คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : EP.8 ถึงปากหนักก็รักเธอ
‘น้องกูไม่ได้ร้องไห้เพราะมึงไอ้เมี่ยง
มึงคิดไรมากวะ ยัยกี้บอกว่าจะเสียใจเรื่องอะไรในเมื่อกี้กับมึงไม่ได้เป็นอะไรกัน’
คำพูดของชิฟฟ่อนยังวนเวียนอยู่ในหัวสมองของคนช่างคิด
สองวันแล้วที่เขาไม่ได้เจอกับรุ่นน้องหน้าหวานนับจากวันที่เขาไปหาคุ้กกี้กับชิฟฟ่อนที่บ้านแล้วได้พบแต่ชิฟฟ่อนที่ยอมลงมาหาส่วนอีกคนไม่ต้องพูดถึงเพราะแค่เสียงเขาเองก็ไม่มีโอกาสได้ยินถึงแม้ว่าตัวเขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นเพราะอะไร
ไหนคุ้กกี้พูดกับชิฟฟ่อนว่าไม่ได้คิดอะไรกับแต่ทำไมถึงทำกับเขาเหมือนกับว่าไม่เคยมีเรื่องดีๆที่น่าจดจำระหว่างกันและกัน
“เป็นอะไรของมึงนังเมี่ยง” เสียงดัดของคนที่นั่งอยู่ข้างๆตลอดเวลาพูดขึ้นมาเมื่อเห็นเมี่ยงนิ่วหน้า
“ทำไมน้องเค้าไม่ยอมคุยกับกู
ถ้าเค้าบอกว่าเค้าไม่ได้คิดอะไรกับกูแล้วทำไมเค้าถึงไม่เปิดโอกาสให้กูได้พูดอะไรบ้าง”
“อ๊ายพูดไม่เพราะ
เค้าก็คงมองว่าแกน่ะเป็นพวกโรคจิตไม่ปกติ
เค้าก็เลยจะเฟดตัวเองออกจากแกล่ะมั้งนังทอมเมี่ยง”
แม้กระทั่งฟรอยด์ก็ยังไม่ให้กำลังใจเพื่อนทอม
“ไม่จริงอ่ะ
น้องเค้าต้องคิดอะไรบ้างแหละ ถ้าไม่อย่างนั้นทำไมต้องทำเหมือนไม่อยากเจอ
ไม่อยากคุยกับชั้นล่ะ”
เปลี่ยนลักษณะการพูดขึ้นมากระทันหันเมื่อนึกขึ้นได้ว่าคุยกับเพื่อนกระเทยไม่ใช่เพื่อนทอม
“มั่นใจเกินไปหรือเปล่า
น้องเค้าเป็นคนมีการศึกษานะแก๊ หน้าตาก็ดีเรื่องอะไรต้องมาคอยตามแกเล่า
คนอยากตามน้องคุ้กกี้น่ะมีเยอะแยะ แกไม่รู้เองต่างหาก”
“พูดเหมือนรู้อะไรมา”
“แกไม่รู้หร๊อกว่าใครที่มากับน้องกี้วันที่น้องเค้ามาลาออกจากชมรมเชียร์” สิ้นเสียงสาวหล่อร่างสูงหันควับไปหาฟรอยด์ทั้งยังทำหน้าตาน่ากลัว
“บอกชั้นมาเดี๋ยวนี้ ว่าใคร”
“ชั้นไม่ต้องบอกแล้ว
โน่นๆเดินมาโน่นแล้ว”
เพียงเท่านั้นสาวหล่อถึงกับหันกลับไปมองทางด้านหลังของเขา
แล้วก็ต้องพบว่ารุ่นน้องหน้าหวานดวงใจของเขาเดินเคียงคู่มากับสาวหล่อคนหนึ่งที่เขาไม่อาจรู้ได้ว่าเป็นใคร
เพราะแค่มองผ่านๆก็ดูออกแล้วว่าไม่ใช่นักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกันกับเขาแน่ๆ
“กี้...”
