คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 - Short film project
Chapter 1
“เฮ้ยัยเตี้ย” ร่างสูงใช้มือสะกิดไหล่บางของหญิงสาวที่แอบนั่งหลับในเวลาเรียนข้างๆเขา ดูเหมือนว่าเมื่อคืนเธอจะเพลียมาก เพราะแทบไม่มีเวลาได้นอนถึงได้มาแอบหลับในเวลาเรียนแบบนี้แถมยังต้องตื่นแต่เช้ามาดูประกาศนักแสดงในShort film Projectอีก ทั้งที่ปกติคิมแทยอนเป็นคนที่สนใจในการเรียนมากถึงมากที่สุด
เขามองดูดวงหน้าเล็กที่เปลือกตาถูกปิดลงแล้วแอบยิ้มเล็กน้อย หาโอกาสยากมากนะที่จะเห็นคนเป็นเพื่อนในมุมแบบนี้
“ยัยเตี้ย ตื่นสิ”เสียงทุ้มเรียกอีกครั้งโดยที่ใช้แรงสะกิดให้แรงมากขึ้นกว่าเดิม ไม่นานนักคนที่ถูกรบกวนในเวลานอนก็ค่อยๆสะลึมละสือแล้วออกจากห้วงนิทรา
“นายปลุกฉันทำไมเนี่ย” คนถูกรบกวนเวลานอนถึงกับบ่นออกมาเป็นอย่างแรกแล้วเธอก็ใช้มือเล็กเสยปรอยผมของตัวเองที่กำลังปิดหน้าปิดตาเบาๆ
“เธอแอบหลับคนเดียวแบบนี้ฉันก็เหงาแย่สิ” ปาร์คชานยอลย่นจมูกเล็กน้อยก่อนจะทำทีหันไปสนใจหน้าชั้นเรียนเพราะอาจารย์ที่เข้าสอนกำลังมองมาทางเขา
“ให้ตายเถอะ ปลุกเพราะเหตุผลนี้เนี่ยนะ ถ้าเหงามากทำไมนายไม่แอบหลับเหมือนกับฉันล่ะ” แทยอนกลอกตาไปมากับเหตุผลที่มารบกวนเวลานอนของเธอ
“มันไม่ใช่ซะทีเดียวหรอก ฉันแค่อยากให้เธอลงสมัคร”เสียงทุ้มพูดจบก็หันมาฉีกยิ้มให้คนเป็นเพื่อนอย่างสดใส
“ลงสมัคร?” เธอขมวดคิ้ว
“ไอนี่ไง” พูดจบก็คว้ากระเป๋านักเรียนของตัวเองแล้วค้นหาอะไรสักอย่างที่อยู่ในนั้น ก่อนที่คิมแทยอนจะเห็นว่ามันคือป้ายประกาศที่เธอไม่สามารถทราบได้ว่ามันคือเรื่องอะไร ไม่นานนักมือหนาก็ยื่นมันมาให้กับเธอ
‘ประกาศคัดเลือกนักเขียนบทใน Short Film Project’ เธออ่านหัวข้อที่ถูกเน้นด้วยฟอนต์ตัวใหญ่ๆบนหัวกระดาษก่อนที่จะเลื่อนสายตาลงมาดูรายละเอียดข้างใน
‘ผู้สมัครสามารถเขียนเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรก็ได้ไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับความรัก มิตรภาพ แนวสยองขวัญ หรือจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ที่มีความน่าสนใจ สามารถเขียนเป็นเรื่องย่อหรือข้อความสั้นๆมาส่งเพื่อให้คณะกรรมการทำการคัดเลือก’
“หมดเขตพรุ่งนี้แล้วนะ!” ชานยอลกระซิบย้ำเตือนซึ่งเป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกให้รู้ว่าคิมแทยอนไม่มีทางลงสมัครแน่ๆ
“ล้มเลิกความคิดนั้นเดี๋ยวนี้เลยนะ ชานยอล” มือบางพับกระดาษขนาดเอสี่ลงก่อนที่จะยื่นคืนมันให้กับเจ้าของ
“อะไรกันเธอออกจะมีความสามารถ ฉันยังจำตอนที่อาจารย์ให้แต่งนิทานตอนเกรด4ได้อยู่เลย เธอน่ะสุดยอด!” ชานยอลพูดพร้อมกับยกนิ้วหัวแม่มือเป็นท่าประกอบเพื่อให้อีกคนเข้าใจว่าเขาหมายความว่าเธอน่ะสุดยอดมากจริงๆ
