คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Danger GG Chapter 8 - What happen?
Chapter 8
หลังจากที่เจสสิก้าสั่งให้บอดี้การ์ดของเธอส่งแขกกลับไป เธอก็เหนื่อยอ่อนจนไม่ได้ไปเยี่ยมแทยอนที่โรงพยาบาล แม้จะเป็นห่วงอยู่ลึกๆแต่มันก็ต้องเป็นหน้าที่ของพวกเซนเพราะเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้เพื่อนรักเธอต้องเป็นแบบนี้ เพราะไม่รอบคอบเอง..ปล่อยให้คนร้ายเข้างานมาได้ยังไงกัน
อันที่จริงก็ไม่ใช่ความผิดของพวกเซนฝ่ายเดียวหรอก.. ไอ้ดิอาร์ตี้บ้าบอนั่นอีกต่างหาก เจสสิก้าเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าการแก้แค้นนี้จะคุ้มเสี่ยงหรือไม่ หากเป็นตัวเธอได้รับอันตรายน่ะช่างประไร แต่นี่ผู้รับเคราะห์กลับเป็นเพื่อนรักของเธออีก ทำไมลูกหลงไม่เป็นเด็กเสิร์ฟสักคน..
การที่มันทำร้ายแทยอนได้แบบนี้ แปลว่าไอ้ดิอาร์ตี้นั่นมันยังวนเวียนอยู่รอบตัวพวกเธอแหงๆ หรือไม่ก็คงจะมีเส้นสาย.. นั่นแปลว่าพวกเธอยิ่งต้องระมัดระวังตัวให้มากกว่าเก่า
และระหว่างที่เจสสิก้ากำลังคิดมาก ระหว่างนั้นเธอก็รีบสาวเท้าไปที่ห้องของทิฟฟานี่ เพื่อเล่าข้อมูลสำคัญของดิอาร์ตี้ให้ฟัง
ก๊อกก๊อก มือเรียวเคาะประตูหน้าห้องสองสามทีก่อนที่จะเอ่ยขออนุญาต
‘’ฉันขอเขาไปนะ’’ เจสสิก้าขออนุญาตเข้าของห้องโดยที่ไม่รออีกฝ่ายตอบรับก่อนจะบิดกอนประตูแล้วเดินเข้าไป
สภาพห้องของทิฟฟานี่ดูธรรมดากว่าที่คิดและร่างบางกำลังนอนอยู่บนเตียง คาดว่าคงเพลียมากพอๆกับเธอ มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ไหนจะเรื่องงานเรื่องเกมและเรื่องของแทยอนอีก แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะทำให้เจสสิก้าเลิกความคิดที่จะปลุกทิฟฟานี่อยู่ดี ดังนั้นเจสสิก้าจึงเขย่าร่างของเพื่อนสาวเบาๆ ร่างบางที่โดนเขย่าสะลึมสะลือก่อนจะเบิกตาโตแล้วกระโดดกอดเพื่อนสาวทันที
‘’หายไปไหนมา!’’ ทิฟฟานี่ผละออกจากกอดแล้วถามด้วยความเป็นห่วง
‘’หาข้อมูลไอ้ดิอาร์ตี้นิดหน่อย’’ เจสสิก้ายักไหล่แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงของเพื่อน
‘’เธอไปหายังไง?’’
‘’นั่นไม่ใช่ประเด็น แต่ฉันรู้ที่อยู่ของมันแล้ว’’ เจสสิก้าตอบเสียงเข้มแล้วยักคิ้วให้อีกคน
‘’พูดจริงเหรอ!!’’ ทิฟฟานี่ยิ้มร่า
‘’จริง..’’
‘’สุดยอดไปเลย’’ ทิฟฟานี่ทำท่าดีใจเหมือนเด็กได้ของเล่น.. นี่แหละเป็นอีกมุมหนึ่งของทิฟฟานี่..คือยังมีความสดใสอยู่ในตัว บางครั้งเธอก็บอบบางเกินไป
‘’อืม แต่พรุ่งนี้ฉันจะไปเยี่ยมยัยแทก่อนไปบ้านดิอาร์ตี้ เธอจะไปด้วยกันไหม’’ เจสสิก้าถาม
‘’ไปสิ แล้วจะไปกี่โมงล่ะ’’ ทิฟฟานี่ขมวดคิ้ว
‘’เจ็ดโมง..แล้วเจอกันนะ’’ ทิ้งท้ายคำพูดไว้แค่นั้นก็เดินออกจากห้องและมุ่งจุดหมายไปห้องนอนทันที
.