เสียงทุ้มของเมี่ยงคงยังดังไม่พอที่จะทำให้คนที่เดินผ่านเขาไปราวกับว่าเขาเป็นอากาศธาตุหันกลับมามองได้
“กี้...กี้จะไม่หยุดคุยกับพี่หน่อยเหรอ” ร่างสูงเดินไปขวางทางคนทั้งสองเอาไว้
“หลีกค่ะพี่เมี่ยง...กี้มีเรียน”
ลองตั้งใจว่าจะเล่นตัว จะแกล้งคนร่างสูงจอมเย็นชาแล้ว
ไม่มีอะไรที่คุ้กกี้จะทำไม่
ต่อให้ต้องแกล้งทำเป็นใจแข็งกว่านี้อีกสิบเท่าเธอก็ยอมทำ...ทั้งที่ตอนนี้หัวใจเธออ่อนหยวบเป็นหยวกกล้วยที่เห็นแววตาเว้าวอนของร่างงสูงที่ยืนอยู่เบื้องหน้า
“พี่ไม่ให้กี้ไปไหนทั้งนั้น
จนกว่ากี้จะคุยกับพี่รู้เรื่อง จนกว่าเราจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม”
“ตอนนี้เราก็เหมือนเดิมนี่คะ
เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันเหมือนเดิม”
คำตอบของคนตรงหน้าทำเอาคนเย็นชาอย่างเมี่ยงหัวใจล่วงลงไปอยู่ตาตุ่ม
เหตุการณ์วันนั้นวันเดียวจริงๆที่เปลี่ยนอะไรๆไปตั้งมากมาย
“แต่กี้ก็รู้ว่าเมื่อก่อนมันไม่ใช่แบบนี้”
“แล้วเป็นแบบไหนคะ
กี้ขอตัวนะคะพี่เมี่ยง”
เธอเดินจากเขาไปแล้ว...เดินจากไปพร้อมๆกับหัวใจที่แหลกละเอียดของคนปากหนักพูดคำว่ารักอย่างยากเย็น
ทั้งยังมีเรื่องราวอะไรๆเกิดขึ้นมาให้ได้เข้าใจผิดกันอีก
แล้วเมื่อไหร่กันที่เขาจะเอาดวงใจของเขากลับมาได้อีกครั้งหรือมันอาจจะไม่มีวันนั้นอีกต่อไป
เมื่อตอนนี้เธอก็มีคนที่คอยเคียงข้าง
“มอ.คอ.ปอ.ดอ
แล้วไอ้เมี่ยงเอ๊ย”
เสียงดัดเข้ามาซ้ำเติมให้คนปากหนักได้เจ็บใจ
“มันได้แค่ดมเท่านั้นแหละ
ไม่มีทางที่กูจะยอมให้ดวงใจกูไปอยู่กับคนอื่นหรอก”
- - - - -
ท่าทางมาดมั่นของรุ่นพี่สาวหล่อสุดเท่ห์ที่คุ้กกี้เองเกือบจะละลายตั้งแต่เขาเดินมาคุยด้วยยิ่งทำให้คนช่างลองใจถึงกับฉีกยิ้ม
เหตุการณ์มันจะเป็นยังไงเธอก็ไม่รู้ แต่ตราบใดที่ยังไม่ได้ยินคำว่า รัก
ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้คุยกันดีๆ
“กี้
แกจะแกล้งพี่เมี่ยงนั่นอีกนานมั้ยอ่ะ แล้วชั้นจะเป็นอันตรายอะไรมั้ยเนี่ย” คนหลุดแอ๊บถึงกับปล่อยสาวทันทีที่พ้นสายตาอันน่าสะพรึงกลัวของคนร่างสูง
“ไม่รู้
จนกว่าจะได้ยินคำๆนั้นมั้ง”
คุ้กกี้หันไปตอบคำถามเพื่อนรักสมัยมัธยม
ที่เธอคัดมาแล้วว่าดูห้าวที่สุดในกลุ่มเพื่อน
“ชั้นจะโดนต่อยมั้ยแก ดูท่าทางพี่เมี่ยงสุดสวาทขาดใจแกมือหนักอ่ะ”
“ไม่รู้”
“อ้าว ไอ้...หึ๊ยย”
“น่านะ
ช่วยหน่อยนะเพื่อนรัก...มามะฉันจะจุ๊บๆแกให้รางวัล”
คนหน้าหวานทำปากจู๋
แต่ยังไม่ทันที่ริมฝีปากบางจะสัมผัสโดนแก้มของเพื่อนเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นให้ได้ตกใจ
“ที่นี่เป็นสถานที่ศึกษาครับ
ถ้าจะทำอะไรที่มันพะเจิดพะเจ้อ กรุณาให้พ้นเขตของมหาวิทยาลัยก่อนนะครับ” ไม่ใช่ใครที่ไหนเจ้าของเสียงดุๆนั่นก็คือ เมี่ยงนั่นเอง
