คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : EP.7 บทพิสูจน์ที่ฟ้าส่งมา
หน้าคณะศิลปกรรมที่เวลานี้มีผู้คนเดินไปเดินมาดูวุ่นวายแต่ก็ไม่เท่ากับหัวใจดวงเล็กๆของรุ่นน้องสาวที่มานั่งรอใครบางคนแต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงา ตั้งแต่เธอมาถึงจวบจนตอนนี้ก็นานแล้วถึงแม้ว่าวันนี้เธอจะนั่งรอเขาโดยที่ไม่ได้นัดกัน...แต่ถ้าหากรุ่นพี่สาวหล่อคิดกับเธออย่างที่เธอได้ยินการสนทนาเมื่อคืนแล้ว ทำไมวันนี้กลับไร้ร่องรอยของสาวหล่อหรือว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเขา ยิ่งคิดแบบนี้เธอเองก็ยิ่งวุ่นวายใจแต่จะทำอะไรก็ทำไม่ได้สักอย่าง
“น้องคุ้กกี้มานั่งทำอะไรตรงนี้ค้า แล้วนังเพื่อนทอมทั้งสองตัว เอ้ย...สองคนของพี่ไม่อยู่หรอคะ” เสียงดัดของฟรอยด์ทำให้คนที่นั่งมองโทรศัพท์อยู่ใจชื้น
“เอ่อ...กี้นั่งรอเพื่อนอ่ะค่ะ แล้วพี่ฟรอยด์ล่ะคะทำไมมาคนเดียวเอ่ย เพื่อนทอมของพี่ฟรอยด์ไม่มาด้วยเหรอคะ” ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าจะมองเธอยังไง แต่ถึงขนาดนี้แล้วเธอยอมรับว่าการที่ไม่เห็นหน้าหล่อๆของพี่รหัสแล้วมันรู้สึกแปลกๆยังไงชอบกล
“คงไม่ได้หมายถึงนังฟ่อนใช่มั้ยคะ เพราะต้องออกจากบ้านมาพร้อมกัน...”
“พี่ฟรอยด์อ่ะ” ใบหน้าแดงเรื่อจากคำแซวของกระเทยร่างเล็กรุ่นพี่
“วันนี้วันพุธนังทอมเมี่ยงมันคงอยู่ที่สตูแหละจ๊ะ ทุกวันพุธมันเปิดสตูรับงานน่ะ”
“อ๋อ..เหรอคะ แล้วนี่พี่ฟรอยด์จะไหนคะ ไม่มีเรียนเหรอคะ”
“เข้ามาส่องผู้ชายจ่ะ แล้วก็กำลังจะออกไปเอาแบบที่เอาไปฝากนังเมี่ยงเอาไว้ กี้จะไปกับพี่หรือเปล่าล่ะเรามีเรียนกี่โมง”
“วันนี้กี้เรียนบ่ายค่ะ แต่ที่ต้องมาก็เพราะพี่ฟ่อนนั่นแหละ” อ้างพี่สาวทั้งที่ความจริงก็คือเธอเองนั่นแหละที่ตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่เช้าเพียงเพราะอยากมาเห็นหน้าใครบางคน
“งั้นดีเลย ไปเป็นเพื่อนพี่หน่อยเคยไปสตูมันแล้วนี่...ปะๆไปเอารถกัน”
รถยนต์คันหรูเคลื่อนตัวมาเรื่อยๆตามเส้นทางที่คุ้นเคยเพราะฟรอยด์เองมักจะเอางานที่โปรเจคใหญ่ๆมาฝากไว้ที่สตูของเมี่ยงเหตุผลแรกเพราะเขาจะได้ไม่ต้องเอางานกลับไปไว้ที่คอนโดให้รกเปล่าๆ
ส่วนอีกเหตุผลนั่นก็คือ ถ้าหากว่างานไหนที่ยังไม่เสร็จเรียบร้อย
หรือไม่ก็ยังไม่ดีพอ เขาก็จะได้เมี่ยงนี่แหละที่คอยเกลางานให้ดูดีขึ้น
