ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลองโค้ด

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 1 อวาเลน นครผู้ใช้เวท

    • อัปเดตล่าสุด 24 ม.ค. 56


    บทที่ 1

    อวาเลน  นครผู้ใช้เวท

     

    นายทำบ้าอะไรของนาย!”

    เขาหันไปมองต้นเสียงที่นั่งอยู่ข้างหน้าเขาอย่างหวาดๆ  ใจหนึ่งอยากจะเถียงแทบขาดใจว่าที่เขาร่วงลงมานี่ไม่ใช่เพราะเจ้าหล่อนหรอกหรือ  แต่พอเห็นนัยน์ตาสีอเมทิสต์ที่กำลังจ้องเขม็งอย่างเอาเรื่องก็มีอันต้องกลืนน้ำลายเอือกอย่างจนใจพลางส่งยิ้มแห้งๆไปขัดตาทัพ

    ใจเย็นน่า  ฉันยังไม่ตายสักหน่อยเขาพูดพลางกระดกน้ำตรงหน้าอึกใหญ่

    แน่สิ!  แล้วถ้าฉันไม่ช่วยนายก็คงเละเป็นโจ๊กไปแล้วน่ะสิ

    ...อะไรนักหนาวะ  เขาก็ขอบคุณไปแล้วไม่ใช่หรือไง...

    เขาคิดในใจพลางกระดกน้ำในมืออีกรอบอย่างปลงๆ  ขณะที่เขากำลังร่วงลงมาและภาวนาขอให้ตัวเองไปสู่สุขคติโดยไม่เจ็บปวด  เจ้าของเสียงที่เป็นสาเหตุให้เขาร่วงลงมาก็ร้องเรียกคทาตัวเองเสียงลั่น  แล้วเรียกคาถาลมอะไรสักอย่างมาพยุงเขาไว้ก่อนที่หัวของเขาจะโหม่งพื้นและกลายสภาพเป็นของเหลวเละๆในชั่วอึดใจ

    เขายังไม่ทันจะได้หายใจหายคอสะดวก  เจ้าหล่อนก็ระเห็จตัวเองแจ่นมาตะโกนใส่หน้าเขาจนคนทั้งเมืองมองเขาเป็นตาเดียว  ส่วนเขาน่ะหรือก็ได้แต่เกาหัวแกรกๆและหัวเราะแก้เก้อจนเจ้าหล่อนเทศนาเขาเสร็จนั่นแหละ  แต่ยัยนี่ก็ดีอย่างหนึ่งตรงที่พาเขามาเลี้ยงข้าวที่ร้านอาหรนี่

    นี่นายฟังฉันอยู่ไหมเนี่ย!”

    เขาหันขวับไปพยักหน้าหงึกๆให้คนข้างหน้าอย่างเอาเป็นเอาตายเมื่อเห็นคทาสีม่วงสวยแวบเข้ามือหญิงสาวอีกรอบ และเห็นทีคราวนี้คทาเล่มนี้จะไม่ได้มาช่วยชีวิต  แต่จะมาพรากชีวิตเขาเสียมากกว่า

    เดี๋ยวนะ  เธอชื่ออะไรเขาเลิกคิ้วอย่างฉงนหลังระลึกได้ว่านั่งฟังยัยนี่บ่นมาก็นาน  แถมยังขอให้เธอเลี้ยงข้าวเขาอีกทั้งๆที่ยังไม่รู้จักชื่อกันเลยด้วยซ้ำ

    มารยาทน่ะมีไหม  ถ้าอยากรู้ชื่อคนอื่นก็ติ้งบอกชื่อตัวเองมาก่อนสิ

                    เอ  เป็นอย่างนั้นหรอกหรอ  ฉันก็เพิ่งรู้วันนี้นะเนี่ย

                    ว่าเสร็จเขาก็หัวเราะตามนิสัย  แต่ก็ต้องหุบปากฉับเมื่อนัยน์ตาดุๆนั่นจ้องเขาเขม็งราวกับจะกินหัวเขาซะให้ได้