“ถ้างั้นเดี๋ยวเค้าไปก่อนนะตัวเอง
แล้วตอนเย็นเค้ามารับนะ”
รีบออกตัวแรงอันเนื่องมาจากกลัวหมัดของสาวหล่อ ถึงแม้จะพยายามแอ๊บทอมอยู่แต่ยังไงผู้หญิงก็คือผู้หญิง...กลัวหน้าเสียโฉมเป็นเหมือนกัน
“ค่ะที่รัก
เอาไว้จุ๊บๆกันที่ห้องก็ได้เนอะ”
คนหน้าหวานยังไม่วายกวนโมโหรุ่นพี่ร่างสูงได้อีก
“พี่เมี่ยงหลีกทางค่ะ
กี้จะไปเรียน” ทำเสียงแข็งกับคนที่ยังอยู่แต่ดูท่าทางแล้วรุ่นพี่สาวหล่อจะไม่มีทางปล่อยให้เธอไปง่ายๆ
“กี้...” เขาเรียกคนตรงหน้าเบาๆ ราวกับอยากจะเตือนสติเสียมากกว่า
“คะ...กี้ขอให้พี่หลีกทางกี้เถอะค่ะ”
คนหน้าหวานหลบตาสาวหล่อ หากเธอได้มองลงไปลึกๆในตาคู่นั้นแล้ว
คงไม่มีทางที่เธอจะทำเป็นใจแข็งกับเขาได้
ตอนนี้เขาต้องได้รับบทเรียนของคนปากหนักที่ไม่ยอมพูดคำว่ารักกับเธอเสียที
“พี่ไม่หลีก
จนกว่าพี่จะได้คุยกับกี้...จนกว่ากี้จะยอมเปิดใจแล้วรับฟังในสิ่งที่พี่จะพูด”
“แล้วถ้า...กี้ยังไม่อยากจะพูดล่ะคะ” พูดจบก็เดินเลี่ยงลงไปแทนการขึ้นห้องเรียน
ก็ในเมื่อคนร่างสูงขวางทางไว้ขนาดนั้นเธอก็ลงข้างล่างมันเสียเลย
“กี้...หยุดคุยกับพี่ก่อนได้มั้ยกี้” ร่างสูงที่ยังตามมายิ่งทำให้คนหน้าหวานอมยิ้ม
นี่ถ้าเขาไม่คิดอะไรเกินคำว่าพี่น้องกับเธอ เขาก็คงไม่ทำขนาดนี้...ใช่มั้ย
นั่นคือคำถามที่วนเวียนอยู่ในหัวใจดวงเล็กๆที่สั่นไหวทุกครั้งที่ร่างสูงเข้าใกล้
“กี้...กี้เคยถามพี่สักคำว่าพี่คิดกับกี้ยังไง
ใช่...กี้ไม่เคยถาม”
เพราะคำพูดประโยคนี้ประโยคเดียวจริงๆที่ทำให้เธอหยุดและฟังคนที่ดูเหมือนว่ากำลังจะพูดอะไรต่อ
“เพราะกี้ไม่เคยถาม
เพราะกี้ไม่เคยสงสัยในการกระทำที่พี่ทำกับกี้มาโดยตลอด
และเพราะพี่เองที่ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไง ถึงทำให้เราสองคนต้องเป็นแบบนี้”
เสียงหัวใจของคนหน้าหวานเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆตามคำพูดของร่างสูงที่ยืนอยู่เบื้องหน้า
“พี่อยากจะบอกกี้ว่า...สิ่งที่กี้ได้เห็นวันนั้น
ที่สตูฯ มันไม่ใช่อย่างที่กี้คิด
พี่อยากให้กี้มองพี่ใหม่...พี่ไม่ขอที่จะให้เรากลับไปมีความรู้สึกดีๆอย่างที่เคยมี
เพราะตอนนี้พี่เห็นแล้วว่ากี้มีคนที่กี้รัก...” ความเจ็บปวดวิ่งเข้าสู่กลางหัวใจของคนฟัง
ถึงแม้ว่าเธอจะอยากให้เขาบอกรักเธอสักแค่ไหน
แต่ถ้าแลกมันมาด้วยความเจ็บปวดเธอก็ไม่อยากจะได้มัน
“พี่เมี่ยง...” คนหน้าหวานเรียกชื่อคนที่ยืนตรงหน้าเบาๆ แต่นั่นมันก็ไม่ได้ทำให้คนตรงหน้าหยุดพูดและฟังเธอบ้าง
“พี่ขอเวลาแค่แปปเดียวเท่านั้นกี้...ขอให้กี้ได้ฟังพี่พูดบ้าง
พี่อยากให้กี้เก็บภาพเก่าๆนับจากวันแรกที่เราเจอกันเอาไว้