.
.
.
#เจสสิก้า
นอนไม่หลับ…
คำนี้มันลอยอยู่ในโสตประสาทของฉันมาสักพักใหญ่แล้วหลังจากที่กลับมานอนก่ายหน้าผากในห้องของตัวเอง แม้ว่าหน้าที่ของผู้นำจะต้องผ่านเรื่องราวเครียดมามายนัก แต่ฉันยอมรับว่าไม่เคยมีครั้งไหนน่ากลุ้มใจเท่าครั้งนี้มาก่อนเลย..
แล้วความรู้สึกของฉันตอนนี้น่ะเหรอ..? ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
ดีใจ..เสียใจ..อารมณ์เสีย
ดีใจที่รู้ข้อมูลดิอาร์ตี้.. เสียใจที่ปกป้องแทยอนไม่ได้.. อารมณ์เสียสุดๆ..
ฉันหยัดตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงนอนขนาดคิงไซต์สักครู่หนึ่งก่อนที่จะเบือนหน้าไปมองยังหน้าต่างบานกว้างที่เปิดอ้าไว้นั้นทำให้สามารถมองเห็นแสงจันทร์ยามค่ำคืนได้พอดิบพอดี เพียงเท่านั้นสมองของฉันก็เผลอนึกถึงเพื่อนรักที่ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไงที่โรงพยายาลทันที
ครั้งหนึ่งแทยอนเคยเล่าให้ฉันฟังว่าเวลาเธอรู้สึกไม่สบายใจ ยัยนั่นมักจะแอบไปนั่งดูพระจันทร์คนเดียวเสมอ มันเป็นอย่างนั้นบ่อยครั้งจนฉันเองยังแอบสงสัยอยู่ตลอดเวลาว่าทำอย่างนั้นแล้วมันได้อะไรขึ้นมา
ที่มันเป็นอย่างนั้นเพราะฉันไม่เคยลองทำมันน่ะสิ ทว่าพอวินาทีนี้ ทันทีที่นัยต์ตาฉันมองไปยังพระจันทร์บนฟากฟ้ามันกลับทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก มันดูสงบและโล่งเกินกว่าที่จะมีเรื่องหนักใจใดๆและยอมรับเลยว่ามันสวยใช้ได้เลยล่ะ..
พูดถึงดีอาร์แล้วก็เป็นห่วงขึ้นมา หากว่าคนที่โดนลูกหลงไม่ใช่แทยอน..หากว่าไอ้ดิอาร์ตี้มันทำร้ายถูกคนป่านนี้เพื่อนฉันก็คงไม่เป็นอะไร บอกได้เลยว่าฉันคงสบายใจและไม่รู้สึกผิดไปมากกว่านี้..
แต่ช่างมันเถอะ..เรื่องราวที่มันผ่านไปแล้วจะให้นึกย้อนกลับไปมันก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเสียเวลาเปล่าๆ สิ่งที่ฉันต้องทำคือตามหาตัวไอ้ดิอาร์ตี้ฟอร์ตนั่นให้เจอแล้วจับมันมาแก้แค้นซะ..
ฉันหยุดความคิดไว้เท่านั้นก่อนที่จะลุกขึ้นจากเตียง ก้าวเท้าออกไปยังระเบียงแล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบตามความเคยชิน..
เมื่อไหร่ที่ฉันเบื่อมักจะหยิบมันมาเป็นที่ระบายอารมณ์เสมอ..เอาเป็นว่าฉันเบื่อทุกๆวัน ยิ่งเบื่อมากก็ตอนที่ยัยแทกับฟานี่ตำหนิเรื่องที่ฉันสูบมันบ่อยเกินไปนั่นแหละ
ฉันพ่นควันออกก่อนที่จะเงยหน้ามองดวงจันทร์บนฟ้าอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งมันทำให้ฉันเผลอนึกไปถึงเรื่องราวของท่านผู้นำร็อคแซนน์กรุ๊ปคนก่อน..
‘ฉันจะไม่ตายแบบนั้นเด็ดขาด’ ฉันภาวนากับตัวเองก่อนจะพ่นควันบุหรี่ออกมาอีกครั้ง
"ทิฟฟานี่คงนอนแล้วสินะ’’ ฉันบ่นเบาๆก่อนจะบี้ก้นบุหรี่แล้วปิดหน้าต่างเดินไปล้มตัวนอนทันที
หวังว่าจะไม่สะดุ้งตื่นอีกรอบแล้วกัน
.
.
.
.
แสงแดดจ้าบอกเวลาประมาณเจ็ดโมงเช้า ยังจำได้ดีว่ามันเป็นเวลาที่ฉันนัดกับยัยฟานี่เอาไว้พอดี หลังจากที่ทำธุระส่วนตัวเสร็จกันเรียบร้อยแล้ว แบคฮยอนจึงทำหน้าที่เป็นสารถีพาพวกเราไปเยี่ยมแทยอนที่โรงพยาบาลทันที
น่าแปลกใจที่โอเซฮุนกับอี้ฟานยังไม่กลับมา..นั่นสินะคงจะเฝ้าแทยอนอยู่ ดูเหมือนพวกเขาจะเป็นห่วงยัยนั่นมากจนลืมคิดไปว่าเราต่างฝ่ายต่างเป็นศัตรูกัน..แล้วฉันก็ยังหวังว่าเพื่อนๆของฉันยังคงไม่ลืม..
#บรรยายปกติ
เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบกับพื้นในตัวอาคารของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งดังขึ้นเป็นระยะ กลิ่นยาเหม็นโชยลอยเข้าแตะจมูกของผู้ที่มาเยือนในเวลานี้บ่งบอกถึงความเป็นโรงพยาบาลได้เป็นอย่างดี
ห้องพักฟื้นสีขาวสะอาดที่แต่งแต้มไปด้วยสัญลักษณ์ของโรงพยาบาล พบเพดานมีไฟฟ้าสองดวงที่ให้ความสว่างและผู้ป่วยหนึ่งคนนอนหลับใหลอยู่บนเตียง ใบหน้าสวยที่เคยถูกแต้มด้วยเครื่องสำอางกลับดูซีดเซียวจนน่าตกใจ
“ยังไม่ฟื้นสินะ..” เป็นคำแรกที่เจสสิก้าเอ่ยขึ้นหลังจากที่มาเหยียบในห้องนี้ เซฮุนเงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่หลังจากที่พึ่งฟุบหลับข้างเตียงไปได้ไม่นาน ส่วนอี้ฟานที่นั่งอยู่บนโซฟาหนังถึงกับเลิกคิ้วสูง
“อาการเธอดีขึ้นแล้ว” เสียงเย็นๆของเซฮุนตอบรับกลับมาก่อนที่จะตวัดนัยต์ตาไปมองผู้ป่วยไร้สติอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง
ไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่ได้ชื่อเป็น ‘ยากูซ่า’ จะห่วงใครก็เป็น..
“นี่ดีขึ้นแล้วเหรอ? เหอะ” เจสสิก้าเบ้ปากด้วยความผิดหวัง นี่ขนาดเซฮุนบอกว่านี่คือสภาพของคนที่ดีขึ้นแล้วก่อนหน้านี้มันจะแย่ขนาดไหน?
“เธอจะเอาอะไรนักหนาวะ กว่าจะมาเยี่ยมเพื่อนได้ไม่รอให้ยัยนั่นตายไปก่อนล่ะ มาถึงแล้วยังจะบ่นอีก” อี้ฟานวางหนังสือพิมพ์รายวันที่พาดหัวข่าวเกี่ยวกับเรื่องของแทยอนลงบนโซฟาแล้วลุกขึ้นมาตวาดใส่
“ฉันว่าฉันไม่ได้ไปบ่นบนหัวนาย..” เจสสิก้าพูดออกมานิ่งๆ เปลือกตาตวัดลงบนพื้นล่างโดยที่ไม่ได้มองอีกคนเลยสักนิด
มันเป็นการยั่วอารมณ์ดีๆนี่เอง..
“นี่!” อี้ฟานทำท่าจะหาเรื่องอีกคนทว่าทิฟฟานี่กลับห้ามไว้ซะก่อน
“อย่ามีเรื่องกันเลย มีคนเจ็บเท่านี้มันก็มากพอแล้ว!” ทิฟฟานี่ตะคอกขึ้นก่อนที่จะผลักร่างสูงให้นั่งลงบนโซฟา
แค่คำพูดห้ามปรามแต่มันกลับทำให้เจสสิก้ารู้สึกผิดขึ้นมาอย่างดื้อๆ..หากว่าวันนั้นเธอไม่ทำผมสีเดียวกับแทยอน คนที่เจ็บอาจจะเป็นเธอก็ได้..