“อย่ามาล้อเล่นน่า นายมีจุดประสงค์อื่นก็บอกเถอะ” แทยอนเม้มริมฝีปากแล้วปรายตามองเพื่อนชายของตัวเองที่ร้อยวันพันปีไม่เคยจะหาเรื่องมายกยอเธอแบบนี้ นอกซะจากว่าจะมีเหตุผลอื่นที่มากกว่านั้น
“โธ่ รู้ทันอยู่เรื่อยเลย” ปาร์คชานยอลหันมายิ้มแห้งๆให้เพื่อนสาวที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ก่อนที่จะกระพริบตาปริบๆเป็นเชิงขอร้อง “นะๆ ถ้าบทหนังของเธอได้ใช้ในshort film projectนะ เธอก็จะได้ทำงานร่วมกับนางเอกของเรื่องซึ่งฉันกำลังเล็งไว้อยู่”
“นายมีวิธีตั้งเยอะแยะที่จะจีบยัยนั่น ซึ่งฉันขอบอกเลยว่าวิธีนี้มันไร้สาระมากๆ”พูดจบก็ถอนหายใจเบาๆกับเหตุผลที่แสนจะน่าถีบเสียจริงๆ
“เถอะน่า เธอช่วยฉันหน่อยนะ ขอแค่ครั้งนี้ล่ะ” ชานยอลกระพริบตาปริบๆเหมือนเด็กกำลังอ้อนขอของเล่นจากผู้ใหญ่อีกรอบ
“แต่นายก็เห็นว่าหมดเขตพรุ่งนี้ แล้วฉันจะเอาเวลาที่ไหนไปคิดพล็อตเรื่องดีๆที่น่าสนใจ อีกอย่างshort film project นี่มันเป็นความหวังของโรงเรียนเลยนะ หากว่าพล็อตเรื่องที่ฉันคิดมันไม่ดีแล้วทำให้หนังสั้นของโรงเรียนแพ้การประกวดขึ้นมานั่นแย่กว่าเก่าอีก” แทยอนอธิบายเหตุผลที่เธอไม่ยอมทำตามคำขอของเพื่อน ทั้งที่ใจจริงก็อยากตอบรับไปนั่นแหละ ถ้าไม่ติดว่าเวลาที่กำหนดมันกระชั้นชิดเกินไป
“เอางี้ดีไหม เย็นนี้เดี๋ยวฉันจะช่วยหาแรงบันดาลใจในการคิดพล็อตเรื่องให้กับเธอเอง ส่วนที่บอกว่าบทหนังเธอไม่ดีน่ะ ถ้าไม่ดีจริงๆกรรมการก็ไม่มีทางเลือกให้บทของเธอมาใช้ในshort film projectหรอกน่า เป็นอันว่าตกลงตามนี้นะ”
กริ๊งงงงง เสียงออดหมดเวลาเรียนดังขึ้น ปาร์คชานยอลก็ยิ้มน้อยๆส่งท้ายคำพูดก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้อีกคนปฏิเสธได้ทัน
“นายนี่จริงๆเลยนะ!” แทยอนลอบสายตามองร่างสูงที่เดินออกจากประตูห้องเรียนไปอย่างอารมณ์ดีแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะหยิบใบประกาศที่วางอยู่บนโต๊ะเรียนมาอ่านทำความเข้าใจอีกรอบหนึ่ง เชื่อเถอะว่าถ้าเป็นสิ่งที่ปาร์คชานยอลขอออกมาแล้วล่ะก็ เธอไม่มีทางขัดใจได้อย่างแน่นอน
‘ผู้สมัครสามารถเขียนเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรก็ได้ไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับความรัก มิตรภาพ แนวสยองขวัญ หรือจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ที่มีความน่าสนใจ สามารถเขียนเป็นเรื่องย่อหรือข้อความสั้นๆมาส่งเพื่อให้คณะกรรมการทำการคัดเลือก’