เก็บเอาไว้นะกี้....อย่าลืมมัน พี่ขอแค่นั้นจริงๆ”
พูดจบเมี่ยงก็เดินจากไป ไม่รอให้คนช่างวางแผนได้พูดอะไร
ผลของแผนการของเธอมันจะจบลงแบบนี้จริงๆน่ะเหรอ
นี่หรือคือสิ่งที่เธออยากจะให้มันเป็น ไม่ใช่...ไม่ใช่แบบนี้แน่ๆ
คุ้กกี้ไม่คิดว่าคนที่มีความมุ่งมั่นอย่างเมี่ยงจะยอมแพ้ให้อะไรง่ายๆแบบนี้
หรืออาจจะเป็นเพราะเธอ เพราะเธอที่ทำให้เมี่ยงรู้สึกว่าถึงไม่มีเขา เธอก็ยังมีใครอีกคน
- - - - -
หนึ่งอาทิตย์แล้วที่คุ้กกี้ไม่เห็นเมี่ยงที่มหาวิทยาลัยไปจะให้ไปที่สตูดิโอก็ไม่กล้าเพราะตัวเองดันวางแผนเอาไว้ซะเยอะแยะจนกลัวว่าถ้าหากรุ่นพี่หน้าหล่อรู้ความจริงเข้าแล้วจะโกรธจนไม่อยากจะมองหน้า
แต่เพราะอดทนมาเป็นอาทิตย์แล้วมันจึงทนต่อไปไม่ไหวจนต้องปรึกษาพี่สาวสุดที่รัก
“ไม่เห็นไอ้เมี่ยงมาอาทิตย์นึงแล้ว
ยัยกี้เอ้ย...ทำไมเพิ่งมาบอกพี่ตอนนี้เล่า”
จะว่าไปแล้วชิฟฟ่อนเองก็เป็นห่วงเพื่อนรักอยู่ไม่น้อย
แต่เพราะรักน้องมากกว่าจึงยอมให้น้องวางแผนอะไรๆ
“เค้าก็ไม่นึกว่าพี่เมี่ยงจะหายหน้าไปเลย
ถามพี่ฟรอยด์ พี่ฟรอยด์ก็บอกว่าไม่รู้ว่าพี่เมี่ยงไปไหน ที่สตูฯก็ไม่อยู่”
“แล้วคิดว่ามันจะไปได้ไหนล่ะ”
“ถ้าเค้ารู้ เค้าจะถามตัวหร๊อ” คนน้องย้อน
“ลองโทร.หามันรึยัง” ชิฟฟ่อนถามคนตัวเล็กได้แต่ส่ายหน้า
“ถ้านังฟรอยด์มันไม่รู้
ก็แสดงว่ามือถือมันก็ไม่เปิด เฮ้อ...ไปซุกหัวอยู่ที่ไหนว้าไอ้เมี่ยง”
“นั่นจิ” ทำหน้าแบ๊ว แต่ภายใต้ดวงตากลมโตนั้นกลับมีน้ำตาคลอ
“งั้นก็ออกตามหามันดิ” ชิฟฟ่อนพูดง่ายๆ คนฟังได้แต่ส่ายหน้า “ทำไม” ชิฟฟ่อนถามคนตัวเล็ก
“กลัวแผนแตก
พี่เมี่ยงโกรธ...เดี๋ยวงานใหญ่”
อาจจะจริงอย่างที่น้องสาวว่า...แล้วจะทำยังไงให้แผนไม่แตก
“งั้นทำไงดีอ่ะ
เอางี้ดีมั้ยให้อิฟรอยด์มันช่วยสร้างเรื่อง เอาเรื่องอะไรก็ได้ที่เป็นเรื่องกี้อ่ะ
เอาแบบน่าเป็นห่วงสุดๆ
เชื่อพี่เดี๋ยวไอ้เมี่ยงมันก็ทนไม่ไหวออกมาจากที่ซุ่มเองแหละ
ในมอ.เครือข่ายมันเยอะ”
“พี่ฟ่อนก็ว่าไป
พี่เมี่ยงอาจจะไม่ได้สนใจเค้าแล้วมั้ง
อย่างพี่เมี่ยงวันดีคืนดีก็มีผู้หญิงมาแก้ผ้าให้วาดรูป เค้าคงจะเจอที่ดีๆ
เหมือนเด็กกะโปโลแบบเค้า”ร่างบางโกรธตัวเองคิดไปได้ยังไงว่าแผนโน่นแผนนี่จะทำให้สาวหล่อพี่รหัสเลิกปากหนักแล้วบอกรักเธอตรงๆ
“เอาน่า
ถ้าไม่ลองเราก็ไม่รู้จริงมะ”
แผนการนี้คงใช้ไม่ได้ผลถ้าหากว่าไม่มีคนคอยเอาเรื่องนี้ไปพูดกับคนโน้นคนนี้อย่างฟรอยด์ก็ในเมื่อแผนการขั้นแรกฟรอยด์เองก็รู้เห็นเป็นใจคอยยุเพื่อนจนตอนนี้เมี่ยงใจฝ่อหายตัวไปขนาดที่ว่าเพื่อนซี้อย่างฟรอยด์กับชิฟฟ่อนยังไม่รู้เรื่อง
“แกจะเอาอย่างนั้นเหรอนังทอมฟ่อน” เหมือนจะเป็นครั้งแรกๆที่ทั้งคู่คุยกันดี
และร่วมงานกันได้เป็นอย่างดีโดยปราศจากตัวเชื่อมอย่างเมี่ยง
