คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ยืนยัน...จะรักเธอ
สาวหล่อร่างสูงที่ยอมลดเวลาทำงานพิเศษของตัวเองเพียงเพื่อมานั่งดูรุ่นน้องสาวซ้อมเชียร์
จะว่านั่งดูเฉยๆก็ไม่ถูกเพราะถ้าดูเผินๆแล้วเหมือนกับว่าเมี่ยงกำลังนั่งคุมคุ้กกี้ต่างหาก
ก็รุ่นพี่สาวหล่อเล่นนั่งไม่พูดจากับใครทั้งยังทำหน้าขรึมชนิดที่ว่าใครเห็นก็ต้องกลัวว่าสาวหล่อจะทึ้งร่างให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“นังเมี่ยง
เป็นอะไรยะตั้งแต่ชั้นเห็นแกมานั่งตรงนี้เนี่ยชั้นยังไม่เห็นแกจะยิ้มแย้มกับใครเลยสักคน
ทำหน้ายังกับหมาบ้า”
กระเทยร่างเล็กที่คุมเชียร์อยู่ไม่วายเดินมาแขวะคนทำหน้าตึง
ก่อนจะหย่อนก้นเล็กๆลงตรงที่ว่างข้างๆกับเมี่ยง
“หงุดหงิดมึง
ทำไมวะทำไมต้องให้น้องกี้ของกูมาเป็นตัวเซ็นเตอร์ด้วย กูไม่น่าเล้ย”
“ก็น้องกี้ She ตัวเล็ก น่ารัก หน้าได้ หุ่นได้ ทำไมชั้นต้องเอาคนตัวหย่ายๆมาเป็นล่ะแก๊”
ลอยหน้าลอยตาพูดก่อนจะควักเอาอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นให้กับสาวหล่อ
เมี่ยงมองดูจูปาจุ๊บที่อยู่ในมือด้วยอาการงงๆ
ตั้งแต่คบกันเป็นเพื่อนกันมาเขาไม่เคยเห็นเพื่อนชายใจสาวจะชอบอะไรแบบนี้
หรือว่าการที่ได้รุ่นน้องผู้ชายหน้าหล่อๆอย่างกรที่เขายกให้เป็นน้องรหัสแลกกับคุ้กกี้นั้นทำให้เพื่อนของเขาเปลี่ยนไป
ก็ตั้งแต่วันนั้นเขาก็เห็นว่าถ้ามีเพื่อนกระเทยร่างเล็กของเขาอยู่ที่ไหนก็จะต้องเห็นกรหนุ่มหล่อคิ้วเข้มหุ่นดีอยู่เคียงข้าง
“เอามาให้กูทำไม กูไม่กินลูกอมเดี๋ยวฟันผุ”
“คนโน้นเค้าฝากมาให้”
ฟรอยด์บุ้ยปากไปทางคนที่นั่งพักอยู่ขอบสนามหญ้าทำเอาคนหน้าตึงถึงกับยิ้มเล็กยิ้มน้อย
“พักแล้วเหรอวะ” “เดี๋ยวชั้นไปหาน้องคุ้กกี้ก่อนนะ” ไม่รอคำตอบใดๆทั้งสิ้น
สาวหล่อร่างสูงลุกขึ้นพร้อมกับน้ำส้มนี่ห้อคุ้นตาที่เขาถือติดมือมาเพื่อให้ใครบางคน...