                    เขาพินิจคุ่สนทนาเพียงชั่วครู่  เธออายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา  ผมของเธอมีสีม่วงอ่อนหยักศกน้อยๆที่ดูเด่นสะดุดตา  ใบหน้รูปใข่ถูกประดับไว้ด้วยคิ้วโก่งดั่งคันศร  จมูกโด่งเป็นสัน  และเรียวปากอวบอิ่มสีชมพู  พวงแก้มขาวเนียนขึ้นสีระเรื่ออันเนื่องจากสภาพอากาศยามสายที่ค่อนข้างร้อนได้ที่  นี่ถ้าไม่ติดว่าเจ้าหล่อนกำลังใช้ดวงตาสีม่วงราวกับอัญมณีคู่นั้นเฉือดเฉือนเขาอยู่นี่เธออคงจะเป็นผู้หญิงที่น่ามองไม่ใช่น้อย  เครื่องแต่งกายแม้จะดูเหมือนบุคคลชนชั้นธรรมดาแต่หากดูจากผิวพรรณของเจ้าหล่อนทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าเขาคงเจอลูกท่านหลานเธอเข้าแล้วเป็นแน่

                    หน้าฉันเหมือนแม่นายหรือไงเขาหลุดจากความคิดตัวเองในบรรดลเมื่อคนตรงหน้าแหวเข้าให้และกำลังเบือนหน้าที่ขึ้นสีของตัวเองไปทางอื่น

                    ถ้าหน้าแม่ฉันเหมือนเธอฉันก็หล่อน้อยกว่าที่เป็นอยู่น่ะสิว่าเสร็จเขาก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากตาประสา

                    โป๊ก!

                    โอ๊ย! ฉันเจ็บนะเขาคำหัวตัวเองป้อยๆเมื่อคทาในมือหล่อนฟาดเข้าให้เต็มลัก  ก่อนหันไปแยกเขี้ยวให้คู่สนทนาที่กำลังหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

                    ฉันชื่อลิลิน  เกลเดลเลีย  จากเมืองเฟลเกลเรียลเขาหันไปมองคนข้างตัวที่บอกชื่อตัวเองอย่างอารมณ์ดี

                    ...เมื่อกี้เจ้าหล่อนยังจะไม่ยอมบอกชื่อตัวเองก่อนเลยไม่ใช่หร  ผู้หญิงเนี่ยแปรปรวนชะมัดแฮะ...

                    ฉันคาร์ล   คิงตัล  ไม่มีเมือง

                นี่นายเป็นคนจรจัดจริงๆหรอเนี่ยเขาแยกเขี้ยวใส่เธอซะทีหนึ่ง

                    ทำไมดูเมืองนี้มันวุ่นวายกันเป้นบ้า

                เขาเอ่ยลอยๆขณะมองผ่านกระจกร้านอาหารไปยังถนนที่คราคร่ำไปด้วยผู้คนพลุกพ่าน ตอนที่เขาอยู่ที่ประตุเมืองยังเยอะแล้ว  เข้ามาในเมืองดุเหมือนจะเยอะกว่าหลายเท่า จะว่าไปก็แปลกที่สาตาแห็นแต่คนรุ่นราวคราวเดียวกับเขาเต็มไปหมด

                    ก็อีกสองวันมหาวิทยาลัยอวาเลนจะรับสมัครนักศึกษาใหม่แล้วนี่  ฉันก็มาสมัครเหมือนกัน

                    อวาเลน?

                    นายไม่รู้จัก หรอ  มหาวิทยาลัยเวทมนต์ที่ดีที่สุดในโลกเลยนะลิลินพูดพร้อมตาโตมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ

                    ...เขาผิดใช่ไหมที่ไม่รู้จัก...

                    เขาอดคิดในใจไม่ได้ขณะฟังหญิงสาวอธิบายความยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างของมหาวิทยาลัยที่เห้นยอดปราสาทอยุ่ไกลลิบๆนั่น 

                    โครม!!

                    เสียงข้าวของล้มระเนระนาดเรียกความสนใจของเขาได้ชะงัก  เท้าของเขากระโจนออกไปอย่างอัตโนมัติโดยไม่สนใจคู่สนทนาที่ร้องเรียดเขาอย่างฉงน

                    อีฝากของถนน  ชายฉกรรจ์ไม่ต่ำกว่าห้าคนกำลังยืนล้อมเด้กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึงไว้ด้วยสีหน้าหื่นกาม  เขากระโจนพรวดไปปัดมือของชายที่น่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มซึ่งกำลังจะเอื้อมไปแตะไหล่เด้กสาวได้อย่างทันท่วงที