“หรือว่าแกอยากให้มันรู้เรื่องจริงเลย
ที่ว่าแกกับชั้นแล้วก็ยัยกี้ร่วมมือกันหลอกมันอ่ะ” คนพี่หาเรื่องมาต่อรองเพื่อจะได้แนวร่วมในการประสานสัมพันธ์ระหว่างน้องสาวของเขาและเพื่อนรัก
“เออว่ะ...แต่ชั้นว่าป่านนี้นังทอมเมี่ยงมันก็น่าจะรู้บ้างแล้วนะว่าน้องกี้ดูแย่มากอ่ะ
เพราะจริงๆแล้วก็คือน้องแกโทรมมากอ่ะตอนนี้”
“อิบ้า อย่ามาว่าน้องกูโทรมนะ
น้องกูออกจะสดใสร่าเริง”
ดูท่าทางแล้วจะดีกันได้ไม่นานเท่าไหร่ เพราะแค่ตอนนี้ก็เริ่มมีแววว่าจะได้กัดกันอีกแล้ว
“ก็มันจริงๆนี่หว่า
โน่นเดินมาโน่นขอบตาดำอย่างกับหมีแผนด้าที่สวนสัตว์เชียงใหม่แน่ะ” ฟรอยด์ชี้ไปทางคุ้กกี้ที่กำลังเดินตรงมาหาคนทั้งสอง
“เออ จริงว่ะ...เพิ่งสังเกต
น้องช้านนนนนน ”
“เป็นอะไรพี่ฟ่อน
เสียงดังทำไม” คนที่เพิ่งมาถึงหย่อนก้นลงนั่งก่อนจะหันไปดุพี่สาวที่เอะอะโวยวาย
“น้องกี้
หนูเป็นอะไรไปคะเนี่ย ขอบตาช๊ำช้ำ”
เสียงดัดส่งเสียงดังกว่าตอนที่นั่งคุยกันเพียงลำพังกับชิฟฟ่อนเพียงเพื่อดึงดูดความสนใจหากแต่ใบหน้าของคุ้กกี้เองก็ไม่สดใสเหมือนที่เคยเป็นมา
ไม่มีใครล่วงรู้ว่าเป็นเพราะอะไรมีเพียงพี่สาวแท้ๆกับรุ่นพี่กระเทยร่างเล็กเพื่อนสนิทเมี่ยงเท่านั้นที่รู้เรื่องราวทั้งหมดทั้งมวล
เสียงดัดของฟรอยด์กับน้ำเสียงแห้งๆไร้ชีวิตชีวาคุ้กกี้ที่คุยกันไม่พ้นการได้ยินของใครบางที่นั่งอยู่ไม่ห่างจากกลุ่มสามคนนั้นมากนัก
แม้ว่าในตอนแรกที่ฟรอยด์กับชิฟฟ่อนคุยกันเขาจะไม่ได้
แต่พอคุ้กกี้มาถึงทุกสิ่งที่ทั้งสามคุยกันเขาได้ยินมันชัดเจนและที่ยิ่งไปกว่าไปนั้นมันคือเรื่องที่เขาอยากจะรู้เพราะใครบางคนบอกให้เขาคอยดูแลเธอเอาไว้
- - - - -
แม้ว่าการตัดใจจากคนที่รักมากนั้นจะยากลำบากสักเพียงใดแต่เมี่ยงก็พยายามทำมันอยู่ทุกวัน
ถึงแม้ว่าจะไม่เคยทำได้สักวัน ไม่มีวันไหนที่เขาไม่คิดถึง
ไม่มีวันไหนที่เขาไม่อยากเจอใบหน้าหวานๆที่ทำให้เขาหัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่ได้เจอ
ไม่มีวันไหนเลยสักวันที่เขาหลับตาไปแล้วไม่ฝันถึงเธอ...ผู้เป็นดวงใจของเขา
ไม่รู้ว่าทำไมทั้งที่พยายามเอาตัวเองออกห่างจากคุ้กกี้แล้วแต่ก็ยังให้คนคอยตามดูอยู่เรื่อยๆ
ให้คนคอยติดตามข่าวคราวเพียงแค่อยากรู้ว่าเธออยู่ดีมีความสุขอย่างที่สมควรจะเป็นหรือเปล่า
และเมื่อได้รู้มาว่ามันไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาคิดเอาไว้เลย....หัวใจของเมี่ยงกลับรู้สึกเหมือนถูกใครสักคนบีบให้มันแหลกละเอียด
ความรักของเขาคือการที่ได้เห็นดวงใจของเขามีความสุขและมีรอยยิ้มทุกๆวัน
แต่มันกลับไม่เป็นไปอย่างนั้น
วันนี้ความอดทนที่เคยเก็บเอาไว้จนลึกมันถึงต้องระเบิดออกมา
เขาจะกลับไปรับดวงใจของเขากลับมา...
