ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สายลับรัตติกาล

    ลำดับตอนที่ #3 : ความสงสัย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 30
      0
      19 ต.ค. 53

    “ครับ เควิน วู ครับ”
        “เควิน  นี่สารวัตร อเล็กซ์เองนะ”
    เมื่อทราบว่าใครโทรมา เควินก็รีบลุกพรวดจากที่นอนทันที แล้วฟังอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ
        “ตอนนี้ทางฝ่ายสืบสวนได้เบาะแสเกี่ยวกับพ่อของเธอมา ฉันคิดว่ามันอาจจะช่วยเธอได้บ้าง”
        “ว่ายังไงบ้างครับ”
        “เดี๋ยวฉันจะส่ง E-Mail ไปให้นะ”
        “ค่ะ ขอบคุณมากนะครับ”
    เมื่อได้ทราบข่าว เขาตั้งใจจะเดินลงไปที่ห้องทำงาน แต่ก็พบคิบอมยืนอยู่ที่หน้าห้องนอนของเขา เขาได้ยินที่เควินคุยโทรศัพท์เมื่อครู่นี้
        “เควิน เมื่อกี้นายคุยโทรศัพท์กับใครหรอ”
    เควินคิดว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร จึงตอบไปตามความจริง
        “สารวัตร อเล็กซ์ จากกรมสืบสวนคดีพิเศษ เขาบอกว่าได้เบาะแสเกี่ยวกับพ่อของผม”
        “อย่างนั้นหรอ!?”
        “ผมจะไปเปิดคอม สารวัตรไซโต้จะส่งข้อมูลให้ทาง e-mail”
        “งั้นให้ผมดูด้วยนะ”
        “อืม”

    ทั้งสองไปที่ห้องทำงาน เควินรีบเช็ค e-mail แบบลุ้นสุดๆ เพราะเขาต้องการรู้ว่าพ่อของเขาเป็นตายร้ายดีอย่างไร เมื่อได้รับ               e-mail แล้ว ทั้งคู่ถึงกับตกใจไปตามๆกัน เพราะสิ่งที่ทั้งเขาทั้งสองได้เห็น คือข้อมูลของคนที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ ในจำนวนนั้นมี ลีกงซาน ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงของคิบอมรวมอยู่ด้วย
        “เป็นไปได้ยังไง นี่พ่อเลี้ยงผมกลายเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้อย่างนั้นหรอ ไม่จริงน่ะ”
        “เงียบก่อน ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมอีก”

    ข้อมูล : เวลา 10.21 น. วันที่ 3 เม.ย.2010 ทางฝ่ายสืบสวนคดีพิเศษประจำกรุงชุงซองนัม ได้รับรายงานว่า พบศพชายชาวเกาหลีในสภาพที่แห้งเหี่ยวเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกที่ห้องใต้ดินของบ้านร้างแห่งหนึ่งที่เมืองชุงซองนัม จากการชันสูตรศพพบร่องรอยเหมือนเขี้ยวของอะไรบางอย่างที่ต้นคอ และยังพบร่องรอยการถูกทำร้ายตามร่างกายอีกหลายแห่ง ผู้ตายแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีฟ้าผู้เน็คไทน์สีดำ กางเกงสแล๊คสีดำ ตรวจสอบตามตัวไม่พบหลักฐานว่าผู้ตายเป็นใครมาจากไหน คาดว่าผู้ตายคงถูกฆ่ามาจากที่อื่นแล้วนำศพมาทิ้งไว้เพื่ออำพรางคดี ขณะนี้ทางโรงพยาบาลชุงซองนัมได้นำศพไปเก็บเอาไว้ เพื่อรอญาติมาติดต่อเพื่อรับศพไปทำพิธีทางศาสนาต่อไป
        “รอยเขี้ยวที่ต้นคองั้นหรอ”
    คิบอมติดใจกับคำคำนี้ มันมีการฆาตกรรมแปลกๆแบบนี้ด้วยรึเนี่ย?

    ข้อมูล :เวลา 23.19น. วันที่ 9 เม.ย. 2010 มีรายงานข่าวว่า นายคิมคิบอม บุตรชายของนายคิมลีมิน เจ้าของธุรกิจเครื่องประดับรายใหญ่ของประเทศ ได้หายตัวไปจากบ้านพัก จากการสอบปากคำนายลีกงซาน พ่อเลี้ยงของนายคิมคิบอม ได้ให้การว่าก่อนเกิดเหตุได้มีปากเสียงกับนายคิมคิบอมเรื่องธุรกิจกันอย่างรุนแรง หลังจากนั้นเขาก็หายตัวไป แต่ทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ จึงได้ควบคุมตัวเอาไว้เพื่อสอบสวนต่อไป