                    แกเป็นใครวะมันถามอย่างเอาเรื่องขณะจ้องเขาเขม็ง

                    ใจเย็นดิพี่ชาย  รังแกเด้กผู้หญิงอย่างนี้แม่งโคตรน่ายกย่องเลยว่ะเขายกยิ้มกวนประสาทให้มนอย่างท้าทายก่อนจะพลักเด้กหยิงที่อายุไม่เกินสิบสามสิบสี่ไปให้ป้าแก่ที่อยุ่ใกล้ๆไปดูแล

                    พลั่ก

                    หมัดลุ่นๆถูกส่งไปเปิดฉากการต่อสู้ทันทีที่อีกฝ่ายพุ่งเข้ามาใส่เขา  เขาชกท้องคนแรกที่กระโจนเข้าใส่ก่อนเตะด้วยหลังเท้าเข้าหน้าคนที่เข้ามาทางด้านหลัง   และตามด้วยอีกหนึ่งหมัดอัดเข้าที่คางของอีกคนที่อยู่ในรัศมีของเขา 

                    เสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นอื้ออึงเรียกความสนใจของคนที่เดินไปมาให้แตกตื่นได้อย่างดี  เขาโดนกำปั้นของหนึ่งในสิบอัดเข้าที่หน้าจนเซไปด้านหลังเล็กน้อยแต่ไม่นานเขาก็สามารถกลับมายืนได้อย่างมั่นคงอีกครั้งแล้วฟาดมือเข้าใส่ท้าทอยของคนที่พุ่งเข้ามาหาเขาอีกระลอก

                    เคร้ง!

                เสียงของโลหะกระทบกันดังขึ้นครั้งแรกหลังจากที่เขาเรียกดาบคู่ใจมากันดาบของอีกฝ่ายที่เริ่มเรียกอาวุธเข้ามือเพื่อมาห่ำหั่นกับเขา

                ดาบอัศวินสองคมเรืองแสงสีฟ้าสว่างราวกับกำลังยินดีกับการต่อสู่ที่กำลังเผชิญ  หากแต่เขาไม่ค่อยจะสบอารมณืกับการต่อสู้ครั้งนี้สักเท่าไร

                    ....นี่มันกะเอาถึงตายเลยรึไงวะ

                เขาคิดในใจขณะเอี้ยวตัวหลบดาบสองเล่มที่แทงเข้ามาพร้อมๆกันอย่างเฉียดฉิว  แล้วยกดาบตัวเองกันดาบอีกเล่มที่เข้ามาทางด้านหลัง 

                    ซวบ!

                ดาบของเขาเฉือนสีข้างของพวกมันคนหนึ่งได้แบบถากๆก่อนที่เขาจะเตะอัดมันจนล้มลงไปกองกับพื้นได้เป็นคนแรก

                    ..คนมันเยอะเกินไป  บ้าฉิบ!....

                    เขายกดาบปัดป้องแล้วซัดพวกมันอีกคนไปกองกับพื้นได้สำเร็จ ก่อนถอยหลังสองสามก้าวเพื่อประเมินสถานการณ์

                    พลัน!

                เสียงบริกรรมคาถาจากชายฉกรรจ์สองสามคนที่หลบฉากอยู่ด้านหลังของพวกที่ดาหน้ามาสู้กับเขาก้ดังขึนให้เขาหายเล่น  เวทสายแรกถูกส่งมายังเขาอย่างรวดเร็ว

                    เปรี้ยง!

                เขายกดาบขึ้นกันได้อย่างเฉียดฉิวแต่ก็ทำเอาแขนของเขาชาไปพักหนึ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

                    นายจะบ้าหรือไง  ใช่คทาสิ!!”

                    เขามองตามเสียยงของลิลินก่อนจะเห้นเธอพยายามทำลายเขตอาคมเวทที่ไม่รู้ว่าพวกมันสร้างขึ้นาตั้งแต่เมื่อไรเพื่อจะเข้ามาช่วยเขา

                    เปรี้ยง!

