คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : [25/09] เรื่องเงินๆ ทองๆ ของจีน
เสาร์ 27 ก.ย. 2551 มหาวิทยาลัยรามคำแหงชวนศิษย์เก่ารหัส 23600406 อดีตนักศึกษา “รางวัลเรียนดี” และ “ทุนเรียนดี” พ.ศ.2525 ของสถาบันที่มีชื่อว่านิติภูมิให้กลับไปพูด “กลยุทธ์การจัดการข้ามชาติ ในมุมมองของนิติภูมิ” รับใช้นักศึกษาปริญญาโท ที่อาคารหอประชุมพ่อขุนรามฯ เวลา 13.00-17.00 น.
หลังมหกรรมกีฬาโอลิมปิก จีนโดนกระหน่ำซ้ำเติมจากประเทศตะวันตกอย่างรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ก่อนง่อนชะไร ฝรั่งใช้อาวุธเล่นจีน แต่ปัจจุบันทุกวันนี้ ตะวันตกชุมนุมสุมหัวรวมตัวกันเล่นจุดอ่อนเรื่องความไม่ปลอดภัยในสินค้าจีน เพราะถ้าปล่อยให้จีนขายสินค้าอย่างระเบิดเถิดเทิงอย่างนี้ ต่อไปในอนาคตตะวันตกแพ้จีนแน่ ประเทศอะไรก็ไม่รู้ มีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพี ขยายตัวใน พ.ศ.2549 สูงถึงร้อยละ 10.5 พ.ศ.2550 ขยายร้อยละ 9.8 เศรษฐกิจจีนโตเอาๆ จนเศรษฐกิจร้อนแรงแกงไก่ไข่เค็ม ถ้าจะยั้งไว้ไม่อยู่
อันที่จริงตะวันตกเล่นจีนยังไงก็ยังไม่กระทบมาก เพราะจีนเองก็ต้องการลดการส่งออกอยู่แล้ว จีนทำถึงขนาดซับเงินตราออกจากระบบตลาดเงินภายในประเทศ เพื่อลดปัญหาความร้อนแรงของเศรษฐกิจ แต่ถึงแม้จีนจะพยายามลดยังไง การส่งออกของจีนก็ยังอุตส่าห์ขยายตัวมากถึงร้อยละ 21.9 พ.ศ.2550 เพียงปีเดียว จีนจึงยังเกินดุลการค้าตั้ง 2 แสนล้านดอลลาร์ หรือ 6.4 ล้านล้านบาท ผู้อ่านท่านคงจะเคยได้ยินนะครับ ว่าเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนน่ะมีสูงมากถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ ธนาคารชาติของจีนต้องใช้มาตรการมากมายหลายอย่างดูดเอาเงินออกจากตลาด
ยิ่งจงกว๋อหยืนหมินหยินหาง หรือธนาคารประชาชน เอาเงินออกจากตลาด ก็ยิ่งมีผลกระทบตามมาบานเบอะเยอะแยะ ธนาคารไล่ซื้อเงินตราต่างประเทศเพื่อรักษาค่าเงินหยวนให้อยู่ในระดับที่ต้องการ แต่ไอ้วิธีนี้ของจีนนี่แหละครับ กลับเป็นการฉีดเงินหยวนเข้าระบบมากขึ้น ผู้อ่านท่านที่ตระเวนเมืองจีน ติดต่อค้าขายกับจีน ก็จะรู้สึกเหมือนผมว่า ขณะนี้ตลาดการเงินของจีนมีสภาพคล่องมาก เมื่อปีที่แล้วดอกเบี้ยก็ลดลง คนจีนต้องการสินเชื่อมากขึ้น และนี่แหละครับ ที่นำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อ