‘’คนที่นอนอยู่ตรงนี้ไม่สมควรจะเป็นเธอ ไม่สมควรจริงๆ..’’ เจสสิก้าพึมพำเบาๆก่อนจะเดินออกไปจากห้องโดยที่ไม่บอกลาใครสักคำและมุ่งไปที่รถเพื่อไปที่บ้าน..
บ้านของดิอาร์ตี้ฟอร์ตไงล่ะ..
รถยุโรปคันหรูแล่นเข้ามาในเขตหมู่บ้านเก่าๆแห่งหนึ่งตามที่อยู่ที่นักข่าวคนนั้นให้ข้อมูลมา มีบ้านเล็กๆอยู่หลายหลังสภาพเก่าเขรอะจนเจสสิก้าไม่อยากเรียกมันว่าบ้าน มันดูเหมือนเป็นสลัมเล็กๆที่สกปรกจนไม่มีผู้อาศัยอยู่แล้วด้วยซ้ำ ทันทีที่รถจอดตามบ้านเลขที่บนกระดาษ เจสสิก้าและทิฟฟานี่ก็เดินลงมาจากรถพร้อมกับบอดี้การ์ดอีกสองคน โดยสั่งให้คนที่เหลือที่ขับรถตามมาดูแลรอบบริเวณบ้านเอาไว้
34/5
บ้านของดิอาร์ตี้ฟอร์ต สภาพเก่าเหมือนไม่ได้ใช้มานาน..ซึ่งมันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น แบบที่เห็น หลังคาบ้านกลายๆจะพังลงมาทำให้ทิฟฟานี่ถึงกับขมวดคิ้ว ดิอาร์ตี้อยู่ที่นี่จริงงั้นเหรอ..
คนที่มีโครตเพชรกับเกาะส่วนตัวราคาหลายพันล้านเคยอยู่ที่นี่จริงๆเหรอ?
สายตาของหญิงสาวทั้งสองกวาดมองไปรอบๆ แล้วสำรวจสภาพอย่างละเอียด ก่อนจะก้าวเท้าไปยังประตูบ้านที่ถ้าเป็นความคิดของพวกเธอ คงไม่เรียกมันว่าประตู..
‘’ฉันว่าบ้านนี้ไม่ได้ใช้มานานแล้ว ยัยจีริกะมันหลอกงั้นเหรอ?’’ เจสสิก้าขมวดคิ้วหนักกว่าพร้อมกับกำมือแน่น
‘’ไม่ จีริกะไม่ได้หลอก..’’ ทิฟฟานี่พูดช้าๆ สายตาเพ่งเล็งไปที่ลูกบิดประตู
‘’รู้ได้ยังไงกัน?’’ เจสสิก้าถามโดยที่เบือนหน้าไปยังลูกบิดประตูเช่นเดียวกัน
‘’เธอดูตรงลูกบิดประตู มัน.. มันไม่มีฝุ่นเกาะเลยสักนิด แสดงว่าพึ่งมีคนมาที่นี่ คงใส่ถุงมือจับนี่แหละ’’ ทิฟฟานี่อธิบายตามความคิด ที่เธออยู่ร่วมและเป็นผู้นำร็อคแซนน์กรุ๊ปได้ไม่ใช่เพราะร่างกายที่บอบบาง แต่เป็นเพราะความช่างสังเกตของเธอต่างหาก
‘’งั้นเข้าไปกันเถอะ’’ เจสสิก้าส่งซิกบอกให้บอร์ดี้การ์ดเข้าไปก่อน หลังจากที่ชายร่างสูงเข้าไปสำรวจแล้วว่าไม่มีอะไรที่เป็นอันตรายถึงกลับมาบอกเธอให้เดินตามเข้าไป
พวกเธอเริ่มเดินตามกันไปเรื่อยๆ ภายในบ้านมืดสนิททิฟฟานี่ที่หาสวิตซ์ไปเจอกดเปิด
สภาพภายในบ้านมีของกระจัดกระจายแจกันตกแตก โซฟาฉีกขาดเหมือนไม่ได้ปัดฝุ่นมาหลายปี ไม่สิ! สองทศวรรศด้วยซ้ำมั้ง ทิฟฟานี่คิดในใจก่อนจะเริ่มเดินดูรอบบ้าน
มันมาทำอะไรที่นี่กันนะ..
