คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Part 1
Part 1
ณ ป่าอาคาร์เดีย อันเป็นที่อยู่ของสรรพสัตว์นานาชนิด มีพืชพันธุ์ล้อมรอบไปทั่วทั้งผืนป่า และยังเป็นที่พำนักของเทพผู้งดงามองค์หนึ่ง เทพองค์นี้โปรดปรานการล่าสัตว์เป็นอย่างมาก และมักใช้ชีวิตอยู่ในป่าแห่งนี้มากกว่าบนสวรรค์เสียอีก เขามักปรากฏตัวพร้อมกับฝูงหมาป่าเสมอ เทพองค์นี้มีนามว่า “เทพจันทรา อีชอล” นั่นเอง
วันหนึ่งขณะที่เทพจันทรา อีชอล กำลังล่าสัตว์อย่างเพลิดเพลินอยู่นั้น เขาก็เห็นสิ่งมีชีวิตประหลาดบินผ่านเขตป่าอาคาร์เดียไป เทพอีชอลเห็นเช่นนั้นจึงเกิดสงสัย
“เมื่อกี้
อะไรบินผ่านไปน่ะ”
เขายืนคิดอยู่ครู่หนึ่ง และแล้วก็เขาก็อุทานออกมา
“มังกร!? มันมาจากไหนกัน ในป่าของเราไม่น่าจะมีมังกรอาศัยอยู่นะ”
คิดเช่นนั้นแล้ว เขาก็วิ่งตามมังกรตัวนั้นเข้าไปในป่าลึกจนกระทั่งพบกับลูกแก้วสีเขียวลูกหนึ่ง ตกอยู่ ลูกแก้วนั้นส่องประกายเจิดจ้า งดงามยิ่งนัก เทพอีชอลหยิบลูกแก้วลูกนั้นขึ้นมาดู พร้อมทั้งคิดอีกว่า
“นี่มันลูกแก้วอะไร ทำไมใหญ่จัง หรือว่าเป็นลูกแก้วของมังกรตัวเมื่อตะกี้ทำหล่น เฮ้! เป็นมังกรจริงๆอ่ะ”
เทพอีชอลเก็บลูกแก้วเอาไว้แล้ววิ่งตามมังกรเข้าไปยังน้ำตกใหญ่ที่อยู่ในป่าลึก
“เห็นบินเข้ามาทางนี้ ต้องตามไปดูหน่อย”
เขาเดินมาถึงหน้าถ้ำใต้น้ำตก มือกระชับธนูทองอาวุธคู่กายเอาไว้แน่น แต่ยังไม่ทันที่เทพหนุ่ม จะก้าวเท้าเข้าไปข้างใน มังกรตัวเดิมก็พุ่งทะยานสวนไปอีกทาง ครั้งนี้เทพอีชอลได้เห็นแบบจังๆ
“เห็นชัดๆ เลยคราวนี้ เป็นมังกรจริงๆ มังกรทองด้วย มันบินออกนอกป่าไปแล้ว แต่ว่าเราคงต้องเอาลูกแก้วนี้ ไปให้สุริยเทพดูซะแล้ว”
เทพอีชอลรีบนำลูกแก้วที่เก็บได้เหาะขึ้นไปหา “สุริยเทพอีทึก” ผู้เป็นพี่ชายบนสวรรค์ทันที
“อะไรนะ เทพจันทรา นี่เจ้าจะบอกว่าลูกแก้วนี่เป็นลูกแก้วมังกรอย่างนั้นรึ"
สุริยเทพอีทึกประหลาดใจยิ่งนักเมื่อได้ฟังคำบอกเล่าทั้งหมดจากเทพอีชอล
“ใช่ ข้าเห็นกับตาเลยว่าเป็นมังกรจริงๆ”
“แปลกมาก ในป่าอาคาเดียร์ นอกจากสัตว์ในป่านั้นเองแล้ว ไม่น่าจะมีมังกรอาศัยอยู่นะ”
“เราควรจะไปปรึกษาเทพซองมินดีมั๊ย เผื่อว่าเขาจะให้คำตอบเราได้” เทพอีชอลออกความเห็น
“ก็ดีเหมือนกัน”
ว่าแล้วทั้งสองพี่น้องก็รีบไปพบ “เทพแห่งปัญญาซองมิน” ทันที เทพอีชอลมอบ ลูกแก้วให้เทพซองมิน พินิจพิจารณา ไม่นานนักก็ได้รับคำตอบว่า
“ลูกแก้วนี่ เป็นลูกแก้วมังกรจริงๆ คาดว่ามังกรตัวนั้นมันคงหลงมาจากที่อื่น แล้วเผลอ ทำลูกแก้วตกไว้ในป่าอาคาเดียร์”
