ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 9
“ถึงแล้วดูซิเปียกหมดเลย”ชายหนุ่มหุบร่มเก็บข้างประตูหน้าบ้านและเดินสลัดผมเข้าบ้านตามหลังหญิงสาวเข้าไป
“ฉันมีเรื่องจะพูดกับคุณค่ะ”เธอพูดกับเขาด้วยเสียงเย็นชาเหมือนเดิมอีกแล้ว
“ผมว่าคุณน่าจะขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่านะครับ”
“ไม่ละฉันพูดนิดหน่อยเท่านั้น”
“แต่ผมไม่พร้อมจะพูดกับคุณทั้งที่คุณยังแต่งตัวล่อแหลมอย่างนี้นี่ครับ”กฤตพลพูดและสำรวจตามร่างกายหญิงสา
วตรงหน้าจนทำให้เธอต้องมองตามสายตาเขาและต้องแก้มแดงเป็นลูกตำลึงทีเดียวเมื่อเธอพบว่าเธออยู่ในสภาพที่
ไม่น่าจะอยู่ต่อหน้าผู้ชายคนไหนได้ ก็เสื้อยืดสีอ่อนพอดีตัวเปียกฝนจนแนบร่างแถมยังบางจนมองเห็นเนินอกด้าน
ในได้อย่างนี้ แถมยังมีกางเกงขาสั้นอีกละ โอ้ยทำไมเธอถึงไม่ทันคิดนะ
“นี่อย่ามองฉันด้วยสายตาอย่างนั้นนะ”
“ก็ใครให้คุณแต่งตัวอย่างนี้ละ ถ้าผมเป็นคนงานทั่วไปคุณคงจะไม่รอดแน่”
“ไม่มีใครเขาคิดอย่างคุณหรอก”
“ผมบอกด้วยความหวังดีนะคุณทิพย์ ยังไงซะคุณก็เป็นผู้หญิงในหมู่คนงานชายที่กลัดมันทั้งนั้น”เธอไม่อาจจะเถียง
เขาได้เพราะที่เขาพูดมาเป็นความจริงทั้งสิ้น เธอเคยชินกับการที่ใส่อย่างนี้เวลาอยู่กับบิดาและมารดาเพราะเธอรู้ว่า
ไม่มีใครกล้าทำอะไรเธอแน่นอน
“คุณขึ้นไปอาบน้ำเถอะ สระผมด้วยเดี๋ยวไม่สบายพรุ้งนี้ต้องเดินทางไกลจะแย่เอา” เขามองตามหญิงสาวที่เดินขึ้น
บันไดไปด้วยสายตาอ่อนโยน มันเป็นความรู้สึกพิเศษที่เขาไม่เคยมีให้หญิงใดมาก่อนเลย
“เรียบร้อยแล้วนะครับ มาทานข้าวเถอะนี่ก็เลยเวลาอาหารเย็นมานานแล้ว ผมอุ่นอาหารไว้รอคุณด้วยจะได้ทานร้อนๆ”
เขารีบบอกเมื่อเห็นหญิงสาวเดินเข้ามาให้ห้องอาหาร
“ไม่เห็นต้องวุ่นวายขนาดนั้นเลย อะไรฉันก็กินได้ทั้งนั้นแหละเพราะเริ่มหิวแล้ว”หญิงสาวพูดดีกับเป็นครั้งแรกนับ
ตั้งแต่เธอรู้ว่าเขาเป็นใคร เธอตั้งใจไว้ขณะที่อาบน้ำว่าเธอจะทำดีกับเขาเพื่อเธอเองเพราะเธอคงไปหลายวันและ
คงจะคิดถึงเขามากด้วย เธอจะเก็บเวลาดีๆนี้ไว้ เพราะเมื่อเธอกลับมาทุกอย่างมันคงจะเปลี่ยนไปมากเธอไม่รู้ว่า
เขาจะทำอะไรเมื่อเธอไม่อยู่
“ไม่วุ่นวายหรอกครับพอดีผมทำธุระเสร็จก่อนคุณ ลงมาเห็นคุณยังไม่มาเลยอุ่นอาหารไว้รอ”
“งั้นเราทานกันเลยดีกว่าค่ะฉันหิวเต็มทีแล้ว”สองคนหนุ่มสาวเดินไปนั่งโต๊ะอาหารหญิงสาวเริ่มตักข้าวใส่จานให้
ตัวเองและชายหนุ่มตรงหน้าด้วยทั้งทิพย์กฤตาและกฤตพลหาหัวข้อเรื่องพูดที่ทำให้ไม่ซีเรียสผลัดกันซักถาม
