ตอนที่ 8 : ตอนที่4(100%)ฉบับไรท์
นับตั้งแต่วันนั้นติณณภพก็เริ่มกลับบ้านดึก มีเพียงรัญชิดาเท่านั้นที่รู้ ทุกคืนเธอไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ถ้าชายหนุ่มยังไม่กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ
“หนูดาหน้าตาโรยๆ นะลูก โหมงานหนักใช่ไหม” กนกทิพย์เอ่ยถามสะใภ้ในเช้าของวันต่อมาด้วยความเป็นห่วง
“ค่ะคุณแม่ ช่วงนี้งานเข้ามาเยอะ ดาต้องลงไปดูงานเอง”
“มีพี่เขาช่วยอยู่ไม่ใช่หรือ” กนกทิพย์หมายถึงบุตรชาย
“ตอนนี้หนูดาเข้าไปนั่งเก้าอี้บริหารแล้ว ตาติณแค่ช่วยให้คำปรึกษา” บวรชัยหันมาตอบภรรยาแทนลูกสะใภ้
“จะไหวหรือคุณ หนูดาเพิ่งเรียนจบมา งานอาจจะไม่คล่องตัว และไหนจะคณะกรรมการภายในบริษัทอีก” นางเป็นห่วงหญิงสาวไม่น้อย
“ไม่ต้องห่วงนะคะคุณแม่ ดาทำได้” แม้จะเหนื่อยแต่เธอจะพยายามเรียนรู้งาน ถึงบางครั้งจะไม่ค่อยเข้าใจก็ตาม
“ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็บอกพี่เขานะลูก”
“ค่ะคุณแม่” รัญชิดาหันไปยิ้มให้กับกนกทิพย์
“ว่าแต่ตาติณยังไม่ตื่นอีกหรือ...แจ่มขึ้นไปตามสิ” คุณหญิงของบ้านหันไปบอกสาวใช้
“คุณติณขับรถออกไปตั้งแต่เจ็ดโมงแล้วค่ะคุณหญิง”
“วันอาทิตย์ไปไหนแต่เช้า ตาติณบอกไว้หรือเปล่าหนูดา”
“ดาไม่ทราบค่ะคุณแม่” หญิงสาวพึมพำตอบแล้วนั่งตักอาหารกินเงียบๆ แต่บวรชัยรู้ดีเพราะบุตรชายได้คุยกับเขาเรื่องที่กำลังคบหากับพนักงานในบริษัท แต่ที่กังวลคือภรรยาจะว่าอย่างไร เพราะเธอคาดหวังให้ติณณภพกับรัญชิดาเป็นสามีภรรยากันจริงๆ ไม่ใช่แค่เพียงในนาม
“คุณดาคะ ของที่เตรียมไว้เสร็จแล้วค่ะ” สาวใช้เดินเข้ามาบอกหญิงสาว
“เอาไปใส่ไว้ที่ท้ายรถเลยค่ะพี่แจ่ม”
“หนูจะไปไหนหรือลูก” กนกทิพย์หันมาถามอย่างแปลกใจ
“ดานัดกับปัทว่าจะไปทำบุญให้คุณพ่อที่วัดที่อยุธยาค่ะ”
“เสียดายจัง วันนี้มีประชุมที่มูลนิธิ ไม่งั้นแม่จะขอตามไปด้วย”
“เอาไว้วันหลังก็ได้ค่ะคุณแม่...เดี๋ยวดาขอตัวไปก่อนนะคะ”
“จ้ะ” กนกทิพย์มองตามรัญชิดาออกไป “เหมือนหนูดามีเรื่องไม่สบายใจนะคุณ หรือมีปัญหากับตาติณ”
“จะมีปัญหากันได้ยังไง ในเมื่อสองคนนั้นไม่ใช่สามีภรรยากันจริงๆ คุณเองก็อย่าลืมข้อนี้ไปล่ะ”
“แต่ว่า...”
