ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    @KamiKaze_Girl@

    ลำดับตอนที่ #2 : --ไอ่คนแผนสูง--

    • อัปเดตล่าสุด 3 เม.ย. 50


    --วันรุ่งขึ้น

     

    ขณะที่เรากำลังนั่งเล่นกันในตอนพักเที่ยง รอให้อาจารย์มาสอนคาบบ่ายอยู่นั้น...

                    นี่ๆพวกแก!!!”

    จูน  วิ่งเข้ามาในห้องอย่างหน้าตาตื่น  พลางชี้ๆไปทางหน้าต่างห้อง  พวกเราซึ่งมีปฏิกิริยาไวต่อสิ่งเร้า ก็รีบถลาเข้าไปเกาะหน้าต่างดูสิ่งผิดปรกติที่จูนต้องการสื่อให้ทันที

     

    ภาพที่เห็นอยู่นั้น  มีผู้ชายเครื่องแบบโรงเรียน J อยู่เป็นโขยง  กำลังเดินตัดผ่านสนามบอลตรงมาที่อาคารเรียนของเรา  ผู้หญิงห้องฉันออกอาการดี๊ด๊ากันทันที  ต่างกับกลุ่มผู้ชายที่มีปฏิกิริยาโต้ตอบรุนแรงเช่นกัน

     

    กลุ่มผู้หญิง            :“พวกนั้น ท่าทางจะหล่อเนอะแก...

    กลุ่มผู้ชาย              :“มันพวกไหนวะ!?”

    กลุ่มผู้หญิง            :“เห็นคนผมสีน้ำตาล สูงๆป่ะยะ

    กลุ่มผู้ชาย              :“ตั้งใจมาหยามโรงเรียนเราแน่เลยเมิง

    กลุ่มผู้หญิง            :“อือ  เท่ห์ดีเนอะ

    กลุ่มผู้ชาย              :“ไมมันกล้าจังวะ สงสัยไม่เคยลองของโรงเรียนเรา  หึๆ

    กลุ่มผู้หญิง            : “ต๊ายยย  หล๊อหล่อ...

     

    บทสนทนาสิ้นสุดลงเมื่อกลุ่มคนหายเข้าไปในอาคารเรียนด้านล่าง ทิ้งไว้แต่ความสงสัยงุนงง

     

    แต่เขาไม่ยอมให้เราได้ฉงนนานนัก  เพราะสักพัก คนกลุ่มนั้นก้อโผล่เข้ามาในห้อง2Bของฉัน  ผู้ชายตัวสูง ผมสีน้ำตาล กวาดมองทั่วทั้งห้อง  แล้วถามว่า

    XXX      :“ห้อง2บี ใช่ป่ะ?

    2B           :“......”

     

    ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก   ทุกคนในห้องนิ่งสนิท  คนถามยืนเกาหัวรำคาญแล้วเปลี่ยนเสียงเป็นตะคอกทันที

     

                    ใบ้แดกรึไงวะ!!!”

     

    เกิดการเปลี่ยนแปลงทันใด ผู้ชายห้องฉันทำเสียงฟึดฟัดแบบมีน้ำโห ส่วนผู้ชายอีกฝ่ายก็ปล่อยก๊าก ลั่นห้อง

    และก่อนจะมีอะไรรุนแรง ผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างคนตัวสูงผมน้ำตาลก็สั่งให้ทุกคนในกลุ่มเขาหยุดหัวเราะ ...เหมือนอัศจรรย์... ทุกคนเงียบเสียงลงทันที

     

    ฉันจ้องมองผู้ชายคนนั้นอย่างทึ่งๆแกมพินิจพิเคราะห์รูปร่างลักษณะ  เขาผมสีดำสนิท ผิวขาวมาก ตัวสูงเกือบเท่าไอ่คนอวดใหญ่นั่น  มีท่าทางใจดีดูเป็นผู้ใหญ่  ส่วนหน้าตาไม่ถือว่าหล่อจัด แต่เมื่อยืนอยู่ในกลุ่มนั่นแล้วดูเท่ห์เด่นชัดขึ้นมาเลยทีเดียว

     

    เขามองไปรอบๆห้อง  ราวกับจะสำรวจอะไรสักอย่าง  ก่อนยิ้มแล้วถามขึ้นมาว่า

                    คนไหนชื่อเลม่อน?”