และพูดคุยกันจนกระทั้งอาหารมื้อนั้นเสร็จเรียบร้อยและทั้งคู่ก็ย้ายไปนั่งคุยกันต่อที่ห้องรับแขกเขาชงกาแฟตามไปให้หญิงสาวด้วย
“ฉันอยากจะพูดกับคุณแบบตรงไปตรงมา”หญิงสาวเริ่มเรื่องที่จะพูดกับเขาทันที
“เชิญครับผมกำลังฟังอยู่”
“ฉันอยากจะบอกว่าเพื่อความยุติธรรมระหว่างที่ฉันไม่อยู่ฉันไม่อยากให้คุณทำอะไรที่เป็นผลไม่ดีกับฟาร์มจะ
ได้มั้ย”สิ่งที่หญิงสาวพูดมาทำให้กฤตพลโมโหอย่างมากทีเดียว
“นี่คุณยังระแวงผมอีกหรือคุณทิพย์ คุณคิดได้ไงนี่ ผมทำถึงขนาดนี้แล้วคุณยังคิดว่าผมไม่หวังดีกับคุณอีกหรือ”
“ฉันไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น ฉันมีประสบการณ์จากพ่อฉันมาแล้วขนาดเพื่อนรักกันยังทำกันอย่างนั้นได้”
“แต่คนก็ไม่เหมือนกันทุกคนนี่ คุณโตแล้วน่าจะแยกแยะได้”
“คุณเข้ามาแบบมีเบื้องหลังอย่างนี้ฉันไม่สามารถจะไว้ใจคุณได้”
“เมื่อคุณพูดออกมาอย่างนี้ ผมก็ไม่มีอะไรจะอธิบาย”พูดจบเขาก็ลุกขึ้นเตรียมจะขึ้นห้องทันที
“แล้วทำไมคุณถึงไม่ยอมบอกฉันละคะ ว่าคุณเข้ามาทำอะไรที่ฟาร์มของทิพย์คะ”หญิงสาวพูดเสียงสั่นเครือเมื่อ
เห็นว่าชายหนุ่มเริ่มที่จะโมโหและเตรียมจะเดินจากไปทำให้เธอใจหายอย่างบอกไม่ถูก ชายหนุ่มหันกลับทันที่
เมื่อเขาได้ยินเสียงเหมือนหญิงสาวจะร้องไห้ และก็จริงอย่างที่เขาเข้าใจทำให้เขาเดินเข้าไปหาหญิงสาวและรั้ง
เข้ามากอดไว้ในอ้อมแขนซึ่งหญิงสาวก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรเพียงแต่ซบหน้านิ่งกับอกเขา
“เป็นอะไรไปคุณทิพย์ ผมทำอะไรผิดหรือบอกผมทีเถอะอย่าร้องไห้เลย ผมเห็นคุณร้องไห้แล้วใจไม่ได้ดีเลย”
“ฉันไม่รู้ บอกไม่ถูกแต่คุณอย่าลุกเดินหนีฉันไปเฉยๆอย่างนี้ได้ไหม”หญิงสาวพูดเสียงปนสะอื้น
“โธ่คุณทิพย์ ผมขอโทษ ต่อไปนี้ผมจะไม่ทำอย่างนี้อีกอย่าร้องเลยนะ”ชายหนุ่มยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่แก้มให้
หญิงสาวและก้มลงจุมพิตเบาๆที่ริมฝีปากได้รูปของหญิงสาว
“ไปพักผ่อนเถอะพรุ้งนี้จะต้องออกเดินทางแต่เช้าเดี๋ยวจะพักผ่อนไม่พอ ผมรับรองด้วยเกียรติว่าจะไม่ทำอะไร
ที่ทำให้ฟาร์มคุณเสียหายเป็นอันขาด”เมื่อพูดจบเขาก็พาหญิงสาวขึ้นไปส่งที่หน้าห้อง
“ขอบคุณคะที่มาส่ง ฉันคงจะทำอะไรน่าอายมากเลย”
“ไม่มีอะไรน่าอายหรอกคนดี ผมเข้าใจคุณ เอาไว้คุณกลับมาก่อนแล้วเราค่อยพูดกันอีกทีละกัน พักผ่อนเถอะ
เดี๋ยวพรุ้งนี้ผมจะไปส่งที่กรุงเทพ”
“ไม่เป็นไรค่ะฉันไปเองได้”
“อย่าดื้อซิ ผมอยากไปส่งคุณขึ้นเครื่องอย่าปฏิเสธผมเลยนะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ” พูดจบหญิงสาวก็หันเข้าห้องนอนแต่นอนไม่หลับคิดเรื่องที่เกี่ยวกับชายหนุ่ม เธอได้แต่หวัง
