ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Short Novel] เหตุเกิด..เพราะอยากเที่ยว YAOI!!!

    ลำดับตอนที่ #14 : Special : Healing Process 5 (End of part)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 251
      1
      5 มี.ค. 56

     

     

     

    555 ครั้งที่แล้วตัดไว้ซะขาดตอนเลย คาดว่าหลายท่านคงขัดใจ ต้องขออภัยจริงๆค่า ^^

     

     

    ไปเที่ยวมาสองอาทิตย์ สนุกมาก เป็นประสบการณ์ที่ประทับใจจริงๆ มีหลายอย่างที่มากับดวงมากในทริปนี้ และได้เห็นอะไรๆที่เป็น สักครั้ง ในชีวิต หลายอย่างเสียด้วย ^^

     

     

    เรื่องของเจ้าธรรศกับวินจะเป็นยังไงต่อ อีพี่ธรรศหน้าแหกเพราะอะไร กะล่อนยอมเฉลยแล้วค่า ในตอนนี้แหละ

     

     

    รู้สึกว่า กับเรื่อง เหตุเกิด..เพราะอยากเที่ยว นี่ กะล่อนชอบงุบงิบอะไรเอาไว้บอกตอนท้ายเรื่องตลอดเลย ตั้งแต่หกตอนแรกละ กว่าจะบอกว่าอีพี่ธรรศมันเป็นใคร ไม่ได้ตั้งใจงุบงิบนะคะ แต่จังหวะมันลงไปแบบนั้น แหะๆ

     

     

    ไปอ่านกันเถอะค่า

     

     

    Drunk

     

     

    เหตุเกิด..เพราะอยากเที่ยว

     

     

    Healing Process 5

     

     

    สำหรับทศพล ..ภาพที่เด็กหนุ่มกำลังกอดและพร่ำเรียกหาลูกชายของเขาในขณะที่ธรรศโอบกอดปวีณอย่างอ่อนโยนแล้วพรมจูบไปตามหน้าผากเนียนและเรือนผมในอ่างอาบน้ำที่โรงแรมยังสะท้อนให้เห็นในเงาตา

     

     

    เรียวปากบางเฉียบเม้มแน่นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมา

     

     

    “แล้ว.. เรื่อง.. ระหว่างแกกับน้อง.. ”

     

    .

    .

    .

     

    “วินเป็นของผมครับพ่อ .. ผมรักวิน”

     

     

    ธรรศตอบสวนไปทันทีโดยไม่ชะงักแม้เพียงนิด บนดวงหน้าคมฉายชัดเพียงความจริงจัง ในน้ำเสียงทุ้มแสดงออกถึงความมั่นคง เพราะรับปากไว้แล้วเมื่อวันงานว่าจะบอกความจริงทั้งหมดที่บิดาต้องการรู้ และเหตุผลอีกอย่างคือ สักวัน เขาก็ต้องบอกทศพลอยู่ดี ธรรศไม่ต้องการปิดบังความสัมพันธ์นี้ไว้ตลอดไป เขาต้องการจะให้เกียรติปวีณ

     

     

    “กะ.. แกว่าไงนะธรรศ นี่มันเรื่องจริงเหรอ”

     

     

    “จริงครับ คนเดียวที่ผมรักและต้องการจะอยู่ด้วยไปตลอดชีวิตคือน้องวิน”

     

     

    ทศพลทำหน้าปั้นยาก มือที่ริ้วรอยผันแปรไปตามกาลเวลาสองข้างถูกยกขึ้นมาลูบหน้าแรงๆราวจะเรียกสติให้ตัวเอง สติปัญญาที่เคยได้รับคำชมว่าเฉลียวฉลาดยามนี้ดูจะประมวลผลได้ช้าเสียเหลือเกิน

     

     

    “มันเป็นไปได้ยังไงธรรศ แกเป็นผู้ชายไม่ใช่เหรอ ที่แกเคยคบๆควงๆมาก็มีแต่ผู้หญิงในวงสังคมไม่ก็พวกดารา แล้วทำไมจู่ๆถึง.. มันเริ่มขึ้นได้ยังไงธรรศ ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ”ไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกของตนในเวลานี้อย่างไรดี จู่ๆวันนึง ลูกชายที่ไม่เคยมีประวัติเบี่ยงเบนก็มาบอกว่ารักอยู่กับเด็กผู้ชายอีกคน .. ที่เขาคุ้นเคยดีเสียด้วยสิ