เดือนพฤศจิกายน 2549 และพฤษภาคม 2550 ผมไปเยือนเพื่อนชาวจีนคนหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจกลุ่มภัตตาคารตุงเจียง ชื่อนายหลี่ หย่ง ซิน กลุ่มนี้มีภัตตาคารขนาดใหญ่อยู่ในกว่างตงมณฑลเดียวมากกว่า 50 แห่ง ใช้พนักงานวันละ 20,000 คน มีรายได้จากขายอาหารวันละ 25-50 ล้านบาท มีรถบรรทุกมากกว่า 400 คัน และโรงแรมระดับ 3-5 ดาวหลายแห่ง
ไปพำนักพักอาศัยกับนายหลี่ปีละครั้งทำให้ได้มองเห็นว่า ตั้งแต่ พ.ศ.2549 จีนเริ่มมีเงินเฟ้อ คนที่มีสตางค์เริ่มไม่มั่นใจในเงินสดที่เก็บอยู่ในกระเป๋าหรือในธนาคาร คนรวยจึงเอาเงินไปเก็งกำไรในตลาดหุ้น อีกส่วนหนึ่งก็เอาไปกวาดซื้ออสังหาริมทรัพย์ อันนี้นี่แหละครับ ที่จะทำให้จีนเสี่ยงต่อการเกิดเศรษฐกิจฟองสบู่
พ.ศ.2549 ธนาคารชาติของจีนจึงออกพันธบัตรเพื่อดูดซับสภาพ คล่องและต้องเพิ่มอัตราส่วนเงินสำรองที่ธนาคารพาณิชย์จะต้องฝากไว้กับธนาคารชาติถึง 6 ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นจงกว๋อเจี้ยนซื่อหยินหาง (ธนาคารพัฒนาจีน) จงกว๋อหยินหาง (ธนาคารประเทศจีน) จงกว๋อหนงเยี่ยหยินหาง (ธนาคารเกษตรกรรมจีน) จงกว๋อกงซางหยินหาง (ธนาคารอุตสาหกรรมพาณิชย์จีน) ฯลฯ ต่างโดนสั่งให้เพิ่ม RRR หรือ Reserve Requirement Ratio กันทั้งหมดทั้งสิ้น
พ.ศ.2550 รัฐบาลจีนตัดสินใจใช้มาตรการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อลดภาวะเงินเฟ้อที่กำลังบานทะโรคคุดทะราดเพิ่มขึ้นอย่างเร็ว
เพราะเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมีบานเบอะเยอะแยะเพิ่มขึ้นอย่างไว จีนจึงต้องตัดสินใจนำเงินพวกนี้ไปลงทุนในต่างประเทศ ทำยังงี้ก็เพื่อจะดึงเงินออกจากระบบตลาดการเงินภายในประเทศ + เป็นการทำกำไรระยะยาว
เรื่องเงินล้นประเทศไม่ใช่เกิดขึ้นเฉพาะในสาธารณรัฐประ-ชาชนจีนในห้วงช่วง 2�3 ปีที่ผ่านมาเท่านั้น กลุ่มประเทศแถบตะวันออกกลางก็มีสตางค์เพิ่ม เติมเพราะราคาน้ำมันแพง ทุกประเทศที่มีน้ำมันจึงต้องกำจัดเงินด้วย การเอาไปลงทุนในต่างประเทศ ผู้นำชาติบ้านเมืองที่มีสติปัญญาจึงเดินทางไป เยือนประเทศพวกนี้เป็นว่าเล่น เพื่อจะดึงเงินให้เข้ามาลงทุนภายในประเทศของตัว
แม้แต่กัมพูชา ประเทศเพื่อนบ้านของไทย ก็ประสบความสำเร็จในการดึงเงินจากตะวันออกกลางให้เข้ามาลงทุนและกระจัดพลัดพรายในประเทศ
ผู้นำไทยหอยๆ เอ๊ย หงอยๆ ไม่มีใครกระดิกพลิกตัวแบบผู้นำชาติอื่นบ้างเลย.
นิติภูมิ นวรัตน์
ความคิดเห็น