ว่าเขาคงจะไม่ทำอะไรที่ทำให้เธอผิดหวังหรอกนะ เพราะเธอเริ่มที่จะรู้ใจตัวเองเสียแล้วว่าเธอคงจะอยู่โดยขาดเขา
ไม่ได้เป็นแน่และหญิงสาวก็ผล็อยหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ตัว มาตื่นอีกทีเมื่อได้ยืนเสียงเคาะประตู นี่กี่โมงแล้วนี่หญิง
สาวหันไปมองนาฬิกาหัวเตียง ตีห้าแล้วหรือนี่ เธอลุกขึ้นเปิดประตูและเห็นกฤตพลยืนยิ้มอยู่หน้าห้อง
“อรุณสวัสดิ์ แมวขี้เซา”เขาเอ่ยล้อหญิงสาวพร้อมกับก้มจุมพิตหน้าผากหญิงสาวเป็นเหตุให้เธอทำหน้าไม่ถูก
“ฉันคงนอนตื่นสายแน่ถ้าคุณไม่มาปลุก ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ”
“ผมจะรออยู่ข้างล่างอาหารพร้อมแล้ว ผมจะไปอาบน้ำแต่งตัวเหมือนกัน”
    หลังจากรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยทั้งคู่ก็ออกเดินทางโดยชายหนุ่มขับของเขาไปส่งหญิงสาว
เธอสังเกตเห็นเขาแต่งตัวที่ไม่ใช่ชุดทำงานที่เห็นอยู่ทุกวัน เขาดูดีมากในสายตาของเธอทั้งบุคลิกรูปร่างและหน้าตา
ทำไมเขาถึงได้ดูดีไปหมดอย่างนี้นะ หรือเป็นเพราะความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาทำให้เห็นอะไรในตัวเขาก็ดูดีไปหมด
หญิงสาวคิดเรื่องของชายหนุ่มเพลินจนหลับไปในรถโดยไม่รู้ตัวเนื่องจากเมื่อคืนนี้เธอก็นอนไม่เต็มที่เพราะเขา
เป็นต้นเหตุอีกน่ะแหละ กฤตพลหันไปมองหญิงสาวจึงรู้ว่าเธอหลับไปเสียแล้ว เขาจอดรถเข้าข้างทางเพื่อปรับ
เบาะให้หญิงสาวได้นอนสบายตัวขึ้นและถอดแจ๊กเก็ตที่เขาสวดอยู่ออกมาคลุมร่างหญิงสาวเอาไว้เพื่อกันไม่ให้
หนาวมากเนื่องจากแอร์ในรถเย็นพอสมควร
            เมื่อถึงสนามบินผู้คนเต็มตรงทางเข้าผู้โดยสารขาเข้ามาก กฤตพลจึงดึงมือหญิงสาวออมมาห่างๆก่อนเนื่องจาก
เขายังไม่อยากแยกกับเธอน่ะเอง เขารู้สึกว่าเธอนั้นบอบบางจนเขาไม่อยากจะให้เธอต้องเดินทางไกลอย่างนี้คน
เดียวเลย แต่เขาก็รู้ดีว่าหญิงสาวนั้นผ่านการอยู่เมืองนอกมาหลายปีจึงทำให้เขาเบาใจไปได้บ้างแต่ก็ยังอดเป็น
ห่วงไม่ได้อยู่ดี ชายหนุ่มเดินจูงมือหญิงสาวไปนั่งที่คนไม่พลุกพล่าน
“ไปถึงที่โน้นแล้วโทรหาผมด้วยนะครับคุณทิพย์”ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับจ้องตาหญิงสาวจึงเป็นเหตุให้เธอหน้า
แดงขึ้นมาทันที
“คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ทิพย์เคยอยู่ที่นั้นมาหลายปีนะคะ”หญิงสาวเอ่ยขึ้นเนื่องจากรู้สึกว่าเขานั้นเป็นห่วง
