คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 1 อวาเลน นครผู้ใช้เวท
บทที่ 1
อวาเลน นครผู้ใช้เวท
“นายทำบ้าอะไรของนาย!”
เขาหันไปมองต้นเสียงที่นั่งอยู่ข้างหน้าเขาอย่างหวาดๆ ใจหนึ่งอยากจะเถียงแทบขาดใจว่าที่เขาร่วงลงมานี่ไม่ใช่เพราะเจ้าหล่อนหรอกหรือ แต่พอเห็นนัยน์ตาสีอเมทิสต์ที่กำลังจ้องเขม็งอย่างเอาเรื่องก็มีอันต้องกลืนน้ำลายเอือกอย่างจนใจพลางส่งยิ้มแห้งๆไปขัดตาทัพ
“ใจเย็นน่า ฉันยังไม่ตายสักหน่อย”เขาพูดพลางกระดกน้ำตรงหน้าอึกใหญ่
“แน่สิ! แล้วถ้าฉันไม่ช่วยนายก็คงเละเป็นโจ๊กไปแล้วน่ะสิ”
...อะไรนักหนาวะ เขาก็ขอบคุณไปแล้วไม่ใช่หรือไง...
เขาคิดในใจพลางกระดกน้ำในมืออีกรอบอย่างปลงๆ ขณะที่เขากำลังร่วงลงมาและภาวนาขอให้ตัวเองไปสู่สุขคติโดยไม่เจ็บปวด เจ้าของเสียงที่เป็นสาเหตุให้เขาร่วงลงมาก็ร้องเรียกคทาตัวเองเสียงลั่น แล้วเรียกคาถาลมอะไรสักอย่างมาพยุงเขาไว้ก่อนที่หัวของเขาจะโหม่งพื้นและกลายสภาพเป็นของเหลวเละๆในชั่วอึดใจ
เขายังไม่ทันจะได้หายใจหายคอสะดวก เจ้าหล่อนก็ระเห็จตัวเองแจ่นมาตะโกนใส่หน้าเขาจนคนทั้งเมืองมองเขาเป็นตาเดียว ส่วนเขาน่ะหรือก็ได้แต่เกาหัวแกรกๆและหัวเราะแก้เก้อจนเจ้าหล่อนเทศนาเขาเสร็จนั่นแหละ แต่ยัยนี่ก็ดีอย่างหนึ่งตรงที่พาเขามาเลี้ยงข้าวที่ร้านอาหรนี่
“นี่นายฟังฉันอยู่ไหมเนี่ย!”
เขาหันขวับไปพยักหน้าหงึกๆให้คนข้างหน้าอย่างเอาเป็นเอาตายเมื่อเห็นคทาสีม่วงสวยแวบเข้ามือหญิงสาวอีกรอบ และเห็นทีคราวนี้คทาเล่มนี้จะไม่ได้มาช่วยชีวิต แต่จะมาพรากชีวิตเขาเสียมากกว่า
“เดี๋ยวนะ เธอชื่ออะไร”เขาเลิกคิ้วอย่างฉงนหลังระลึกได้ว่านั่งฟังยัยนี่บ่นมาก็นาน แถมยังขอให้เธอเลี้ยงข้าวเขาอีกทั้งๆที่ยังไม่รู้จักชื่อกันเลยด้วยซ้ำ
“มารยาทน่ะมีไหม ถ้าอยากรู้ชื่อคนอื่นก็ติ้งบอกชื่อตัวเองมาก่อนสิ”
“เอ เป็นอย่างนั้นหรอกหรอ ฉันก็เพิ่งรู้วันนี้นะเนี่ย”
ว่าเสร็จเขาก็หัวเราะตามนิสัย แต่ก็ต้องหุบปากฉับเมื่อนัยน์ตาดุๆนั่นจ้องเขาเขม็งราวกับจะกินหัวเขาซะให้ได้
เขาพินิจคุ่สนทนาเพียงชั่วครู่ เธออายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา ผมของเธอมีสีม่วงอ่อนหยักศกน้อยๆที่ดูเด่นสะดุดตา ใบหน้รูปใข่ถูกประดับไว้ด้วยคิ้วโก่งดั่งคันศร จมูกโด่งเป็นสัน และเรียวปากอวบอิ่มสีชมพู พวงแก้มขาวเนียนขึ้นสีระเรื่ออันเนื่องจากสภาพอากาศยามสายที่ค่อนข้างร้อนได้ที่ นี่ถ้าไม่ติดว่าเจ้าหล่อนกำลังใช้ดวงตาสีม่วงราวกับอัญมณีคู่นั้นเฉือดเฉือนเขาอยู่นี่เธออคงจะเป็นผู้หญิงที่น่ามองไม่ใช่น้อย เครื่องแต่งกายแม้จะดูเหมือนบุคคลชนชั้นธรรมดาแต่หากดูจากผิวพรรณของเจ้าหล่อนทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าเขาคงเจอลูกท่านหลานเธอเข้าแล้วเป็นแน่
“หน้าฉันเหมือนแม่นายหรือไง”เขาหลุดจากความคิดตัวเองในบรรดลเมื่อคนตรงหน้าแหวเข้าให้และกำลังเบือนหน้าที่ขึ้นสีของตัวเองไปทางอื่น
“ถ้าหน้าแม่ฉันเหมือนเธอฉันก็หล่อน้อยกว่าที่เป็นอยู่น่ะสิ”ว่าเสร็จเขาก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากตาประสา
โป๊ก!