“พี่ฟรอยด์เป็นเพื่อนกับพี่เมี่ยงมานานแล้วเหรอคะ” คนที่นั่งอยู่ฝั่งข้างคนขับชวนคุย
“ก็นานนะ สามปีได้แล้วมั้ง ตั้งแต่ปีหนึ่งน่ะ ตอนแรกพี่ก็เรียนออกแบบนิเทศก์ศิลปเหมือนกับนังเมี่ยงนั่นแหละแต่ย้ายน่ะ ก็นะยังอยู่คณะเดียวกันไม่ว่าอะไรมันก็ยังเอื้อถึงกันอยู่ดี”
“แล้วกับพี่ฟ่อนล่ะคะ” ถามถึงพี่ตัวเองเพื่อไม่ให้มันดูน่าเกียจจนเกินงาน
“นังฟ่อนเป็นเพื่อนนังเมี่ยงไง พี่ก็ได้รู้จักกันตอนมีปาร์ตี้อะไรๆอย่างนี้ ถ้าอยากถามเรื่องนังเมี่ยงก็ถามมาเถอะ เจ๊อยากจะบอกว่าเจ๊เนี่ยดูหนูออกนะจ๊ะ” กระเทยร่างเล็กเปลี่ยนสรรพนามเรียกตัวเองและรุ่นน้องให้ดูสนิทสนมสร้างความคุ้นเคย
“เอ่ออ” ถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
“นังเมี่ยงเนี่ยถึงแม้ว่ามันจะมีโลกส่วนตัวอันติสต์ๆของมันอยู่มากโข แต่เท่าที่เจ๊สังเกต ตั้งแต่วันที่หนูเดินเข้ามาในชีวิตมันเนี่ย มันก็เปลี่ยนๆไปนะ พูดมากขึ้น เล่นมากขึ้นด้วย” คนฟังทำหน้าไม่เชื่อ
“จริงจิ๊ง” เสียงดัดยืนยันในสิ่งที่ตนได้พูดไป
“ไม่หรอกค่ะ พี่เมี่ยงเค้าอาจจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วก็ได้”
“ไม่เชื่อก็คอยดูเถอะ อินี่นะ เมื่อก่อนไม่เคยเห็นมันจะเริ่มเข้าหาใครก่อน ก็มีแต่หนูนี่แหละที่มันเอาตัวเองเข้ามาหาน่ะ” ในใจคนฟังนั้นอยากจะเถียง...เอาตัวเข้ามาหาซะที่ไหนกันล่ะ วันนี้ก็ปล่อยให้คนตัวเล็กรอเสียตั้งนาน
“ห๊า ถึงแล้ว
แต่ไม่มีที่จอดรถ...ใครบอกให้มันมาเช่าสตูในที่ทุรกันดารแบบนี้น้า หนูจ๋า
เดี๋ยวหนูขึ้นไปรอเจ๊ข้างบนก่อนนะค้า เจ้ไปหาที่จอดรถดีๆให้ลูกรักเจ้ก่อน” คนที่โดยสารมาด้วยทำตามโดยดี
คุ้กกี้ลงจากรถยนต์คันหรูแล้วตรงไปยังตึกสีขาวที่มองผ่านๆก็เหมือนกับอาคารพาณิชย์ธรรมดาที่มีประตูเหล็กเป็นทางเข้าตรงหน้าประตูไม่มีกุญแจลูกใหญ่คล้องเอาไว้นั่นหมายถึงว่าคนที่เธอต้องการมาหาอยู่ที่นี่อย่างที่ฟรอยด์ได้พูดเอาไว้จริงๆ
หลังประตูบานนั้นก็เป็นบันไดที่จะพาเธอขึ้นไปยังชั้นสองซึ่งเป็นที่ๆเธอเคยมากับสาวหล่อแล้วครั้งหนึ่ง
สิ่งผิดปกติเกิดขึ้นเมื่อคุ้กกี้เดินมาหยุดอยู่ตรงประตูบานเลื่อนเข้าสู่ห้องสี่เหลี่ยมที่มีเคาน์เตอร์บาร์ตั้งอยู่นั้นมันถูกล็อคเอาไว้
ไม่ว่าเธอจะพยายามเปิดมันสักเท่าไหร่ก็ยังเปิดไม่ออกเสียที
ทันใดนั้นดวงตากลมโตของเธอก็เหลือบไปเห็นกระดิ่งที่แขวนเอาไว้เยื้องๆกับประตูบานเลื่อน
- - - - -