นี่คือสิ่งที่ทิฟฟานี่คิดในใจก่อนจะเริ่มมองไปด้านบน.. มีผ้าคลุมกล่องอยู่ แต่มันกลับวางอยู่ข้างๆ กล่องเปิดกว้าง.. หรือมันจะเก็บเพชรไว้ที่นี่ มันโรคจิตรึเปล่า เอาโครตเพชรมูลค่าพันล้านมาเก็บไว้ในสลัมแบบนี้นี่นะ แต่ถึงตอนนี้มันจะย้ายเอาออกไปแล้วก็เหอะ มันรู้ว่าเราจะมางั้นเหรอ..
ทิฟฟานี่พยายามเรียบเรียงเหตุการณ์ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว เธอยกมือมากุมขมับก่อนจะกวาดสายตามองไปเรื่อยๆ
กึก!
อยู่ๆคนที่กำลังใช้ความคิดอย่างตรึงเครียดเผลอสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าง จนเจสสิก้าหันขวับมาทางเธอ และเดินเข้ามาใกล้
“อะไรน่ะ” เจสสิก้าถามก่อนที่จะย่อตัวลงมองสิ่งที่เพื่อนสาวสะดุดเมื่อสักครู่ เลิกคิ้วสูงเมื่อปรากฏว่ามันเป็นรูปถ่ายในกรอบเก่าๆ มีผู้คนจำนวนห้าหกคนที่คาดเดาว่าน่าจะเป็นรูปถ่ายครอบครัวที่นานมาแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพอดูออกว่าใครเป็นใคร
ในรูปนี้จะมีอะไรที่สำคัญไหมนะ? เจสสิก้าพลิกกรอบรูปแล้วเลิกคิ้วสูง
ครอบครัวที่รัก 12/11/XX
เมื่อสิบปีที่แล้วงั้นเหรอ?.. ทิฟฟานี่ที่มองเห็นกรอบรูปที่เจสสิก้าถือถึงกับขมวดคิ้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัวนี่มันอะไรกันแน่?
“เธอคิดว่ามันจะบอกอะไรเราได้หรือเปล่า” เจสสิก้ายื่นกรอบรูปให้เพื่อนสาวเพื่อตรวจดูอะไรให้ชัดเจน
“ฉันว่ามันไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับการตามหาโครตเพชรสักเท่าไหร่นะ” ทิฟฟานี่ยักไหล่
“งั้นเหรอ..แล้วเรามาที่นี่เพื่ออะไรล่ะ? ในเมื่อมันไม่มีอะไรเลยด้วยซ้ำ เผลอๆโครตเพชรอาจจะไม่ได้อยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกแล้ว” เจสสิก้าตั้งคำถามแล้วหยัดตัวให้ลุกขึ้นเต็มความสูง ก่อนที่จะกวาดสายตามองบริเวณบ้านหลังเล็กให้ทั่วจนไม่รู้จะทั่วยังไงอีก
“ฉันอยากคุยกับนักข่าวนั่น” ทิฟฟานี่ลุกขึ้นยืนแล้วยื่นกรอบรูปให้แบคฮยอนนำไปเก็บเอาไว้ เขาทำตามคำสั่งอย่างเงียบๆเมื่อไม่ได้ถูกใช้งานใดๆ
“ฉันมีเบอร์อยู่” เจสสิก้าเดินกลับมายังเธอก่อนที่จะล้วงนามบัตรในกระเป๋าสตางค์แล้วกดโทรออก
[สวัสดีค่ะ นั่นญาติของคุณจีริกะหรือเปล่าคะ] ปลายสายที่ตอบรับเป็นฝ่ายทักขึ้นมาก่อน ทว่ามันไม่ใช่เสียงของนักข่าวที่เธอได้พบเมื่อวาน
“เป็นคนรู้จัก..ทำไม?” เจสสิก้าเลิกคิ้วสูง
[คุณจีริกะเสียชีวิตแล้วค่ะ..]
นี่มันอะไรเนี่ย..?
1 เม้น 1 กลจ. ค่ะ <3
ความคิดเห็น