     

     

    ธรรศยิ้มบางให้ ไม่แปลกเลยที่บิดาของเขาจะตกใจถึงเพียงนี้ เพราะขนาดตัวเขาเองก็ยังอดประหลาดใจไม่ได้ ไม่เคยคิดว่าตัวเองที่เปลี่ยนคู่นอนสาวๆไปเรื่อยจะมาหลงรักเด็กกะโปโลเสียหัวปักหัวปำ หนำซ้ำยังเป็นเด็กผู้ชาย ทั้งที่ไม่เคยนึกชอบผู้ชายด้วยกันเอง แค่คิดว่าจะไปมีอะไรกับหนุ่มคนไหนก็อดขยะแขยงไม่ได้แล้ว แต่กับปวีณนั้นคนละเรื่องเลย

     

     

    “ผมก็ยังไม่เข้าใจตัวเองดี ว่าทำไมถึงรักน้อง ห้าเดือนก่อนผมได้เจอน้องอีกครั้งตอนที่ไปเยี่ยมแม่เจ้าอนลที่คณะของวิน ..ผมเห็นวินทำงานบนวอร์ดทุกๆวัน แล้วผมก็หลงรักน้องโดยที่น้องไม่รู้เลยด้วยซ้ำ”เรียวปากบางได้รูปบิดโค้งขึ้นน้อยๆ

     

     

    “แต่ที่ฉันเห็น..” .. ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ .. มันมากกว่าที่ลูกชายเขาแอบรักเพียงฝ่ายเดียว

     

     

    ธรรศพูดแทรกบุพการีของตัวเองขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆเช่นเดิม ใบหน้าคมยังคงเรียบเฉย หากแต่ยังรู้สึกได้ถึงความขมขื่น“หลังจากนั้นสักเดือน .. ผมลักพาตัวน้อง แล้วใช้กำลังบังคับให้น้องเป็นของผม”

     

     

    “ธรรศ!!!!!!!! แกว่าแกทำอะไรลงไปนะ”ทศพลตวาดลูกชายตัวเองลั่น ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ยินคำพูดเหล่านี้ออกมาจากธรรศที่เขามั่นใจว่าได้อบรมสั่งสอนเรื่องถูกผิดมามาก

     

     

    ธรรศทรุดลงที่พื้น คุกเข่าอยู่ตรงหน้าบิดาตัวเอง ไม่ได้นึกกลัวกับสิ่งที่จะตามมาสักนิด รู้ดีว่าสิ่งที่เคยได้ทำลงไปจะทำร้ายความรู้สึกคนที่เลี้ยงดูเขามาแค่ไหน  น้ำเสียงทุ้มครั้งนี้ร้าวลึก ดวงหน้าคมเหยียดยิ้มให้กับความชั่วที่ตนเคยทำ ความผิดบาปที่ได้ก่อเหมือนหนามแหลมที่คอยทิ่มแทงใจมาตลอด

     

     

    “ผมขืนใจน้องครับพ่อ”

     

     

    เผียะ!!!!!!!!!

     

     

    ผู้เป็นบิดาตบหน้าแรงเสียจนคนที่คุกเข่าอยู่หน้าหัน แล้วใช้หลังมือฟาดลงไปสุดแรงอีกครั้ง รอบนี้ธรรศเซไปแปะอยู่กับพื้น

     

     

    “..เลว .. ” เป็นเพียงคำเดียวที่สามารถหลุดรอดออกมาได้ในตอนนี้ ทศพลกัดฟันกรอด พยายามระงับสติอารมณ์ของตัวเองไม่ให้พุ่งไปทำร้ายลูกชายตัวเองไปมากกว่านี้

     

     

    “แกทำเรื่องชั่วๆแบบนั้นไปได้ยังไงฮะ ธรรศ!!!! ใครสั่งใครสอนให้แกเป็นอันธพาล เป็นพวกข้างถนนอย่างนั้น!!!!

     

     

    ร่างกายของชายสูงวัยสั่นเทิ้มไปด้วยความโกรธมหาศาลที่ปะทุขึ้นมา

     

     

    “อำนาจที่มีทำให้แกเหลิงไปได้ถึงขั้นนั้นเชียวเหรอ แกมันไม่ต่างอะไรกับอาชญากรที่อยู่ในคุกโน่นเลย .. แล้วแก.. แกทำกับน้องแบบนั้น แกยังมีหน้าพาฉันไปหาแม่เขาที่บ้านอีก จิตใจแกทำด้วยอะไรธรรศ!!!!