ความรัก มิตรภาพ หรือแนวสยองขวัญงั้นเหรอ? หากว่ามีการคัดเลือกตัวพระเอกและนางเอกแล้วก็สมควรที่จะเป็นหนังที่เกี่ยวกับความรักถูกไหม? แล้วเธอควรคิดพล็อตแบบไหนที่จะไม่ทำให้ซ้ำหรือจำเจกับเนื้อเรื่องที่เห็นตามทั่วไปล่ะ
“55555555555555555555555555555555555 อย่างเธอนี่นะจะสมัครเป็นนักแสดงในshort film project เค้าจะเอาเธอไปเป็นต้นไม้เหรอไงยัยเหม่ง” บยอนแบคฮยอนหัวเราะดังลั่นหลังจากที่แอบฟังอิมยุนอานั่งคุยอยู่กับทิฟฟานี่มาสักพักใหญ่แล้ว
“ทำไม อย่างฉันอยากเป็นนักแสดงแล้วจะทำไมเหรอ!” ร่างบางลุกขึ้นยืนแล้วตะคอกใส่อีกคนที่ยังคงหัวเราะไม่หยุด
“ใจเย็นๆก่อนสิยุนอา” ทิฟฟานี่พูดเสียงใสแล้วคว้าข้อมือของเพื่อนสาวเพื่อขอร้องให้นั่งลงเนื่องจากคนที่เดินผ่านไปผ่านมาตรงโต๊ะหินอ่อนที่พวกเธอนั่งอยู่เริ่มมีคนหันมามองกันบ้างแล้ว
“ก็ดูไอ้หมาแบคสิ แค่ฉันอยากทำสิ่งที่ฉันฝันมันน่าหัวเราะมากเลยเหรอ” ยุนอาพูดเสียงเข้มแล้วจ้องใบหน้าอีกคนด้วยความโกรธ
สิ่งที่อิมยุนอาฝันคือการได้เป็นนักแสดง..
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร๊ อย่างเธอก็โอเคแหละยัยเหม่ง55555555555” พูดจบก็กรอกตามองร่างบางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างพิจารณา
ใช่..งานถนัดของบยอนแบคฮยอนคนนี้คือการได้กวนประสาทเธอ!
“งั้นมาพนันกันไหมล่ะ!”
“กลัวชนะพนันจังเลย555555555555555555555555”
“ถ้าฉันได้ร่วมแสดงหนังนะ นายต้องอัดคลิปคุกเข่าขอโทษที่สบประมาทฉันแล้วโพสลงบนเฟสบุ๊ค!” อิมยุนอาพูดเสียงเข้มอย่างจริงจัง เธอคิดว่าเธอก็ไม่ได้ด้อยมากนักหรอกกับการแค่เล่นหนัง ถึงอย่างไรก็ต้องทำให้บยอนแบคฮยอนคนตรงหน้ามาคุกเข่าขอโทษเธอให้ได้!
“ได้อยู่แล้ว!” แบคฮยอนยักคิ้วกวนๆให้เป็นคำตอบอย่างกวนๆ แม้ว่าเขาจะรู้อยู่แล้วล่ะว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นอย่างไร
“แล้วถ้านายชนะล่ะ?” ยุนอาเสียงอ่อนลง ป้องกันไว้ก่อนเผื่อว่าไอหมาแบคมันเล่นขี้โกงทำให้ตัวเองชนะขึ้นมาแล้วสร้างข้อตกลงแผลงๆล่ะก็ เธอแย่แน่ๆ
“ไม่รู้สิ ยังไม่ได้คิดเอาไว้ก่อนแล้วกัน :P” แลบลิ้นให้อีกคนเป็นการจบบทสนทนาก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าเป้ที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วเดินออกไปให้ไวที่สุด อิมยุนอาส่ายหัวน้อยๆกับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเมื่อห้าวินาทีก่อน ทำไมนะรู้จักกันมาตั้งกี่ปีแล้ว ทำไมเขาถึงชอบกวนประสาทเธออยู่เรื่อย ทั้งที่กับเพื่อนคนอื่นก็ทำตัวดีใส่ด้วย ทำไมถึงเป็นกับเธอซึ่งเธอไม่ได้อยากให้เป็นเลยจริงๆ
“ฟานี่ เธอว่าฉันจะได้รับเลือกให้แสดงในหนังสั้นไหมอ่ะ” ยุนอานั่งลงกับเก้าอี้แล้วหันไปถามเพื่อนสาวอย่างจริงจัง