     

    หัวใจหล่นลงตาตุ่ม   ชื่อฉันนี่หว่า...

     

    ไร้สัญญาณตอบรับอีกเช่นเคย แต่สายตาหลายคู่เหลือบมองมาทางฉันแม้ไม่ยอมพูดอะไร  ... เออ ขอบใจว่ะ เพื่อน

     

    เขาเดินตรงมาที่ฉัน ยิ้มเย็น มากะผมหน่อย

    *0*….

    ด้วยเหตุใดมิทราบได้ ฉันลุกเดินตามเขาอย่างว่าง่าย พลางเหลือบมองไปที่ฟอส เพื่อนร่วมห้องที่ฉันคิดว่าเป็นพวกนักเลงใจกล้าที่สุดในห้อง และหวังว่าเขาจะช่วยเหลือฉันได้  แต่ฟอสยังทำหน้าวางเฉย ไม่ยอมสบตาฉันซะงั้น...-*-... ก่อนจะเดินออกห้อง  จูน ลุกขึ้นมารั้งแขนฉัน แล้วพูดกับกลุ่มมัธยมJว่า

    จูน          :“จะเอาเพื่อนชั้นไปไหน?

     

    ชายคนที่สองหันมามองจูนพร้อมยิ้มให้ แล้วแกะมือจูนออกจากฉัน

    XXX      : “ไม่เกี่ยวกับเธอ

    จูน          : งั้นให้ชั้นไปด้วย!”

     

    จูนไม่ยอม  คว้าแขนฉันอีกที ฉันมองเพื่อนด้วยความซาบซึ้งใจรักแกจัง...

    ขณะที่ยื้อยุดกันอยู่นั้น  เสียงหนึ่งก็แหวกมาตัดสินใจแทนว่า

    จูนไม่ต้องไป  ชั้นไปเอง!”

     

    ฟอสลุกขึ้นพร้อมคว้าเอากระเป๋านักเรียนคู่ชีพ เดินมาหน้าห้อง เขาเดินมาจ้องหน้าหนุ่มผมน้ำตาลก่อนไล่มามองที่ผู้ชายผมดำ

     

    XXX      : “จะไปด้วยหาอะไร? __ผมน้ำตาลถามกวน

    ฟอส       : “ไม่ได้รึไง?  __ย้อนพร้อมทำหน้าท้าทาย

     

    ผู้ชายผมดำมองที่ฟอสครู่หนึ่ง ก้อได้ เขาให้ฟอสไปด้วย แล้วจับแขนฉันลากให้เดินตาม พร้อมพยักหน้าให้พองเพื่อนมัธยม J ทุกคนตามไป  ซึ่งเรียกความสนใจของนักเรียนห้องข้างๆได้ตลอดทางที่เดินผ่าน

     

    สมองของฉันเริ่มประมวลเหตุการณ์... และคิดว่าอาจเป็นเพราะข้อความในกระทู้นั่นก็ได้ และเป็นไปได้อย่างสูงว่าหนึ่งในนี้คือคู่กรณีของฉันT^T

     

    ระหว่างที่เดินลงอาคารเรียน  อาจารย์โชว  ครูสอนภาษาอังกฤษเรียกให้พวกเราหยุด

    อ.โชว     : “นี่พวกเธอเข้ามาทำไม? จะเอาลูกศิษย์ของครูไปไหน?