“ข้าสังหรณ์ใจว่ามังกรนั่นต้องตามมาเอาลูกแก้วคืนแน่ๆ” เทพอีทึกพยากรณ์
“ถ้าเป็นเทพอีทึกทำนายล่ะก็ไม่มีพลาดแน่ เทพอีชอลยังไงเจ้าก็ต้องระวังตัวเอาไว้ด้วยนะ ท่าทางเจ้ามังกรตัวนี้จะดุซะด้วย” เทพซองมินเตือน
“ดุด้วยหรอ ตกลงเป็นมังกรหรือเป็นหมากันเนี่ย” เทพอีชอลทำหน้างงๆ
“ยังจะมีหน้ามาเล่นมุขอีกนะ” เทพอีทึกว่ากล่าว
เมื่อได้คำตอบแล้ว เทพทั้งสามต่างแยกย้ายกลับไปยังที่อยู่ของตน เทพอีชอลยังคงสงสัยว่า มังกรตัวนั้นมาจากที่ไหนและมาได้อย่างไร
วันต่อมา เทพอีชอล ออกล่าสัตว์ตามปกติ แต่แล้วสิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ต่างพากันวิ่งหนีอะไรบางอย่างกันไม่คิดชีวิต
“นั่นมันเกิดอะไรขึ้นน่ะ”
เทพอีชอลยืนมองสัตว์ทั้งหลายที่กำลังหนีตายอย่างฉงนใจยิ่งนัก ขณะที่เขากำลังสงสัยอยู่นั้น มังกรทองตัวใหญ่บินโฉบศีรษะเทพหนุ่มไปอย่างรวดเร็ว แถมยังพ่นไฟใส่อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เทพหนุ่มรีบกระโดดหลบทันที แต่กระนั้นเขาก็ถูกสะเก็ดไฟเข้าที่แขน ที่สำคัญมังกรตัวนั้นยังเปลี่ยนเป้าหมายมาที่เขาอีกด้วย มันจ้องมองเทพหนุ่มด้วยดวงตาสีแดงฉาน
“เจ้ามังกร เจ้าเป็นใครกันแน่ เหตุใดจึงบุกรุกป่าของข้า เจ้าต้องการอะไร”
ไม่มีคำตอบจากมังกรตัวนั้น มันยังคงมองเทพอีชอลแบบพร้อมที่จะมีเรื่องเต็มที่ ว่าแล้วมันก็พ่นไฟใส่อีก
“อ๊าก!!! ร้อนๆๆๆ” เทพอีชอลร้องลั่น
“โมโหแล้วนะเฟ้ย กะจะเผากันเลยรึไง ได้เลย
ทีนี้ขอคืนมั่งล่ะ”
เทพอีชอลใช้เวทมนตร์เรียกอุกาบาตโจมตีเจ้ามังกรตัวแสบ แต่มันสามารถหลบหลีกได้อย่างว่องไว ระหว่างนั้นมันเห็นแสงสีเขียวส่องประกายออกมาจากย่ามของเทพอีชอล มันจึงกล่าวเป็นครั้งแรกว่า
“คิดอยู่แล้วว่าลูกแก้วต้องอยู่กับเจ้า เทพจันทรา”
เทพอีชอลได้ยินเช่นนั้นก็พอเดาออก
“ที่แท้ลูกแก้วนี่เป็นของเจ้านี่เอง ถึงว่าลูกเบ้อเริ่ม”
“เจ้าขโมยลูกแก้วของ ข้าจะกินเจ้า!!!”
“เฮ้! เข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้ขโมยนะ มันตกอยู่กลางป่าแล้วข้าเก็บได้ต่างหากล่ะ”
“ข้าไม่เชื่อ”
“เย้ย!!! เดี๋ยว ฟังก่อนดิ”
เจ้ามังกรโจมตีเทพอีชอลอย่างบ้าคลั่ง เทพหนุ่มไม่รู้จะยังไงกับมังกรขี้โมโหตัวนี้ดี เขาทั้ง พยายามโต้ตอบ และหลบเลี่ยงการโจมตีของมัน แต่ก็พลาดท่าถูกลูกไฟที่มันพ่นออกมาจนได้รับบาดเจ็บ และถูกมังกรรัดตัวเอาไว้แน่น
“ปล่อยข้านะ “
“ปล่อยรึ
ฝันไปเถอะ เจ้าขโมยลูกแก้วของข้า เจ้าอย่าหวังว่าจะรอดไปได้เลย”
“ก็บอกแล้วไงว่าข้าไม่ได้ขโมย เจ้าบ้าเอ๊ย!!!”