                เวทอีกสายถูกดาบของเขาปัดได้อีกครั้งขณะที่เขายังคงต้องรับมือกับพวกที่ใช้ดาบที่มันกำลังลุมเขาอยู่สลับกับต้องคอยปัดเวทจนเขาเริ่มจะเหนื่อยจนยกดบขึ้นกันแทบไม่ไหว   แต่เขาจะเอาคทาไปอะไรในเมื่อเขาใช้เวทมนตืไม่ได้ 

    ช่างป็นความจริงที่น่าขันและนี่แหละเป็นหุผลที่เขาอยากจะฆ่าตัวตายให้รู้แล้วรู้รอด  ทั้งๆที่คนที่มีไอเวทสามารถใช้เวทได้  แต่เขาที่มีไอเวทเหมือนกันกลับใช้เวทไม่ได้ไม่ว่าจะล่ำเรียนคาถาบทไหนๆมาก้แล้วแต่  ที่พอจะเป็นเรื่องเป็นราวก้คงจะมีแค่เวทแห่งดาบเท่านั้นเอง

    เปรี้ยง!  เคร้ง!

    เวทสองสายที่มาพร้อมๆกันทำให้เขากเขากระเด็นไปชนกำแพงเขตอาคมก่อนที่ดาบเล่มสวยจะหลุดออกจากมือไปไกล  นัยน์ตาสีมรกตเบิกโพลงเมื่อเห็นเวทอีกสายพุ่งตรงมายังเขาอย่างรวดเร็ว

    ปักษามายา!”ชื่อของดาบดังจากปากเขาลั่นส่งผลให้ดาบเล่มบางลอยหวืดกลับเข้ามือ  แต่ดูเหมือนไม่ทันเสียงแล้ว

    ...บ้าฉิบ!!...

    ตูม!!!

    เสียงกัมปนาทดังพร้อมๆกับฝุ่นตลับอบอวน  ผู้คนต่างลุ้นระทึกเมื่อฝุ่นควันค่อยๆเลือนหายไป  เสียงเต้นของหัวใจเขาดงรัวเร็วราวกับกำลังลั่นกองรบ  ก่อนที่เขาจะค่อยๆลืมตาอย่างกล้าๆกลัวๆพลางสำรวจตัวเองที่ยังครบสามสิบสองประการอย่างฉงน

    ก็บอกให้ใช้คทาไม่ได้ยินรึไง!”

    เสียงของลิลินดังขึ้นในโสตประสาท  แผ่นหลังของเธออยู่ตรงหน้าของเขาขณะที่เจ้าหล่อนยังจ้องไปยังกลุ่มคนตรงหน้าเขม็งพร้อมกับคทาสีม่วงที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้  หากแต่เจ้าของบาเรียที่ช่วยชีวิตของเขาไว้เมื่อครู่หาได้มาจากเธอไม่  แต่กลับเป็นบุรุษผมสีเงินที่ถุกถักเป็นเปียใหญ่ข้างๆกันเสียมากกว่า  บาเรียสีหม่นคงสภาพอยู่ชั่วครู่ก่อนที่มันจะค่อยๆสลายหายไปอย่างช้าๆพร้อมๆที่คทาสีเงินในมือผู้ใช้เวทดับแสงวูบ

    เขาค่อยๆลุกขึ้นอย่างช้าๆก่อนจะรุ้สึกเจ็บแปลบที่หน้าท้องซึ่งคงจะเป็นผลจากที่เขากระเด้นมากระแทรกำแพงเมื่อครู่เป็นแน่   ปักษามายาในมือถูกกระชับมั่นอีกครั้งเขาก้าวเท้ายาวๆไปยิ้มแผล่ห้ลิลินที่กำลังทำหน้าไม่สบอารมณ์

    โทษที  แต่ฉันใช้เวทไม่ได้

    ว่าไงนะลิลินตาโตอย่างฉงนจนเขาหัวเราะให้เธอแห้งๆอย่างไม่รุ้จะอธิบายยังไง

    ขอบคุณนะโว้ย  นายน่ะเขาเลือกที่จะเมินสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของลิลินแล้วตะโกนข้าวหน้าเจ้าหล่อนไปขอบคุณผู้มีพระคุณของเขาอีกคนซึ่งอีกฝ่ายทำเพียงเบนนัยน์ตาสีอำพันมาสบกับเขานิ่งๆแล้วไปจ้องพวกที่มีเรื่องกับเขาข้างหน้า

    ...หน้าหมั่นไส้ชะมัดว่ะ...