‘กรุ้ง กริ้ง’ เสียงกระดิ่งที่คนร่างสูงแขวนเอาไว้ตรงเยื้องๆกับประตูห้องดังขึ้นทำให้คนที่อยู่ในห้องรับรู้ถึงการมาของใครบางคน
แต่เนื่องจากว่าตอนนี้เขายังปฏิบัติภาระกิจอยู่ภายในห้องน้ำจึงทำให้ไม่สามารถออกไปเปิดประตูต้อนรับคนที่เขาคิดว่าจะมาหาได้
เขาจึงได้ขอให้คนที่อยู่ภายในห้องนั้นด้วยช่วยทำอะไรบางอย่างแทนตัวเขาเอง
“สงสัยนังกระเทยฟรอยด์จะมาเอาของๆมันแล้วล่ะฮะ พี่เบนช่วยเอาแฟ้มงานบนเคาน์เตอร์ให้อิฟรอยด์แทนเมี่ยงทีนะฮะ” ร่างสูงตะโกนออกมาจากห้องน้ำที่
“จ้า” .... “ว้าย” เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ด้านนอก
สาวหล่อที่อยู่ในห้องน้ำจึงพรวดพราดออกจากห้องน้ำเพียงเพราะได้ยินเสียงตกใจของรุ่นพี่สาวที่เขาขอให้มาเป็นแบบให้ทั้งที่ยังแต่ตัวไม่เรียบร้อยเท่าไหร่นัก
หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่ยืนอยู่ถัดจากประตูบานเลื่อนยิ่งทำให้เมี่ยงตกใจยิ่งขึ้น
และยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้พี่เบน...นางแบบที่เขามักขอให้มาช่วยเป็นแบบวาดรูปเปลือยยังอยู่ในสภาพเสื้อผ้าน้อยชิ้นอีก
ไม่รู้ว่าตอนนี้คุ้กกี้จะคิดอะไรอยู่
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้อธิบายสิ่งที่รุ่นน้องสาวหน้าหวานเห็นเธอก็วิ่งแจ้นไปเสียแล้ว
“พี่นึกว่าเป็นน้องฟรอยด์ พี่เลยไม่ได้ใส่....”
“ไม่เป็นไรฮะ พี่เบน เมี่ยงเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกัน” “เดี๋ยวเมี่ยงมานะฮะ” พูดจบก็วิ่งตามคนที่เพิ่งเข้าใจผิดออกไปแต่ยังไม่พ้นบานประตู ร่างเล็กของเพื่อนกระเทยก็มาขวางเอาไว้เสียก่อน
“มันเกิดอะไรขึ้นนังทอม ทำไมน้องกี้ถึงวิ่งร้องไห้ออกไป ชั้นถามอะไรก็ไม่ตอบ” คนที่เพิ่งเข้ามาไม่รู้เรื่องอะไรก็ได้แต่ถามไม่รู้เลยว่าอารมณ์คนจะตอบน่ะเป็นอย่างไร
“ดูเองดิ ถอย...” ร่างสูงผลักเพื่อนกระเทยของเขาให้หลีกออกจากทางที่ขวางเขาเอาไว้
ก่อนจะเดินแกมวิ่งตามคนที่เพิ่งวิ่งร้องไห้ลงมา
สาวหล่อร่างสูงเดินแกมวิ่งลงมาจากชั้นสองของตึก
เขามองซ้ายมองขวาแต่กลับไม่เห็นใครเลย ไม่มีแม้แต่เงาของรุ่นน้องสาวหน้าหวานที่ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเข้าใจอะไรๆไปถึงไหนแล้ว
เขาหยิบเอาโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมากดโทร.หาคุ้กกี้แต่ไร้การตอบรับใดๆทั้งสิ้น