“น้ำครับ น้องกี้” สาวหล่อยื่นน้ำส้มผสมเนื้อส้มให้กับคนที่เพิ่งพักจากการซ้อม “เอ่อ กี้เอาจูปาจุ๊บมาให้พี่ทำไมคะ”
ยังทำมึนถามได้อีก
“ก็เห็นพี่เมี่ยงนั่งทำหน้าบูดอยู่ตรงโน้นก็เลยคิดว่า
ถ้าได้อะไรหวานๆก็น่าจะทำให้อารมณ์ดีขึ้นนะคะ”
คำตอบของหญิงสาวตรงหน้าทำให้สาวหล่อยิ้มกว้างกว่าเดิม
ทั้งในมือก็ยังถืออมยิ้มยี่ห้อดังเอาไว้
“ไม่ต้องกินเลย
แค่เห็นหน้ากี้ พี่ก็หวานจนจูปาจุ๊บยังอาย”
พูดจบก็ทำท่าอยากจะเขกหัวตัวเอง ไม่รู้พูดไปได้ยังไง
ไม่ต่างจากคนตรงหน้าที่ได้ยินแล้วอุณหภูมิร่างกายอยากจะขึ้นสูงปรู๊ดปร๊าดเสียอย่างนั้น
“แหมๆ
มึงนี่ดูแลน้องรหัสดีจริงๆนะไอ้เมี่ยง งานการไม่ไปทำรึยังไง”
ใครบางคนที่ก้าวเข้ามาขัดจังหวะการสนทนาที่ทำท่าว่ากำลังจะเป็นไปได้ด้วยดี
“อ้าว
พี่ฟ่อน...เค้าบอกตัวแล้วไงว่าวันนี้เดี๋ยวเค้ากลับเอง ให้ตัวกลับไปช่วยแม่ที่ร้านก่อน”
“ไม่เอาอ่ะ
เค้าอยากอยู่เฝ้าตัว...เดี๋ยวมีใครมาจีบ”
คำตอบของคนพี่ทำเอาเมี่ยงอมยิ้มพรางคิดในใจว่า ‘อย่าคิดว่ากูยังไม่รู้เรื่องนะเฟ้ย’
“พี่ฟ่อนก็พูดไป ใครจะมาจีบ”
“นั่นดิ มึงกลัวใครจะมาจีบวะ
กูนั่งอยู่นี่ทั้งคน...” เมี่ยงพูดยั่วเพื่อนรัก
“ก็...ก็มึงแหละ
มึงเลยไอ้เมี่ยง”
“พี่ฟ่อนอ่ะ ไม่ใช่ซะหน่อย
พี่เมี่ยงเค้า...ไม่ได้...อะไรกับกี้เลย”
การพูดติดๆขัดๆของคนหน้าหวานทำให้สาวหล่อทั้งสองหันหน้ามามองกันโดยอัตโนมัติ
รอยยิ้มจางๆของเมี่ยงยิ่งทำให้ฟ่อนรับรู้ถึงความผิดปกติของคนทั้งสอง
“เค้าไปซ้อมต่อก่อนแล้ว
พี่ฟรอยด์เรียกแล้ว” พูดจบก็วิ่งเข้ากลุ่มไปกับกลุ่มเชียร์
ทิ้งสาวหล่อสองคนให้ประชันหน้ากันเอง
“มึงไปคุยกับกูที่สแตนเชียร์เลยไปไอ้เมี่ยง” คนเป็นพี่ชิงพูดขึ้นก่อน
บนสแตนเชียร์ที่สองสาวหล่อนั่งอยู่ด้วยกันโดยเว้นระยะห่างกันพอสมควร
ชิฟฟ่อนดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะกลัวว่าน้องสาวจะไปหลงรักเพื่อนรักของเขา
แต่อีกฝ่ายกลับมีรอยยิ้มจางๆตรงมุมปากเพราะเขาประติดประต่อเรื่องราวทั้งหมดได้หมดแล้ว
“มึงคิดอะไรกับคุ้กกี้หรือเปล่าวะ” คนหน้าเครียดชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน
“ถ้ากูบอกว่ากูคิดล่ะ
มึงจะว่ายังไง”
“มึงก็รู้ว่ากูกับกี้...แล้วมึงยังจะคิดแบบนั้นกับกี้ได้ยังไงวะ” เสียงดังขึ้นจากตอนแรก