“เอาน่าคุณ ถ้าเขาเป็นเนื้อคู่กันจริงๆ ยังไงก็ต้องกลับมาใช้ชีวิตด้วยกัน”
“เขาเป็นเนื้อคู่กันค่ะ ฉันเคยให้หลวงพ่อที่วัดช่วยดูให้” นางแอบเอาวันเดือนปีเกิดของบุตรชายและรัญชิดาไปให้หลวงพ่อที่นับถือดู ท่านบอกว่าเป็นเนื้อคู่กัน แต่ว่าความรักของทั้งคู่จะมีอุปสรรค
“อย่าเอาดวงมาบีบบังคับให้สองคนต้องอยู่ร่วมกันเลยคุณ”
“แต่ว่า...” กนกทิพย์กำลังจะค้าน แต่สามีส่ายหน้าให้ ทำให้นางต้องสงบปากสงบคำไปก่อน
หลังทำบุญเสร็จปัทมนก็ชวนรัญชิดาไปที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของ เพราะรู้ว่าเพื่อนกำลังมีเรื่องไม่สบายใจแต่ไม่ยอมเล่าให้ตนฟังเท่านั้น
“ดามาดูชุดนี้สิ สวยมาก เหมาะกับเธอนะ” ปัทมนคว้ามือเพื่อนรักเดินเข้าไปยังร้านเสื้อชื่อดัง แต่บังเอิญมีคนมาจับพร้อมกับเธอ
“อุ๊ย...คุณนั่นเอง” มธุรสหันมายิ้มให้รัญชิดา จนปัทมนหันมามองเพื่อนด้วยสีหน้าสงสัย
“รู้จักกันหรือ”
“อืม...เคยเจอกันน่ะ” รัญชิดาตอบเพียงสั้นๆ ไม่ขยายความอะไร
“รสเสร็จยัง พี่หิวข้าวแล้วนะ”
เสียงที่ดังขึ้นจากหน้าร้าน ทำให้รัญชิดาถึงกับยืนตัวแข็งทื่อ เพราะจำได้ขึ้นใจทั้งยามหลับและยามตื่น แต่ใจไม่แข็งพอที่หันไปมองทางต้นเสียง
“พี่ติณมาพอดี ตัวนี้รสยกให้คุณแล้วกันค่ะ” มธุรสยัดชุดใส่มือของรัญชิดา ก่อนรีบเดินออกไปหาติณณภพที่หน้าร้าน
“นั่นมันสามีเธอไม่ใช่หรือ” ปัทมนทั้งตกใจทั้งช็อกเมื่อเห็นติณณภพเดินควงสาวสวยคนนั้นออกไป แต่ชายหนุ่มไม่ทันเห็นเธอกับรัญชิดาเพราะมีหุ่นโชว์บังกายไว้
“แค่ในนาม เธอก็รู้”
“แล้วผู้หญิงคนนั้นรู้ไหม” ปัทมนอดสงสัยไม่ได้ ดูจากสีหน้าแววตาที่ดูเป็นมิตรก็น่าจะไม่รู้ และที่สำคัญกำลังควงสามีของคนอื่นอยู่
“ไม่รู้สิ” รัญชิดาตอบอย่างเลื่อนลอยราวกับคนไม่มีสติอยู่กับเนื้อกับตัว
“คงไม่กล้าเล่าหรอกมั้งเรื่องแบบนี้ ตกลงเอาชุดนี้ไหม” ปัทมนมิวายวกกลับไปเรื่องเดิม
“เอ่อ...ไม่ต้องเอาหรอก” เธอยิ้มแหยๆ ก่อนจะนำไปแขวนไว้ที่เดิม และเลิกพูดเรื่องของติณณภพแล้วชักชวนเพื่อนไปรับประทานอาหาร แต่ปรากฏว่าเป็นร้านเดียวกันกับที่ติณณภพนั่งอยู่
“ไปกินร้านอื่นกันเถอะ” รัญชิดาหมุนตัวหันหลังออกจากร้านทันที
“ทำไมล่ะ ร้านนี้เรามากินกันประจำนะ”
“ฉันอยากกินร้านอื่น” รัญชิดาสาวเท้าเดินออกมาราวกับจะหนีอะไรบางอย่าง
“มันต้องมีอะไรสิ นั่นมันร้านโปรดเธอนะ” ปัทมนงุนงงกับอาการของเพื่อน
“ฉันไม่อยากไปนั่งกินร้านเดียวกับคุณติณ”
“ทำไมโลกมันกลมแบบนี้...เธอโอเคไหม”
“อืม...” รัญชิดาขานรับคำในลำคอเบาๆ ก่อนถูกปัทมนจูงมือเข้าไปที่ร้านอาหารอีกฟากหนึ่งของห้างสรรพสินค้า พยายามหาเรื่องตลกๆ มาคุยเพื่อให้เพื่อนรักลืมเรื่องเศร้าๆ ต่างจากทางด้านติณณภพที่กำลังรับประทานอาหารกับแฟนสาวอย่างมีความสุข
“อ้อ...เมื่อกี้ที่ร้านเสื้อน่ะค่ะ” มธุรสเอ่ยพร้อมตักอาหารใส่จานของชายหนุ่ม
“ทำไมเหรอ หรืออยากกลับไปซื้อเสื้อผ้าต่อ”
“เปล่าค่ะ รสเจอผู้หญิงคนที่มาหาพี่ติณที่บริษัท”
“คนไหน” คิ้วเข้มเลิกขึ้นเชิงสงสัย
“เมื่อสองวันก่อนไงคะ ตอนที่รสเข้าไปชวนพี่ออกไปกินมื้อเที่ยงกัน แต่ไม่ทันได้ออกไปเธอก็เข้ามา”
“เธอชื่อรัญชิดา” เขาเอ่ยชื่อพร้อมมองออกไปนอกร้าน หวังว่าจะเห็นรัญชิดาอยู่บริเวณนอกร้าน
