ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Triangle corner [ NamJin Feat V #BTS ]

    ลำดับตอนที่ #4 : Corner : 4

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ค. 57


    ห้องสี่เหลี่ยมที่ผนังถูกฉาบไปด้วยความมืด เวลาก็ล่วงเลยมาสักพักแล้ว แต่ทำไมผมก็ไม่สามารถหลับได้สักที ผมเครียดที่ไม่ได้เรียนมันก็ไม่ใช่ ผมพยายามจะหลับให้ได้ แต่พอผมจะหลับภาพเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นมามันก็วนเข้ามาในหัวผมอีกครั้ง

     

     

    “ ทำไมต้องนึกถึงนายด้วย นัมจุน “

    “ ทำไม ทำไม “

     

     

                มีเพียงความมืดที่ตอบกลับมา ก็พูดคนเดียวใครเขาจะมาตอบผมกันละ ผมทั้งลุกขึ้นนั่ง นับแกะ นับดาว นับทั้งหมดแล้วผมก็หลับไม่ได้สักที จนสุดท้ายยานอนหลับครับ ผมกินเข้าไปเม็ดหนึ่งแล้วผมก็หลับได้สักที

     

     

     

    “ ก๊อก ก๊อก ก๊อก “ เสียงเคาะประตูห้อง

    “ ซอกจินฮยองครับ นี้มันจะสิบโมงแล้วนะครับ ไม่ไปเรียนเหรอครับ “

     

     

                นัมจุนตะโกนจากด้านหน้าประตูห้อง แต่ไม่มีเสียงตอบรับใดดังออกมาจากภายในห้อง เขาจึงตัดสินใจจะพังประตูห้องเข้าไป แต่พอลองหมุนลูกบิด

     

     

    “ อ้าว ไม่ได้ล็อคประตู “

     

     

                ประตูห้องถูกเปิดออก เผยให้เห็น ซอกจินที่นอนสลบอยู่บนเตียง ใบหน้าและดวงตาที่หลับสนิท แนวจมูกที่ทำมุมได้สวยงาม แสงแดดที่ต้องกระทบยังสีผมสีน้ำตาล  ประหนึ่งราวกับเจ้าหญิงนอนอยู่ แต่ความเงียบคงจะอยู่ได้อีกไม่นาน

     

     

     

    “ ซอกจิน ฮยองตื่นครับ ตื่น ๆๆๆๆๆๆๆ “

    “ อือ !!!!!!!

    “ นี้มันสิบโมงแล้วครับ “

    “ สิบโมงอะไรเล่า ไม่ต้องมาโม้ “

     

     

                จบบทสนทนาซอกจินก็เอาผ้าห่มคลุมโปงนอนต่อไป คงเพราะยานอนหลับทำให้สติเขาฟื้นตัวช้ากว่าปกติ  ทำเอาอีกคนยืนงงงวย

     

    “ งั้นผมไปนั่งดูทีวีรอละกัน ขี้เกียจปลุกละ “

     

     

                เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึง 12.30

     

    ดวงตาคู่สวยเริ่มขยับเนื่องจากแดดที่เข้าตา จนในที่สุดก็ขยายออกจนสุด ซอกจินค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบนาฬิกาที่หัวเตียงมาดู แล้วทันใดนั้นดวงตาของซอกจินก็เบิกกว้างขึ้นแทบในทันที

     

     

    “ เที่ยงครึ่งแล้ว อ้ากกกก “

     

     

                ซอกจินโวยวายอยู่ในห้องแล้วก็รีบลุกขึ้นจากเตียงมุ่งตรงไปยังห้องน้ำทันที กิจวัตรประจำวันที่ปกติต้องใช้เวลาสักครู่วันนี้กลับเสร็จอย่างรวดเร็ว แล้วเขาก็รีบวิ่งออกจากห้องไป

     

     

     

    “ ฮยองตื่นแล้วเหรอครับ “

    “ ทำไมไม่ปลุกฮยอง “ ซอกจินตะคอกใส่

    “ ทำไมต้องตะคอกใส่ผมด้วยละครับ “

    “ ก็นี้มันเที่ยงแล้ว “

    “ ต้องถามว่า ผมปลุกฮยองไปกี่รอบแล้วครับ “

    “ มั่วเปล่า ฮยองไม่เห็นรู้สึก ถ้านายไม่ได้มาปลุกจริงๆก็บอกมาเถอะ “

    “ ฮยองอย่ามาชวนทะเลอะสิครับ “

    “ ถ้านายไม่พอใจก็ออกไปเลย นี้มันห้องฉัน ฉันจะทำอะไรก็ได้ “

    “ ก็ได้ครับ ถ้ามันรบกวนฮยองขนาดนั้น “

     

     