แต่ยังไม่มากพอที่จะทำให้คนในสนามรับรู้ถึงสิ่งที่ทั้งคู่คุยกัน
“กูคิดว่า
มึงก็รู้นะว่าตัวมึงเองกับกี้เป็นอะไรกัน”
สิ้นเสียงพูดของเมี่ยง ชิฟฟ่อนทำหน้าตกใจนิดหน่อย แต่เขาก็คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าถ้าเมี่ยงไม่รู้เรื่อง
คงไม่มีทางที่เพื่อนรักของเขาจะมาทำอะไรแบบนี้
“อืม...ถ้ามึงรู้แล้วก็ดี
กูรักน้องกูมากนะ กูขอล่ะ อย่ามายุ่งกับน้องกูเลยนะ มึงจะยุ่งกับผู้หญิงคนไหน
จะทำอะไรๆกับผู้หญิงคนไหนก็ได้ แต่ขอล่ะ อย่าเป็นน้องกูเลย”
ชิฟฟ่อนพูดตรงๆอย่างคนที่รู้จักนิสัยของเพื่อนรัก
เมี่ยงในสายตาของเขายังไงก็คือคนขี้เบื่อ
ถ้าเบื่อผู้หญิงคนไหนเขาก็จะทิ้งอย่างไม่ใยดี
ชิฟฟ่อนจึงไม่อยากให้น้องสาวของเขาต้องตกที่นั่งแบบนั้น
“ถ้ากูให้มึงไม่ได้ล่ะ” ดวงตาคู่คมมองตรงไปยังคนหน้าหวานที่ยังซ้อมเชียร์โดยที่ไม่รู้เรื่องว่า
เขากับพี่ของเธอกำลังพูดถึงเธออยู่ คุ้กกี้ไม่ได้เป็นแค่เพียงสิ่งที่ชิฟฟ่อนหวงแหนที่สุดเท่านั้น
แต่เธอคือดวงใจทั้งดวงของเมี่ยงอีกด้วย
“มึงหมายถึง...”
“กูไม่ได้มองน้องมึงเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ
เพราะเธอไม่เหมือน เธอไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่กูเคยเจอมาก่อน กูไม่เคยต้องรู้สึกทรมานใจกับผู้หญิงคนไหน
แต่กูเป็นกับน้องของมึงตอนที่กูยังคิดว่าคุ้กกี้เป็นผู้หญิงของมึงและกูแตะต้องเธอไม่ได้” คนนั่งฟังอยู่หันมามองหน้าเพื่อนรักอย่างค้นหาความจริงจากคำพูด
ดวงตาคู่คมนั้นมองกลับไปยังเพื่อนรักอย่างหนักแน่นและจริงจัง
“กูขอล่ะ...ให้กูได้พิสูจน์ตัวเองบ้าง
ว่ากูจะรักและดูแลคุ้กกี้ได้ดีไม่น้อยกว่ามึง
กูจะไม่สัญญากับมึงว่ากูจะไม่ทำให้น้องของมึงเสียใจ
แต่กูจะทำทุกอย่างที่กูพูดในวันนี้ให้มึงดู
แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่คุ้กกี้แสดงให้กูเห็นว่าเธอไม่ได้คิดอะไรกับกู
กูก็จะไม่อะไรอีกเลย” เมี่ยงพูดต่อ ดวงตาคู่คมยังประสานเข้ากับดวงตาอีกคู่ของคนที่นั่งตรงข้าม
“กูก็จะไม่บอกว่ากูจะให้เวลามึงกี่วัน
กี่เดือน กี่ปี
เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่มึงทำให้กี้เสียน้ำตาแม้แต่หยดเดียวมึงรู้เอาไว้ด้วยว่าวันนั้นมึงก็จะไม่มีเพื่อนอย่างกูอีกต่อไป” คำตอบของชิฟฟ่อนทำให้เพื่อนรักอย่างเมี่ยงยิ้มออก