“เธอน่ะสวยจะตาย ได้อยู่แล้ว” ทิฟฟานี่ยิ้มอย่างจริงใจเป็นคำตอบ
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปลงชื่อสมัครเดี๋ยวนี้ล่ะ” พูดจบก็เก็บสัมภาระที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะทั้งหมดนั้นใส่กระเป๋าเป้ใบใหญ่ พร้อมกับช่วยเพื่อนเก็บมันลงไปโดยที่ไม่ขอความคิดเห็นใดๆ ก่อนที่จะจูงมือเพื่อนสาวให้เดินไปยังลานกีฬาพร้อมๆกัน
อิมยุนอาเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าบุคคลที่มาสมัครนั้นไม่มีใครธรรมดาเลยสักคนเดียว ส่วนใหญ่นั้นก็มีแต่คนดังๆที่ใครหลายคนในโรงเรียนก็รู้จัก เธอแอบมองรุ่นพี่เกรด12ที่เธอจำได้ว่าในทวิตเตอร์มีจำนวนคนฟอลโล่วถึงสองพันคนแล้วถึงกับใจหาย หันไปทางขวาก็เจอคนที่เป็นถึงดาวโรงเรียนนั่นยิ่งทำให้เธอไม่มั่นใจตัวเองมากยิ่งขึ้นไปอีก แล้วที่น่าหงุดหงิดมากที่สุดนั่นก็คือการที่เธอเห็นแบคฮยอนกำลังกรอกใบสมัครอยู่
“ฉันเริ่มไม่มั่นใจเลยอ่ะ” ยุนอาพูดพลางเม้มริมฝีปากบางแน่น ดวงตากลมหันไปมองเพื่อนสาวที่แสดงสีหน้าบ่งบอกถึงความหวาดหวั่นมากเช่นกัน ทว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตามเธอยังจำคำที่พนันไว้กับแบคฮยอนได้อย่างขึ้นใจ
“ไม่ลองไม่รู้หรอกน่า บางทีเธออาจจะน่าสนใจหรือตรงตามคาแร็กเตอร์มากกว่าดาวโรงเรียนนั่นก็ได้” ทิฟฟานี่พยายามพูดปลอบให้กำลังใจเพื่อนสาวที่แสดงสีหน้าบ่งบอกถึงความเครียดอย่างชัดเจน แม้ว่าสิ่งที่กล่าวออกมาจะเป็นไปได้ยากแต่เธอก็ภาวนาให้มันเป็นอย่างนั้นอีกเสียงหนึ่ง
“เอาก็เอาวะ!” ยุนอาพูดแล้วฝากกระเป๋าเป้ใบใหญ่ให้เพื่อนสาวถือเอาไว้ ก่อนที่จะฝ่าผู้คนจำนวนมากเดินเข้าไปรับใบสมัครที่คณะกรรมการบริหารนักเรียนที่ทำหน้าที่นี้อยู่
“ขอใบสมัครแผ่นนึงค่ะ” ยุนอาพูดเสียงใสขณะขอใบสมัครจากรุ่นพี่เกรดสิบสองสุดไฮโซ เธอปรายตามองร่างบางอย่างงุนงงแล้วถามกลับมา
“เอาไปให้เพื่อนเหรอน้อง?” คนถามยิ้มมุมปากเล็กน้อย แต่เพราะคำถามนั้นกลับทำให้คนฟังถึงกับหน้าแดงด้วยความโกรธ ทำไมเหรอ? คนอย่างอิมยุนอามันไม่ดีตรงไหน!
“มีหน้าที่ให้ใบสมัครก็ให้มาดิพี่ ไม่ต้องถามมาก” ยุนอาขึ้นเสียงใส่
“ถ้าจะมาเอาใบสมัครก็หัดมีมารยาทหน่อยสิ หน้าตาก็งั้นๆแล้วยังมาทำกิริยาแบบนี้อีก น่าเกียจ!” รุ่นพี่เกรดสิบสองพูดเสียงแหลม
“ทำไมพูดแบบนี้วะ หน้าตาฉันมันไปหนักหัวใครเหรอ!” อิมยุนอาตะโกนดังลั่นจนคนรอบๆถึงกับหยุดภารกิจของตัวเองแล้วหันมามอง
“บอกให้พูดดีๆไง!” รุ่นพี่ตวาดใส่เสียงแหลมพร้อมกับเอื้อมมือมาผลักไหล่ร่างบางจนคนถูกกระทำเซไปข้างหลังอย่างรุ่นแรง อย่าถามความรู้สึกตอนนี้เลยนะ บอกตามตรงว่าหงุดหงิดสุดๆ ทำไมวันนี้ถึงมีแต่เรื่องน่าปวดหัวไปหมด!