     

    กลุ่มของมัธยม J หันมามองหน้าอาจารย์โชว  คนผมดำ โค้งคำนับให้อาจารย์ ส่วนที่เหลือโค้งบ้างไม่โค้งบ้าง นายผมสีน้ำตาลไม่ยอมโค้งให้ แต่ฉันรีบโค้งแบบหน้าแทบติดหัวเข่า (ช่วยนู๋ด้วยค่าT^T”)

     

    อาจารย์โชวทักคนผมสีดำทันทีที่เห้นหน้าเขาชัดๆ

    อ.โชว     : “อ่าว มาทำอะไรที่นี่น่ะ  นายเซน

     

    โป๊ะเช๊ะ! แจ๊กพอร์ตแตก   ตรูว่าแล้ว -*-

     

    อาจารย์มองหน้าฉันสลับกับเซนแล้วแซวว่า

    อ.โชว     :“ไง  จะเอาเลม่อนไปเป็นพนักงานในโรงหนังของพ่อเธอเหรอ

     

    โห...พ่อเป็นเจ้าของโรงหนังด้วยเหรอ   กุไม่น่าหาเรื่องเลยT^T

     

    เซนยิ้มตอบอาจารย์ แล้วเล่าให้อาจาร์ยฟังอย่างลวกๆว่าฉันโทรไปก่อกวนเขาก่อน แถมใส่ร้ายเขาในเวบบอร์ดของโรงเรียน  ทำให้เซนต้องเสื่อมเสียอย่างมาก  และตอนนี้ เขากำลังจะเอาฉันไปส่งตำรวจT_T

     

    ฉันหันไปมองฟอสที่ตอนนี้ทำหน้าเอือมระอา เมื่อได้ยินเรื่องที่เซนเล่า  ฟอสทำท่าเบื่อๆแล้วพูดว่า

    ฟอส       : “ไม่ไปด้วยละ  จะกลับห้องเรียน

     

    พูดเสร็จก็แหวกฝูงคนเดินขึ้นบันไดไปโดยไม่หันกลับมามองฉันอีกเลย   สงสัยมันกลัวตำรวจ

     

    อาจารย์โชวไม่ปล่อยให้เซนว่าฉันฝ่ายเดียว จึงบอกให้ฉันเล่าส่วนของฉันบ้าง  ฉันบอกว่าทำมือถือหายระหว่างที่ไปดูหนัง แล้วโทรเข้าหาเบอร์ตัวเอง แต่เซนเป็นคนรับสาย จึงเข้าใจผิด

                    เบอร์หนูแน่ๆค่ะ  อาจารย์ขา...T^T”

     

    เซนดึงมือถือของเขาออกมา โชคร้ายที่มันเป็นคนละรุ่นกับของฉัน... เซนกดให้อาจารย์ดูเบอร์บ้านของฉันที่โทรไปหาเขา ระหว่างที่ก้มลงทำอะไรสักอย่างบนมือถือตัวเอง เซนถามฉันว่า

    เซน        : “เบอร์มือถือของเธอเบอร์อะไร?

    ฉัน          : “095-151-6012

     

    นายผมน้ำตาลสะดุ้งเล็กน้อย พร้อมกับเซนที่เงยหน้ามามองฉันแบบประหลาดใจ

    เซน        : “จริงเหรอ!?!”

    ฉัน          : “อือ ทำไมล่ะ

    เซน        : “ของผม 095-151-0612 น่ะ  เหอๆ

    ฉัน          : อ๋าาาาาาาาาห์....!?!

     

    เบอร์ของเราสลับกันนิดเดียวเอง แค่ 06 กับ 60 เนี่ยนะ*-* ...งั้นเมื่อคืนฉันคงรีบกดจนกดพลาดไปเบอร์เขาแน่เลย   ตกลงฉันผิดเหรอเนี่ย...=_+… 

     

    ฉันส่งสายตาขอโทษไปที่อาจารย์โชวที่ทำให้ต้องมาเสียเวลากับฉัน  อาจารย์ยิ้มตอบนัยว่าให้อภัย  ระหว่างนั้น เซนคุยโทรศัพท์อยู่ 