แต่ยังไม่ทันไรก็ต้องหงุดหงิดกับภาพที่เขาเห็นตรงสนามหญ้า
- - - - -
ภาพชายหนุ่มร่างสูงหุ่นกำยำอย่างนักกีฬาใบหน้าคมเข้มที่อยู่ในทีมเชียร์ที่เขามองไกลๆแล้วเห็นว่ากำลังจับมือรุ่นน้องที่สาวหล่อสุดแสนจะหวงอยู่นั้นทำให้รุ่นพี่ขี้หวงแทบอยู่ไม่ติดที่นั่ง
อาการที่เมี่ยงเป็นอยู่ทำให้เอาเพื่อนรักอย่างชิฟฟ่อนอดไม่ได้ที่จะแซว
“เอาล่ะเว้ย
ผีบ้าจะเข้าร่างเพื่อนกูแล้ว”
ชิฟฟ่อนที่โล่งใจอย่างบอกไม่ถูกถึงกับออกอาการแซวคนที่ทำท่ากระวนกระวายอยู่ข้างๆ
“เอ้อ
มึงสบายใจแล้วนี่...ไอ้นั่นมันเป็นใคร มันมาเจ๊าะแจ๊ะอะไรกับน้องกี้ของกูวะน่ะ” ไม่ทันไรก็ออกตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของคนตัวเล็กในสนามซะแล้ว
“น้อยๆหน่อย กูเปิดโอกาสให้
แต่น้องกูยังไม่ใช่ ของมึงเว้ย”
“เออๆ เดี๋ยวกูมา”
เมี่ยงไม่ได้ตั้งใจฟังที่เพื่อนรักพูดเท่าไหร่เพราะสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในสนามมันทำให้คนขี้หวงอดรนทนไม่ไหวต้องพาตัวเองวิ่งแจ้นลงไปในสนามที่พวกนั้นซ้อมเชียร์กันอยู่
“ลงมาทำไมนังทอมเมี่ยง
ยังไม่เลิกย่ะ”
ดูเหมือนคำพูดของฟรอยด์ไม่สามารถทำให้สาวหล่อหยุดเดินตรงไปหาร่างบางยอดดวงใจของเขาได้
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะกี้” เพียงแค่ได้ยินเสียงทุ้มคุ้นหูของสาวหล่อรุ่นพี่คุ้กกี้ก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
เพราะอยู่ดีๆผู้ชายคนตรงหน้าก็เดินมาพูดด้วย
แต่พอเธอจะหันไปทางอื่นเขากลับเอาตัวมาขวางเอาไว้ทั้งยังถือวิสาสะจับมือเธอเอาไว้อีก
“พี่เมี่ยง...” ร่างบางเดินไปหลบที่หลังของพี่รหัสสาวหล่อ
“มีอะไรกันหรือเปล่า” สาวหล่อหันไปถามคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเสียงอ่อน
ก่อนจะหันไปหาผู้ชายคนนั้นแล้วพูดเสียงเข้มผิดกับเมื่อครู่ “ถ้าไม่มีอะไรก็ไปซ้อมสิครับ”
“พี่จะมายุ่งไรด้วย
พี่อยู่ชมรมเชียร์หร๊อ”
“พี่คนนั้นเขาไม่ได้อยู่ชมรมเชียร์หรอกค๊า
แต่พี่เนี่ย....ประธานชมรมเชียร์ ชัดมั้ยค๊า”
เสียงดัดแทรกขึ้นมาทำเอาทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียว
ไม่ใช่ว่าฟรอยด์ม่เห็นว่ามีใครมาเจ๊าะแจ๊ะกับคนหน้าหวาน
แต่เพราะอยากดูอาการของเพื่อนทอมเขาจึงยอมปล่อยให้เรื่องมันเลยตามเลย