“ก็เธอทำแบบนี้กับฉันก่อน!” ยุนอาเปลี่ยนสรรพนามที่บ่งบอกถึงความไม่เคารพและถลึงตาใส่ เป็นเพราะเริ่มเป็นจุดสนใจของคนรอบข้างรุ่นพี่เกรดสิบสองถึงได้ไล่ให้เธอออกไป
“อย่างเธอน่ะไม่ต้องสมัครหรอก กลับบ้านไปเรียนมารยาทใหม่ก่อนเหอะ ไป๊!” นิ้วเรียวของผู้พูดชี้ออกไปทางข้างนอกเพื่อไล่ให้คนร่างบางออกไปจากตรงนี้ คนโดนไล่หอบหายใจอย่างหนักแล้วยอมออกมาแต่โดยดี
“นี่มันวันบ้าอะไรกันวะ!” เดินออกมาในที่ที่มีคนจำนวนน้อยลงแล้วใส่อารมณ์กับตัวเองอยู่คนเดียว พร้อมกับใช้เท้าเตะฟุตปาธไปทีนึงแก้หงุดหงิด ให้ตายเถอะโดนไล่ออกมาแบบนี้แล้วเธอจะไปสมัครยังไง หากว่าเธอไม่ได้รับเลือกนะไอ้หมาแบคก็ชนะพนันเธอไปโดนปริยาย ไหนจะความฝันที่อยากเป็นนักแสดงของเธออีก พังตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม!
แล้วเธอไม่มีมารยาทก่อนที่ไหน ใครกันแน่วะที่ดูถูกคนอื่นก่อนตั้งแต่เริ่มต้น!
“โธ่เว้ย!” สบถกับตัวเองอีกทีนึงก่อนที่จะนั่งลงบนฟุตปาธเมื่อไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนต่อ แม้ว่าตอนนี้จะหมดเวลาพักแต่เธอก็ไม่มีอารมณ์ไปเข้าเรียนแล้ว ชันเข่าขึ้นมาสองข้างแล้วก้มหน้าลงหลบหนีปัญหาซะเลย !
ยุนอาหอบหายใจซักพักจังหวะหัวใจเธอก็กลับมาเต้นปกติตามเดิม ก่อนที่จะรู้สึกได้ถึงขอบกระดาษที่มีใครสักคนมาจ่อไว้บนศีรษะของเธอ
“แค่นี้ยอมแพ้แล้วเหรอไง?”เงยหน้าขึ้นก็พบว่าแบคฮยอนยืนอยู่ตรงหน้าแล้วยื่นใบสมัครมาให้ นายนั่นยิ้มกวนตีนอย่างกับยืนอยู่ในฐานะของผู้ที่กำลังจะชนะ
“ไม่มีประโยชน์หรอก ถ้าจะมาเยาะเย้ยฉันด้วยวิธีนี้!” ยุนอาใช้มือข้างหนึ่งปัดแผ่นกระดาษนั่นออกไปแล้วจ้องตาเขม็ง ใช่สิ้อยากทำอะไรก็ทำ ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ได้ลงสมัครแล้วนี่
“ฉันไม่ได้เยาะเย้ย ก็แค่เอาใบสมัครมาให้” แบคฮยอนยื่นกระดาษกลับมาให้อีกครั้งหนึ่ง
“เอามาให้ฉันทำไม นายไม่อยากชนะฉันหรือไง?”