เทพหนุ่มพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากพันธนาการนั้น แต่ยิ่งดิ้น เจ้ามังกรก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น มันเตรียมพร้อมที่จะจัดการกับเทพอีชอล ทันใดนั้นก็มีหอกพุ่งมาจากด้านหลัง ปักเข้ากับลำตัวมังกรเข้าอย่างจังจนมันต้องคลายตัวออกจากเทพอีชอลด้วยความเจ็บปวด เจ้ามังกรหันไปมองต้นทางที่หอกพุ่งมาก็พบว่ามีใครบางคนยืนอยู่ในความมืด
“เจ้าเป็นใคร บังอาจทำร้ายข้า”
เจ้าของหอกด้ามนั้นเดินออกมาจากความมืด แสงสลัวจากดวงจันทร์สาดส่องเผยให้เห็นชายหนุ่มรูปงาม สวมเกราะเงินและสวมหมวกนักรบ ดูสง่ายิ่งนัก เทพอีชอลเห็นลักษณะดังกล่าวก็ทราบทันทีว่าเป็นใคร
“เทพคิบอม!!”
เทพคิบอมเรียกหอกกลับคืนมา พร้อมทั้งกล่าวอย่างไม่พอใจ
“เจ้ามังกรซ่า มันไม่ยุติธรรมเลยนะที่ทำร้ายเทพจันทราแบบนี้ เขาไม่ถนัดเรื่องการต่อสู้หรอก แต่ถ้าเจ้าอยากโชว์ความบ้าพลังล่ะก็ มาเจอกับข้าดีกว่า”
เทพคิบอมท้าทายอย่างมั่นใจ
“เจ้าคงจะเป็นเทพแห่งสงครามคิบอมสินะ ถึงได้กล้าท้าสู้กับข้า แต่ก็ดีเหมือนกัน ข้าจะกินซะทั้งทั้งคู่เลย”
“งั้นก็เข้ามาจับข้าสิ เทพมังกรฮันคยอง”
ทั้งสองเปิดฉากโจมตีเข้าใส่กันทันที การปะทะกันนั้นทำให้เกิดเสียงดังสนั่นไปถึงสวรรค์ เทพอีชอลแปลกใจกับคำพูดของเทพคิบอม ที่เรียกมังกรตัวนั้นว่า “เทพ” มันหมายความว่ายังไงกันนะ แต่ตอนนี้เขาไม่อยากคิดอะไรทั้งสิ้น เขารีบเข้าไปช่วยเทพคิบอมต่อสู้อีกแรง
“เทพอีชอล ท่านบาดเจ็บอยู่ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเถอะ”
“ข้าไม่เป็นไร ให้ข้าช่วยเจ้าเถอะ”
เทพทั้งสองร่วมมือกันต่อสู้กับมังกร เทพอีชอลถูกหางมังกรกระแทกออกมา แต่เขายังสามารถทรงตัวอยู่กลางอากาศได้ และกระเด็นไปไม่ไกลนัก เมื่อได้โอกาสเขาจึงใช้ธนูยิงไปถูกกลางลำตัวมังกร พิษจากลูกธนูทำให้มังกรได้รับบาดเจ็บหนัก เมื่อไม่สามารถสู้ต่อไปได้ มังกรจึงหนีลงไปในทะเล แต่เทพอีชอลก็บาดเจ็บไม่น้อยเช่นกัน เขาทรุดตัวลงอย่างอ่อนล้า เทพคิบอมรีบวิ่งเข้าไปพยุงร่างบางนั้น
“เทพอีชอล”
“มันร้ายกาจจริงๆ แถมไร้เหตุผลอีกต่างหาก”
“ท่านอย่าเพิ่งพูดอะไรเลย รีบไปรักษาตัวบนสวรรค์เถอะ”
เทพคิบอมพาเทพอีชอลเหาะขึ้นไปบนสวรรค์ เมื่อไปถึงเขาก็พบกับ “เทพซีวอน” ผู้เป็นจ้าวแห่งแดนสวรรค์ เขาพาเทพอีชอลที่บาดเจ็บไปรักษายังเทวสถาน ระหว่างการรักษา เขาเห็นลูกแก้วที่อยู่ในย่ามของเทพอีชอล จึงหยิบออกมาดู
“ลูกแก้วมังกรสีเขียว
.มัน
มาแล้ว”