จากครั้งแรกนำไปสู่การโทร.ครั้งที่สองที่ยิ่งเลวร้ายลงไปอีกนั่นก็เพราะปลายสายปิดเครื่องไปแล้ว
ฃ
เมี่ยงขับเคลื่อนเจ้าสองล้อคู่ใจตรงไปยังมหาวิทยาลัยวันนี้หากไม่มีการเคลียร์กันเขาคงอยู่อย่างกระวนกระวายใจ
งานที่ตั้งใจว่าจะวาดให้เสร็จก็คงจะไม่ได้เสร็จเป็นแน่
ดีที่เขายังพอจะคุ้นหน้ากลุ่มเพื่อนของคุ้กกี้อยู่บ้างไม่อย่างนั้นคงหาลำบาก
“น้องครับ อยู่เสกเดียวกับคุ้กกี้รึเปล่าครับ” เขาตรงเข้าไปถามรุ่นน้องกลุ่มหนึ่งที่เขาเคยเห็นไปไหนมาไหนกับคุ้กกี้บ่อยๆ
“ค่ะ พี่เมี่ยง” การที่รุ่นน้องรู้จักชื่อของเขานั่นก็หมายถึงว่าคุ้กกี้อาจจะเคยพูดถึงเขา แต่ตอนนี้อะไรมันก็ยังไม่สำคัญเท่าเรื่องที่คุ้กกี้กำลังเข้าใจเขาผิด
“วันนี้กี้ไม่มาเรียนเหรอครับ”
“พวกเรามีใครเห็นกี้บ้างป่ะ” คนหนึ่งหันไปถามเพื่อนๆในกลุ่ม ทุกคนล้วนแล้วแต่ส่ายหน้า
“ไม่มีค่ะ พี่เมี่ยงมีอะไรฝากพวกเราไว้ก็ได้นะคะ ถ้าพวกเราเจอกี้เดี๋ยวพวกเราจะบอกให้ค่ะ”
“ขอบคุณครับ
บอกแค่ว่าพี่ตามหาอยู่ก็พอ....เอ่อ อีกอย่างบอกให้กี้เปิดโทรศัพท์ด้วยนะครับ”
ถ้าหากไม่อยู่ที่มหาวิทยาลัยแล้วรุ่นน้องหน้าหวานจะไปอยู่ที่ไหน....ที่บ้าน...ใช่ที่บ้าน
ร่างสูงหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงอีกครั้ง
ครั้งนี้เขากดเบอร์โทรศัพท์ที่ตัวเองคุ้นตาเพราะใช้โทร.หาเพื่อนรักมาเป็นเวลาเกือบสามปี
“ไอ้ฟ่อนเหรอ น้องกี้อยู่กับมึงรึเปล่าวะ” กรอกเสียงลงไปอย่างรีบร้อนจะเอาคำตอบ
“เปล่า แต่เมื่อกี้โทร.มาบอกว่าจะกลับบ้าน ปวดหัว...มึงมีไรเปล่า”
“มึงฟังกู...มึงฟังกูก่อนนะ แล้วก็อย่าเพิ่งด่ากูนะ เคป่ะ”
“เออ ให้ไว”
“น้องกี้ไปเจอพี่เบนอยู่ที่สตู พี่คนที่กูชอบให้มาเป็นแบบเปลือยอ่ะมึง จำได้ป่ะ แล้วพี่แกก็อยู่ในชุดที่พร้อมจะปฏิบัติหน้าที่อ่ะ กู โอ้ยย จะพูดยังไงดีวะ”
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น รู้ไว้แค่ว่า น้องกูร้องไห้ เข้าใจมึงผิดไปใหญ่โตแล้ว...และกูก็เคยบอกมึงแล้วว่าถ้ามึงทำให้น้องกูร้องไห้เมื่อไหร่ กูกับมึงก็ไม่ใช่เพื่อนกันอีกต่อไป”
“เฮ้ยเดี๋ยวดิ อันนี้กูไม่ได้ทำ อิฟรอยด์มันทำ...มันบอกว่ามันจะมาเอาของ แต่กูไม่รู้นี่ว่าน้องมึงจะมาด้วย กูก็นึกว่าเป็นอิฟรอยด์ กูก็เลยให้พี่เบนเปิดประตูให้มันเข้ามาแล้ว”
“แค่นี้แหละ
กูไม่คุยกับมึงแล้ว” ปลายสายตัดสายไปแล้ว
ยิ่งทำให้คนใจร้อนกระวนกระวายใจหนักเข้าไปอีก
เมี่ยงไม่รอเวลาให้มันเดินผ่านไปโดยไร้ค่า