“เธอเป็นใครหรือคะ” มธุรสอดสงสัยไม่ได้
“เธอเป็นลูกสาวเพื่อนพ่อพี่เอง ที่บริษัทมีปัญหาภายใน รสจำที่พี่บอกได้ไหม”
“จำได้ค่ะ ตอนนี้เป็นไงบ้างคะ”
“ก็ยังไม่ลงตัว พี่เลยต้องเข้าไปนั่งในตำแหน่งผู้บริหารและถือหุ้นรายใหญ่ชั่วคราว เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟัง” ติณณภพตัดสินใจที่จะบอกเรื่องที่เขาต้องจดทะเบียนสมรสกับรัญชิดา หวังว่าแฟนสาวจะเข้าใจในเหตุผลสำคัญ
“เล่าตอนนี้ไม่ได้หรือคะ” มธุรสส่งสายตาออดอ้อน
“ไม่ได้ครับ เรื่องมันยาวมาก” เขาเอ่ยพร้อมแตะมือลงบนหลังมือเรียว ไม่อยากให้การรับประทานอาหารต้องเสียอรรถรส เป็นใครก็คงไม่พอใจ หากคนรักของตนไปจดทะเบียนสมรสกับหญิงอื่น
หลังรับประทานอาหารเสร็จ ปัทมนก็ชักชวนรัญชิดาไปนั่งกินไอศกรีมให้ชื่นใจ หวังให้เพื่อนรักรู้สึกผ่อนคลายได้บ้าง
“เสร็จจากนี้แล้วจะกลับบ้านเลยหรือเปล่า”
“ฉันอยากเดินดูของ ถ้าเธอรีบกลับไปก่อนก็ได้นะ”
“ฉันว่าง สามารถอยู่เป็นเพื่อนเธอได้ทั้งวัน” ปัทมนไม่อยากปล่อยให้เพื่อนรักต้องอยู่ตามลำพังในอารมณ์แบบนี้ สงสารแต่ก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร
“ขอบใจนะปัท ขอบใจจริงๆ”
“เราเพื่อนรักกันนี่ จะทิ้งเพื่อนยามมีเรื่องทุกข์ใจได้ยังไง” ปัทมนตบหลังมือเพื่อนรักเบาๆ “บางทีสองคนนั้นอาจจะไม่ได้เป็นคนรักกันก็ได้”
“อย่าพูดให้ความหวังกันเลย ฉันเชื่อว่าผู้หญิงคนนั้นคือคนรักของคุณติณ” จากภาพความสนิทสนมและจากแววตาที่เขาใช้มอง คงมองเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้
“แต่คุณติณณภพก็ยังไม่พูดไม่ใช่เหรอ”
“อืม...แต่การกระทำมันฟ้องทุกอย่าง ฉันไม่มีสิทธิ์ไปโกรธหรือน้อยใจเขาหรอก เพราะฉันเองก็ไปสร้างเรื่องวุ่นวายจนเขาต้องเข้ามาช่วย ถ้าผู้หญิงคนนั้นรู้คงไม่พอใจแน่”
“แล้วเธอจะจัดการยังไงต่อไป ถ้าฝ่ายนั้นรู้คงไม่จ่ายยิ้มให้เธอแบบนั้นหรอก”
“คงรอบริษัทคลี่คลายก่อน ค่อยหย่ากับคุณติณและคืนอิสระให้เขา”
“ฉันเอาใจช่วยนะ...รักครั้งแรกอาจจะไม่สมหวัง” เหมือนที่เธอเคยประสบมา...หญิงสาวคิดในใจพร้อมกล่าวให้กำลังใจเพื่อนรัก “ก็ไม่แน่นะ อาจจะมีนักธุรกิจหล่อๆ สักคนเข้ามาดามใจให้เธอก็ได้”
“ฉันไม่คิดเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แล้วล่ะปัท สิ่งที่ฉันต้องทำในตอนนี้คือทำยังไงที่จะบริหารบริษัทโดยไม่ต้องพึ่งพาใคร และดูแลพนักงานให้อยู่รอด”
“เธอเก่ง เธอต้องทำได้” ปัทมนได้แต่พูดให้กำลังใจ เพราะเธอก็ไม่มีปัญญาจะไปช่วยอะไรเพื่อนได้นอกจากให้กำลังใจเท่านั้น
“เก่งแต่วิชาการ แต่ปฏิบัติคงต้องรอดูก่อน” รัญชิดายังไม่มั่นใจในฝีมือของตนเอง นักศึกษาจบใหม่อย่างเธอคงต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
“เธอทำได้แน่ เกียรตินิยมอันดับหนึ่งอย่างเธอจะกลัวอะไร”
“มันต่างจากวิชาเรียนนะปัท”
“เอาล่ะเรื่องงานพักไว้ก่อน เราไปดูหนังกันดีไหม หนังใหม่สนุกๆ หลายเรื่องเลย”
“ก็ดีเหมือนกัน เราไม่ได้ดูหนังกันนานแล้ว” รัญชิดาตอบตกลงทันที เพราะไม่อยากกลับบ้านไปเจอติณณภพในเวลานี้ เธอไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับเขาจริงๆ