คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : EP.4 เผลอรักเธอไปหมดใจ
นับตั้งแต่กลับจากการไปกระชับความสัมพันธ์รุ่นพี่รุ่นน้องที่จังหวัดกาญจนบุรีสิ้นสุดลงเมี่ยงแทบจะไม่ได้เจอกับคุ้กกี้เลย และถึงแม้จะเจอก็มักจะมีเพื่อนรักอย่างชิฟฟ่อนตามประกบอยู่ตลอดเวลา แต่ถึงแม้จะไม่ค่อยได้เจอความรู้สึกที่เมี่ยงมีให้กับคุ้กกี้ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง เขาเองก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรเหมือนกัน ความรู้สึกของตัวเองแท้ๆเขายังไม่สามารถจะห้ามมันเอาไว้ได้เลย
“มึงเป็นโรคซึมกระทือมาเกือบเดือนแล้วนะนังเมี่ยง เป็นอะไรว้าแค่ผู้หญิงคนเดียว แกไปจีบแข่งกับไอ้ฟ่อนดิเดี๋ยวแกก็ชนะมันเองแหละ” เสียงดัดของฟรอยด์ทำให้เมี่ยงที่นั่งเหม่ออยู่ถึงกับสะดุ้ง
“อิบ้า บาปกรรมนะมึง...ไม่เอาอ่ะ กูรู้สึกยังไงมันก็เรื่องของกู ต้องความรู้สึกของน้องเค้าโน่น...” พูดไปตาก็เหลือไปเห็นบุคคลที่สามที่เขากับกระเทยร่างเล็กกำลังพูดถึงเข้ามาพอดี
“สวัสดีค่ะพี่เมี่ยง พี่ฟรอยด์ กี้ไม่นึกเลยว่าจะเจอพี่ๆที่นี่”
“อ้าวหนูกี้ มาทำอะไรคะหนู แล้วนี่อิฟ่อน...แกจะตามติดตัวน้องเค้าเป็นเงาเลยรึไงยะ” ว่าแล้วฟรอยด์ก็ขอกัดเพื่อนทอมของเธอสักหน่อย
“คือกี้ได้โปรเจค แต่กี้หาต้นแบบไม่ได้เลยว่าจะเข้ามาหาในนี้หน่อยน่ะค่ะ” คนหน้าจิ้มลิ้มพูดแทรกคำของพี่สาวขึ้นมาเสียก่อน ไม่อย่างนั้นเรื่องที่เธอจะเข้ามาหางานต้องกลายเป็นศึกระหว่างพี่สาวของเธอกับรุ่นพี่ร่างชายหัวใจเป็นหญิงแน่ๆ
“โปรเจคไรคะ ลองบอกพี่ๆมาหน่อยสิ เผื่อบางทีไอ้เมี่ยงมีอะไรดีๆแจกให้ จริงมั้ยคะพี่เมี่ยงผู้ใจดี”ฟรอยด์เหมือนกำลังทำหน้าที่เป็นสื่อกลาง ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วเมี่ยงเองก็ได้ยินคำพูดของคุ้กกี้ทุกคำ
“ภาพนู๊ด ค่ะ อาจารย์บอกว่าให้แปลความหมายเอาเอง...แต่กี้คิดยังไงก็คือได้ว่ามันก็คือรูปเปลือยน่ะคะ” คนตอบหน้าแดงก่ำ ตั้งแต่เกิดมานอกจากสรีระของตัวเองกับเด็กแก้ผ้าวิ่งเล่นแล้วเธอเองก็ยังไม่เคยเห็นรูปร่างเปลือยเปล่าของใครมาก่อนนี่นา
“มันไม่ได้แปลว่ารูปที่ต้องถอดเสื้อผ้าอย่างเดียวนี่ครับ นี่อาจารย์เค้าอยากให้เราถ่ายทอดคำสั่งออกมาเป็นรูปภาพน่ะ อืมเดี๋ยวพี่เอาตัวอย่างมาให้ดู...เมื่อไหร่ดีล่ะ”
“เอาไงดีพี่ฟ่อน” คนน้องหันไปถามพี่สาวที่ยืนแยกเขี้ยวอยู่กับกระเทยร่างเล็ก
“วันนี้เค้ามีเรียนอีกวิชานึงอ่ะ แล้วแต่กี้แล้วกัน”
“แล้วพี่เมี่ยงล่ะคะ มีเรียนอีกหรือเปล่า เพราะไม่ว่ายังไงกี้ก็ต้องกลับบ้านพร้อมพี่ฟ่อนอยู่แล้ว”
“ความจริงวันนี้พี่ไม่มีเรียนเลย แต่เข้ามาเพื่ออะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน แหะๆ” ตอบทั้งยิ้มเก้อๆ จะเข้ามาเพื่ออะไรล่ะ ก็เข้ามาเผื่อว่าจะได้เห็นหน้าใครบางคนนั่นแหละ
“ถ้าอย่างนั้น....เค้าไปเอารูปกับพี่เมี่ยง ส่วนตัวฟ่อนก็เข้าเรียนนะจ๊ะ” คุ้กกี้หันมาบอกพี่ แม้ว่าจะไม่อยากให้คนทั้งสองไปด้วยกัน แต่ชิฟฟ่อนก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้ารับอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก
“โอ.เค งั้นตัวฟ่อนเข้าเรียนได้แล้ว ส่วนเค้าจะไปเอางานกับพี่เมี่ยง ป่ะๆๆๆ”
“เดี๋ยว...แล้วรูปมึงอยู่ไหนวะไอ้เมี่ยง อย่าบอกว่าเป็นสตูฯ” ชิฟฟ่อนหันมาทำเสียงแข็ง
“เอ้า ก็เออน่ะดิ มึงจะให้กูเอางานไปเก็บไว้ที่ห้องพักกูหรอ ไม่มีทางงงงง” คนตัวสูงลากเสียงยาว งานที่เขาทะนุถนอมทุกงาน ไม่ว่าจะเป็นวาดเล่นๆหรือวาดส่งอาจารย์ เขาจะเก็บมันเอาไว้เป็นอย่างดี
“งั้นมึงเอารถกูไปเลย กูไม่ให้น้องกูซ้อนมอ’ไซค์มึงแน่ๆ” คำพูดของชิฟฟ่อนทำให้เมี่ยงและฟรอยด์ทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก ถ้าเขาได้ยินไม่ผิด ชิฟฟ่อนกำลังจะบอกว่า....
“เฮ้ยๆ กูไม่ให้กี้ซ้อนมอ’ไซค์มึงหรอก มันอันตราย” เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไป หวังว่าคนฟังจะได้ยินมันไม่ชัด หรือไม่ก็อะไรก็ได้สักอย่าง มันยังไม่ใช่เวลาที่ชิฟฟ่อนจะบอกใครต่อใครว่าคุ้กกี้เป็นน้องสาวแท้ๆที่คลานตามกันมา
“อ่ะ..เออ” เมี่ยงที่กำลัง งง อยู่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากรับปาก
คนทั้งสี่เดินมาแยกกันตรงหน้าคณะนิเทศศาสตร์ซึ่งเป็นคณะของชิฟฟ่อน ส่วนฟรอยด์ก็เดินแยกไปอีกทาง เหลือเอาไว้เพียงเมี่ยงกับคุ้กกี้เท่านั้นที่มีจุดหมายปลายทางที่เดียวกันนั่นก็คือที่จอดรถของมหาวิทยาลัย
“พี่เมี่ยงคะ” กลายเป็นฝ่ายหญิงที่เริ่มพูดก่อน “ถ้าพี่เมี่ยงไม่สะดวก จะไปมอ’ไซค์ ของพี่เมี่ยงก็ได้นะคะ อย่าไปตามใจพี่ฟ่อนมากนักเลย”
“พี่ก็ว่างั้นแหละ เอารถยนต์ไป...ก็เจอแต่รถติด เอารถพี่ไปดีกว่า แปปเดียวก็ถึง” ปกติแล้วเมี่ยงไม่ใช่คนที่จะมาเคอะเขินกับอะไรง่ายๆ แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้มือไม้ของเขาดูจะเกะกะไปเสียหมด ไม่รู้จะเอามันไปไว้ตรงไหน แล้วคำพูดเมื่อครู่ของเพื่อนรักก็อีก ‘น้องกู’ มันหมายความว่ายังไง หรือว่า คุ้กกี้จะเป็นน้องสาวของชิฟฟ่อน แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆแล้วทำไม...ทำไมเพื่อนรักถึงไม่บอกเค้าตั้งแต่แรก แล้ว... แล้ว... แล้วสมองของเมี่ยงก็เต็มไปด้วยคำถาม
“ใส่หมวกพี่ก็แล้วกันนะครับ” ร่างสูงยื่นหมวกกันน็อคใบโตให้กับคนตัวเล็กที่ดูเหมือนจะใส่มันไม่เป็น
“แบบนี้” มือหนาเอื้อมมือมาจัดการหมวกใบโตที่อยู่บนหัวของคนตัวเล็กให้เข้าที่ ก่อนที่จะกระโดดขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์คู่ใจ แต่เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กยังไม่มีทีท่าว่าจะกระโดดขึ้นมา เขาจึงต้องลงมาจัดการอะไรบางอย่าง
หลังจากที่ตั้งรถเอาไว้มั่นคงแล้ว มือหนาคว้าเข้าที่เอวคอดของคุ้กกี้ก่อนจะพยุงร่างเล็กๆขึ้นนั่งบนมอเตอร์ไซค์สุดที่รักอย่างเบามือ เสียงหัวใจเต้นรัวราวกับปืนเอ็มสิบหกไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยสัมผัสเนื้อตัวของผู้หญิงมาก่อน แล้วมันเป็นเพราะอะไร...เพราะอะไรกันล่ะที่ทำให้เขาใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อได้ใกล้กับเธอ...ผู้หญิงตัวเล็ก หน้าตาจิ้มลิ้มราวกับตุ๊กตา
ภายในห้องสี่เหลี่ยมที่ถูกตกแต่งเอาไว้หลากหลายโทนบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าของห้องคงจะไม่มีไว้เพื่อการพักผ่อนแต่มีไว้เพื่อสร้างสรรค์งานศิลปะ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับคนตัวเล็กที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่ารุ่นพี่จอมเย็นชาจะมีอะไรๆดีๆซ่อนอยู่
“ไม่นึกว่าจะเป็นของพี่ล่ะสิ” เสียงทุ้มทำให้คนตัวเล็กสะดุ้งโหยง ใช่สิ...เธอไม่นึกและเธอก็นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าคนที่ดูภายนอกเย็นชาแข็งแกร่ง จะตกแต่งห้องที่สื่อถึงความอ่อนโยนได้อย่างลงตัว
“ใครๆที่เข้ามาที่นี่ก็นึกไม่ถึงกันทั้งนั้นว่าพี่จะเป็นคนตกแต่งเอง” สาวหล่อร่างสูงเจ้าของห้องพูดต่อโดยไม่รอฟังคำตอบ ใครๆที่เขาว่าก็ไม่ใช่ที่ไหนส่วนมากก็จะเป็นนางแบบของเขาบ้างหรือไม่ก็ลูกค้าที่มาติดต่อให้เขาวาดโน่นวาดนี่ให้
“พี่เมี่ยงเป็นคนแต่งห้องนี้เองด้วยเหรอคะ” ทำน้ำเสียงไม่ค่อยอยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน แต่อีกใจหนึ่งก็คิดได้ว่ารุ่นพี่จะต้องมาโกหกเธอทำไม
“ค่อยๆแต่งน่ะ ทำงานได้ตังค์มาก็แต่ง จากของน้อยชิ้นมันก็เลยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นี่ไอ้ฟ่อนมันไม่เคยเล่าเรื่องของพี่ให้กี้ฟังบ้างเลยหรอ” คำถามของคนตัวสูงทำให้คุ้กกี้นึกขึ้นได้ ใช่สิ...พี่สาวของเธอไม่เคยเล่าอะไรเกี่ยวกับเพื่อน...เพื่อนที่พี่บอกว่าเป็นซี้ให้น้องสาวอย่างเธอฟังแม้แต่นิดเดียว เป็นเพราะอะไรกัน
“เอ่อ...แล้วงานที่พี่เมี่ยงบอกว่าจะให้กี้ดูเป็นไกด์ไลน์อยู่ไหนเหรอคะ” คุ้กกี้เลือกที่จะเปลี่ยนประเด็น ถ้าหากเธอตอบกลับไปว่าพี่สาวเธอไม่เคยเล่าเรื่องเพื่อนรักอย่างเมี่ยงให้ฟัง เธอไม่รู้ว่าเมี่ยงจะคิดยังไง
“อ้อ รอแปปนะ อยู่ในห้องเก็บงาน น้ำอยู่ในตู้เย็นนะครับ ส่วนขนมก็อยู่ตรงเคาน์เตอร์ ตามสบายเลยนะ” พูดจบเมี่ยงก็เดินเข้าไปในห้องอีกห้องหนึ่งปล่อยเธอเอาไว้ให้ยืนเก้ๆกังๆอยู่กลางห้อง พลันสายตาของหญิงสาวก็ไปสะดุดเข้ากับรูปภาพภาพหนึ่ง ภาพนั้นเหมือนมีแรงดึงดูด...ดึงดูดให้คนตัวเล็กเดินเข้าไปใกล้ๆ และหยุดยืนพินิจพิเคราะห์อย่างละเอียด
แม้ว่าเด็กปีหนึ่งไม่ค่อยรู้เรื่องศิลปะแต่สำหรับเธอแล้วงานศิลปะเป็นอะไรที่เธอรักและศึกษามาเรื่อยๆ ภาพเขียนสีน้ำมันภาพนั้นแม้ว่าเธอจะดูเค้าโครงหน้าของคนในภาพไม่ออกว่าเป็นใคร แต่การใช้สี เส้น และมุมในการวาดทำให้เธอรับรู้ได้ถึงความใส่ใจในรายละเอียดของคนวาดได้ไม่น้อย
“นั่นเป็นโปรเจคล่าสุดของพี่ต้องส่งอาจารย์โปเกม่อนอาทิตย์หน้าน่ะ แต่นี่ก็เสร็จไปเยอะแล้วนะ จินตนาการล้วนๆ ไม่มีแบบ...” ร่างสูงที่เดินกลับออกมาพร้อมกับภาพวาดลายเส้นในมือพูดก่อนจะยื่นสิ่งที่อยู่ในมือให้กับรุ่นน้องสาวสวย
“อาจารย์โปเกม่อน...” ดูเหมือนหญิงสาวจะยังติดใจกับชื่ออาจารย์เจ้าของโปรเจคภาพสีน้ำมันนั่นอยู่ ก็เธออยู่แค่ปีหนึ่งนี่นา จะไปรู้ได้อย่างไรกันว่าใครมีสมญานามว่าอะไร
“อาจารย์ สุชาติน่ะ ที่แกตัวป้อมๆ กลมๆ พี่ไม่รู้ว่าเราได้เรียนกับแกรึยัง”
“อ้อ นี่ไงคะงานที่อาจารย์แกสั่งให้เซคกี้ทำ” คุ้กกี้โชว์ผลงานของรุ่นพี่ที่เธอเพิ่งได้รับมันมา “ภาพนู้ดนี่แหละค่ะ”
“อื้ม กี้ลองดูนะ...ภาพนู้ดมันไม่จำเป็นจะต้องเป็นภาพเปลือย แค่โคนขาเรา โคนแขนเรา หรือแม้แต่ข้อพับ ถ้าเรายกมันมาวาดให้นู้ด มันก็เป็นภาพนู้ดได้ นู้ดมันก็แปลกลายๆว่า...ไร้สิ่งปกปิดนั่นแหละครับ” ราวกับนักวิชาการเข้าสิง คุ้กกี้ไม่ค่อยได้ยินใครที่สามารถอธิบายงานศิลปะออกมาเป็นขั้นเป็นตอนสักเท่าไหร่ การที่ได้รับฟังคำชี้แนะจากรุ่นพี่จึงทำให้เธอรู้สึกอึ้ง...เพราะเธอเข้าใจมันขึ้นมากเลยทีเดียว
“ขอบคุณค่ะพี่เมี่ยง”
“ขอบคุณอะไรกัน ไม่เป็นไรๆ เอางี้ถ้ากี้มีอะไรแบบเร่งด่วนไม่เข้าใจอะไรแต่ไม่เจอพี่ที่คณะก็มาหาพี่ที่นี่ หรือไม่ก็ที่ร้าน....เรารู้จักมั้ย” สาวหล่อยอมบอกสถานที่ทำงานพิเศษของเขาให้กับคนตรงหน้ารับรู้
“พี่เมี่ยงนี่เก่งเนอะ ทั้งเรียนทั้งทำงาน”
“ไม่หรอก พี่คิดว่าถ้าเราอยากจะได้อะไรก็ต้องหาเอาเองจะได้ภูมิใจไง” “นี่ไอ้ฟ่อนมันน่าจะเลิกเรียนแล้วมั้ง เดี๋ยวพี่ไปส่งเราที่ มอ.แล้วกัน” คนตัวเล็กรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูกเหมือนไม่อยากให้เวลาแบบนี้มันหมดลง แต่คงเป็นไปไม่ได้เมื่อเวลายังต้องเดินของมันต่อไป
- - - - -
ความชุลมุนวุ่นวายทั้งยังเสียงดังเอะอะโวยวายของโรงอาหารคณะศิลปกรรมไม่สามารถเบนความสนใจของสาวหล่อร่างสูงที่ยังคงจ้องมองไปยังกลุ่มรุ่นน้องปีหนึ่ง ซึ่งในกลุ่มนั้นมีเพียงคนๆเดียวที่ทำให้เขาจ้องตาไม่กระพริบและเธอคนนั้นก็คือคุ้กกี้รุ่นน้องสาวแสนน่ารัก เมี่ยงเดินตามเธอมากตั้งแต่เห็นเธอเดินลงมาจากตึกเรียน เขาเดินตามเธอมาเรื่อยๆ แต่ทิ้งระยะห่างเอาไว้พอสมควรเพราะกลัวว่าเธอจะรู้ตัวจนกระทั่งตอนนี้เขาก็ยังนั่งอยู่ไกลๆ
“นังเมี่ยง มานั่งแอบอะไรอยู่ตรงนี้ยะ” การส่งเสียงดังของฟรอยด์ทำให้เพื่อนทอมอย่างเมี่ยงถึงกับต้องเอามือปิดปากเอาไว้
“อ่อย อั้น อ๊ะ” (ปล่อยชั้นนะ)
“แกก็หุบปากก่อนดิวะ” เมื่อเห็นว่าคนเสียงดังยอมสงบปากสงบคำ เขาจึงยอมปล่อยมือออกจากริมฝีปากที่แต่งแต้มด้วยลิปสติกสีชมพูอ่อน
“แกมานั่งมองน้องเค้าอยู่อย่างนี้คงได้กินหร๊อก อยากกินก็ต้องกล้าเดินเข้าไปหยิบเว้ย” เพื่อนชายใจสาวให้คำแนะนำ แต่สาวหล่อกลับส่ายหัวช้าๆ
“น้องเค้าเป็นแฟนเพื่อนว่ะ ทำใจแย่งมาไม่ได้จริงๆว่ะมึง” ตอบอย่างจนใจ จากวันแรกจนถึงวันนี้เขายอมรับว่าไม่สามารถปฎิเสธได้ว่าหัวใจที่มันเคยแข็งแกร่งของเขาค่อยๆเปิดรับรุ่นน้องเข้ามา
“แสดงว่าแกยอมรับว่าแกชอบน้องคุ้กกี้”
“ก็ใช่ แต่น้องเค้าเป็นแฟนเพื่อนเว้ย” “ขอเลยนะแกช่วงนี้ชั้นอยากอยู่ห่างๆจากน้องคุ้กกี้สักพัก” สาวหล่อพูดต่อ ใช่...รุ่นน้องน่ารักคนนี้เป็นแฟนของเพื่อน เพื่อนที่เขาคบมาตั้งแต่ปีแรกที่เข้ามาเรียนที่นี่
“แต่ดูเหมือนน้องเค้าจะไม่อยากอยู่ห่างจากแกว่ะ โน่นเดินมาโน่นแล้วนังทอม แล้วแกก็หนีน้องเค้าไม่พ้นแล้วด้วย” ฟรอยด์บุ้ยปากไปทางร่างบางที่กำลังเดินตรงมายังคนทั้งสอง หัวใจของเมี่ยงเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆตามระยะทางระหว่างเขากับรุ่นน้อง
“พอดีว่า...กี้ได้ยินเสียงพี่ฟรอยด์น่ะค่ะเลยหันมาก็เลยเห็นพี่เมี่ยงอยู่ด้วย มาทานข้าวกันเหรอคะ” คนที่เพิ่งเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าสาวหล่อและกระเทยร่างเล็กพูดขึ้นก่อน
“ครับ พี่กับนังฟรอยด์มาหาอะไรทานกัน แล้วกี้ทานอะไรเรียบร้อยแล้วเหรอครับ” เมี่ยงทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างต่อแต่เพื่อนกระเทยกลับพูดแทรกขึ้นมาให้คนร่างสูงได้อาย
“แกก็นั่งจ้องน้องเค้าอยู่ตาเป็นมัน มองไม่เห็นรึไงยะว่าน้องเค้ายังไม่ได้เดินไปซื้ออะไรเลย”
“บ้าแล้วแก ชั้นยังไม่ได้มองน้องเค้าเลย” หันไปเหวี่ยงเพื่อนก่อนจะหันมาพูดกับคนที่ยืนตรงหน้าต่อ “อย่าไปฟังมันมากนะครับ อินี่มันหลอน...หลอนยาคุมน่ะ”
“กี้ยังไม่ได้ทานอะไรอย่างที่พี่ฟรอยด์บอกนั่นแหละค่ะ เห็นพี่เมี่ยงกับพี่ฟรอยด์ก่อนก็เลยเดินมาทัก วันนี้พี่เมี่ยงไม่มีเรียนนี่คะ...แล้วมา....” คุ้กกี้ยังพูดไม่จบ เสียงดัดก็พูดแทรกขึ้นมาอีกครั้ง
“มันมาหาแรงบันดาลใจในการทำโปรเจคใหม่ค๊าน้องกี้ แล้ววันนี้น้องกี้มีเรียนต่อรึเปล่าคะถ้าไม่มีเราไปหาอะไรอร่อยๆทานกันข้างนอกดีกว่า วันนี้ไอ้เมี่ยงเงินเดือนออกมันบอกว่าจะเลี้ยง” สาวหล่อที่ถูกพาดพิงถึงกับเหว๋อ จริงที่วันนี้เป็นวันที่เงินเดือนของเขาออก แต่...ถ้าจำไม่ผิดเขาเพิ่งบอกฟรอยด์ไปนี่นาว่า อยากจะเอาตัวออกห่างรุ่นน้องหน้าหวาน...ไม่ใช่เอาตัวเข้าไปใกล้ชิดแบบนี้
“ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ กี้เกรงใจพี่เมี่ยงอ่ะ”
“ไม่ๆ ไม่ต้องเกรงใจพี่หรอกค่ะ อืม...กี้จะไปด้วยกันมั้ย...คะ” ทั้งที่ก่อนหน้ายังยืนยัน นั่งยัน นอนยันกับตัวเองอยู่เลยว่าอยากจะเอาตัวเองออกห่าง แต่ทำไม...ทำไมตอนนี้กลับกลายเป็นปากของตัวเองที่ชวนคนหน้าหวานให้ไปด้วยกัน
“ไปเถอะค๊าน้องกี้ พอดีพี่ฟรอยด์แสนสวยเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่ามีงานด๊วน ด่วน...แล้ววันนี้นังทอมเมี่ยงมันก็อยากจะไปหาขนมเค้กอร่อยๆกินด้วย น้องกี้พอจะรู้จักร้านไหนอร่อยๆบ้างมั้ยคะ ไปเป็นเพื่อนมันหน่อย” ว่าแล้วก็หมดหน้าที่ของกระเทยจุ้น เมื่อฟรอยด์สามารถทำให้คนทั้งสองไปด้วยกันได้ แล้วเขาจะเอาตัวเองไปเป็น ก.ข.ค (กระเทยขวางคอ) ทำไม
“เรื่องเค้ก...เป็นของถนัด ขอบอกว่าถ้าไปร้านนี้แล้วพี่เมี่ยงจะต้องอยากไปอีกบ่อยๆเลยค่ะ อยู่ไม่ไกลด้วย ถ้าเอาเจ้าสองล้อคู่ชีพของพี่เมี่ยงไปนะคะ” เสียงเล็กพูดทั้งยังทำหน้าตาน่ารักจนคนมองแทบจะละลาย
“โอ.เค งั้นพี่ฝากเพื่อนทอมของพี่ด้วยนะค้าน้องกี้ พี่ไปก่อนนะ” ฝากฝังเพื่อนเอาไว้กับสาวสวย ก่อนจะหันไปพูดกับคนร่างสูงที่ตอนนี้ยังอึ้งๆกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว “ดูแลน้องคุ้กกี้ดีๆนะจ๊ะเพื่อนทอม ค่ำๆจะแชทคุยด้วย”
กระเทยร่างเล็กเดินจากไปคนทั้งสองไปแล้ว ความเงียบค่อยๆเข้ามาครอบคลุมพื้นที่ระหว่างบุคคลทั้งสองอย่างอัตโนมัติ คนมั่นใจ...เป็นตัวของตัวเอง และเป็นผู้นำอย่างเมี่ยงไม่เคยมีอาการแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน ไหนจะเรื่องขนมเค้กนั่นอีก ร้อยวันพันปีเขาแทบจะไม่เคยกินเพราะปกติแล้วเมี่ยงไม่ใช่คนที่ชอบกินขนม