ร่างสูงขับเคลื่อนสองล้อคู่ใจมาจอดอยู่ตรงหน้าร้านเบเกอรี่คุ้นตาที่เขามาแอบมองอยู่ทุกวัน
และทุกวันที่เขามาแอบมองอยู่เขาจะต้องได้เห็นดวงใจของเขานั่งอยู่ตรงหน้าร้านเพียงลำพังไร้เงาของคนที่มาพรากหัวใจเธอไปจากเขา
เพียงแต่วันนี้แตกต่างจากทุกวันเพราะเขาเอาเจ้าสองล้อมาจอดไว้ที่หน้าร้านเบเกอรี่แทน
‘กรุ้งกริ้ง กรุ้งกริ้ง’
เสียงของกระดิ่งที่เพิ่งถูกติดโดยฝีมือของลูกสาวคนเล็กดังขึ้นทำให้รู้ว่ามีลูกค้าเข้าร้านแต่เพราะยังง่วนอยู่กับการทำกาแฟคนที่อยู่หลังเคาน์เตอร์จึงส่งเสียงทักทายโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองว่าใครที่เพิ่งเดินพ้นประตูเข้ามา
“สวัสดีค่า ยินดีต้อนรับค่ะ” หัวใจของคนได้ยินเสียงถึงกับใจสั่น
ไม่ใช่แค่รูปร่างที่ผอมลงไปแม้แต่เสียงของเธอก็ยังไม่สดใสเหมือนเดิม
ร่างสูงเลือกที่จะยืนอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์แทนการไปนั่งที่โต๊ะเหมือนกับลูกค้าคนอื่นๆ
การที่เขามาที่นี่ไม่ใช่เพราะอยากกินขนมเค้ก หรือกาแฟ
แต่เป็นเพราะ...เธอ...คนตรงหน้าเท่านั้น
“ไอ้เมี่ยง”
คนที่เพิ่งเดินลงมาจากชั้นบนของบ้านถึงกับตกใจนึกไม่ถึงว่าเพื่อนรักของเขาจะมาโผล่ที่นี่
และเพราะเสียงของพี่นั่นแหละที่ทำให้คนที่อยู่หลังเคาน์เตอร์เงยหน้า
“พี่เมี่ยง”
“กี้พอจะมีเวลา...สักห้านาที
ที่จะคุยกับพี่มั้ยครับ” คนเย็นชาที่พยายามจะตัดใจจากผู้หญิงตรงหน้า
แต่กลับทำไม่ได้ทั้งยังพาตัวเองมายืนอยู่ตรงนี้...เพื่อขออาสาดูแลเธออีกครั้ง
“ไปคุยตรงห้องนั่งเล่นชั้นสามก็ได้กี้...แม่นอนพักอยู่ชั้นสอง” อำนวยความสะดวกให้เพื่อนรักกับน้องสาวอย่างเต็มที่
ให้มันรู้กันไปว่างานนี้จะเคลียร์กันไม่ได้
มุมนั่งเล่นน่ารักๆบริเวณหน้าห้องของเพื่อนซี้ที่เขาไม่คิดว่าจะได้มาเยือนมันอีกครั้งนับจากวันนั้น
วันที่เขาได้รู้ความจริงของสองพี่น้อง
น้องคนเล็กของบ้านนั่งลงตรงโซฟาสีขาวที่ตอนนี้ได้กลายร่างเป็นสีครีมก่อนจะหยิบเอาหมอนอิงตัวเคโรโระใบโปรดมาวางไว้ที่ตัก
ร่างสูงที่เดินตามมาก็ทิ้งตัวลงข้างๆกัน
“พี่รู้มาว่าตอนนี้...เขา...เอ่อ
คนๆนั้น ไม่ได้ดีอย่างเดิมแล้ว” ผู้มาเยือนเริ่มพูดก่อน
“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ เราก็แค่ไปกันไม่ได้”
เธอไม่รู้จริงๆจะหาเหตุผลอะไรมาบอกรุ่นพี่
เพราะระหว่างเธอกับคนๆนั้นแล้วไม่ได้มีอะไรเลย อีกทั้งคนๆนั้นที่รุ่นพี่สาวหล่อหมายถึงก็เป็นผู้หญิง
ผู้หญิงแบบเดียวกับเธอ
“อย่าปกป้องเค้าเลยกี้...พี่ขอร้อง
ให้กี้ด่าเค้าให้พี่ได้ยินยังดีซะกว่าที่กี้จะมาปกป้องเค้าแบบนี้” คนที่ไม่รู้เรื่องยังคงคิดว่ารุ่นน้องหน้าหวานยังคิดจะปกป้องคนๆนั้นอีกและนั่นมันยิ่งทำให้เขาเจ็บปวด
“พี่เมี่ยง....”