    เซน        : “อืม  เข้าใจละ  

                      สักพักผมจะไปเอา

                      ฮะ ขอบคุณ   __แล้วก็วางสายไป

     

    เซนหันมาบอกฉันว่ามือถือของฉันตกในโรงหนัง  และพนักงานเก็บไว้ให้แล้ว  หลังจากนั้นพวกเขาก็เคลื่อนทัพกลับไป  ทิ้งฉันไว้กับอาจารย์โชวกลางโถงทางเดิน ฉันจึงรีบแสดงสปิริตลาอาจารย์ย้อนกลับไปเข้าเรียน ทั้งที่ในใจขี้เกียจเรียนจะตาย...

     

    ---หลังเลิกเรียน---

    ฉันตรงไปที่โรงเก็บรถพร้อมเมล่อน ซึ่งตั้งใจไว้ว่าจะไปเอามือถือที่ลืมไว้ในโรงหนัง  แต่ตอนนั้นที่โรงเก็บรถมีคนสองคนยืนรอเราอยู่แล้ว  ฉันจำพวกเขาได้ชัดเจน   เซนกับนายตัวสูงผมน้ำตาลยืนอิงเสาอยู่ท่ามกลางสายตาอันร้อนระอุของเด็กโรงเรียนK  คุณก็เดาเอาเถอะค่ะ ดูดีกันออกปานนั้น กลุ่มผู้หญิงก็กริ๊ดกร๊าด กลุ่มผู้ชายก็ท่าทางคันไม้คันมือยิบๆ  แต่สองคนนั้นไม่มีท่าทีสะทกสะท้านอะไรเลยค่ะ อันที่จริง แวบแรกฉันอยากจะเดินเลี่ยงหนีไปให้พ้น แต่ไม่ทัน  เซนเห็นพวกเราแล้วเดินตรงมาหาทันที

     

    เซน        : “อ๊ะ!ของเธอ”  __เขาพูดพร้อมยื่นมือถือของฉันให้

    ฉัน          : “ขะ  ขอบใจ __ฉันรับของมาอย่างอึ้งๆ

    เซน        : “ว่างน่ะ  เลยไปเอามาให้

     

    เมล่อนมองทั้งสองอย่าง-งง- งง  เซนแนะนำตัวกับน้องสาวฉัน

     

    เซน        : “ผมชื่อเซน  นี่เพื่อนผม  ชื่อไฟท์

    เมล่อน   : “ดีค่ะเซน  ดีค่ะไฟท์ เราชื่อเมล่อนนะ

    ไฟท์       : “อือ หวัดดีเมล่อน

     

    เมล่อนทักทายทั้งสองอย่างเป็นธรรมชาติ   เซนหยุดคิดนิดนึงก่อนบอกฉันว่า

    เซน        : “ ที่จริงตั้งใจจะมาบอกให้ไปถอนข้อความในเวบบอร์ด แล้วลงประกาศขอโทษผมด้วยน่ะ

    ฉัน          : “หา!?!

    ไฟท์       : “ทำไม?  หา  อะไร

    ฉัน          : ต้องทำด้วยเหรอ?

    ไฟท์       : “เธอจะไม่ทำรึไง!!!” __ไฟท์ตะคอกเสียงดังจนคนรอบข้างหันมอง

    เมล่อน   : “อยากได้โทรโข่งมั้ย?”__ เมล่อนประชดทันที

     

    ไฟท์หันมามองเมล่อนที่มีท่าทางโมโหอย่างประหลาดใจ ฉันรู้ดีว่าเมล่อนไม่ชอบให้ใครมาตะคอกใส่พี่สาวตัวเอง  ฉันรีบรับคำเซน ตัดบท

    ฉัน          : “ ได้ เดี๋ยวกลับบ้านจะทำให้

    เซน        : “อือ  ไม่มีไรแล้ว  งั้นกลับละ

     

    แล้วเซนก็กึ่งดึงกึ่งลากไฟท์ที่ตอนนี้ทำท่าจะเริ่มฉะกับน้องสาวฉัน ซึ่งรายนี้ก็เกิดบ้าอะไรขึ้นมาไม่รู้ ดูฮึกเหิมขึ้นมาเหมือนกัน...