    เขาคิดในใจพลางกระชบดาบในมือให้มั่นขึ้นอีกเตรียมรับการปะทะในรอบต่อไป  แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่ออยุ่ดีๆกลุ่มชายฉกรรจ์ก็พากันชี้เลิ่กลั่กแล้วทำท่าจะแตกฮือจนเขาต้องหันไปมองตาม

    เป้าสายตาของพวกมนคืกลุ่มผุ้ชายสามสี่คนในชุดแปลกตาซึ่งท่าทางอายุคไม่ห่างจากเขามากเท่าไร   สองในสี่ของกลุ่มำลังมองมาที่ที่เขายืนอยุ่ด้วยสายตาแตกต่างกัน  คนหนึ่งเคร่งขรึมเยือกเย็นจนคนมองต้องเสียวสันหลังวาบอย่างไม่ทราบสาเหตุ  ในขณะที่อีกคนกำลังมองราวกับเห็นเป็นเรื่องสนุกแล้วสะกิดให้สองคนมที่อยู่ข้างหลังมองพวกเขาเช่นกัน

    ท่าทางวันนี้เราจะเจองานเทศกาลซะแล้วสิเสียงนุ่มดังจากปากของชายหนุ่มผมสีดำสนิทผู้เป็นเจ้าของนัยน์ตาสีอเมทิสต์ที่กำลังพราวระยับราวกับเจอของเล่น ขณะที่ชายกลุ่มนั้นเดินมาใกล้พวกเขาเต็มที  ยังผลให้กลุ่มชายฉกรรจ์วิ่งกระจัดกระจายหายไปในบรรดล

    พวกนั้นเป็นใครเขาถามลิลินที่อยู่ข้างๆอย่างสงสัยพลางเก็บดาบในมือเมื่อคู่อริต่างหายไปคนละทิศคนละทางเสียแล้ว

    เครื่องแบบแบบนั้น  ถ้าแนเดาไม่ผิดคงเป็นนักศึกษาแห่งอวาเลนลิลินตอบเบาๆพลางมอง นักศึกษาแห่งอวาเลนที่ว่ากำลังเดินตรงมาทางพวเขา

    แต่ฉันก้เงรุ้ว่าพวกจะมีอิพลมากขนาดนี้ลิลินพูดต่อไปเรียบๆขณะที่ชายกลุ่มนั้นมายืนหยุดอยุ่ตรงหน้าของเขาพอดี

    แหม  เสียดายจังแฮะงานเทศกาลเลิกซะแล้วชายผมดำว่ายิ้มๆขณะมองพวกเขาทั้งสามคนด้วยสายตาอ่านยาก

    กล้ามากที่มาทะเลาะวิวาทในเขตคุ้มครองของอวาเลนเสียงเยือกเย็นมาพร้อมความกดดันอย่างไม่ทราบสาเหตุทันทีที่ชายผมดำอีกคนเอ่ยปาก  นัยน์ตาสีดสนิทราวกับราตรีกาลที่ไร้แสงดาวจ้องกวาดมองพวกเขาให้เสียวสันหลังวาบก่อนที่มันจะหยุดอยู่ที่เขาซึ่งกำลังส่งยิ้มแห้งๆไปขัดตาทัพอย่างเคยตัว

    โธ่พี่ชาย  มันเหตุสุดวิสัยจริงๆนาเขาว่าเสียงอ่อยพลางหัวเราะแก้เก้อก่อนกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อสายตานั่นจ้องเขาจนใจเต้นด้วยความหวากหวั่นแบบแปลกๆ

    ...แค่สายตายังฆ่าคนได้  คนๆนี้ปิศาจชัดๆ...

    เขาก้มหน้าหลบตาคนตรงหน้าสักพักก่อนที่พี่แกจะเบนสายตาไปจ้องสองคนข้างๆตัวเขา

    โดยเฉพาะพวกท่าน  ท่านหญิงลิลิน   เกลเดลเลียแห่งเฟลกอเรียล   เจ้าชายคาออส   เฟเดริก  แห่งคาเคน

    ...บะ!  รู้สึกผู้มีพระคุณของเขาจะมีแต่พวกเจ๋งๆ  ท่าหญิงกับเจ้าชายเชียวนา  ถ้าเป็นเพื่อนกับพวกนี้มีหวังเจอแต่ของกินอรอยๆไปทั้งชาติแน่โว้ย...

                    เขาหัวเราะชอบอกชอบใจพลางมองคนข้างๆตาโต   ซึ่งลิลินกำลังมองคนข้างงหน้าอย่างฉงน  ส่วนอีกคนโค้งเบาๆให้ชายยตาดำอย่างช้าๆ

                    ขอโทษด้วยสำหรับความวุ่นวาย  ท่านเรยาส   เมเนซิส

                    เอาน่าๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×