เทพซีวอนบ่นพึมพำ เทพคิบอมทำหน้างงๆ แต่เขาก็ไม่สนใจอะไรและคิดว่าหมดหน้าที่ของเขาแล้ว จึงกลับไปยังที่อยู่ของตน
ทางด้านมังกรที่บาดเจ็บหนักและหนีลงทะเลมานั้น มันซมซานเข้ามายังวิหารใต้ทะเลแห่งหนึ่ง ด้วยพิษบาดแผลทำให้มันหมดสติไป แล้วร่างมังกรตัวใหญ่นั้นก็กลายเป็นร่างของชายหนุ่มรูปงาม ที่ตอนนี้มีลูกธนูปักอยู่กลางอก เลือดสีเขียวข้นไหลนองพื้นวิหาร เลือดส่วนหนึ่งลอยปะปนไปกับน้ำทะเล และลอยไปจนถึงปราสาทใต้สมุทร อันเป็นที่อยู่ของ “จ้าวแห่งมหาสมุทร ดงเฮ” ที่กำลังจำศีลอยู่ เขาได้กลิ่นเลือดมังกร จึงออกจากสมาธิทันที พร้อมทั้งว่ายน้ำไปดูให้แน่ว่าเลือดมังกรนี้มาจากไหนกัน เขามาหยุดอยู่ตรงหน้าวิหาร และเดินเข้าไปข้างใน จนพบกับร่างที่ไร้สติของเทพมังกรหนุ่มอยู่ในนั้น
เทพดงเฮพาเทพฮันคยองมารักษาที่ปราสาทของเขา สักครู่เทพฮันคยองก็ฟื้น และได้พบเทพดงเฮที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“รู้สึกตัวแล้วรึ เทพมังกรฮันคยอง”
เสียงอันเยือกเย็นกระทบโสตประสาท มังกรหนุ่มขยับใบหน้า พยายามจ้องมองเจ้าของเสียงนั้น
แต่พิษบาดแผล ทำให้ดวงตาพร่ามัวไปหมด กระนั้นมังกรหนุ่มก็พอรู้ว่า เจ้าของเสียงเยือกเย็นดุจน้ำแข็งนั้น คือผู้ใด
“จ้าวสมุทร
.”
“เจ้าบาดเจ็บหนักเลยนะคราวนี้ เป็นไงล่ะ อาละวาดจนได้เรื่อง”
“ฮึ
ยังอุตส่าห์ซ้ำเติมข้าได้อีกนะ”
“ข้าไม่ซ้ำเติมเจ้าหรอก แต่ข้าตำหนิเลย ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าอย่าอาละวาดมากจนปล่อยให้ลูกแก้วหลุดมือไป ว่าแต่ครั้งนี้หนักเอาการเลยนะ เพราะเจ้าดันไปอาละวาดในป่าอาคาร์เดียซะอย่างนั้น”
เทพมังกรลืมตาโพลงเมื่อได้ยินคำต่อว่าของจ้าวสมุทร และพยายามฝืนที่จะลุกขึ้น
“เจ้ารู้ได้ยังไง !?”
เทพฮันคยองเซถลาเพราะยังบาดเจ็บอยู่ แต่เทพดงเฮก็รองรับร่างนั้นด้วยแขนข้างหนึ่ง ท่อนแขนเรียวข้างนั้นโอบกอดร่างอีกฝ่ายเอาไว้หลวมๆ จ้าวสมุทรประคองให้อีกฝ่ายเอนกายลงนอนอย่างช้าๆ เพราะเกรงจะกระทบบาดแผล
“ข้ารู้ ข้าเห็นทุกอย่าง ไม่ว่าใครจะทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ ข้าก็รู้หมดแหละ”
“สมแล้วที่เป็นจ้าวสมุทร รู้ไปซะทุกเรื่อง”
“ดูจากบาดแผลของเจ้าแล้ว เจ้าคงถูกเทพแห่งสงครามและเทพจันทรารุมอัดมาล่ะสิ”
“เทพจันทราขโมยลูกแก้วของข้า ข้าก็แค่จะเอาคืนเท่านั้นเอง”
“เจ้าแน่ใจรึว่าแค่จะเอาลูกแก้วคืน ไม่ได้จะกินเขาด้วยนะ”
“ไหนว่ารู้ทุกอย่าง แล้วจะถามข้าทำไม”
“ฮึฮึ
”
“ขำอะไรน่ะ”
“เจ้านี่ ยังขี้โมโหเหมือนเดิมเลยนะ นี่ขนาดบำเพ็ญเพียรจนได้เป็นเทพแล้ว ก็ยังไม่ทิ้งนิสัยเดิม”