“กี้รู้อะไรมั้ย
ที่พี่หายไปเป็นอาทิตย์เนี่ย ก็เพื่อจะตัดใจจากกี้...แต่พี่ก็ทำไม่ได้
พี่ยังให้คนคอยตามดูกี้ ไม่งั้นพี่ก็ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้กี้คงต้องการกำลังใจ
ถึงแม้ว่าพี่จะเป็นกำลังใจที่ดีให้กี้ไม่ได้น่ะนะ แต่พี่ก็อยากจะเป็น” เมี่ยงเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูดต่อ
“พี่มีเรื่องๆหนึ่งที่มันคาใจพี่...อยากจะบอกกี้
อยากจะบอกกี้ตั้งแต่ตอนที่เราไปกาญจน์ด้วยกัน แต่พี่ก็ยังไม่ได้พูด จนถึงทุกวันนี้” ร่างสูงเอื้อมมือไปกุมมือรุ่นน้องหน้าหวานเอาไว้หลวมๆ
“อาจจะดูเหมือนพี่ฉวยโอกาสตอนที่กี้อ่อนแอ
ตอนที่กี้กำลังเสียใจ และถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้เป็นพี่ที่จะทำให้กี้หายเจ็บ” เหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่อกจนแทบจะหายใจไม่ออก
การที่จะบอกรักใครสักคนมันอาจจะไม่ได้ยากเย็นขนาดนั้น
แต่เพราะสำหรับคนหน้าหวานที่นั่งอยู่ข้างๆเขานั้นคือผู้หญิงที่เมี่ยงรักมากที่สุดเขาจึงกลัว
ว่ามันจะไม่เป็นไปอย่างที่คิดเอาไว้
“พี่รักกี้...พี่ไม่รู้ว่าพี่รักกี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
รู้แต่ว่ารัก แล้วก็รักมากขึ้นทุกวัน
ในตอนแรกพี่ต้องห้ามใจตัวเองจนแทบจะเป็นบ้าเพราะคิดว่ากี้เป็นแฟนไอ้ฟ่อน
แต่พอรู้ว่าไม่ใช่...พี่ก็ยังไม่กล้าที่จะบอกกับกี้ด้วยตัวเองจนทำให้พี่ต้องเสียกี้ไป”
“จะเป็นอะไรมั้ย
ถ้าต่อจากวันนี้พี่ขอดูแลกี้อีกครั้ง...แต่ครั้งนี้จะไม่ใช่ในฐานะของพี่รหัส
รุ่นพี่ หรืออะไรทั้งนั้น เพราะพี่จะขอดูแลกี้ในฐานะ แฟน” สิ้นเสียงร่างสูงค่อยๆเลื่อนใบหน้าคมของเขาเข้าใกล้คนที่นั่งอยู่ข้างๆที่ใบหน้าอยู่ไม่ห่างกันเท่าไหร่นัก
ริมฝีปากบางค่อยๆเคลื่อนไปแตะที่หน้าผากของเธอเบาๆ
ความอบอุ่นที่ได้รับมันเป็นอะไรที่มากกว่าการจุมพิตที่หน้าผากเมื่อเมี่ยงค่อยๆเลื่อนใบไล้ลงมาตามรูปหน้าของคนหน้าหวาน
เขาจุมพิตลงบนคิ้วเรียวของเธอก่อนจะเลื่อนริมฝีปากไล้ลงจนถึงปลายจมูกของเธอจะเลื่อนเอาปลายจมูกของตัวเองมาวนอยู่กับปลายจมูกคนหน้าหวาน
ริมฝีปากของคุ้กกี้ถูกคุกคามโดยริมฝีปากบางของรุ่นพี่หน้าหล่อ
ความหวาบหวามเกิดขึ้นภายในหัวใจสองดวงที่กำลังเต้นรัวจากการสัมผัสของกันและกันทั้งความรัก
ความคิดถึงที่ทั้งคู่มีต่อกันก็ถูกส่งออกมาจากการสัมผัสที่เกิดขึ้นเพียงแค่นี้ร่างสูงก็พอจะรับรู้ได้ว่าคนที่เขาแสนรักยังไม่ได้เป็นของใคร
แม้เพียงสัมผัสภายนอกก็ยังไม่มีใครได้มันไป....งานนี้เขาต้องรู้ให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
อะไรที่ทำให้เขากับคุ้กกี้ต้องห่างเหินกันไปเป็นอาทิตย์ๆ แล้วใครคือตัวต้นเรื่อง
“ต่อไปนี้...กี้เป็นดวงใจของพี่แล้วนะ
พี่สัญญะ...”