แต่ก็นึกดีใจที่มีคนคอยเป็นห่วง เพราะหลังจากพ่อแม่เธอเสียนั้นเธอก็ไม่มีใครคอยเป็นอย่างนี้ถ้าไม่นับลุงอินด้วย
“คุณจะไม่ให้ผมเป็นห่วงได้อย่างไร ยิ่งไปต่างบ้านต่างเมืองอย่างนี้ด้วย เมื่อก่อนคุณยังมีคนของพ่อคุณคอยตาม
ดูแล แต่ตอนนี้คุณไปคนเดียวนะครับจะไม่ให้ผมเป็นห่วงได้ไง” เมื่อได้ฟังกฤตพลพูดก็ทำให้หญิงสาวน้ำตารื้อขึ้น
มาทันทีจนต้องก้มหน้าซ่อนน้ำตากลัวว่าชายหนุ่มจะเห็น แต่ก็หาได้พ้นสายตาของกฤตพลไม่ เขายื่นมือไปจับ
คางหญิงสาวให้เงยหน้าขึ้นสบสายตากับเขา ชายหนุ่มยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้ เธอรู้สึกว่ามันเป็นสัมผัสที่นุ่มนวล
มากจนน้ำตาที่กลั้นไว้ไหลออกมาเต็มสองแก้ม
“อย่าร้องไห้ซิครับ มันทำให้ผมใจไม่ดีนะ”เขาเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน
“ขอโทษค่ะ ทิพย์นี่เหลวไหลจัง ทิพย์คิดถึงคุณพ่อกับคุณแม่น่ะค่ะ เมื่อก่อนทุกครั้งที่ทิพย์จะเดินทางไปไหน
คุณพ่อคุณแม่ก็จะมาส่งอย่างคุณนี่แหละค่ะ และก็กำชับให้ลูกน้องดูแลทิพย์ให้ดีที่สุดทุกครั้ง เลยทำให้ทิพย์
สะเทือนใจน่ะคะ”หญิงสาวรับออกมาเสียงอ่อย
“ต่อไปนี้คุณก็จะมีผมคอยดูแลแทนคุณพ่อคุณแม่คุณแล้วไงครับ” ประโยคที่ชายหนุ่มพูดทำให้หญิงสาวพูด
อะไรไม่ออก เพียงแต่ยิ้มเท่านั้น
“จะกลับเมื่อไหร่โทรบอกผมก่อนนะครับ แล้วผมจะมารับ”
“ลำบากคุณเปล่าๆค่ะ ขับรถไปกลับก็ไกลอยู่นะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกผมอยากทำเพื่อคุณ”
“ขอบคุณค่ะ เขาเรียกผู้โดยสารครั้งสุดท้ายแล้วค่ะทิพย์ต้องไปแล้ว”
“ผมไปส่งตรงทางเข้านะครับ”พูดจบชายหนุ่มก็เดินจูงมือหญิงสาวไปตรงทางเข้าผู้โดยสารซึ่งยังมีคนอื่นยืน
ร่ำรากันอยู่บ้าง
“ขอบคุณค่ะ ส่งแค่นี้แหละค่ะ”
“เดินทางดีๆนะครับ”กฤตพลรั้งหญิงสาวเข้ามาในอ้อมแขนและก้มลงจุมพิตหน้าผากหญิงสาวด้วยความรักใคร่
ซึ่งหญิงสาวนั้นก็สามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่เขามีให้ เธอจึงรั้งลำคอชายหนุ่มให้โน้มลงมาหาและยื่นจมูกไป
สัมผัสกับปลายคางของชายหนุ่มเป็นผมให้ชายหนุ่มยิ้มด้วยความดีใจ
“นี่ถ้าไม่ติดว่าคุณจะตกเครื่องละก็ผมลากคุณไปจูบให้ขาดใจเชียวโทษฐานที่ทำให้ผมเขวได้ขนาดนี้”หญิงสาว
ไม่พูดอะไรเนื่องจากเธอก็ไม่เข้าใจตัวเธอเองเหมือนกันว่าทำอย่างนี้ได้อย่างไร เป็นเหตุให้เธอหน้าแดงด้วยความเขินอาย
“ทิพย์ไปแล้วค่ะเดี๋ยวไม่ทัน”หญิงสาวเดินลับเข้าไปด้านในแล้วแต่กฤตพลก็ยังยืนอยู่กับที่อีกเป็นเวลานานกว่า