     

     

    ธรรศก้มหน้านิ่ง ยินดีรับคำต่อว่าคำประณามทุกอย่างจากบิดา สมควรแล้วที่เขาจะต้องโดนแบบนี้ แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ เพราะถ้าจะให้สาสมกับความผิดแล้ว เขาต้องโดนพ่อถลกหนังหัวออกมาถึงจะถูก

     

     

    “น้องเสียพ่อเขาไปกะทันหันทั้งๆที่ยังเรียนไม่จบนะธรรศ เหลือน้องเป็นผู้ชายคนเดียวของบ้าน ต้องดูแลทุกคน กลับมาเจอกันอีกครั้ง แกควรจะดูแลน้องอย่างเมื่อก่อน ไม่ใช่ไปข่มเหงน้องแบบนั้น!! ..ฉันรักแม่แก .. สิ่งที่ฉันทำคือถนอมเขา เฝ้ารักเฝ้าดูแล แล้วดูแกสิ ปากแกบอกว่ารัก แต่กลับทำเรื่องโหดร้ายกับน้อง ..หึ.. แล้วเมื่อวาน น้องเขาก็ยังต้องมาเดือดร้อนเพราะผู้หญิงที่แกควงไว้เล่นๆ สำนึกบ้างรึเปล่าธรรศ!!!!” ทศพลตบโต๊ะทำงานไม้สักดังตึ้ง!

     

     

    “ผมขอโทษครับพ่อ”

     

     

    “แกต้องขอโทษน้องไม่ใช่ฉัน.. จากนี้ไป ฉันสั่งให้แก..”

     

     

    “ผมจะไม่เลิกยุ่งกับน้องวิน!!”ธรรศพูดสวนมาทันทีโดยไม่รอให้ทศพลพูดจบประโยค เพราะไม่ว่าทศพลจะว่าอย่างไรธรรศก็จะไม่เปลี่ยนใจ เขาจะไม่ถอยหลัง รู้ดีว่าถ้าถอยห่างออกมาแผลนั้นจะไม่มีใครรักษา และเด็กน้อยของเขาจะต้องเจ็บปวดไปตลอด ส่วนตัวเขา ..ก็ต้องอยู่เหมือนตายทั้งเป็น

     

     

    “ผมใช้เวลาสี่เดือนเพื่อให้น้องยอมยิ้ม ยอมคุยกับผม ถึงน้องจะยังลืมเรื่องชั่วๆที่ผมทำไว้ไม่ได้แต่ผมก็จะอยู่กับน้อง จะอยู่ข้างๆไม่ไปไหน”

     

     

    ความจริงจังและแน่วแน่ที่ฉายชัดทำให้ทศพลต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ อย่างไรธรรศก็เป็นลูก ไม่มีพ่อคนไหนที่จะอยากให้ลูกตัวเองต้องไปติดคุกจริงๆ ถึงแม้ที่ทำไปจะผิดก็ตาม

     

     

    “ฉันจะบอกให้แกรับผิดชอบการกระทำของตัวเองต่างหาก จำไว้ว่าลูกสะใภ้ฉันต้องเป็นวินคนเดียวเท่านั้น คนอื่นฉันไม่เอา มีปัญญาง้อน้องได้เมื่อไหร่ก็บอก จะได้ไปสู่ขอกับแม่อรให้ถูกต้องเสียที”

     

     

    ไม่เคยนึกเห็นด้วยกับความรักระหว่างเพศเดียวกันมาก่อน จนตอนนี้ก็ยังยอมรับได้ไม่สนิทใจ ถ้าเด็กสองคนมันจะเริ่มมีใจให้กันเองเขาคิดว่าอาจจะเข้าไปขวางจะจับแยก แต่นี่ธรรศกลับเป็นฝ่ายไปพรากลูกพรากเมียเขามา จะให้เขาทำเฉยเมยมันก็ไม่ได้ เขาเองก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบที่เลี้ยงดูมันมาไม่ดี ให้มันไปทำร้ายเด็กดีๆแบบนั้น

     

     

    อีกอย่าง ภรรยาของเขาที่อยู่บนสวรรค์คงต้องการเห็นลูกชายที่รักใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากกว่าการระวังรักษาหน้า กลัวการติฉินนินทา

     

     

    ถ้อยคำที่ได้รับฟังทำให้ธรรศต้องอึ้ง อย่างไรเสียพ่อก็ยังเป็นพ่อที่รักเขามากอยู่ดี ชายหนุ่มก้มลงกราบแทบเท้า

     

     

    “ขอบคุณครับพ่อ”

     

    .

    .

    .

     

     

    เด็กหนุ่มนั่งหน้าซีดเป็นไก่ต้มสลับกับซับสีระเรื่อเป็นระยะเมื่อได้ฟังธรรศเล่าถึงที่มาของร่องรอยบนใบหน้า ..สรุปว่าทศพลรู้เรื่องทั้งหมดระหว่างพวกเขาแล้ว และ.. ต้องการให้เขาเป็นสะใภ้เสียด้วย

     

     

    ไม่นึกสงสัยถึงอาการแปลกๆในวันนี้ของชายสูงวัยอีก เด็กหนุ่มรู้สึกโล่งอกปนหนักใจ ด้วยไม่มีอะไรที่ต้องปิดบังอีกต่อไป แต่.. การที่ทศพลรู้ว่าเขาเป็นของธรรศไปแล้วก็ทำให้ไม่รู้จะทำหน้าอย่างไรหากได้เจอกันครั้งหน้า

     

     

    “ที่พ่อพาวินขึ้นมาหาพี่ที่ห้อง ก็คงเพราะอยากแสดงตัวล่ะมั้ง”

     

     

    “แสดงตัว?

     

     

    “พ่อคงรู้ว่าพี่ตั้งใจจะหลบหน้าวินเพราะไม่อยากให้วินถามถึงแผลพวกนี้ พี่ไม่อยากให้วินวางตัวไม่ถูกเวลาอยู่กับพ่อพี่”

     

     

    แน่ล่ะ เห็นแผลที่หน้าธรรศเขาต้องถามแน่ๆอยู่แล้ว เขาก็เป็นห่วงธรรศนะ ..ถึงจะยังไม่กล้าพูดออกไปตรงๆก็ตามที

     

     

    “เขาคงอยากให้วินรู้ว่าเขารู้แล้ว ตื่นเต้นที่จะมีลูกสะใภ้น่ะ”ธรรศพูดยิ้มๆ ไล้นิ้วโป้งกับมือนุ่มนิ่มที่เขาถือโอกาสจับยึดไว้ไม่ปล่อย

     

     

    ความจริงเรื่องที่เขาทำร้ายปวีณจะเก็บงำไว้ก็ย่อมทำได้..ก็คือไม่ได้โกหก เพียงแค่บอกบางส่วนเท่านั้น แต่ธรรศเลือกที่จะพูดมันออกไปเพราะต้องการสารภาพทุกอย่างให้หมดเปลือก อีกอย่าง การที่บิดาของเขารู้ว่าเขาเองที่เป็นฝ่ายฉุดรั้งเด็กน้อยให้แปดเปื้อน ทศพลที่ยึดมั่นกับความถูกต้องและสนิทสนมกับครอบครัวของปวีณมาก่อนย่อมต้องเห็นใจปวีณ แม้จะไม่เห็นด้วยนัก.. แต่ก็คงต้องการชดเชยให้เด็กหนุ่มมากกว่า เรื่องระหว่างเขากับปวีณ..สำหรับผู้ใหญ่ก็จะง่ายขึ้น อย่างน้อยที่สุด บิดาเขาก็ออกปากเองแล้วว่าสะใภ้ต้องเป็นปวีณเพียงคนเดียว

     

     

    “บ้าสิ ใครไปตกลงกับพี่กัน”เด็กหนุ่มย่นจมูกเข้าให้ พูดซะเขาเหมือนเป็นผู้หญิงเชียว

     

     

    “ก็รอให้ตกลงอยู่เนี่ย จะได้ยกขันหมากไปขอ เถ้าแก่ก็มีแล้ว เจ้าบ่าวก็พร้อม ขาดแต่เจ้าสาว”

     

     

    ปวีณรู้สึกว่าหน้าร้อนเห่อจนแทบไหม้ แน่ใจว่าสีหน้าของเขาคงต้องฟ้องความให้ชายหนุ่มที่นั่งข้างๆได้รู้จนหมดแน่ ถึงได้เกี้ยวได้เกี้ยวดีขนาดนี้ จีบมากี่มุกก็เขินหมด บ้าชะมัด ปวีณ!!!

     

     

    ตอบเฉไฉไปอีกทาง แก้อายด้วยคำถามแทน

     

     

    “แล้วถ้าไม่มีวันนั้น พี่จะทำยังไง”

     

     

    “ก็จะรักจะรอต่อไปแบบนี้แหละ”พูดจบก็ยกมือเล็กขึ้นแนบริมฝีปากอย่างถือสิทธิ ปล่อยให้เจ้าของมือสะเทิ้นอายกับคำบอกรักโต้งๆแล้วก็การจูบมือกันแบบดื้อๆ .. สาบานนะว่าอีตานี่ไม่เคยไปพูดแบบนี้กับใคร ทำไมมันดูคล่องจังล่ะ ตอนเขาเด็กๆก็จี๋จ๋า คอยโอ๋เอาใจกันอยู่ตลอด .. แต่มันไม่ได้หวานแบบนี้สักหน่อย

     

     

    “แล้วถ้าวินรักคนอื่น”พอตั้งหลักได้ก็แกล้งถามยั่วโมโหธรรศแต่กลายเป็นว่าปวีณกลับต้องมาตงิดๆเอาเสียเองกับคำตอบ

     

     

    “ไม่มีทางครับ เพราะวินคงไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดใครจนเกิดเป็นความรักแน่”

     

     

    “พี่ธรรศหมายความว่าไง”คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยชักรู้สึกทะแม่งๆกับคำตอบของอีกฝ่าย

     

     

    “ก็พี่เทียวไล้เทียวขื่อขนาดนี้ ถ้ายังมีใครกล้ามายุ่งกับวิน ..พี่ว่าก็เท่ากับรนหาที่ตายนั่นแหละ”พูดจบก็ยิ้มกว้างตบท้ายมาให้ .. โหดจริงๆอีตานี่

     

     

    ปวีณส่ายหน้ากับคำตอบทั้งที่ใจก็พองฟู ก็สมเป็นธรรศดีล่ะนะตอบแบบนี้ ลอบยิ้มกับตัวเองเพราะแน่ใจว่าธรรศไม่มีทางไปไหน ไม่ว่าแผลนั้นมันจะเลือนหายไปหรือไม่ แต่คนที่เฝ้ารักษาเขาก็จะยังอยู่ข้างๆ

     

     

    มือเล็กข้างที่ว่างยกขึ้นแตะที่ใบหน้าคมคร้าม ปลายนิ้วไล้ไปตามรอยแผล ลูบที่มุมปากที่ยังคงบวมช้ำอย่างเบามือ

     

     

    “ยังเจ็บอยู่มั้ย”

     

     

    “ไม่ค่อยแล้วล่ะครับ”

     

     

    อมยิ้มกับตัวเองน้อยๆเพราะใจไพล่ไปนึกถึงพล็อตละครที่พระเอกถูกทำร้ายแล้วพอนางเอกไปดูแผลเข้าหน่อยก็มักจะทำสำออย ..แต่ธรรศไม่ใช่แบบนั้น ซึ่งปวีณคิดว่านั่นก็ดีแล้ว อย่ามาทำสำออยหลอกคนที่ดูแผลออกอย่างเขาเชียว

     

     

    “ยิ้มอะไรครับ”

     

     

    เด็กหนุ่มส่ายหน้า “ไม่มีอะไรหรอก แค่ขำที่หน้าหล่อๆเสียโฉมหมดแล้ว”

     

     

    “รับผิดชอบด้วย”

     

     

    คำสั่งที่ทำให้คนฟังต้องมองตาขวาง น้อยๆหน่อย ใครต้องรับผิดชอบใครกันแน่ แต่ก็ยังอุตส่าห์ถามกลับไปเพราะอยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะใช้มุกไหนวนกลับมาเกี้ยวเขา

     

     

    “ยังไง”

     

     

    “แต่งงานกับพี่ไง”

     

     

    “เกี่ยวอะไรกันเนี่ย”มือเล็กทุบบ่ากว้างไม่แรงนักแก้เขิน ความจริงจะชิ่งกลับก็ย่อมทำได้ แล้วทำไมต้องอยู่ฟังอะไรๆให้ตัวเองหน้าร้อนเล่นด้วยล่ะเนี่ย เสมองไปทางอื่นพร้อมๆกับความคิดที่ชักจะฟุ้งซ่าน นัยน์ตาเรียวเล็กมองไปรอบๆห้อง

     

     

    .. ถ้าแต่งงานกันแล้วธรรศคงให้เขามาอยู่ที่ห้องนี้ด้วย..

     

     

    ปวีณรู้สึกว่าลมหายใจสะดุดเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ บ้าชะมัด!! นึกเคืองตัวเองที่เผลอคิดตาม หวั่นไหวไปกับทุกการกระทำของชายหนุ่ม หันกลับไปตามทิศเดิมก็ต้องพบว่านัยน์ตาคู่คมจับจ้องเขาอยู่ก่อนแล้ว

     

     

    “มองอะไร”เผลอแว้ดไปเบาๆ ชักทำตัวไม่ถูก มือไม้ก็ไม่รู้จะวางตรงไหนเลยยอมให้คนจีบเขาจับจองไปตามสบายก่อน เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากธรรศได้ไวนัก

     

     

     “มองคนเขินเก่ง”

     

     

    “รู้แล้วยังจะแกล้งกันอีก”อุบอิบพูดเสียงเบาแต่ก็ไม่รอดพ้นการได้ยินของคนที่อยู่ใกล้ หูเจ้ากรรมจึงต้องรับฟังเสียงทุ้มที่หัวเราะหึหึอยู่ในลำคอ

     

     

    “ก็น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน”

     

     

    โอย เก่าแก่และโบราณชะมัด .. เออ เขารู้แล้วล่ะน่าไอ้สำนวนนี้น่ะ .. เพราะงั้นก็เลยทั้งหยดทั้งหยอดมันตลอดเวลาใช่ไหมล่ะ นักธุรกิจนี่เจ้าเล่ห์กันอย่างนี้หมดไหมนะ

     

     

    ปวีณยอมรับโดยดุษฎีแล้วว่าเขาสู้ไม่ได้แน่นอน จึงตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องเสียเอง

     

     

    “เอ้อปากเป็นงี้ แล้วนี่จะกินทาร์ตได้รึเปล่าล่ะเนี่ย”

     

     

    ธรรศชะงักไปอย่างนึกขึ้นได้ “ทาร์ตส้ม ..ของชอบพี่นี่นา เห็นตอนแรกพ่อบอกว่าวินทำมา”

     

     

    “อื้อ”

     

     

    “ทำมาให้พี่ใช่ไหมครับ”ดวงหน้าคมยิ้มกริ่มด้วยเริ่มจะรู้ทัน

     

     

    นั่น .. ขี้ตู่ชะมัด ไหนว่าขนมไม่ต้องก็ได้ ไง ชิ

     

     

    “ปล๊าวววว ให้ลุงเอก”พูดพลางกลอกตาไปทางอื่นพลอยให้คนมองหัวเราะเอ็นดู

     

     

    “เสียงสูงเชียวนะวิน วินรู้ว่าพี่ชอบทาร์ตส้มตั้งแต่เด็ก แล้ววินก็จงใจทำมาด้วยตัวเองทั้งที่จะหยิบของในร้านมาก็ได้ หรือทำอย่างอื่นก็ได้ แต่วินก็เลือกทาร์ตส้มนี่นา ขอบคุณนะครับ”

     

     

    “โมเมเก่งเกินไปมั้ย”ธรรศยิ้มร่ารับคำชม มันเป็นยิ้มที่สดใสจนคนเขินเก่งอดหมั่นไส้ไม่ได้ นิ้วเรียวจึงจิ้มเข้าที่มุมปากหนักๆให้อีกฝ่ายต้องหน้าเบ้

     

     

    “ใจร้ายจังวิน”ธรรศอุทธรณ์มาเสียงอ่อยให้คนทำเป็นฝ่ายหัวเราะชอบใจบ้างหลังจากที่ได้แต่นั่งบิดนั่งอายม้วนจนแดงไปทั้งหน้าทั้งตัว

     

     

    “ไหนว่าไม่เจ็บไง”ปวีณหัวเราะดังกว่าเดิมเมื่อเห็นหน้าบูดๆของคนที่มักจะถือไพ่เหนือกว่า

     

     

    ..ยอมลงให้อีกหน่อยก็ได้ ..

     

     

    “หันมานี่สิ”

     

     

    มือเรียวเล็กสองข้างประคองหน้าของชายหนุ่มไว้ ก่อนจะชะโงกตัวขึ้นไปเป่าเบาๆใกล้กับมุมปากที่ตัวเองไปแกล้งธรรศเอาไว้

     

     

    “เพี้ยง.. ไม่เจ็บนะครับ”ยิ้มให้อีกฝ่ายน้อยๆทั้งที่ยังอยู่ใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของกันและกัน

     

     

    นัยน์ตาคมเบิกกว้างได้มากกว่าครั้งไหนๆ แล้วร่างเล็กก็ปะทะเข้ากับแผ่นอกกว้างตามแรงดึง

     

     

    “หวะ.. อ๊ะ”

     

     

    ปวีณแทบจะจมหายไปกับอ้อมอกอุ่นที่รัดรึงตัวเขาไว้แนบแน่น บังคับใบหน้าขาวให้ต้องซุกซบอยู่กับซอกคอของธรรศ

     

     

    “พะ..พี่ธรรศ”

     

     

    ชายหนุ่มกดจูบลงกับเรือนผมนุ่มซ้ำๆแล้วดันตัวเด็กหนุ่มออกมามองหน้ากัน

     

     

    “อย่าไปรักษาใครเขาแบบนี้นะวิน พี่คลั่งตายได้นะรู้มั้ย”

     

     

    คำสั่งหวานจนเด็กขี้แกล้งต้องยิ้มเขิน

     

     

    “ไม่มีใครเขารู้สึกอะไรหรอก นอกจากพี่น่ะ”

     

     

    “ยังไงก็ห้าม!!

     

     

    แน่ะ ไม่ทันตกลงอะไรด้วยยังมีหน้ามาหวงมาหึงอีก

     

     

    “รู้แล้วน่า ไม่ทำหรอก ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว”

     

     

    ครั้งนี้ธรรศค่อยๆรั้งตัวปวีณเข้ามาไว้แนบอกอย่างเบามือ ไม่หลุดตามอารมณ์อย่างเมื่อครู่

     

     

    “พี่รักวินนะ”

     

     

    “..”

     

     

    ไม่มีคำตอบจากเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมแขน

     

     

    มันไม่ใช่ปัญหาเลย .. เขายินดีรอไปจนชั่วชีวิต

     

     

     

     

     

     

    ปวีณซุกตัวเข้ากับแผ่นอกอุ่นมากขึ้น เขายังตอบธรรศไปไม่ได้ ยัง..ไม่อาจพูดได้

     

     

    แต่สักวัน.. ถ้าวันนั้นมาถึง เขาจะบอกออกไปแน่

     

     

    เวลานั้น.. ธรรศจะไม่ต้องเป็นฝ่ายรออีกต่อไป

     

     

    End  of  Part

     

     

     เป็นตอนจบของpart Healing Process ค่ะ แต่ยังไม่ใช่ตอนจบสมบูรณ์ของสองคนนี้

     

     

    มีคนอ่านหลายท่านเข้าใจว่านี่เป็นภาคต่อ จะบอกว่า ไม่ใช่น้า จริงๆแล้ว ทุกตอนที่แต่งต่อมาจากหกตอนแรกสุด ถือเป็นตอนต่อ ทั้งหมด ของเรื่องนี้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นตอนเดี่ยว หรือ หลายตอนที่แต่งต่อมา ดำเนินเรื่องต่อกันหมดนะคะ เพียงแค่ช่วง Healing Process นี่ มีหลายตอนย่อยเท่านั้นเอง

     

     

    อย่างที่กะล่อนเคยบอก สิ่งที่ธรรศเคยทำไว้มันหนักหนามาก และธรรศก็กำลังได้รับผลของการกระทำ เรียนรู้ว่าจะต้องอดทนและทำดีให้มากขึ้น ผลของความพยายามของธรรศก็เริ่มมีให้เห็นแล้ว

     

     

    คิดว่าคงอีกไม่นานที่ปวีณจะพร้อมที่จะก้าวไปกับธรรศ .. เหลือแค่เวลาให้กะล่อนได้แต่งต่อนี่ล่ะ 555   

     

     

    ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามที่ผ่านมา และหวังว่า จะยังคงติดตามเรื่องราวของสองคนนี้ต่อไปนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×