เขารีบขับเคลื่อนเจ้าสองล้อคู่ใจออกไปแต่ไปได้ไม่เท่าไหร่มันก็เกิดอาการแปลกๆ
ล้อหน้าส่ายไปส่ายจนเจ้าของต้องลงมาดูแล้วก็ได้คำตอบว่า
ไม่รู้ใครเอาตะปูกลัดกระทงมาทิ้งไว้กลางถนนจนมันทิ่มแทงเข้าไปในยางรถของเขาทำเอาร่างสูงหงุดหงิดใจขึ้นไปอีก
- - - - -
“แม่ยัยกี้อยู่ไหนฮะ” ลูกสาวคนโตของบ้านถามถึงน้องสาว ที่ก่อนหน้าโทร.มาร้องไห้ให้ได้ยินทั้งยังบอกว่าปวดหัวอยากจะกลับบ้านก่อน อีกทั้งเพื่อนรักก็โทร.มาบอกถึงสาเหตุที่ทำให้น้องสาวของเขาร้องไห้ เรื่องที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นเพราะอะไรสักอย่างอยากจะพิสูจน์ความรักของคนทั้งสองก็ได้มั้ง
“อยู่บนห้องกลับมาก็ขลุกตัวอยู่แต่ในห้อง บอกแม่ว่าปวดหัวแล้วก็วิ่งขึ้นห้องไปเลย ชิฟฟ่อนขึ้นไปดูน้องหน่อยสิลูก” คนเป็นแม่บอกลูกสาวคนโต เพราะตัวเองต้องแต่งหน้าเค้กที่ลูกค้าสั่งเอาไว้
“ฮะแม่” พูดจบก็เดินขึ้นบ้านไปอย่างรวดเร็ว
‘ก๊อกๆ’ เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองครั้งก่อนจะถูกเปิดออกโดยคนที่อยู่ข้างนอก คุ้กกี้ไม่ได้ล็อคประตูเพราะว่ายิ่งล็อคก็ยิ่งทำให้คนที่บ้านเป็นห่วงและไม่ว่ายังไงก็ต้องไขกุญแจเข้ามาอยู่ดี ร่างบางใช้มือปาดน้ำตาที่แก้มออกก่อนจะลุกขึ้นนั่ง
“เป็นอะไรเรา บอกพี่มาสิ” ชิฟฟ่อนใช้มือลูบผมน้องสาวเบาๆ ความรู้สึกมากมายทะลักเข้าสู่หัวใจของหญิงสาวที่เพิ่งไปเห็นในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น สิ่งที่ทำให้หัวใจของเธอราวกับถูกเหยียบเอาไว้ ทั้งที่ไม่คิดว่าจะเอาความรู้สึกของตัวเองไปผูกไว้กันรุ่นพี่ได้มากมายขนาดนี้
“แค่ปวดหัวน่าพี่ฟ่อน ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”
“ไอ้เมี่ยงมันเล่าให้พี่ฟังหมดแล้ว” คนฟังได้แต่คำตาโตพี่รหัสของเธอบอกอะไรกับพี่สาว
“มันบอกว่ากี้กำลังเข้าใจมันผิด คนที่กี้เห็นเป็นแค่นางแบบของมันก็แค่นั้น”
“พี่ฟ่อนอยากจะให้กี้เชื่อแบบนั้น ทั้งที่ก่อนหน้าพี่ฟ่อนเป็นคนที่คอยบอกกี้เองว่าพี่เมี่ยงเจ้าชู้ ชอบมีกิ๊ก มีกิ๊กตั้งหลายคน แล้วผู้หญิงคนที่กี้เห็นก็เป็นผู้หญิงคนเดียวกับที่เราเคยเจอพี่เมี่ยงไปส่ง”
“คนนั้นเค้าชื่อพี่เบน พี่เองก็รู้จักแต่ที่วันนั้นต้องพูดแบบนั้นก็เพราะว่า พี่กลัวว่ากี้จะชอบไอ้เมี่ยง พี่กลัวกี้จะต้องเสียใจ” ชิฟฟ่อนยอมบอกความจริง การที่เห็นน้องสาวร้องไห้ให้กับเพื่อนรักนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ แม้ว่าเขาจะไม่อยากให้คุ้กกี้คบกับเพื่อนรักของเขาก็เถอะ