“อยากมันก็อยาก แต่ฉันแค่รู้สึกว่าเกมมันจบง่ายเกินไป เอ้านี่! อย่าถามมากกรอกซะ” พูดจบก็หยิบปากกาจากกระเป๋ากางเกงมาให้พร้อมกับใบสมัคร อิมยุนอาใช้เวลาพิจารณาสักพักหนึ่งถึงจะยอมรับมันมาแต่โดยดี
หากว่าเธอหยิ่งในศักดิศรีครั้งนี้โอกาสในการเป็นนักแสดงของเธอก็จะหลุดลอยไป เพราะงั้นยอมก็ได้วะ!
“ดีมาก!” หลังจากเธอกรอกข้อมูลเสร็จ แบคฮยอนก็รับมันมาอย่างพอใจ เขาใช้มือข้างหนึ่งยีหัวของอีกคนราวกับว่าเป็นเด็กน้อย
“ตลกละ เพื่อนเล่นเหรอ!” คนถูกยีหัวลุกขึ้นยืนแล้วผลักไหล่คนตรงหน้าคนเซไปข้าง
“โธ่ ก็แค่อยากเล่นเป็นเพื่อน ไม่เล่นก็ได้ยัยโหด!” แบคฮยอนเบ้ปากก่อนจะทำหน้าล้อเลียนเธอแล้วรีบวิ่งหนีเมื่อยุนอาทำท่าจะเตะเขา
“คิดออกหรือยังว่าจะเขียนบทแนวไหนน่ะ” ปาร์คชานยอลเปิดบทสนทนาขึ้นระหว่างเดินออกจากห้องเรียนไปด้วยกัน เพราะเขาสัญญาแล้วว่าจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการเขียน เพราะงั้นถึงได้พาแทยอนไปด้วยกัน
“ฉันคิดว่าเมื่อมีพระเอกนางเอก มันก็ต้องเป็นหนังรัก ถูกไหม?” แทยอนตอบกลับมาขณะใช้ความคิด ทั้งที่ตลอดเวลาเรียนคาบบ่ายเธอพยายามคิดพล็อตเรื่องตั้งมากมายแต่ก็ยังไม่มีเรื่องที่น่าสนใจกลับเข้าสมองเลยแม้แต่น้อย
“ฉันก็ว่าอย่างนั้น ถ้าเป็นเกี่ยวกับความรักแล้วล่ะก็ เราไปนั่งคุยกันในร้านสักแห่งที่น่ารักๆไหม” ชานยอลออกความคิดเห็นพลางนึกไปถึงร้านเค้กที่อยู่ใกล้ๆกับโรงเรียน
“อย่างนายมีมุมแบบนี้ด้วยเหรอ ฮ่าๆ”
“มีสิ แต่นี่ฉันเพิ่งชวนเธอคนแรกเลยนะ มาเร็ว!” พูดจบก็คว้าข้อมือของอีกคนให้รีบเดินตามมาเพื่อรีบเร่งให้ข้ามถนนเมื่อเห็นว่ารถยนต์กำลังขับเข้ามาแล้ว ทั้งสองคนเดินกันไปเรื่อยๆไม่นานนักก็ถึงจุดมุ่งหมาย
ภายในร้านเค้กเป็นร้านที่ตกแต่งสไตล์โมเดิร์น แถมยังผสมผสานกับความน่ารักที่เหมาะสำหรับคู่รัก และยังมีมุมไว้ให้ถ่ายรูปคู่ร่วมกันอีกด้วย ชานยอลเปิดประตูร้านเข้ามาโดยไม่ลืมที่จะคว้าข้อมืออีกคน เป็นเพราะยัยนั่นเดินช้านักเขาถึงต้องทำแบบนี้ ทั้งคู่ยืนเถียงกันสักพักถึงจะสามารถเลือกที่นั่งดีๆได้
“ถ้าพูดถึงความรักมันมักจะเจ็บปวด..” แทยอนเปิดบทสนทนาออกมาคนแรกหลังจากที่สั่งเค้กและเครื่องดื่มกันเรียบร้อย
“มันไม่เสมอไปหรอกน่า ทำไมเธอถึงคิดว่าความรักมันมักทำให้เจ็บปวดล่ะ?”ชานยอลขมวดคิ้วด้วยความสงสัยขณะกำลังใช้ความคิด “อ๋อ..ฉันเข้าใจแล้ว”
“..ฉันว่าถ้าหากเขียนเรื่องที่ความรักมันมีแต่ความสมหวังมันก็ไม่น่าสนใจเท่าไหร่หรอกน่า” แทยอนเอ่ยออกมาขณะที่กำลังหยิบสมุดกับปากกามาจดเนื้อหาลงไป นี่เธอคิดไม่ออกจริงๆนะว่าควรเริ่มจากจุดไหน
“งั้นเราก็ตัดประเด็นความรักที่มันน่ารักกุ๊กกิ๊กออกไปเลยดีไหมล่ะ?” ชานยอลเสนอ
“แต่ฉันมั่นใจว่าใครๆก็ชอบมุมแบบนั้นนะ..” แทยอนพูดพลางนึกไปถึงเรื่องราวของตัวเอง หากว่าชีวิตเธอได้มีโอกาสเจอคนดีๆมาดูแล มาค่อยอยู่ใกล้ๆคอยเป็นห่วงเป็นใยมันก็คงจะดีนะ..