“โอ๊ย! ฉันเจ็บนะ”เขาคำหัวตัวเองป้อยๆเมื่อคทาในมือหล่อนฟาดเข้าให้เต็มลัก ก่อนหันไปแยกเขี้ยวให้คู่สนทนาที่กำลังหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“ฉันชื่อลิลิน เกลเดลเลีย จากเมืองเฟลเกลเรียล”เขาหันไปมองคนข้างตัวที่บอกชื่อตัวเองอย่างอารมณ์ดี
...เมื่อกี้เจ้าหล่อนยังจะไม่ยอมบอกชื่อตัวเองก่อนเลยไม่ใช่หร ผู้หญิงเนี่ยแปรปรวนชะมัดแฮะ...
“ฉันคาร์ล คิงตัล ไม่มีเมือง”
“นี่นายเป็นคนจรจัดจริงๆหรอเนี่ย”เขาแยกเขี้ยวใส่เธอซะทีหนึ่ง
“ทำไมดูเมืองนี้มันวุ่นวายกันเป้นบ้า”
เขาเอ่ยลอยๆขณะมองผ่านกระจกร้านอาหารไปยังถนนที่คราคร่ำไปด้วยผู้คนพลุกพ่าน ตอนที่เขาอยู่ที่ประตุเมืองยังเยอะแล้ว เข้ามาในเมืองดุเหมือนจะเยอะกว่าหลายเท่า จะว่าไปก็แปลกที่สาตาแห็นแต่คนรุ่นราวคราวเดียวกับเขาเต็มไปหมด
“ก็อีกสองวันมหาวิทยาลัยอวาเลนจะรับสมัครนักศึกษาใหม่แล้วนี่ ฉันก็มาสมัครเหมือนกัน”
“อวาเลน?”
“นายไม่รู้จัก หรอ มหาวิทยาลัยเวทมนต์ที่ดีที่สุดในโลกเลยนะ”ลิลินพูดพร้อมตาโตมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ
...เขาผิดใช่ไหมที่ไม่รู้จัก...
เขาอดคิดในใจไม่ได้ขณะฟังหญิงสาวอธิบายความยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างของมหาวิทยาลัยที่เห้นยอดปราสาทอยุ่ไกลลิบๆนั่น
โครม!!