“แล้วตอนนี้พี่ฟ่อนไม่กลัวเค้าเสียใจแล้วหรอ ถึงบอกความจริงกับเค้า”
“กลัว แต่มันก็เป็นเรื่องของอนาคตเนอะ ตอนนี้ต่างหากที่เป็นปัจจุบัน พี่จะทนเห็นน้ำตาของนางฟ้าตัวน้อยของพี่ได้เหรอ” คนที่นั่งอยู่โอบเอวพี่สาวเอาไว้หลวมๆ
ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะรู้แล้วว่าสิ่งที่เธอเข้าใจนั้นมันผิด
แต่เธอก็ยังไม่ชอบใจอยู่ดีที่เห็นว่าเมี่ยงจะต้องไปมองอะไรๆของผู้หญิงคนอื่น
แล้วทำไมเธอถึงต้องรู้สึกแบบนั้นล่ะ
“นี่เราจะยอมรับแล้วใช่มั้ยว่าชอบไอ้เมี่ยงน่ะ”
“เปล่าซะหน่อย เค้าไม่ได้ยอมรับ...เค้าแค่เป็นอะไรไม่ยู้....”ยังพูดไม่จบชิฟฟ่อนก็แทรกขึ้นมาก่อน
“เป็น เป็นเพราะอะไร ยังไม่เข้าใจได้เลยสักที แค่ได้ยินเสียง ก็หัวใจเต้นถี่” ชิฟฟ่อนร้องเป็นเพลงรักหวานๆแซวน้องสาว
“ไอ้พี่ฟ่อนอ่ะ”
“ดูๆเขินใหญ่แล้ว เฮ้อ...น้องสาวพี่จะแฟนแล้วสินะ ต่อพี่ก็ต้องเหงาเพราะต้องขับรถกลับบ้านคนเดียว” ทำหน้าเศร้า ความเป็นจริงแล้วมันก็ใจหายที่อยู่ๆก็เหมือนกับจะโดนแย่งน้องไป
“ใครบอกว่าเค้าจะมีแฟน เค้ายังไม่มีแฟนง่ายๆหรอก ตราบใดที่ตัวยังไม่มีแล้วเค้าจะมีได้ไง”
“ไอ้เมี่ยงมันไม่ยอมหรอก”
“ทำไมจะไม่ยอม เค้ากับพี่เมี่ยงยังไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย เค้าก็แค่คิดไปเอง เพื่อนตัวยังไม่ได้บอกซะหน่อยว่าจะจีบเค้า” ทำเป็นเฉไฉ ทั้งที่ความเป็นจริงรู้อยู่เต็มหัวใจว่าพี่รหัสหน้าหล่อคิดยังไงกับตัวเอง
“อย่าบอกว่าดูไม่ออก”
“ดูออก แต่ไม่อยากยอมรับไม่อยากคิดอะไรไปเอง นี่ก็พลาดมากแล้วเนี่ย ไม่รู้ป่านนี้เพื่อนตัวจะเป็นยังไง คงรู้แล้วมั้งว่าเค้ารู้สึกยังไงน่ะ”
“มันโง่ ไม่รู้หรอก ปากแข็งใจอ่อน จะบอกรักก็ไม่กล้าบอก ถ้าเป็นเค้านะ เสร็จไปและ” ความรู้สึกชาวาบเกิดขึ้นที่ต้นแขนของชิฟฟ่อนเมื่อน้องสาวสุดที่รักเอามือนิ่มๆมาบิดเนื้ออ่อนบริเวณต้นแขน
“โอ้ยๆๆ ปล่อยดิยัยกี้ ปล๊อยยย”
“ชิฟฟ่อน
คุ้กกี้....เมี่ยงมาหาน่ะลูก”
เสียงของนายเจ้าของร้านเบเกอรี่ซึ่งเป็นคุณแม่ของคนทั้งสองดังมาจากข้างล่างบอกถึงการมาเยือนของเพื่อนรักของชิฟฟ่อนและผู้เป็นที่รักของสาวน้อยที่ชื่อคุ้กกี้
- - - - -
โปรดรอติดตามตอนต่อไป...จะขยันเอามาลงให้อ่านครับผม
#นายกานต์คนเดิมกลับมาแล้วนะ
ความคิดเห็น