตะเกียกตะกายจะหายใม่ออก คิดในใจฉันต้องตายแน่เลย มันหายใจไม่ได้ลุกขึ้นจากน้ำไม่ได้ ระหว่างนั้นมีสองมือพยุงตัวฉันขึ้นมาจากน้ำ เฮ้อ! ฉันรอดตายแล้ว คนนั้นเป็นลูกภารโรงที่ชอบฉัน ฉันว่านะ ฉันอาจจะคิดไปเอง เพื่อนที่ผลักมาขอโทษฉัน ฉันไม่ว่าอะไร และเล่นกันเหมือนเดิม ความสุขในช่วงเป็นเด็ก มันเกิดขึ้นง่ายมากๆ ไม่ซับซ้อน ไม่มีเงื่อนไข ไม่มีอคติ ไม่เคียดแค้น ใส่ร้ายกัน อะไรเกิดขึ้นก็หายไป เรายังคงสนุก และมีความสุขมากขึ้นในทุกวัน
เราขอขอบคุณทุกกำลังใจ และผู้อ่านทุกคน นี่เป็นเรื่องเล่า เรื่องแรกของเรา เราอยากทำได้เหมือนคนอื่นที่ลงความสำเร็จในแพลตฟอร์มต่างๆเราขอบคุณผู้อ่านทุกคน เว็บไซต์เด็กดี ที่มีพื้นที่ให้เราและคนอื่นได้แสดงความคิดสร้างสรรค์ แลกเปลี่ยนมุมมองแนวคิด และทำให้เกิดการพัฒนาตนเองในทุกวัน และเกิดแรงบันดาลใจ ได้ปรับเปลี่ยนตัวเอง มีเป้าหมายและมีความสุขในสิ่งที่ทำ
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ ขนมจีน ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ขนมจีน
ความคิดเห็น