เสียงข้าวของล้มระเนระนาดเรียกความสนใจของเขาได้ชะงัก เท้าของเขากระโจนออกไปอย่างอัตโนมัติโดยไม่สนใจคู่สนทนาที่ร้องเรียดเขาอย่างฉงน
อีฝากของถนน ชายฉกรรจ์ไม่ต่ำกว่าห้าคนกำลังยืนล้อมเด้กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึงไว้ด้วยสีหน้าหื่นกาม เขากระโจนพรวดไปปัดมือของชายที่น่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มซึ่งกำลังจะเอื้อมไปแตะไหล่เด้กสาวได้อย่างทันท่วงที
“แกเป็นใครวะ”มันถามอย่างเอาเรื่องขณะจ้องเขาเขม็ง
“ใจเย็นดิพี่ชาย รังแกเด้กผู้หญิงอย่างนี้แม่งโคตรน่ายกย่องเลยว่ะ”เขายกยิ้มกวนประสาทให้มนอย่างท้าทายก่อนจะพลักเด้กหยิงที่อายุไม่เกินสิบสามสิบสี่ไปให้ป้าแก่ที่อยุ่ใกล้ๆไปดูแล
พลั่ก
หมัดลุ่นๆถูกส่งไปเปิดฉากการต่อสู้ทันทีที่อีกฝ่ายพุ่งเข้ามาใส่เขา เขาชกท้องคนแรกที่กระโจนเข้าใส่ก่อนเตะด้วยหลังเท้าเข้าหน้าคนที่เข้ามาทางด้านหลัง และตามด้วยอีกหนึ่งหมัดอัดเข้าที่คางของอีกคนที่อยู่ในรัศมีของเขา
เสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นอื้ออึงเรียกความสนใจของคนที่เดินไปมาให้แตกตื่นได้อย่างดี เขาโดนกำปั้นของหนึ่งในสิบอัดเข้าที่หน้าจนเซไปด้านหลังเล็กน้อยแต่ไม่นานเขาก็สามารถกลับมายืนได้อย่างมั่นคงอีกครั้งแล้วฟาดมือเข้าใส่ท้าทอยของคนที่พุ่งเข้ามาหาเขาอีกระลอก
เคร้ง!
เสียงของโลหะกระทบกันดังขึ้นครั้งแรกหลังจากที่เขาเรียกดาบคู่ใจมากันดาบของอีกฝ่ายที่เริ่มเรียกอาวุธเข้ามือเพื่อมาห่ำหั่นกับเขา
ดาบอัศวินสองคมเรืองแสงสีฟ้าสว่างราวกับกำลังยินดีกับการต่อสู่ที่กำลังเผชิญ หากแต่เขาไม่ค่อยจะสบอารมณืกับการต่อสู้ครั้งนี้สักเท่าไร
....นี่มันกะเอาถึงตายเลยรึไงวะ…
เขาคิดในใจขณะเอี้ยวตัวหลบดาบสองเล่มที่แทงเข้ามาพร้อมๆกันอย่างเฉียดฉิว แล้วยกดาบตัวเองกันดาบอีกเล่มที่เข้ามาทางด้านหลัง
ซวบ!
ดาบของเขาเฉือนสีข้างของพวกมันคนหนึ่งได้แบบถากๆก่อนที่เขาจะเตะอัดมันจนล้มลงไปกองกับพื้นได้เป็นคนแรก
..คนมันเยอะเกินไป บ้าฉิบ!....
เขายกดาบปัดป้องแล้วซัดพวกมันอีกคนไปกองกับพื้นได้สำเร็จ ก่อนถอยหลังสองสามก้าวเพื่อประเมินสถานการณ์
พลัน!
เสียงบริกรรมคาถาจากชายฉกรรจ์สองสามคนที่หลบฉากอยู่ด้านหลังของพวกที่ดาหน้ามาสู้กับเขาก้ดังขึนให้เขาหายเล่น เวทสายแรกถูกส่งมายังเขาอย่างรวดเร็ว
เปรี้ยง!
เขายกดาบขึ้นกันได้อย่างเฉียดฉิวแต่ก็ทำเอาแขนของเขาชาไปพักหนึ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“นายจะบ้าหรือไง ใช่คทาสิ!!”
เขามองตามเสียยงของลิลินก่อนจะเห้นเธอพยายามทำลายเขตอาคมเวทที่ไม่รู้ว่าพวกมันสร้างขึ้นาตั้งแต่เมื่อไรเพื่อจะเข้ามาช่วยเขา
เปรี้ยง!
เวทอีกสายถูกดาบของเขาปัดได้อีกครั้งขณะที่เขายังคงต้องรับมือกับพวกที่ใช้ดาบที่มันกำลังลุมเขาอยู่สลับกับต้องคอยปัดเวทจนเขาเริ่มจะเหนื่อยจนยกดบขึ้นกันแทบไม่ไหว แต่เขาจะเอาคทาไปอะไรในเมื่อเขาใช้เวทมนตืไม่ได้
ช่างป็นความจริงที่น่าขันและนี่แหละเป็นหุผลที่เขาอยากจะฆ่าตัวตายให้รู้แล้วรู้รอด ทั้งๆที่คนที่มีไอเวทสามารถใช้เวทได้ แต่เขาที่มีไอเวทเหมือนกันกลับใช้เวทไม่ได้ไม่ว่าจะล่ำเรียนคาถาบทไหนๆมาก้แล้วแต่ ที่พอจะเป็นเรื่องเป็นราวก้คงจะมีแค่เวทแห่งดาบเท่านั้นเอง
เปรี้ยง! เคร้ง!
