ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สายลับรัตติกาล

    ลำดับตอนที่ #4 : สืบหาร่องรอย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 38
      0
      19 ต.ค. 53

    วันรุ่งขึ้น
    คิบอมตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้ามืด แปลกใจตรงที่ทำไมวันนี้บ้านเงียบผิดปกติ เพราะทุกทีจะได้ยินเสียงเควินเปิดเพลงเป็นประจำ หรือว่าเควินยังไม่ตื่น คิบอมลองไปเรียกเควินที่ห้องนอน เขาเคาะประตูหลายครั้ง ก็ไม่มีเสียงตอบรับ จึงลองเปิดประตูห้อง แต่ก็เปิดไม่ออกเพราะประตูล็อคอยู่
        “หรือว่าจะไม่อยู่”
    ระหว่างที่กำลังคิดอยู่นั้น คิบอมรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังเข้ามาใกล้จากข้างหลัง เขาตั้งสติมั่น จะเป็นอะไรก็เข้ามาเลย ไม่กลัวอยู่แล้ว จากนั้นเขาก็กลับหลังหันหมายจะประจันหน้ากับสิ่งนั้น แต่พอเห็นว่าเป็นอะไรก็ต้องหยุดการกระทำดังกล่าวทันที
        “อ้าว...เควิน...นายเองหรอ?”
    เควินมองคิบอมแบบงงๆ
        “มาทำอะไรที่หน้าห้องผมล่ะครับ”
        “เอ่อ...นึกว่านายยังไม่ตื่นน่ะ ก็เลยลองเรียกดู”
        “...........”
        “ว่าแต่ ไปไหนมาล่ะ?”
        “ไปสถานีตำรวจ”
        “ไปตอนไหนหรอ ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
        “ตอนตี 2 น่ะ”
    เควินใช้กุญแจไขประตูห้องแล้วเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้อีกฝ่ายยืนงงอยู่อย่างนั้น
        “ไปสถานีตำรวจตอนตี 2 เนี่ยนะ”
    คิบอมเกาหัวแบบไม่สบอารมณ์ แต่เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้เหมือนเห็นรอยเลือดที่ปากของเควิน เขาไปโดนอะไรมาหว่า  เอาไว้ค่อยถามทีหลังแล้วกัน

    ช่วงสาย เควินเดินลงมาที่ห้องทำงานชั้นล่าง และเห็นคิบอมเดินเล่นอยู่ที่ชายหาดเหมือนทุกวัน จึงมิได้สนใจอะไร เขาเข้าไปนั่งทำงานตามปกติ และได้ข้อมูลบางอย่างเพิ่มเติม

    ข้อมูล : เวลา 11.26 น. วันที่ 11 เม.ย. 2010 พบศพหญิงสาวชาวญี่ปุ่นถูกทิ้งไว้ที่ป่าละเมาหลังโรงงานเป่าแก้วแถบชานเมืองชุงชองนัม สภาพศพแห้งเหี่ยวเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ที่ต้นคอมีรอยแผลคล้ายรอยเขี้ยวของสัตว์บางชนิด นับเป็นศพที่ 2 ที่ถูกฆาตกรรมแบบเดียวกันกับศพชายชาวเกาหลีที่พบก่อนหน้านี้

        เวลา 17.15 น. วันเดียวกัน ทางกรมสืบสวนคดีพิเศษประจำกรุงโซล ได้เข้าตรวจค้นบริษัท K.R.จีเวล ซึ่งเป็นบริษัทส่งออกเครื่องประดับรายใหญ่ของประเทศ ขณะนี้บริหารงานโดย นายลีกงซาน ทางเจ้าหน้าที่ได้พบหลักฐานเกี่ยวกับการยักยอกเงินของบริษัท เป็นจำนวนเงินประมาณ 6 พันล้านวอน ทางกรมสืบสวนฯจึงแจ้งข้อหานายลีกงซาน ฐานยักยอกทรัพย์เพิ่มอีก 1 ข้อหา เบื้องต้นนายลียังให้การปฏิเสธ