“เอ่อ...ไม่มีครับ ไม่มี” กลายเป็นรุ่นน้องหนุ่มหล่อคนนั้นที่ต้องเอาตัวเองออกไปจากที่ตรงนั้น เมื่อเห็นว่าคนที่ไม่ต้องการจะยุ่งด้วยได้ออกจากที่ตรงนั้นไปแล้ว
คุ้กกี้ที่ยืนหลบอยู่ด้านหลังของเมี่ยงก็เดินออกมาทั้งยังทำหน้าสำนึกผิดราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากความผิดของตัวเอง
“ไม่เป็นไรนะคะกี้” เมี่ยงหันมาปลอบโยนคนหน้าหวานก่อนจะหันมาพูดกับเพื่อนด้วยน้ำเสียงที่แสนจะแตกต่างกัน
“ต่อไปแกทำยังไงก็ได้ที่ไอ้นั่นไม่ต้องมาโดนตัวกี้
เอามันออกจากทีมได้ยิ่งดี”
“อิ๊บ้า
เอาออกชั้นก็ต้องหาคนใหม่ดิ ไม่เอาอ่ะ แต่จะหาเลี่ยงๆให้แล้วกัน”
“พี่เมี่ยงแล้วพี่ฟ่อนล่ะคะ” ร่างบางแปลกใจที่งานนี้พี่สาวของเธอไม่ออกโรงเองกลับหายตัวไปอย่างไร้วี่แววอีกด้วย
จะมีก็แต่สาวหล่อพี่รหัสที่เธออยู่ใกล้แล้วแสนจะสบายใจ อบอุ่นใจและรู้สึกปลอดภัย
“มันคงกลับไปแล้วมั้ง
นับจากวันนี้พี่จะเป็นคนไปส่งกี้ที่บ้านเองนะ”
“โอ๊ยๆ คุณน้องๆขา
วันนี้เลิกซ้อมค่ะ น้ำตาลเกลื่อนพื้นที่ซ้อมต่อคงจะไม่ได้
เดี๋ยวระดับน้ำตาลในเลือดจะสูงปรี๊ดเห็นแล้วอิจฉา”
เสียงแซวของฟรอยด์ทำเอาคุ้กกี้หน้าแดง
ไม่ใช่แค่คุ้กกี้เพราะเมี่ยงเองก็มีอาการไม่ต่างกันนัก
- - - - -
บนท้องถนนที่การจราจรค่อนข้างติดขัดเพราะเป็นเวลาที่คนทำงานเลิกงานและกำลังเดินทางกลับที่พักอาศัยทั้งยังเป็นแหล่งธุระกิจแต่กับเจ้าสองล้อคู่ใจของเมี่ยงแล้วไม่ได้เคยได้สัมผัสคำๆนั้น
ไม่เคยมีคำว่ารถติดตราบใดที่เจ้าของร่างสูงสามารถขับเคลื่อนมันซอกแซกไปได้
“อยากให้รถติดจังเนอะ”
อยู่ดีๆเสียงทุ้มของคนขับเคลื่อนเจ้าสองล้อพูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“คะ”
“อยากให้รถติดจัง
ขับแบบนี้เดี๋ยวก็ถึงบ้านกี้เร็ว”
เขาจะรู้บ้างหรือเปล่าว่าคำพูดของเขาทำให้ใครบางคนนั่งใจเต้นไม่เป็นจังหวะอยู่ด้านหลัง
ไม่รู้ว่าความหมายของเขาจะหมายถึงว่าอยากอยู่กับเธอนานๆหรือเปล่า
“ทำไมล่ะคะ” เธอถามเพียงแค่ต้องการคำยืนยันในคำตอบ...คำตอบที่เธอเองเผลอตอบเองแล้ว
“อยากอยู่กับกี้นานๆ” แค่ห้าคำ...ห้าคำที่ทำให้หัวใจของร่างบางเต้นรัว
“กี้ล่ะ อยากอยู่กับพี่นานๆ
เหมือนที่พี่เป็นมั้ย” ความเงียบเข้ามาครอบงำคนทั้งสอง
นอกจากคนข้างหลังจะเงียบไปแล้ว หัวใจของคนขับเองก็เกือบจะหยุดเต้นนานนับหลายนาที
“ค่ะ...”