เขาจะตัดใจเดินกลับไปขึ้นรถและขับออกไปจุดมุ่งหมายของเขาคือบริษัท สุริยกมล นะเอง
“ฉันมีเรื่องจะพูดกับคุณค่ะ”เธอพูดกับเขาด้วยเสียงเย็นชาเหมือนเดิมอีกแล้ว
“ผมว่าคุณน่าจะขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่านะครับ”
“ไม่ละฉันพูดนิดหน่อยเท่านั้น”
“แต่ผมไม่พร้อมจะพูดกับคุณทั้งที่คุณยังแต่งตัวล่อแหลมอย่างนี้นี่ครับ”กฤตพลพูดและสำรวจตามร่างกายหญิงสา
วตรงหน้าจนทำให้เธอต้องมองตามสายตาเขาและต้องแก้มแดงเป็นลูกตำลึงทีเดียวเมื่อเธอพบว่าเธออยู่ในสภาพที่
ไม่น่าจะอยู่ต่อหน้าผู้ชายคนไหนได้ ก็เสื้อยืดสีอ่อนพอดีตัวเปียกฝนจนแนบร่างแถมยังบางจนมองเห็นเนินอกด้าน
ในได้อย่างนี้ แถมยังมีกางเกงขาสั้นอีกละ โอ้ยทำไมเธอถึงไม่ทันคิดนะ
“นี่อย่ามองฉันด้วยสายตาอย่างนั้นนะ”
“ก็ใครให้คุณแต่งตัวอย่างนี้ละ ถ้าผมเป็นคนงานทั่วไปคุณคงจะไม่รอดแน่”
“ไม่มีใครเขาคิดอย่างคุณหรอก”
“ผมบอกด้วยความหวังดีนะคุณทิพย์ ยังไงซะคุณก็เป็นผู้หญิงในหมู่คนงานชายที่กลัดมันทั้งนั้น”เธอไม่อาจจะเถียง
เขาได้เพราะที่เขาพูดมาเป็นความจริงทั้งสิ้น เธอเคยชินกับการที่ใส่อย่างนี้เวลาอยู่กับบิดาและมารดาเพราะเธอรู้ว่า
ไม่มีใครกล้าทำอะไรเธอแน่นอน
“คุณขึ้นไปอาบน้ำเถอะ สระผมด้วยเดี๋ยวไม่สบายพรุ้งนี้ต้องเดินทางไกลจะแย่เอา” เขามองตามหญิงสาวที่เดินขึ้น
บันไดไปด้วยสายตาอ่อนโยน มันเป็นความรู้สึกพิเศษที่เขาไม่เคยมีให้หญิงใดมาก่อนเลย
“เรียบร้อยแล้วนะครับ มาทานข้าวเถอะนี่ก็เลยเวลาอาหารเย็นมานานแล้ว ผมอุ่นอาหารไว้รอคุณด้วยจะได้ทานร้อนๆ”
เขารีบบอกเมื่อเห็นหญิงสาวเดินเข้ามาให้ห้องอาหาร
“ไม่เห็นต้องวุ่นวายขนาดนั้นเลย อะไรฉันก็กินได้ทั้งนั้นแหละเพราะเริ่มหิวแล้ว”หญิงสาวพูดดีกับเป็นครั้งแรกนับ
ตั้งแต่เธอรู้ว่าเขาเป็นใคร เธอตั้งใจไว้ขณะที่อาบน้ำว่าเธอจะทำดีกับเขาเพื่อเธอเองเพราะเธอคงไปหลายวันและ
คงจะคิดถึงเขามากด้วย เธอจะเก็บเวลาดีๆนี้ไว้ เพราะเมื่อเธอกลับมาทุกอย่างมันคงจะเปลี่ยนไปมากเธอไม่รู้ว่า
เขาจะทำอะไรเมื่อเธอไม่อยู่
“ไม่วุ่นวายหรอกครับพอดีผมทำธุระเสร็จก่อนคุณ ลงมาเห็นคุณยังไม่มาเลยอุ่นอาหารไว้รอ”
“งั้นเราทานกันเลยดีกว่าค่ะฉันหิวเต็มทีแล้ว”สองคนหนุ่มสาวเดินไปนั่งโต๊ะอาหารหญิงสาวเริ่มตักข้าวใส่จานให้
ตัวเองและชายหนุ่มตรงหน้าด้วยทั้งทิพย์กฤตาและกฤตพลหาหัวข้อเรื่องพูดที่ทำให้ไม่ซีเรียสผลัดกันซักถาม
และพูดคุยกันจนกระทั้งอาหารมื้อนั้นเสร็จเรียบร้อยและทั้งคู่ก็ย้ายไปนั่งคุยกันต่อที่ห้องรับแขกเขาชงกาแฟตามไปให้หญิงสาวด้วย
“ฉันอยากจะพูดกับคุณแบบตรงไปตรงมา”หญิงสาวเริ่มเรื่องที่จะพูดกับเขาทันที
“เชิญครับผมกำลังฟังอยู่”
“ฉันอยากจะบอกว่าเพื่อความยุติธรรมระหว่างที่ฉันไม่อยู่ฉันไม่อยากให้คุณทำอะไรที่เป็นผลไม่ดีกับฟาร์มจะ
ได้มั้ย”สิ่งที่หญิงสาวพูดมาทำให้กฤตพลโมโหอย่างมากทีเดียว
“นี่คุณยังระแวงผมอีกหรือคุณทิพย์ คุณคิดได้ไงนี่ ผมทำถึงขนาดนี้แล้วคุณยังคิดว่าผมไม่หวังดีกับคุณอีกหรือ”
“ฉันไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น ฉันมีประสบการณ์จากพ่อฉันมาแล้วขนาดเพื่อนรักกันยังทำกันอย่างนั้นได้”
“แต่คนก็ไม่เหมือนกันทุกคนนี่ คุณโตแล้วน่าจะแยกแยะได้”
“คุณเข้ามาแบบมีเบื้องหลังอย่างนี้ฉันไม่สามารถจะไว้ใจคุณได้”
“เมื่อคุณพูดออกมาอย่างนี้ ผมก็ไม่มีอะไรจะอธิบาย”พูดจบเขาก็ลุกขึ้นเตรียมจะขึ้นห้องทันที
“แล้วทำไมคุณถึงไม่ยอมบอกฉันละคะ ว่าคุณเข้ามาทำอะไรที่ฟาร์มของทิพย์คะ”หญิงสาวพูดเสียงสั่นเครือเมื่อ
เห็นว่าชายหนุ่มเริ่มที่จะโมโหและเตรียมจะเดินจากไปทำให้เธอใจหายอย่างบอกไม่ถูก ชายหนุ่มหันกลับทันที่
เมื่อเขาได้ยินเสียงเหมือนหญิงสาวจะร้องไห้ และก็จริงอย่างที่เขาเข้าใจทำให้เขาเดินเข้าไปหาหญิงสาวและรั้ง
เข้ามากอดไว้ในอ้อมแขนซึ่งหญิงสาวก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรเพียงแต่ซบหน้านิ่งกับอกเขา
“เป็นอะไรไปคุณทิพย์ ผมทำอะไรผิดหรือบอกผมทีเถอะอย่าร้องไห้เลย ผมเห็นคุณร้องไห้แล้วใจไม่ได้ดีเลย”
“ฉันไม่รู้ บอกไม่ถูกแต่คุณอย่าลุกเดินหนีฉันไปเฉยๆอย่างนี้ได้ไหม”หญิงสาวพูดเสียงปนสะอื้น
“โธ่คุณทิพย์ ผมขอโทษ ต่อไปนี้ผมจะไม่ทำอย่างนี้อีกอย่าร้องเลยนะ”ชายหนุ่มยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่แก้มให้
หญิงสาวและก้มลงจุมพิตเบาๆที่ริมฝีปากได้รูปของหญิงสาว
“ไปพักผ่อนเถอะพรุ้งนี้จะต้องออกเดินทางแต่เช้าเดี๋ยวจะพักผ่อนไม่พอ ผมรับรองด้วยเกียรติว่าจะไม่ทำอะไร
ที่ทำให้ฟาร์มคุณเสียหายเป็นอันขาด”เมื่อพูดจบเขาก็พาหญิงสาวขึ้นไปส่งที่หน้าห้อง
“ขอบคุณคะที่มาส่ง ฉันคงจะทำอะไรน่าอายมากเลย”
“ไม่มีอะไรน่าอายหรอกคนดี ผมเข้าใจคุณ เอาไว้คุณกลับมาก่อนแล้วเราค่อยพูดกันอีกทีละกัน พักผ่อนเถอะ
เดี๋ยวพรุ้งนี้ผมจะไปส่งที่กรุงเทพ”
“ไม่เป็นไรค่ะฉันไปเองได้”
“อย่าดื้อซิ ผมอยากไปส่งคุณขึ้นเครื่องอย่าปฏิเสธผมเลยนะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ” พูดจบหญิงสาวก็หันเข้าห้องนอนแต่นอนไม่หลับคิดเรื่องที่เกี่ยวกับชายหนุ่ม เธอได้แต่หวัง
ว่าเขาคงจะไม่ทำอะไรที่ทำให้เธอผิดหวังหรอกนะ เพราะเธอเริ่มที่จะรู้ใจตัวเองเสียแล้วว่าเธอคงจะอยู่โดยขาดเขา
ไม่ได้เป็นแน่และหญิงสาวก็ผล็อยหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ตัว มาตื่นอีกทีเมื่อได้ยืนเสียงเคาะประตู นี่กี่โมงแล้วนี่หญิง
สาวหันไปมองนาฬิกาหัวเตียง ตีห้าแล้วหรือนี่ เธอลุกขึ้นเปิดประตูและเห็นกฤตพลยืนยิ้มอยู่หน้าห้อง
“อรุณสวัสดิ์ แมวขี้เซา”เขาเอ่ยล้อหญิงสาวพร้อมกับก้มจุมพิตหน้าผากหญิงสาวเป็นเหตุให้เธอทำหน้าไม่ถูก
“ฉันคงนอนตื่นสายแน่ถ้าคุณไม่มาปลุก ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ”
“ผมจะรออยู่ข้างล่างอาหารพร้อมแล้ว ผมจะไปอาบน้ำแต่งตัวเหมือนกัน”
    หลังจากรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยทั้งคู่ก็ออกเดินทางโดยชายหนุ่มขับของเขาไปส่งหญิงสาว
เธอสังเกตเห็นเขาแต่งตัวที่ไม่ใช่ชุดทำงานที่เห็นอยู่ทุกวัน เขาดูดีมากในสายตาของเธอทั้งบุคลิกรูปร่างและหน้าตา
ทำไมเขาถึงได้ดูดีไปหมดอย่างนี้นะ หรือเป็นเพราะความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาทำให้เห็นอะไรในตัวเขาก็ดูดีไปหมด
หญิงสาวคิดเรื่องของชายหนุ่มเพลินจนหลับไปในรถโดยไม่รู้ตัวเนื่องจากเมื่อคืนนี้เธอก็นอนไม่เต็มที่เพราะเขา
เป็นต้นเหตุอีกน่ะแหละ กฤตพลหันไปมองหญิงสาวจึงรู้ว่าเธอหลับไปเสียแล้ว เขาจอดรถเข้าข้างทางเพื่อปรับ
เบาะให้หญิงสาวได้นอนสบายตัวขึ้นและถอดแจ๊กเก็ตที่เขาสวดอยู่ออกมาคลุมร่างหญิงสาวเอาไว้เพื่อกันไม่ให้
หนาวมากเนื่องจากแอร์ในรถเย็นพอสมควร
            เมื่อถึงสนามบินผู้คนเต็มตรงทางเข้าผู้โดยสารขาเข้ามาก กฤตพลจึงดึงมือหญิงสาวออมมาห่างๆก่อนเนื่องจาก
เขายังไม่อยากแยกกับเธอน่ะเอง เขารู้สึกว่าเธอนั้นบอบบางจนเขาไม่อยากจะให้เธอต้องเดินทางไกลอย่างนี้คน
เดียวเลย แต่เขาก็รู้ดีว่าหญิงสาวนั้นผ่านการอยู่เมืองนอกมาหลายปีจึงทำให้เขาเบาใจไปได้บ้างแต่ก็ยังอดเป็น
ห่วงไม่ได้อยู่ดี ชายหนุ่มเดินจูงมือหญิงสาวไปนั่งที่คนไม่พลุกพล่าน
“ไปถึงที่โน้นแล้วโทรหาผมด้วยนะครับคุณทิพย์”ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับจ้องตาหญิงสาวจึงเป็นเหตุให้เธอหน้า
แดงขึ้นมาทันที
“คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ทิพย์เคยอยู่ที่นั้นมาหลายปีนะคะ”หญิงสาวเอ่ยขึ้นเนื่องจากรู้สึกว่าเขานั้นเป็นห่วง
แต่ก็นึกดีใจที่มีคนคอยเป็นห่วง เพราะหลังจากพ่อแม่เธอเสียนั้นเธอก็ไม่มีใครคอยเป็นอย่างนี้ถ้าไม่นับลุงอินด้วย