เวทสองสายที่มาพร้อมๆกันทำให้เขากเขากระเด็นไปชนกำแพงเขตอาคมก่อนที่ดาบเล่มสวยจะหลุดออกจากมือไปไกล นัยน์ตาสีมรกตเบิกโพลงเมื่อเห็นเวทอีกสายพุ่งตรงมายังเขาอย่างรวดเร็ว
“ปักษามายา!”ชื่อของดาบดังจากปากเขาลั่นส่งผลให้ดาบเล่มบางลอยหวืดกลับเข้ามือ แต่ดูเหมือนไม่ทันเสียงแล้ว
...บ้าฉิบ!!...
ตูม!!!
เสียงกัมปนาทดังพร้อมๆกับฝุ่นตลับอบอวน ผู้คนต่างลุ้นระทึกเมื่อฝุ่นควันค่อยๆเลือนหายไป เสียงเต้นของหัวใจเขาดงรัวเร็วราวกับกำลังลั่นกองรบ ก่อนที่เขาจะค่อยๆลืมตาอย่างกล้าๆกลัวๆพลางสำรวจตัวเองที่ยังครบสามสิบสองประการอย่างฉงน
“ก็บอกให้ใช้คทาไม่ได้ยินรึไง!”
เสียงของลิลินดังขึ้นในโสตประสาท แผ่นหลังของเธออยู่ตรงหน้าของเขาขณะที่เจ้าหล่อนยังจ้องไปยังกลุ่มคนตรงหน้าเขม็งพร้อมกับคทาสีม่วงที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้ หากแต่เจ้าของบาเรียที่ช่วยชีวิตของเขาไว้เมื่อครู่หาได้มาจากเธอไม่ แต่กลับเป็นบุรุษผมสีเงินที่ถุกถักเป็นเปียใหญ่ข้างๆกันเสียมากกว่า บาเรียสีหม่นคงสภาพอยู่ชั่วครู่ก่อนที่มันจะค่อยๆสลายหายไปอย่างช้าๆพร้อมๆที่คทาสีเงินในมือผู้ใช้เวทดับแสงวูบ
เขาค่อยๆลุกขึ้นอย่างช้าๆก่อนจะรุ้สึกเจ็บแปลบที่หน้าท้องซึ่งคงจะเป็นผลจากที่เขากระเด้นมากระแทรกำแพงเมื่อครู่เป็นแน่ ปักษามายาในมือถูกกระชับมั่นอีกครั้งเขาก้าวเท้ายาวๆไปยิ้มแผล่ห้ลิลินที่กำลังทำหน้าไม่สบอารมณ์
“โทษที แต่ฉันใช้เวทไม่ได้”
“ว่าไงนะ”ลิลินตาโตอย่างฉงนจนเขาหัวเราะให้เธอแห้งๆอย่างไม่รุ้จะอธิบายยังไง
“ขอบคุณนะโว้ย นายน่ะ”เขาเลือกที่จะเมินสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของลิลินแล้วตะโกนข้าวหน้าเจ้าหล่อนไปขอบคุณผู้มีพระคุณของเขาอีกคนซึ่งอีกฝ่ายทำเพียงเบนนัยน์ตาสีอำพันมาสบกับเขานิ่งๆแล้วไปจ้องพวกที่มีเรื่องกับเขาข้างหน้า
...หน้าหมั่นไส้ชะมัดว่ะ...