     

     

                    เมื่อกลับถึงบ้าน ฉันก็พบซองจดหมายสีน้ำตาลเสียบไว้ที่ตู้ไปรษณีย์  ...ใจหล่นตุ้บ... รู้อยู่แล้วว่ามันน่าจะเป็นซองอะไร ฉันบอกให้เมล่อนรีบแกะซองอย่างไม่รีรอ  เมล่อนแกะอ่านบิลค่าซ่อมสร้อยที่อยู่ในซองนั้น  ก่อนเหลือบตามองฉัน  แล้วทำท่าจะซ่อนของ

    ฉัน          :“อะไรของแกเมล่อน

    เมล่อน   :“ปะ  ป่าว  ทำตาเลิ่กลั่ก

     

    ฉันเสยผมรำคาญ  ก่อนฉวยกระดาษมาจากมือน้องมาอ่านเอง

    __ห๊!!!!  แสนสอง!!!__

     

    เมล่อน   :“…(-_-;)…”

    ฉัน          :“ซ่อมสร้อยเส้นเดียวแสนสองเลยเหรอ!?”

    เมล่อน   :“......(-_-;)(;-_-)......

    ฉัน          :“ยัยคุณนายนั่นโก่งราคาแน่เลยว่ะ!”

    เมล่อน   :“......(-_-\)(/-_-)(-_-\)(/-_-)……”

    ฉัน          :“จะเอาเงินจากไหนมาจ่ายให้มันล่ะเนี่ย-*-”

    เมล่อน   :“......(T^T)(T^T)……”

    ฉัน          :“คงต้องบอกพ่อกับแม่แล้วล่ะ

    เมล่อน   :“ไม่ได้น๊าาาาาาา

     

    พูดห้ามมาทันทีเชียว

     

    ฉัน          :“แล้วจะให้ชั้นทำไงล่ะ?

    เมล่อน   :“ไม่รู้อ่ะ  แต่บอกพ่อไม่ได้นะ  พี่อยากไปอยู่อูกันดารึไง

    ฉัน          :“ไม่อยาก

     

    สรุปแล้วพวกเรายังคงต้องหาเงินมาใช้หนี้แสนสองอีก แล้วมีการบอกให้จ่ายคืนภายในหนึ่งอาทิตย์เนี่ยนะ เด็กอย่างพวกเราจะไปเอาเงินมากมายขนาดนั้นที่ไหนมา    ฉันก็ยังแค่17 เมล่อน16 ปี  อายุไม่ถึงเกณฑ์ที่จะทำงานได้ จะไปกู้ธนาคารมาก็ไม่ได้อีกเพราะไม่มีเครดิตมากพอ  ยัยคุณนายนั่นถือไพ่เหนือกว่าเราทุกอย่าง  ถ้าเราเกิดโวยวายเรื่องเงินนี่ออกมา มีหวังเรื่องจรลีถึงหูบุพการีแน่นอน  หนอย... ได้ทีโก่งราคาเลยนะ  ฮึ่มมม!~~

     

     

     

                    ฉันนอนคิดเรื่องเงินจนถึงเที่ยงคืน แล้วยังนอนไม่หลับ  ฉันลุกคว้าเอามือถือมากดดูแก้เซ็ง ฉันกดดูเบอร์โทรเข้า-ออกไปเรื่อยๆ  สายตาไปหยุดอยู่ที่เบอร์ประหลาดเบอร์หนึ่ง เป็นเบอร์ตู้โทรศัพท์สาธารณะที่โทรเข้ามาหาฉันตอนตีสองพอดี แถมยังโทรผิดอีก

    ความจำของฉันเริ่มทำงาน  ฉันจำบทสนทนาในคืนนั้นได้แม่น  เพราะมันประหลาดมาก ฉันรู้แล้วว่าวันนั้นคนโทรผิดเข้ามาหาเซน แล้วพูดถึงเรื่องที่เซนไปหักหัวอาร์เคมิสอะไรสักอย่างเหมือนจะแบล๊กเมล

                    ฉับพลันความเลวไวเท่าความคิด  ฉันรู้แน่แล้วว่าจะหาเงินได้ที่ไหน แล้วต้องทำอย่างไร  โฮ๊ะๆ ... ไอ่คุณลูกเจ้าของโรงหนัง...หึๆ...