    เควินได้รับข้อมูลนี้ จึงเรียกคิบอมมาดูด้วย
        “ยักยอกทรัพย์ของบริษัทงั้นหรอ  แสบจริงๆนะพ่อเลี้ยง”
        “ไม่น่าเลยเนาะ คนเรา”
        “แต่ผมยังสงสัยเขาอยู่ ทั้งเรื่องพ่อของคุณ พ่อของผม แล้วก็กลุ่มคนที่ตามฆ่าผมด้วย”
        “ก็อย่างที่บอกล่ะนะ เรายังไม่มีหลักฐานเล่นงานเขา เอ่อนี่....สัปดาห์หน้าผมจะไปชุงชองนัม คุณจะไปด้วยมั้ย?”
        “แน่นอน”
        “ถ้างั้นก็เตรียมตัวไว้แล้วกัน”

    เมื่อถึงวันเดินทาง ทั้งเควินและคิบอมช่วยกันขนสัมภาระขึ้นรถ เควินเลือกเดินทางช่วงกลางคืน คิบอมก็มิได้คัดค้านแต่อย่างใด ตอนนี้ดูท่าทางเขาจะติดใจรถยนต์ของเควินซะมากกว่า
        “ว้าว! นี่นายขับเฟอร์รารี่รึเนี่ย”
        “แล้วมันแปลกตรงไหนล่ะ”
        “ก็มันสวย แถมแรงได้ใจดีด้วยน่ะสิ”
        “งั้นหรอ”
        “อืม....”
    เมื่อขนสัมภาระเสร็จแล้วทั้งสองก็ออกเดินทางทันที คิบอมเห็นการขับรถของเควินถึงกับตกใจ เพราะเควินเล่นออกตัวซะแทบหัวทิ่มหัวตำ
        “นี่ๆ เควิน เบาๆหน่อยสิ ขับเป็นป่าวเนี่ย”
        “ถ้าขับไม่เป็นผมจะมานั่งอยู่อย่างนี้หรอ”
        “อะจ๊าก!!!!!!!!!!!”

    เควินเหยียบคันเร่งแทบมิด เล่นเอาคิบอมใจหายใจคว่ำ โธ่!!พ่อคุณเอ๊ย จะรีบไปไหนกันนี่ เมื่อมาถึงชุงชองนัมได้ คิบอมค่อยโล่งใจขึ้น หลังจากที่ลุ้นตัวโก่ง คนอะไรฟระขับรถโค-ตะ-ระ ซิ่งเลย พอเขาหันมาทีก็เห็นเควินเดินเข้าไปเช็คอินที่ล็อบบี้โรงแรมแล้ว อ้าว!ไปตอนไหนหว่า เขารีบวิ่งตามเข้าไป และเห็นเควินกำลังคุยกับประชาสัมพันธ์อยู่
        “มีห้องเตียงเดี่ยวสัก 2 ห้องมั้ยครับ?”
        “ขออภัยค่ะ ตอนนี้เหลือแต่ห้องสวีทห้องเดียว ที่เหลือถูกจองเต็มหมดแล้วค่ะ”
        “อย่างนั้นหรอ”
    จังหวะนั้นคิบอมเดินมาพอดี เขาเห็นว่าใกล้จะเช้าแล้ว และตัวเขาเองก็ง่วงเต็มทน จึงจัดการเรื่องห้องพักซะเอง
        “เอาห้องนี้แหละครับ”
    ว่าแล้วเขาก็ยื่นบัตรเครดิตให้ไป ทำให้เควินหัวเสีย
        “อะไรของคุณน่ะ....”
        “นี่ก็ใกล้จะเช้าแล้วนะ แล้วอีกอย่างช่วงนี้เป็นช่วง Hi Season ห้องพักที่ไหนก็ถูกจองเต็มหมดล่ะ ถ้าไม่พักที่นี่เราก็ไม่มีที่พักแล้วนะ”
    เควินยืนคิดแล้วคิดอีก จนพนักงานต้อนรับต้องช่วยพูด
        “จริงของคุณผู้ชายค่ะ ตอนนี้ห้องพักต่างๆในชุงชองนัมถูกจองเต็มหมดแล้วจริงๆนะคะ”
        “........”
        “แต่แหม..ที่จริงเป็นผู้ชายด้วยกันพักห้องสวีทก็ไม่เห็นเป็นไรนี่คะ”
        “เอ่อ!!! มะ....มะ....”
    ยังไม่ทันทีเควินจะได้พูดอะไร คิบอมก็กอดคอเขาไว้อย่างรวดเร็ว แล้วพูดกลบเกลื่อนไป
        “อ่ะครับๆ ไม่เป็นไรครับ  ขอบคุณมากนะครับสำหรับห้องพัก ไปก่อนนะครับ”
    คิบอมกอดคอเควินไว้แน่นแล้วลากเขาขึ้นห้องพัก โดยที่มีพนักงานช่วยถือกระเป๋าเดินตามมาด้วย เมื่อมาถึงห้องพัก
    เควินก็ผละตัวออกจากคิบอม พร้อมทั้งต่อว่า
        “อะไรของคุณเนี่ย ดูสิพวกพนักงานเข้าใจผิดกันหมดแล้ว”
        “เอาน่ะ จะอะไรก็ช่างเหอะ ตอนนี้ผมง่วงเต็มทนแล้ว ไปนอนก่อนล่ะ”
        “นี่ เดี๋ยวสิ”