เขาคิดในใจพลางกระชบดาบในมือให้มั่นขึ้นอีกเตรียมรับการปะทะในรอบต่อไป แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่ออยุ่ดีๆกลุ่มชายฉกรรจ์ก็พากันชี้เลิ่กลั่กแล้วทำท่าจะแตกฮือจนเขาต้องหันไปมองตาม
เป้าสายตาของพวกมนคืกลุ่มผุ้ชายสามสี่คนในชุดแปลกตาซึ่งท่าทางอายุคไม่ห่างจากเขามากเท่าไร สองในสี่ของกลุ่มำลังมองมาที่ที่เขายืนอยุ่ด้วยสายตาแตกต่างกัน คนหนึ่งเคร่งขรึมเยือกเย็นจนคนมองต้องเสียวสันหลังวาบอย่างไม่ทราบสาเหตุ ในขณะที่อีกคนกำลังมองราวกับเห็นเป็นเรื่องสนุกแล้วสะกิดให้สองคนมที่อยู่ข้างหลังมองพวกเขาเช่นกัน
“ท่าทางวันนี้เราจะเจองานเทศกาลซะแล้วสิ”เสียงนุ่มดังจากปากของชายหนุ่มผมสีดำสนิทผู้เป็นเจ้าของนัยน์ตาสีอเมทิสต์ที่กำลังพราวระยับราวกับเจอของเล่น ขณะที่ชายกลุ่มนั้นเดินมาใกล้พวกเขาเต็มที ยังผลให้กลุ่มชายฉกรรจ์วิ่งกระจัดกระจายหายไปในบรรดล
“พวกนั้นเป็นใคร”เขาถามลิลินที่อยู่ข้างๆอย่างสงสัยพลางเก็บดาบในมือเมื่อคู่อริต่างหายไปคนละทิศคนละทางเสียแล้ว
“เครื่องแบบแบบนั้น ถ้าแนเดาไม่ผิดคงเป็นนักศึกษาแห่งอวาเลน”ลิลินตอบเบาๆพลางมอง นักศึกษาแห่งอวาเลนที่ว่ากำลังเดินตรงมาทางพวเขา
“แต่ฉันก้เงรุ้ว่าพวกจะมีอิพลมากขนาดนี้”ลิลินพูดต่อไปเรียบๆขณะที่ชายกลุ่มนั้นมายืนหยุดอยุ่ตรงหน้าของเขาพอดี
“แหม เสียดายจังแฮะงานเทศกาลเลิกซะแล้ว”ชายผมดำว่ายิ้มๆขณะมองพวกเขาทั้งสามคนด้วยสายตาอ่านยาก
“กล้ามากที่มาทะเลาะวิวาทในเขตคุ้มครองของอวาเลน”เสียงเยือกเย็นมาพร้อมความกดดันอย่างไม่ทราบสาเหตุทันทีที่ชายผมดำอีกคนเอ่ยปาก นัยน์ตาสีดสนิทราวกับราตรีกาลที่ไร้แสงดาวจ้องกวาดมองพวกเขาให้เสียวสันหลังวาบก่อนที่มันจะหยุดอยู่ที่เขาซึ่งกำลังส่งยิ้มแห้งๆไปขัดตาทัพอย่างเคยตัว
“โธ่พี่ชาย มันเหตุสุดวิสัยจริงๆนา”เขาว่าเสียงอ่อยพลางหัวเราะแก้เก้อก่อนกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อสายตานั่นจ้องเขาจนใจเต้นด้วยความหวากหวั่นแบบแปลกๆ
...แค่สายตายังฆ่าคนได้ คนๆนี้ปิศาจชัดๆ...
เขาก้มหน้าหลบตาคนตรงหน้าสักพักก่อนที่พี่แกจะเบนสายตาไปจ้องสองคนข้างๆตัวเขา
“โดยเฉพาะพวกท่าน ท่านหญิงลิลิน เกลเดลเลียแห่งเฟลกอเรียล เจ้าชายคาออส เฟเดริก แห่งคาเคน”
...บะ! รู้สึกผู้มีพระคุณของเขาจะมีแต่พวกเจ๋งๆ ท่าหญิงกับเจ้าชายเชียวนา ถ้าเป็นเพื่อนกับพวกนี้มีหวังเจอแต่ของกินอรอยๆไปทั้งชาติแน่โว้ย...
เขาหัวเราะชอบอกชอบใจพลางมองคนข้างๆตาโต ซึ่งลิลินกำลังมองคนข้างงหน้าอย่างฉงน ส่วนอีกคนโค้งเบาๆให้ชายยตาดำอย่างช้าๆ
“ขอโทษด้วยสำหรับความวุ่นวาย ท่านเรยาส เมเนซิส”
“เอาน่าๆ
ความคิดเห็น