     

     

                    ดีจ้า^^”

                    .......

     

    ฉันเดินเข้ามาทักทายเซนที่กำลังนั่งฟัง I-POD อยู่ในร้านคอฟฟี่ช๊อป  เซนสะดุ้งเล็กน้อย

     

    ฉัน          : “วันนี้นายหล่อจังเลยน๊า

    เซน        : “ก็ชุดนักเรียนเหมือนทุกวัน

    ฉัน          : “แหม...ยังไงก็ดูดีกว่าเมื่อวานแหละน่า  คริๆ” __นี่ ... เอาใจสุดฤทธิ์

     

    ท่าทางเซนจะสงสัยฉัน เขากระแอมแล้วยืดตัวตรงตอนที่ฉันนั่งลงตรงข้ามเขา

     

    เซน        : “เธอต้องการอะไร?

    ฉัน          : “ช๊อกโกแลตมิลค์เชค

    เซน        : “-*- ผมหมายถึง  ที่นัดมาเนี่ย มีธุระอะไรกับผมเหรอ?

    ฉัน          : “สั่งของกินก่อนเด่  แหมๆ

    เซน        : “เหอๆ

     

    เขาลุกไปสั่งเครื่องดื่มให้ฉัน พอกลับมานั่ง เขาก็พูดขึ้นมาทันที

     

    เซน        : “บอกมาเลยดีกว่า  ผมไม่ได้ว่างทั้งวันนะ

    ฉัน          : “ก็มีเรื่องขอให้ช่วยนิดหน่อยน่ะ

    เซน        : “เรื่องเงินเหรอ?

    ฉัน          : “ห๊ะ!  ทำไมรู้

    เซน        : “เดา

     

    แล้วก็ดันถูกซะงั้น-*-... ฉันยิ้มแห้งๆ   เขาลดสายตาลงมองน้ำแข็งในแก้ว

     

    เซน        : “ผมจะสำคัญ ก็เฉพาะเรื่องนี้เท่านั้นแหละ

     

    แวบนึงฉันสังเกตเห็นแววตาหงอยเหงาเจืออยู่ในสายตาคู่นั้น  แต่ฉับพลันเซนก็เปลี่ยนท่าที   เขาเอนตัวอิงพนักพิงแล้วไขว้ห้าง

     

    เซน        : “และอย่างเธอ  ก็เห็นจะมีอยู่เรื่องเดียว

     

    เขาหัวเราะหึๆ  แล้วคว้าน้ำมาดูด  นี่อิมเมจของฉันมันเป็นแบบนี้เหรอเนี่ย   เอาล่ะ  จะสร้างภาพต่อไปก็คงไม่มีประโยชน์  ฉันจึงเข้าประเด็นทันที

     

    ฉัน          : “ที่จริงชั้นจะมาขอยืมเงินนายหน่อย

    เซน        : “เท่าไหร่?

    ฉัน          : “แสนสอง

    เซน        : “พูดเล่นรึเปล่า

    ฉัน          : “พูดจริง

     

    เขาทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ  แต่ฉันนั่งนิ่งแบบจริงจัง  เงียบกันสักพัก  เซนก็ตัดสินใจพูดขึ้นก่อน

     

    เซน        : “มันไม่ใช่เงินจำนวนน้อยเลยนะ   ผมให้ไม่ได้หรอก

    ฉัน          : “ทำไมล่ะ?