“คุณจะไม่ให้ผมเป็นห่วงได้อย่างไร ยิ่งไปต่างบ้านต่างเมืองอย่างนี้ด้วย เมื่อก่อนคุณยังมีคนของพ่อคุณคอยตาม
ดูแล แต่ตอนนี้คุณไปคนเดียวนะครับจะไม่ให้ผมเป็นห่วงได้ไง” เมื่อได้ฟังกฤตพลพูดก็ทำให้หญิงสาวน้ำตารื้อขึ้น
มาทันทีจนต้องก้มหน้าซ่อนน้ำตากลัวว่าชายหนุ่มจะเห็น แต่ก็หาได้พ้นสายตาของกฤตพลไม่ เขายื่นมือไปจับ
คางหญิงสาวให้เงยหน้าขึ้นสบสายตากับเขา ชายหนุ่มยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้ เธอรู้สึกว่ามันเป็นสัมผัสที่นุ่มนวล
มากจนน้ำตาที่กลั้นไว้ไหลออกมาเต็มสองแก้ม
“อย่าร้องไห้ซิครับ มันทำให้ผมใจไม่ดีนะ”เขาเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน
“ขอโทษค่ะ ทิพย์นี่เหลวไหลจัง ทิพย์คิดถึงคุณพ่อกับคุณแม่น่ะค่ะ เมื่อก่อนทุกครั้งที่ทิพย์จะเดินทางไปไหน
คุณพ่อคุณแม่ก็จะมาส่งอย่างคุณนี่แหละค่ะ และก็กำชับให้ลูกน้องดูแลทิพย์ให้ดีที่สุดทุกครั้ง เลยทำให้ทิพย์
สะเทือนใจน่ะคะ”หญิงสาวรับออกมาเสียงอ่อย
“ต่อไปนี้คุณก็จะมีผมคอยดูแลแทนคุณพ่อคุณแม่คุณแล้วไงครับ” ประโยคที่ชายหนุ่มพูดทำให้หญิงสาวพูด
อะไรไม่ออก เพียงแต่ยิ้มเท่านั้น
“จะกลับเมื่อไหร่โทรบอกผมก่อนนะครับ แล้วผมจะมารับ”
“ลำบากคุณเปล่าๆค่ะ ขับรถไปกลับก็ไกลอยู่นะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกผมอยากทำเพื่อคุณ”
“ขอบคุณค่ะ เขาเรียกผู้โดยสารครั้งสุดท้ายแล้วค่ะทิพย์ต้องไปแล้ว”
“ผมไปส่งตรงทางเข้านะครับ”พูดจบชายหนุ่มก็เดินจูงมือหญิงสาวไปตรงทางเข้าผู้โดยสารซึ่งยังมีคนอื่นยืน
ร่ำรากันอยู่บ้าง
“ขอบคุณค่ะ ส่งแค่นี้แหละค่ะ”
“เดินทางดีๆนะครับ”กฤตพลรั้งหญิงสาวเข้ามาในอ้อมแขนและก้มลงจุมพิตหน้าผากหญิงสาวด้วยความรักใคร่
ซึ่งหญิงสาวนั้นก็สามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่เขามีให้ เธอจึงรั้งลำคอชายหนุ่มให้โน้มลงมาหาและยื่นจมูกไป
สัมผัสกับปลายคางของชายหนุ่มเป็นผมให้ชายหนุ่มยิ้มด้วยความดีใจ
“นี่ถ้าไม่ติดว่าคุณจะตกเครื่องละก็ผมลากคุณไปจูบให้ขาดใจเชียวโทษฐานที่ทำให้ผมเขวได้ขนาดนี้”หญิงสาว
ไม่พูดอะไรเนื่องจากเธอก็ไม่เข้าใจตัวเธอเองเหมือนกันว่าทำอย่างนี้ได้อย่างไร เป็นเหตุให้เธอหน้าแดงด้วยความเขินอาย
“ทิพย์ไปแล้วค่ะเดี๋ยวไม่ทัน”หญิงสาวเดินลับเข้าไปด้านในแล้วแต่กฤตพลก็ยังยืนอยู่กับที่อีกเป็นเวลานานกว่า
เขาจะตัดใจเดินกลับไปขึ้นรถและขับออกไปจุดมุ่งหมายของเขาคือบริษัท สุริยกมล นะเอง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น