“นี่ยัยเตี้ย อย่าดราม่าสิ” ชานยอลใช้นิ้วดีดหน้าผากคนตรงหน้าที่เห็นว่าเอาแต่เหม่อลอยไปที ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าคนตัวเล็กข้างหน้าเคยผ่านอะไรมาบ้าง เห็นภายนอกเป็นแบบนี้แต่ข้างในนี่ใจแข็งสุดๆ
“โอ้ย เจ็บนะ” แทยอนตีมือคนตรงหน้ากลับไปแล้วทำหน้าบึ้งใส่ ปาร์คชานยอลเป็นโรคอะไรเหรอถึงชอบใช้ความรุนแรงกับเธอเนี่ย
“หยอกเล่นนิดเดียวเองน่า”
“เลิกไร้สาระเลย ฉันถามหน่อยสิ นายว่าสาเหตุที่คนเรายังโสดอยู่เพราะอะไรเหรอ?” แทยอนตัดสินใจถามออกมาแบบนั้น ทั้งที่ความคิดแล้วเธอหมายความว่าสาเหตุที่เขาคนนั้นยังโสดอยู่เพราะอะไรเหรอ?
“มันก็มีหลายสาเหตุนะ แต่ละคนมันก็ไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่นบางคนโสดเพราะไม่ยังไม่อยากมีใคร บางคนโสดเพราะไม่มีใครเข้ามา บางคนโสดเพราะยังคงเจ็บปวด และบางคนโสดเพราะยังลืมรักเก่าไม่ได้..” ชานยอลอธิบายราวกับว่าเป็นกูรูเรื่องความรัก ทั้งที่จริงๆเขาพึ่งอ่านข้อความนี้ผ่านๆในทวิตเตอร์มาเมื่อวานนี้แหละ
“ถ้างั้นเขียนเกี่ยวกับรักเศร้าๆ รักที่มันเจ็บปวดดีไหม?” แทยอนเสนอความคิดเห็นออกมา บอกตามตรงเลยว่าตอนนี้ความรู้สึกของเธอมันไปทางอารมณ์นี้หมดเลยทั้งนั้น
“ถ้าเธออยากได้แบบนั้นก็ได้ แต่มันก็ต้องมีความน่าสนใจนะ” ชานยอลยิ้มกว้างเมื่อความพยายามใกล้จะสำเร็จแล้ว “อย่างเช่นมุ่งประเด็นไปที่ใครสักคนนึง แล้วหาสาเหตุว่าทำไมเขาถึงยังโสด”
“ยกตัวอย่างเช่นคนที่สภาพแวดล้อมของเขาต้องเจอกับคนที่มีคนรัก แต่เขากลับไม่สนใจ แล้วเน้นประเด็นไปว่าทำไมเขาถึงยังไม่มีใคร นั่นก็คือยังลืมรักเก่าไม่ได้” แทยอนพยายามอธิบายเนื้อเรื่องคร่าวๆออกมา
“โครตดราม่าเลยว่ะยัยเตี้ย”
“ฉันจะเขียนพล็อตนี้ส่งนี่แหละ!”
_________________________________________________________
ตอนแรกๆยังไม่ค่อยมีอะไรมากฝากติดตามต่อด้วยนะค้า TT ถ้ามีข้อผิดพลาดตรงไหนคอมเม้นบอกไรท์ได้เลยจ้า
1 เม้น 1 กำลังใจค้า <3
ความคิดเห็น