“งั้นเราไปขับรถเล่นกันก่อน” พูดจบร่างสูงก็เลี้ยวรถไปอีกทาง
เจ้าสองล้อที่พาคนทั้งสองมาเรื่อยๆตามการควบคุมของสาวหล่อถนนที่เห็นอยู่ข้างหน้าแม้ว่ามันจะยาวไกลและดูเหมือนจะใช้เวลาที่ยาวนานกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง
หากแต่เพราะทั้งคู่มีเพียงจุดหมายปลายทางของหัวใจเท่านั้นที่ต้องไปให้ไป
ระยะทางของท้องถนนจึงไม่ใช่สิ่งที่คนทั้งสองกังวนอยู่เลย
มีเพียงแค่หัวใจเท่านั้นที่ดูจะสั่นไหวไร้แรงใดๆที่ฉุดรั้งเอาไว้ให้มันอยู่กับเนื้อกับตัว
“ชอบมั้ยคะ” สาวหล่อถามคนที่มาด้วย
เหมือนเขาไม่มีเรื่องอะไรจะพูดทั้งที่ความเป็นจริงมันไม่ใช่เลย
เพราะเขาไม่รู้จะเริ่มพูดอย่างไรเสียมากกว่า
“พี่เมี่ยงหมายถึง
นั่งรถเล่นเหรอคะ”
“อ่ะ...อื้ม” เมี่ยงจะบอกยังไงล่ะว่าไม่ใช่...เขาหมายถึงว่า ชอบเขามั้ย
“ถ้ามาแบบนี้ก็ชอบค่ะ
ลมเย็นดี”
“พี่ก็ชอบนะ สบายใจดี”
นานแค่ไหนไม่รู้ที่คนทั้งสองพาตัวเองล่องลอยไปกับอารมณ์ที่อ่อนไหวและเวลาที่แสนหวาน
เมี่ยงรู้ดีว่าเวลาทุกนาทีที่เขาได้ใกล้ชิดกับรุ่นน้องหน้าหวานนั้นมีค่าไหนและเขาก็เก็บมันเอาไว้ในห้วงของความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลของเขา
ไม่ว่าจะเป็นวันนี้หรือจะวันไหนๆคนที่เขาอยากจะดูแลและอยู่ใกล้ก็จะเป็นใครไม่ได้นอกจากยอดดวงใจที่เขาแสนรัก
รักอย่างที่ไม่เคยคาดหวังอะไร
เวลาที่ล่วงเลยไปเขาจำเป็นที่จะต้องขับเคลื่อนเจ้าสองล้อพาตัวเองและคุ้กกี้มาจอดอยู่หน้าร้านเบเกอรี่ซึ่งเป็นบ้านของคุ้กกี้
“ขอบคุณนะคะพี่เมี่ยง
ที่มาส่งกี้”
“พี่เต็มใจ...ให้พี่มารับมาส่งทุกวันพี่ก็ยังทำได้เลย”
ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรต่อเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นให้ร่างสูงได้หงุดหงิดที่มีคนมากวนใจ
“มาส่งก็พอม้าง
ไปเรียนน่ะ...กูไปส่งได้เพราะกูก็เรียนที่นั้นเหมือนกันนะเพื่อน....รัก”
หากคนที่เพิ่งก้าวพ้นประตูมานั้นมีปืนลูกซองอยู่ในมือทั้งยังไว้หนวดไว้เคราล่ะก็
คงจะเหมือนกับคุณพ่อที่หวงลูกสาวอย่างในละครทีวีแน่ๆ
“เขาบ้านได้แล้วกี้
พี่จะคุยกับไอ้เมี่ยงมันหน่อย”
ไล่คนหน้าหวานให้เข้าบ้านเพื่อตัวเองจะได้ขู่...เอ้ย