    ชายหนุ่มที่เหนื่อยล้ากับการนั่งรถทางไกลล้มตัวลงบนที่นอนนุ่มและหลับไปในทันที
        “คงเหนื่อยมากสินะ”
    เควินห่มผ้าให้คิบอม ส่วนตัวเขาก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แสงอรุณของเช้าวันใหม่เริ่มสาดส่องเข้ามา เขาจึงรีบปิดผ้าม่านทั้งหมดในห้อง และล้มตัวลงนอนที่โซฟา และเผลอหลับไป
    “เควิน...เควินลูกพ่อ”
    น้ำเสียงคุ้นหูลอยแว่วมาจากทางใดทางหนึ่งในความสว่างไสวนั้น
        “เอ๊ะ!?....”
        “เควินลูกพ่อ”
    หนุ่มน้อยมองดูเจ้าของเสียง เมื่อเข้าไปใกล้ก็รู้ว่าเป็นใคร
        “คุณพ่อ....”
    ผู้เป็นพ่อเดินเข้ามาหาลูกชายพร้อมกอดเขาไว้ในอ้อมอกด้วยความดีใจ
        “พ่อดีใจจริงๆ ที่ได้พบลูกอีกครั้ง”
        “ผมก็ดีใจเหมือนกันครับ คุณพ่อครับรอผมก่อนนะครับ ผมจะรีบไปรับคุณพ่อกลับบ้าน”
        “ขอบใจมากนะลูก ต่อจากนี้ไปพ่อคงหมดห่วงแล้วล่ะ”
    เควินดีใจที่ได้พบพ่อ แต่ดีใจได้ไม่นานเขาก็ต้องเศร้าอีกครั้ง เมื่อพ่อของเขากำลังจะจากไปชั่วนิรันดร์
        “คุณพ่อครับ จะไปไหนครับ”
        “พ่อต้องไปแล้วล่ะ”
        “เดี๋ยวสิครับคุณพ่อ”
        “คนที่จะดูแลลูกแทนพ่อได้เขาอยู่ทางโน้นแล้ว ลูกจงไปหาเขาสิ”
        “คุณพ่อ หมายถึงใครกันครับ”
        “เมื่อถึงเวลาลูกก็จะรู้เอง”
    พ่อของเควินพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนที่เขาจะหายไป เควินสะดุ้งตื่นทันที ที่แท้ก็ฝันไปนี่เอง
        “ตื่นแล้วหรอเควิน”
    เสียงคุ้นหูจากชายคนเดิมที่เขาเคยช่วยไว้ กล่าวทักทาย ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยเหงื่อ คิบอมนั่งลงข้างๆ พร้อมใช้ผ้าขนหนูนุ่มนิ่มซับใบหน้านั้น
        “ฝันร้ายรึไง...ห๊า”
        “.....ไม่เชิงฝันร้ายหรอก”
        “งั้นหรอ แล้วทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะ”
        “ผมฝันเห็นคุณพ่อ”