เทพฮันคยองถูกต่อว่าเช่นนั้น ก็รู้สึกหัวเสีย แต่ที่เทพดงเฮพูดมาทั้งหมดก็เป็นความจริงทั้งสิ้น เขาได้แต่เงียบทำหน้าหงุดหงิด ไม่พูดไม่จา
“จะว่าไป ลูกแก้วมังกรน่ะ ถ้าหากหลุดจากมือมังกรผู้เป็นเจ้าของไปแล้ว ปกติมันจะลอยกลับไปอยู่ในที่ซึ่งผู้เป็นเจ้าของสถิตอยู่ อย่างในกรณีของเจ้า มันควรจะลอยกลับมาที่วิหารของเจ้าไม่ใช่รึ”
“ใช่ แต่ข้าไม่รู้ว่าคราวนี้ ทำไมลูกแก้วถึงอยู่กับเทพจันทรา แล้วไม่ยอมลอยกลับมาที่เดิม ข้าว่าเทพจันทรานั่นแหละที่ขโมยลูกแก้วของข้า”
“ใจเย็นๆก่อน ข้าว่าลูกแก้วของเจ้านั่นแหละที่อยากอยู่กับเทพจันทราเอง”
“หมายความว่ายังไง”
“เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่รู้จะว่ายังไง แต่ข้าฟันธงได้เลยว่าเทพจันทราไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
“เจ้าจะบอกข้าว่า ข้าเข้าใจเทพจันทราผิดอย่างนั้นรึ”
“ก็ทำนองนั้น”
เทพมังกรหนุ่มสงสัยยิ่งนัก หากเทพจันทรามิได้ขโมยลูกแก้วของเขา แล้วเหตุใดลูกแก้วเจ้าปัญหานั่นจึงไม่ยอมกลับมายังวิหารล่ะ งงชะมัด
ทางด้านเทพอีชอลที่รักษาตัวจนหายดีแล้ว เขาเองก็สงสัยว่าเหตุใดเทพมังกรจึงคิดว่าเขาขโมยลูกแก้วนี้
“เจ้ามังกรขี้โมโห หาว่าข้าขโมยลูกแก้วของเจ้าซะงั้น อุตส่าห์เก็บไว้ให้แท้ๆ”
“บ่นอะไรพึมพำอยู่คนเดียวล่ะ เทพอีชอล”
เสียงใครบางคนดังมาจากด้านหลัง เทพอีชอลมองไปยังเจ้าของเสียง
“อ้อ
.เทพซองมิน”
“หรือว่ากำลังคิดเรื่องลูกแก้วนั่น”
“อือ
”
“ดูท่าทางลูกแก้วนั่นจะสนใจเจ้านะ”
“เอ๋!?”
“ฮึฮึ
ถ้ามันไม่อยากอยู่กับเจ้ามันคงลอยไปไหนต่อไหนแล้วล่ะ”
“ยังไงอ่ะ”
“ก็
ที่จริงลูกแก้วมังกรสามารถลอยกลับไปยังที่สถิตของมันเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเจ้าของน่ะสิ แต่นี่มันยังอยู่ในย่ามของเจ้าอยู่เลย”
“อืม
.เรื่องนี้ข้าไม่รู้อ่ะ แต่ก็น่าคิดเหมือนกัน”
“ข้าว่ามันอาจจะเบื่อนครใต้บาดาลซะแล้วล่ะมั้ง”
น้ำเสียงดุดันแข็งกร้าวดังขึ้น ทั้งเทพอีชอลและเทพซองมินต่างทราบดีว่าเป็นเสียงของใคร
“ท่านจอมเทพ ซีวอน”
“ลูกแก้วมังกรนี่เดิมทีอยู่ที่วิหารใต้ทะเล แต่ตอนนี้มันอยากอยู่กับเจ้า เทพจันทรา และถ้าหากมันยังอยู่กับเจ้าล่ะก็ เจ้านั่นล่ะจะเดือดร้อน”
“พระองค์หมายความว่าอย่างไรรึ” เทพอีชอลสงสัย
“ก็หมายความว่าเทพมังกร จะตามเก็บเจ้าน่ะสิ”
“ง่ะ ทำไมโหดร้ายอย่างนี้”
“ให้ข้าอยู่คุ้มกันท่านเถอะ เทพอีชอล” เทพคิบอมเสนอตัว
++++++++++++++++++++++++ โปรดติดตามตอนต่อไปนะจ๊ะ++++++++++++++
ความคิดเห็น