ร่างสูงต้องหยุดพูดเมื่อนิ้วเรียวของคนในอ้อมกอดมาแตะอยู่ที่ริมฝีปาก
“ไม่ต้องสัญญาอะไรกับกี้เพราะกี้รู้ว่าพี่เมี่ยง...จะทำให้กี้รับรู้ถึงมันได้”
“พี่รักกี้นะครับ”
ภายใต้อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของคนที่คุ้กกี้รักหมดหัวใจตั้งแต่เมื่อไหร่เธอก็ไม่สามารถรู้ได้
เพราะมันค่อยๆเพิ่มมากขึ้นมากขึ้นทุกวัน จนถึงวันนี้มันก็ยังไม่ถึงจุดสิ้นสุด
ยังไม่ถึงจุดที่ความรักนั้นจะล้นออกมา
ไม่ต่างจากเจ้าของอ้อมกอดที่อบอุ่นที่รู้สึกรัก...รักคนในอ้อมกอดนี้เหลือเกิน
ร่างสูงอยากให้เวลามันหยุดอยู่แค่ตรงนี้แต่คงหยุดมันเอาไว้ไม่ได้
เพราะเวลายังต้องเดินต่อไป...และเวลาทุกวินาทีของเขาต่อจากนี้
จะมีเพียงรุ่นน้องหน้าหวานเท่านั้นที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเขา
เป็นยอดดวงใจที่เขาแสนรักและจะถนอมเอาไว้อย่างดีที่สุด
“อ่ะแฮ้ม
ปล่อยมั่งอะไรมั่งเดี๋ยวก็หายใจหายคอกันไม่ออกพอดี”
เสียงทุ้มของคนพี่ที่หวงน้องยิ่งกว่าอะไรดังมาให้คนที่กำลังอิ่มไปด้วยความรักอมยิ้ม
“ต่อจากนี้ไม่ใช่แค่เพื่อนฟ่อนหรอกที่หวง...เพราะเพื่อนเมี่ยงเองก็หวง...หวงมาก
ห่วงมากและรักมาก” หยอดคำหวานให้คนรักได้ยิน
แม้จะเป็นคำพูดเดิมๆแต่ก็ทำให้หัวใจคนได้ยินเต้นเร็วไม่ต่างจากครั้งแรกที่ได้ยิน
“เอ้อ...หวานกันเข้าไป
เอาชาเขียวกับโกโก้ สูตรพี่ชายมาให้ จะรับมั้ยคร้าบ”
“ขอบคุณคร้าบ พี่ชาย...แฟน”
คนหน้าหวานที่เพิ่งได้รับฐานะใหม่ยิ้มเขิน
ใบหน้าแดงจนไม่รู้จะแดงยังไงแล้ว แต่ความอบอุ่นของหัวใจเพิ่มขึ้นไม่มีที่สิ้นสุด
นี่หรือที่เขาเรียกกันว่าความรัก...ที่แสนหอมหวาน เมื่อได้มาก็ยากที่จะรักษาเอาไว้
แต่สำหรับเธอแล้ว เธอจะรักษาความรักครั้งนี้เอาไว้ด้วยหัวใจ
หัวใจที่เต็มไปด้วยสาวหล่อมาดขรึมที่เธออยากจะเห็นรอยยิ้มของเขาทุกๆวัน
ความคิดเห็น