    สิ้นคำพูดน้ำใสๆก็ไหลรินจากดวงตาคู่สีฟ้า ชายหนุ่มร่างใหญ่พอเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่าย ความรักระหว่างพ่อกับลูกไม่มีวันตัดขาดได้ และเควินเองก็คงรักพ่อมาก คิบอมค่อยๆเชยคางเขาให้หันมาสบตาตน ปลายนิ้วเรียวเช็ดน้ำตานั้นอย่างแผ่วเบา
        “อย่าร้องไห้เลยนะ เควิน พ่อของคุณเขาไปดีแล้ว อย่าทำให้คุณพ่อต้องเป็นห่วงเลย”
    เควินมีความรู้สึกว่า นอกจากพ่อแล้วไม่เคยมีใครที่เขาอยู่ด้วยแล้วรู้สึกอบอุ่นแบบนี้ ทำไมกันนะ เขาเองก็ไม่เข้าใจ
        “อย่าคิดว่าคุณอยู่ตัวคนเดียวสิ คุณยังมีผมอยู่นะ”
    ประโยคนั้นทำให้อีกฝ่ายแปลกใจ
        “ยังมีคุณอยู่ งั้นหรอ?”
        “ใช่.......ยังมีผมอยู่ แล้วก็....ผมนี่ล่ะ จะอยู่กับคุณตลอดไป”
        “คุณคิบอม....”
        “ร้องไห้อีกแล้ว ไม่เอาน่า อย่าร้องเลยนะ ไม่น่ารักเลย”
    น่ารักหรอ? เป็นครั้งที่ 2 แล้วสินะที่ได้ยินคำว่า น่ารัก จากปากคนคนเดิม รู้สึกดีที่ได้ยินคำนี้ จากผู้ชายที่ชื่อ คิมติบอม ความคิดแบบนั้นเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่นะ แล้วทำไมเราต้องหน้าแดงด้วยล่ะ ไม่เข้าใจจริงๆ เควินรีบเช็ดน้ำตา ส่วนคิบอมก็ยังนั่งมองอีกฝ่ายไม่ห่าง
        “ต้องอย่างนี้สิ เสือน้อยของผม”
        “ใครเป็นเสือน้อยของคุณ”
    ว่าแล้วก็หันหน้าหนีทันที คิบอมเห็นเควินเขินเช่นนั้นก็นึกขำ
        “ฮึๆๆๆ”
        “ขำอะไรของคุณน่ะ”
        “เป็นครั้งแรกนะที่เห็นคุณอายอย่างนี้ แบบนี้มัน...น่ารักสุดยอดเลย”
    “คนเศร้าจะตายยังมีอารมณ์มาพูดอะไรบ้าๆอยู่ได้ ผมไปข้างนอกดีกว่า”
    “แต่ตอนนี้ 11 โมงนะ แล้วก็แดดเปรี้ยงเลย เป็นโรคแพ้แดดไม่ใช่หรอ”
    “ผมยอมโดนแดดเผาตาย ดีกว่าจะนั่งฟังคำพูดเลี่ยนๆของคุณ”
    คิบอมอึ้งไป 3 วิ(นาที)กับคำพูดนั้น ในขณะที่อีกฝ่ายก้าวออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
        “เขินก็บอกมาเถอะ  เสือน้อยยิ้มยาก”




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×