    เซน        : “มันมากเกินไป

    ฉัน          : “งั้นแสนนึงก็ได้

    เซน        : “ยังมากอยู่ดี

     

    แล้วเซนก็ลุกขึ้นทำท่าจะกลับ  รีบไปไหนของมัน  ฉันไม่มีทางเลือก จึงรั้งเขาไว้ด้วยคำพูดเด็ด

     

    ฉัน          : “หัวอาเคมิส...

     

    ได้ผล...   เซนชะงัก  แล้วหันขวับมาถามฉันทันที

     

    เซน        : “พูดว่าอะไรนะ?”

    ฉัน          : “หัวอาเคมิส... พ่อนาย ... หัวมันหัก!”

    เซน        : “เรียงลำดับคำซะน่าโดนเตะเลยนะ-*-

     

    เซนย้อนกลับมานั่งเก้าอี้เดิมอีกครั้ง  แต่สีหน้าเขาเคร่งเครียดกว่าเดิมมาก  ฉันรู้สึกผิดเหมือนกันที่ใช้วิธีสกปรก

     

    ฉัน          : “ชั้นไม่ได้ตั้งใจจะแบล๊กเมล อะไรหรอกนะ  แต่ชั้นจำเป็นต้องใช้จริงๆ  ตอนแรกกะจะทำงานพิเศษแต่อายุไม่ถึง  กู้ธนาคารก็ไม่ได้อีก  ชั้นไม่มีทางเลือกน่ะ

     

    เซนทำท่ารำคาญฉัน  เขาตัดบททันที

     

    เซน        : “นั่นมันเรื่องของเธอ  เอาเป็นว่าผมจะให้เธอกู้ก็แล้วกัน  ไม่มีดอกเบี้ย เงินได้พรุ่งนี้ แต่เธอต้องปิดปากเงียบเรื่องอาเคมิส  ตกลงนะ

     

    ฉันดีใจรีบรับคำทันที เซนยิ้มแล้วควักกระดาษมาร่างสัญญาอย่างคล่องแคล่ว...เอ๊! ทำไมหมอนี่มีอะไรที่คาดไม่ถึงเยอะแฮะ

     

    พอร่างสัญญาเสร็จ  เซนก็ชี้ให้ฉันดูจำนวนเงินในสัญญา

     

    เซน        : “หนึ่งแสนสองหมื่นถ้วน

    ฉัน          : “อื้อ^_^”

    เซน        : “ไม่มีดอกเบี้ย

    ฉัน          : “อื้ม^.^”

    เซน        : “เซ็นเลยสิ

    ฉัน          : “จ้า^0^”

     

    ฉันควักปากกามาเซ็นชื่อทันที  รอดจากยัยคุณนายแล้วเรา  พอเซ็นชื่อเสร็จ เซนก็จัดแจงพับสัญญาฉบับจริงใส่กระเป๋าเสื้อ แล้วยื่นฉบับร่างให้ฉัน

     

    เซน        : “มีอะไรลืมบอกเธอไปอย่าง

    ฉัน          : “ฮิๆ  อะไรเหรอจ๊ะ

    เซน        : “ถ้าทำอะไรขัดใจผม ผมมีสิทธิเรียกเงินคืนได้ทันที

    ฉัน          : “อ๊ะ!!0_o”

    เซน        : “ทุกอย่างเขียนไว้ในสัญญานะ  หึๆ

     

    พูดแล้วก็ลุกเดินหนีไปเลย  ฉันกางสัญญาฉบับร่างออกดู จริงด้วย! เซนมีสิทธิเรียกเงินคืนได้ทุกเมื่อ ถ้าไม่ชำระ  ถือว่าผิดสัญญา พ่อกับแม่ฉันต้องเข้ามารับผิดชอบหนี้ส่วนนี้แทนทันที  ไม่ต่างอะไรกับการเชิญชวนให้พ่อแม่มารับตัวไปอยู่อูกันดา  แล้วฉันมาทำอะไรที่นี่...ได้แต่นั่งสมเพชตัวเอง...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×