                นัมจุนลุกขึ้นยืนจากโซฟาด้านหน้าทีวี  ใบหน้าของเขาไม่ได้แสดงออกมาว่าเขาอารมณ์ไหนอยู่ เขาแบกกระเป๋าแล้วลุกเดินออกจากห้องไป แต่ก่อนจะออกจากห้องเขาก็หันกลับมาเพื่อบอกลา

     

     

    “ ฮยองครับ ผมทำขนมปังปิ้งไว้ให้บนโต๊ะ   ถ้าไม่รังเกียจมันก็กินก่อนออกไปละครับ “

     

     

                สิ้นเสียงพูดประตูก็ได้ถูกปิดลง แต่คำพูดที่นัมจุนได้พูดก่อนออกจากห้องไป  ทำไมเขาต้องพูดขนาดนั้นออกไปด้วยกับเรื่องแค่เล็กน้อยขนาดนี้  ซอกจินนั่งลงบนโต๊ะกินข้าวที่มีขนมปังปิ้งทาเนยวางอยู่ด้านหน้า  ยิ่งมองไปที่ขนมปังปิ้งความรู้สึกผิดก็ไหลเข้ามาในสมอง

     

     

    “ นัมจุน “

     

    “ ฮยองทำอะไรลงไป นายอุส่าห์ทำขนมปังปิ้งให้ แต่ฉันกลับไล่นายออกไป “

     

     

     

                ซอกจินได้แต่นั่งก้มหน้ากินขนมปังปิ้งที่อีกคนปิ้งไว้ให้ ทำไมผมถึงเป็นแบบนี้  ทำไมในใจผมมันอึดอัดขนาดนี้

     

     

    “ แก็ก “ เสียงประตูห้องเปิดออก

    “ นัมจุน !!!!!! “  ซอกจินหันไปที่ประตูในทันที

     “ นัมจุนอะไรฮยอง ผมยุนกิ แล้วทำไมไม่ไปเรียนละครับแปลก “

    “ เปล่า “

    “ ฮยองมีปัญหาอะไรกับน้องผมเปล่า ทำไมมันผมเดินสวนกับมัน หน้ามันเซ็งสุดๆเลยละครับ “

    “ นายสวนกับหมอนั่นที่ไหน ยุนกิ “

    “ หน้าหอเนี้ยแหละครับ “

     

     

     

                ยุนกิยังไม่ทันจะตอบคำถามอีกคนเสร็จ ซอกจินก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้มุ่งหน้าออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว  ทึ้งให้ยุนกิยืนมองด้วยความงง

     

                ซอกจินรีบจนขนาดวิ่งลงบันไดหนีไฟ แต่เมื่อลงมาถึงหน้าหอพักก็พบแต่ความว่างเปล่า  มีเด็กนักเรียนสวนกันไปมาอย่างปกติ แต่เด็กผู้ชายผมสีขาวเขาอยู่ที่ไหน  พยายามมองไปรอบๆแต่ก็หาไม่เจอ  วิ่งออกไปทางด้านหน้าสุดของเขตหอพักก็ยังหาไม่เจอจนในที่สุดซอกจินก็เริ่มเหนื่อย เขาเดินอย่างหมดเรี่ยวแรงไปตามทางเดินในเมือง

     

     

    “ ทำไมเมืองมันกว้างแบบนี้ แล้วผมจะไปหาเขาเจอได้ไงครับ “

     

     

                บนทางเดินที่ผู้คนเดินสวยไปมา ซอกจินพยายามมองหาเด็กผมสีขาว หรือ นัมจุนนั่นแหละครับ ถ้าผมไม่รีบร้อนพูดอะไรแบบนั้นออกไปผมก็คงไม่ต้องเหนื่อยเดินหาแบบนี้  ซอกจินมัวแต่ยืนละเมอ

     

    “ ระวังรถค่ะ “ เสียงผู้หญิงร้องตะโกนออกมา

     

                 ซอกจินได้สติกลับมาพบว่าเขายืนอยู่ริมขอบถนนและกำลังจะก้าวลงบนถนน จังหวะนี้เขาคงดึงขากลับเองไม่ทันแน่ รถยนต์ที่วิ่งเรียบมาเพื่อแซงซ้ายกำลังมาด้วยความเร็ว ชน ชน ชนผมแน่ๆ

     

    “ ฮึก “

     

                มีพลเมืองดีคว้าแขนของซอกจินดึงกลับมาได้ทัน ร่างของเขาเสียหลักล้มลงในอ้อมแขนของพลเมืองดีคนนั้น  เรี่ยวแรงทั้งหมดหายไปในพลิบตา ซอกจินค่อยๆ จะพยายามลุกขึ้นยืน แต่อีกคนก็ยังกอดเขาไว้แน่น

     

     

    “ ฮยองไม่ต้องรังเกียจผมขนาดนั้นก็ได้ “

     

     

                เสียงนี่มันช่างคุ้นๆเหลือเกินครับ เสียงโทนทุมต่ำมีเอกลักษณ์ในน้ำเสียงมาก  ซอกจินค่อยๆเงยหน้ามองแล้วก็ต้องอุทานอออกมาเสียงดัง

     

     

     

    “ นัมจุน !!!