        “ก่อนหน้านั้นคุณทะเลาะกับพ่อเลี้ยงของคุณหรอ?”
        “ใช่ เขาต้องการเป็นประธานกรรมการบริษัท แต่ผมไม่ยอม เราก็เลยทะเลาะกัน”
        “ทำไมล่ะครับ”
        “ก็ผมรู้ว่าพ่อเลี้ยงผมนิสัยเป็นยังไง ทั้งเที่ยว ทั้งดื่มเหล้า ทั้งเล่นการพนัน อยู่ไม่ค่อยติดบริษัท ทำงานก็พลาดบ่อยๆ แล้วยังมีหน้ามาพูดว่า ผมเป็นเด็กเมื่อวานซืน บริหารงานไม่เป็น มีแต่เกาะพ่อเกาะแม่กิน”
        “โห....วาจาช่างหยาบคาย”
        “ก็ใช่ไง งานนี้ก็เลยทะเลาะกันยาว เพราะจริงๆแล้วตั้งแต่พ่อยังอยู่ ทุกอย่างในบริษัท ผมเป็นคนจัดการเองทั้งนั้น”
        “ในรายงานบอกว่าคุณหายตัวไปจากบ้านพักเมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2010”
        “ตอนนั้นผมออกไปข้างนอก แล้วผมก็ถูกกลุ่มคนลึกลับ 2-3คนไล่ล่า ผมไปจนมุมอยู่ที่สะพานข้ามทะเล”
        “ถูกไล่ล่าหรอ”
        “เขาไล่ยิงผมน่ะ  แล้วผมก็จำได้ว่าพวกมันพูดอะไรสักอย่าง”
        “พอจับใจความได้บ้างมั้ย”
        “บอกว่า ผมเป็นตัวขวางทางอะไรสักอย่าง แล้วเขาก็ยิงผมจนตกทะเลไป”
        “ตัวขวางทาง.....ผมว่าคดีนี้มันมีเงื่อนงำที่ลึกมากกว่านั้น”
        “ผมว่าบางที อาจจะมีผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดก็เป็นได้”
        “อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย ตอนนี้เรายังไม่มีหลักฐาน คงจะยังสรุปอะไรไม่ได้หรอก”
        “นั่นสินะ....”
    ทั้งสองมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง คิบอมเพิ่งเห็นว่าดวงตาของเควินเป็นสีฟ้าอ่อน ไม่เหมือนกับคนเกาหลีทั่วไปที่มีดวงตาสีน้ำตาลเข้ม บางทีเขาอาจจะใส่คอนแทคเลนส์ล่ะมั้ง
        “ผมจะรอให้คุณหายดีก่อน แล้วผมจะไปชุงซองนัมเพื่อไปรับศพนั่น แล้วก็จะสืบคดีนี้เพิ่มเติม”
        “แล้วคุณรู้หรอ ว่าศพนั่นเป็นใคร”
        “แค่บอกว่าแต่งตัวยังไง ผมก็รู้แล้ว”
        “เรื่องสืบคดีผมว่าให้เป็นหน้าที่ของตำรวจดีกว่ามั้ง”
        “ฮึๆ ก็ผมนี่แหละตำรวจ”
        “หา!?”
        “ผมร้อยตำรวจเอก เควิน วู ผู้บังคับหมู่งานสืบสวนคดีพิเศษ สถานีตำรวจกรุงโซล”
    ว่าแล้วเควินก็แสดงบัตรประจำตัวตำรวจให้ดู ทำเอาคิบอมอึ้งไป 10 วิ เลย
        “แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกล่ะเนี่ย”
        “ก็คุณถามแต่ชื่อผม ไม่ได้ถามว่าผมทำงานอะไรนิ”
    พูดจบเควินก็รีบชิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้คิบอมยืนงงอยู่คนเดียว
        “โหย.....เป็นตำรวจก็ไม่บอกกันวุ้ย”

    คืนวันหนึ่งเควินไม่อยู่ที่บ้านพักตั้งแต่หัวค่ำ โดยที่ทิ้งโน้ตเอาไว้ให้คิบอมแผ่นหนึ่ง
    Note : ผมออกไปซื้อเสื้อผ้าและของใช้ให้คุณ ถ้าหิวก็มีของกินอยู่ในตู้เย็นนะ แล้วอย่าออกไปไหนล่ะ (เควิน....)
        “ซื้อของมาให้เราหรอ ดูแลขนาดนี้เชียว ขอบใจนะตำรวจหนุ่มหน้าหวาน”

    เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง เควินยังไม่กลับมา คิบอมรู้สึกเป็นห่วง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้  เขานอนคิดอะไรบางอย่างสักครู่จนคิดถึงเรื่องโรคประจำตัวที่เควินเป็นอยู่ เขาเดาว่าเควินต้องมียารักษาโรคของเขาแน่ คิดได้เช่นนั้นเขาจึงแอบเข้าไปในห้องนอนของเควิน เขาค้นตาม   ตู้เสื้อผ้า โต๊ะทำงานและตามที่ต่างๆแต่ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ จนกระทั่งเขาไปค้นที่หัวเตียงและได้พบขวดยาขวดหนึ่ง
        “ยาแก้อาการอ่อนเพลีย....”
    คิบอมเทยาออกมาเม็ดหนึ่ง พบว่าเป็นแคปซูลใสบรรจุตัวยาสีแดงข้างใน มันคืออะไรกันนะ เขาลองเปิดแคปซูลออกดู ทันใดนั้นเองตัวยาสีแดงนั้นก็ไหลออกมาเลอะพื้นห้อง
        “เป็นน้ำหรอกรึ”
    ชายหนุ่มชักไม่แน่ใจ เขาใช้ปลายนิ้วแตะของเหลวสีแดงนั้น และลองลิ้มชิมดู เมื่อรู้ว่ามันคืออะไร เขาถึงกับอึ้งทำอะไรไม่ถูก และขยับตัวไม่ได้
        “นี่มัน.....เลือดนี่หน่า  มันหมายความว่ายังไงกัน”
    ตอนนี้เขายังไม่มีเวลาที่จะคิดอะไร เขารีบหาผ้ามาเช็ดรอยเลือดนั้น ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สักครู่เควินก็กลับมา
        “คุณคิบอม ผมกลับมาแล้ว”
    ชายหนุ่มเดินลงมาจากชั้นบนเหมือนปกติทุกอย่าง เควินเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เขาวางของเอาไว้แล้วเดินเข้าไปในครัวเปิดตู้เย็นหยิบน้ำออกมาดื่ม
        “ก็เหมือนคนปกติดีนิ หรือว่าเราคิดมากไปเอง”
    เควินเห็นคิบอมจ้องเขาด้วยท่าทีแปลกๆ จึงเอ่ยถามไป
        “มีอะไรหรอครับ”
        “อ้อ ปล่าว...ไม่มีอะไร”
    พูดจบเขาก็รีบหันหน้าหนีทันที เพราะสายตาของอีกฝ่ายที่มองมานั้น เหมือนกับจะกลืนกินเขาเข้าไปทั้งตัว  ทำไมดวงตาคู่นั้นถึงได้ดูน่ากลัวจริงๆ เหมือนกับว่าดวงตาคู่นั้น ไม่ใช่ดวงตาของมนุษย์อย่างนั้นแหละ คิบอมแข็งใจหันกลับไปมองหน้าเควิน อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดวงตาคู่นั้นกลับเป็นเหมือนปกติ
        “แผลของคุณเป็นยังไงบ้าง”
    เควินถามด้วยน้ำเสียงเรียบ แต่นั่นก็ทำให้คิบอมรู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง
        “ก็ดีขึ้นมากแล้วล่ะ”
        “งั้นหรอ ถ้างั้นขอผมดูแผลหน่อย ถ้าหายดีแล้วจะได้ตัดไหมซะเลย”
    ทั้งสองเดินไปนั่งโซฟาที่ห้องนั่งเล่น เควินดูแผลให้อีกฝ่าย และพบว่าแผลหายดีแล้ว เขาจึงลงมือตัดไหมทันที ขณะนั้น คิบอมขยับใบหน้าคมเข้าใกล้  ซึ่งเป็นจังหวะที่เควินตัดไหมเสร็จพอดี และเงยขึ้นมาเห็นใบหน้านั้นเข้า แม้จะตกใจ  แต่เควินก็หนีไม่ทันซะแล้ว เขาถูกคิบอมรวบตัวเอาไว้ทันควัน ฝ่ามือใหญ่จับใบหน้าสวยนั้นให้หันมาสบตาด้วย เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพยายามเบือนหน้าหนี
        “จะรีบไปไหนซะล่ะ เควิน”
        “คุณจะทำอะไรน่ะ”
    ไม่มีคำตอบใดออกจากปากของชายหนุ่ม เขาเอาแต่จ้องดวงตาสีฟ้าใสที่อยู่ตรงหน้า ในที่สุดเขาก็ไม่อาจห้ามเสียงเรียกร้องจากหัวใจของตัวเองได้  ศรรักปักอกเข้าอย่างจัง คิบอมขยับใบหน้าคมเข้าหาเควิน ทำเอาเควินใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
        “อย่านะ คิบอม!!”
    เควินรีบร้องห้าม แต่คิบอมก็หาได้สนใจ จนทำให้ เควินต้องผลักคิบอมออกห่าง แรงผลักนั้นทำเอาคิบอมกระเด็นไปติดกำแพง แต่นั่นก็ทำให้คิบอมได้สติทันที
        “ขอโทษนะ เควิน ”
        “อย่าทำอะไรบ้าๆแบบนี้กับผมอีกนะ ผมไม่ชอบ.”
        “OK ว่าแต่ ทำไมนายถึงได้แรงเยอะขนาดนี้ล่ะ เล่นซะผมติดกำแพงเลย”
    เควินไม่พูดอะไร ได้แต่จ้องหน้าชายหนุ่มด้วยอาการเขิน ให้ตายเหอะ มาถามอะไรแบบนี้เนี่ย เควินรีบลุกขึ้นแล้วเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว ส่วนคิบอมก็ได้แต่มองตามหลังไปอย่างนั้น
        “เขินเป็นกับเขาด้วยหรอ นายเควินผู้สุดแสนเย็นชา”






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×