คุยกับเพื่อนรักได้อย่างเต็มที่
“กี้ไปก่อนนะคะพี่เมี่ยง”
“เอ่อ เสื้อพี่เมี่ยง…”
แม้จะไม่อยากร่ำลาคนมาส่ง แต่วันนี้เธอทำตัวเถลไถลดังนั้นเธอจึงยอมเชื่อฟังคนพี่แต่โดยดีแต่ก่อนที่จะเดินจากไปเธอก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่เอาเสื้อคืนให้รุ่นพี่สาวหล่อเลย
“เดี๋ยวค่อยเอามาให้มันก็ได้
ต่อไปคงจะมาทุกวันสิมึง” คนพี่พูดขัดขึ้นมาเสียก่อน
“งั้นกี้เข้าบ้านแล้วนะ” บอกพี่สาวด้วยน้ำเสียงหวาดๆ ก็ตัวเองเพิ่งเถลไถลมานี่เนอะ
“มึงพาน้องกูไปไหนมาวะเนี่ย
โทร.ไปหานังฟรอยด์มันก็บอกว่าเลิกซ้อมกันนานแล้วนี่”
คนเป็นพี่โวยขึ้นทันทีที่ได้อยู่กับเพื่อนรักตามลำพัง
“ไปขับรถเล่นมา”
“บ้านมึงกลั่นน้ำมันใช้เองรึงาย
กูเปิดโอกาสให้แต่ไม่ได้หมายความว่าให้มึงพาน้องกูไปตะลอนๆนะเว้ย
กูก็เป็นห่วงน้องกูอยู่อะไรอยู่”
“คร้าบพี่ชาย
วันหลังน้องเขยจะไม่ยอมให้พี่ชายต้องเป็นห่วงนะคร้าบ”
ทำท่าทะเล้นใส่เพื่อนรัก เขาไม่ได้พาคุ้กกี้ไปทำอะไรมิดีมิร้ายซะหน่อยนี่
“ไม่ต้องมาทำหน้ากวนใส่กูเลย
แล้วก็ไม่ต้องมาเรียกกูพี่ด้วย อีกอย่างๆมึงยังไม่ใช่น้องเขยกู
เพราะตราบใดที่ยัยกี้ยังไม่ได้บอกกูว่าคบกับมึง...มึงก็ยังไม่ได้รับสิทธินั้น”
“คร้าบพี่ เอ้ย...เพื่อน”
“ไปๆ มึงไปได้แล้ว
ขับรถกลับดีๆล่ะ กูยังไม่อยากให้น้องกูเป็นหม้ายขันหมาก ฮ่าๆ” คนหน้าตึงเมื่อครู่เล่นกลับมาบ้างทำเอาเมี่ยงถึงกับยิ้มแฉ่ง
มันคงจะดีถ้าหากมีสักวันที่เขากล้าบอกรักน้องสาวเพื่อนสักที
ภายในห้องสี่เหลี่ยมสีหวานเจ้าของห้องนั่งใจเต้นกับสิ่งที่ได้ยินทั้งหมดเพราะห้องของเธออยู่ตรงกับที่ๆเมี่ยงจอดรถช่วงแรกของการสนทนาของคนทั้งเธอเธออาจจะได้ยินไม่ถนัดเพราะยังไม่กล้าที่จะแอบฟัง
แต่เมื่อได้ยินอะไรแว่วๆว่ามันเกี่ยวเธอ...เพียงเท่านั้นแหละสารอยากรู้ในร่างกายของเธอก็ทำงานขึ้นมาทันที
- - - - -
Ps
จบไปอีกตอนละเนอะ ยังไงก็อยู่เป็นกำลังให้กับก่อนเนอะ หายไปนาน ไม่ได้แปลว่าไม่อยากได้กำลังนะฮะ ช่วงนี้เอานิยายเก่ามาลงให้อ่านไปพลางๆ ก่อน แล้วก็เขียนเรื่องใหม่ดักไว้อยู่ เอาไว้ เขียนได้เยอะแล้วจะทยอยเอามาให้อ่านกันเนอะ
อย่าลืมกัน
อย่าลืมว่าฉันคือ คนหนึ่ง ที่เธอ เคยสนใจ
นายกานต์เองค้าบ
ความคิดเห็น