    “ อะไรละครับ เดินให้มันระวังๆหน่อยสิ “

    “ นายมาช่วยฮยองทำไม น่าจะปล่อยฮยองให้โดนรถชนไปเลย “

    “ ทำไมผมต้องทำแบบนั้นละครับ ฮยองเป็นผู้มีพระคุณของผมนะครับ “

    “ แต่ฮยองพึ่งไล่……………….นายออกไปจากห้อง “

    “ ก็มันห้องของฮยองจริงๆนี้ครับ แต่ผมว่าเรายืนดีๆก่อนไหมครับ คนมองกันหมดแล้ว “

     

     

                ภาพเด็กหนุ่มสองคนยืนกอดกันอยู่ข้างถนน ไม่แปลกหรอกครับที่คนเขาจะซุบซิบกัน ซอกจินค่อยๆถอยออกจากอีกคน แล้วยืนคุยกันตามปกติ

     

     

    “ แล้วฮยองมีอะไรหรือเปล่าครับ ไม่งั้นก็แค่นี้นะครับ “

    “ ขอบคุณ “

    “ อะไรนะครับ “

    “ ฮยองขอบคุณที่นายช่วยไว้ไง แล้วก็………….

    “ แล้วก็อะไรครับ ?

    “ ไม่มีอะไรหรอก “

    “ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ “

     

               

    ทำไมผมกลับพูดไม่ออกละ  อุส่าห์ตามหาตัวจนเจอแล้วแต่อยู่ดีๆคำพูดมันดันมาก็ติดอยู่ที่ปาก ในขณะที่นัมจุนกำลังจะเดินผ่านเขาไป  เหลือแค่ช่วงเวลานี้แล้วเท่านั้น

     

     

     

    “ นัมจุน นายกลับมาอยู่กับฮยองได้ไหม “

     

     

                ในที่สุดซอกจินก็พูดสิ่งที่อยู่ในใจเขาออกไปได้แล้วเหมือนยกภูเขาออกจากอก นัมจุนหันกลับมามองซอกจินด้วยสายประหลาดใจ

     

     

    “ เมื่อกี้ฮยองพูดว่าอะไรนะครับ “

    “ นายกลับมาอยู่ห้องกับฮยองได้ไหม”

    “ ความจริงผมก็มีห้องของผมแหละครับ ผมไม่รบกวนฮยองแล้วละครับ “

    “ แต่ฮยองอยากให้นายอยู่ด้วย ไม่รู้ทำไม “

    “ แล้วพี่ยุนกิ เขาไม่มานอนเหรอครับ “

    “ หมอนั่นแทบจะไม่มานอนห้องอยู่แล้ว “

    “ แต่ว่า …………………. ฮยองไม่ได้ไม่ชอบผมเหรอครับ “

    “ มันไม่ใช่แบบนั้น “

    “ แล้วทำไมผมต้องไปนอนห้องฮยอง “

    “ เพราะว่าฮยองอยากให้นายอยู่ข้างๆฮยอง ฮยองไม่อยากอยู่คนเดียว “

     

     

                คำตอบของซอกจิน ทำเอานัมจุนยืนมองด้วยสายตาประหลาดใจ  ทั้งสองยืนนิ่งกันอยู่สักพัก ซอกจินที่ก้มหน้ามองพื้น กับ นัมจุนที่ยืนเกาหัว

     

     

    “ อ่าฮยอง “

    …………… ถ้ามันบังคับ ฮยองก็ไม่ว่าอะไร “

    “ จริงๆแล้ว ผมก็ไม่ได้อยากกลับไปห้องตัวเองหรอกครับ เพราะที่นั้นมีแฟนเก่าผมอยู่ “

     

    “ แฟนเก่า “ ได้ยินคำนี้แล้วทำไมมันรู้สึกแปลกๆยังไงไม่รู้

    “ คนที่ทำผมเจ็บตัวขนาดนี้ละครับ “

    “ ออ แล้วยังไงอ่า “

    “ งั้น ผม………..

     

     

    “ อ้าว ซอกจินฮยองที่รักของผม “

     

                เด็กผู้ชายผมสีส้มปรากฏตัวเข้ามาในวงสนทนา  แทฮยอง มาได้จังหวะดีเสียจริง ซอกจินยังไม่ทันได้ฟังคำตอบของนัมจุนเลย

     

     

    “ พี่ชายคนนี้ใครครับ “ วีชี้ไปที่นัมจุน

    “ คือ เขาคือ………..

     

     

    จบตอนที่ 4

    จะเป็นยังไงต่อไปละครับคราวนี้ พี่ซอกจินจะตอบแทฮยองไปว่ายังไง  แล้วคำตอบที่นัมจุนกำลังจะตอบคืออะไร ต้องติดตามตอนต่อไปนะครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×