“พี่เมี่ยงคะ” สาวหน้าหวานรุ่นน้องเป็นคนเริ่มพูดก่อนอีกครั้ง
“คะ ครับ” “กี้มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“เดี๋ยวกี้ขอตัวไปบอกเพื่อนๆก่อนนะคะ” เมี่ยงไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเขาแค่พยักหน้ารับรู้เท่านั้น แต่เธอไปเพียงไม่นานก็วิ่งดุ๊กดิ๊กๆกลับมา
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” คนหน้าหวานยืนฉีกยิ้มกว้างอยู่เบื้องหน้าสาวหล่อที่ตอนนี้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
คิ้วเรียวของรุ่นน้องสาวหน้าหวานขมวดเข้าหากันโดยอัตโนมัติเมื่อเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเจ้าสองล้อคู่ใจของรุ่นพี่สาวหล่อสุดขรึม หมวกกันน็อคใบโตที่ก่อนหน้าเคยวางเอาไว้ตรงท้ายของรถหายไปเหลือเอาไว้เพียงหมวกกันน็อคใบย่อมที่มีแว่นคาดเอาไว้ข้างบนสองใบสีชมพูกับสีฟ้า
“เอ่อ...พี่ซื้อมาเผื่อเราน่ะ เผื่อบางที เอ่อ...เราต้องซ้อนท้ายพี่ไปที่สตูฯอีกจะได้ไม่ต้องรับน้ำหนักหมวดใบนั้นน่ะ” ข้อแก้ตัวข้างๆคูๆของสาวหล่อทำเอาคนตัวเล็กที่ยืนฟังอยู่ถึงกับอมยิ้ม ใครจะรู้เล่าว่าเธอนั้นรู้สึกเหมือนหัวใจมันพองจนคับแน่นไปหมด
เส้นทางข้างหน้าไม่รู้ว่าจะยาวไกลแค่ไหนสาวหล่อรู้สึกเพียงแค่ว่าตอนนี้เขามีความสุขเหลือเกินเมื่อคนที่นั่งอยู่ข้างหลังค่อยๆเอื้อมมือมาเตะเอาไว้ที่เอวของเขาเอาไว้หลวมๆราวกับกลัวว่าจะตกจากเจ้าสองล้อคู่ชีพของเขา มันเป็นความรู้สึกอิ่ม...อิ่มแบบที่ไม่ต้องมีอะไรมาตกถึงท้องก็ได้ ขอแค่มีเธอ...สาวน้อยที่มีชื่อว่าคุ้กกี้อยู่ข้างๆ
ท่ามกลางความรู้สึกอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขเขาก็มีความสงสัยปนอยู่ไม่น้อย ถ้าหากว่าคนที่นั่งซ้อนท้ายเขาอยู่ตอนนี้เป็นแฟนของเพื่อน ทำไมเธอยังจะแสดงออกกับเขาแบบนี้ สิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ตอนนี้เธอจะรู้บ้างหรือเปล่าว่าทำให้เขาคิดอะไรต่อมิอะไรไปมากมายจนเกินจะดึงตัวเองกลับมา แล้วการที่คุ้กกี้ทำแบบนี้เธอไม่นึกถึงเพื่อนของเขาซึ่งได้ชื่อว่าเป็นแฟนของเธอเลยหรืออย่างไร
- - - - -
เอานิยายตอนที่สี่มาแปะๆๆๆๆ อย่าลืมให้กำลังใจคนเขียนด้วยนะงับ
นิยายเรื่องนี้ผ่านการพิจารณาแล้ว คงจะออกเป็นหนังสือในไม่ช้าไม่นานนี้
อย่าลืมติดตามกันด้วยนะคร้าบผมมมม
ขอบคุณงับ
ความคิดเห็น