คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2
บทที่ 2
ปวีณเผลอกัดริมฝีปากเมื่อพบว่าต้องอยู่เพียงสองต่อสองกับไอ้ยักษ์แปลกหน้า
มือใหญ่เทว้อดก้าลงในแก้วด้วยมือข้างเดียวแล้วส่งให้ปวีณ
“กูไม่กิน!!”
“แน่ใจใช่ไหมว่าจะไม่กินดีๆ”
“ทำไม มึงจะวางยากูรึไง”
“ระดับนี้แล้วไม่ต้องวางยาเธอหรอก”
พูดจบก็ยกแก้วในมือขึ้นกระดก มือใหญ่อีกข้างจับหน้าให้ปวีณหันมาหาก่อนที่จะแนบริมฝีปากอุ่นร้อนลงมาทาบทับ บดเบียดกลีบปากเล็กรุนแรงจนต้องยอมเผยอริมฝีปากออกให้รสหวานเฝื่อนเข้ามา มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ปวีณได้ลิ้มรส หากแต่ส่วนมากกลับไหลลงไปตามลำคอจนถึงไหปลาร้า
เรียวปากหยักสวยผละออกมา ปลายลิ้นไล้เลียราวจะเก็บทุกหยาดหยดของว้อดก้านั่น ก่อนจะลากกลับขึ้นไปประกบกับริมฝีปากสีชมพูที่เห่อขึ้นน้อยๆ ครั้งนี้ปวีณเม้มปากแน่นแต่ก็ไม่สามารถต้านทานแรงบีบที่ปลายคางได้ จำต้องยอมถูกรุนรานจาบจ้วง
ธรรศสำรวจไปทั่วโพรงปากของเด็กหนุ่ม ละเลียดชิมอย่างเอาแต่ใจ ตวัดรั้งปลายลิ้นเล็กที่กระถดหนีไว้ เกี่ยวกระหวัดแล้วดูดดึงเป็นจังหวะ เปลี่ยนมุมประกบไปเรื่อยเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่พลาดความหวานกรุ่นกลิ่นไร้เดียงสาไปแม้เพียงนิด
ประสบการณ์ที่มากกว่าทำให้ปวีณสูญสิ้นแรงที่จะผลักไสไหล่กว้างออก แม้จะไม่ได้ยินดี ..ทั้งใจก็นึกรังเกียจคนตรงหน้ายิ่งนัก
ธรรศยอมปล่อยกลีบปากนิ่มที่บัดนี้บวมเจ่อให้เป็นอิสระเมื่อรู้สึกได้ว่าคนที่เขากำลังจูบเอาๆ ชักจะหายใจไม่ทัน ปวีณหอบแฮ่กๆสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างเร็ว
ปวีณทั้งดิ้นและกรีดร้องแต่ก็คล้ายจะเหนื่อยเปล่า
..ไม่มีใครเห็น และไม่มีใครได้ยิน ความจริงข้อนี้ทำให้เด็กหนุ่มนึกเจ็บใจนัก
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็จัดการ ‘ป้อน’ว้อดก้ารสเลิศแก้วแล้วแก้วเล่าจนปวีณที่กรึ่มๆอยู่แล้วจากฤทธิ์แอลกอฮอล์เดิมที่เจ้าตัวดื่มมากับเพื่อนจนเมาคอพับไปแล้ว ธรรศยกตัวปวีณขึ้นอุ้มในท่าอุ้มเจ้าสาวแล้วพาไปยังรถปอร์เช่สีขาวกระจ่าง เรียวปากบางยกยิ้มเมื่อเป็นอีกครั้งที่ ‘ทางสะดวก’ ท่าทางว่าปภาณุคงจะเคลียร์ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว นึกขอบใจเพื่อนรักขึ้นมาครามครัน
ธรรศบอกเป้าหมายให้กับคนขับรถประจำตัว วางร่างเล็กลงนั่งกับเบาะโดยให้ศีรษะทุยซุกซบอยู่กับอกเขา ก้มหน้าลงถือโอกาสเอากับแก้มเนียนที่แดงระเรื่อ
เมื่อหลุดพ้นจากสภาวะรถที่หนาแน่นช่วงทองหล่อแล้ว ด้วยเวลาขณะนี้ที่ก้าวล่วงสู่วันใหม่ได้ไม่นานรถราก็บางตาไปจากยามกลางวันมาก ธรรศใช้เวลาเพียงไม่นานก็มาถึงคอนโดหรูส่วนตัวที่สุขุมวิท ร่างสูงอุ้มคนในอ้อมกอดไปยังห้องนอนที่อยู่บนชั้นสองของห้องพักก่อนจะค่อยๆวางเด็กหนุ่มลง
ปวีณมารู้สึกตัวอีกครั้งหนึ่งเมื่อความรู้สึกเปียกชื้นไล่ไปมาตามลำคอ เปลือกตาบางกะพริบถี่ก่อนจะค่อยๆปรือขึ้นทีละน้อย เด็กหนุ่มแทบจะสร่างเมาในทันทีที่ได้เห็นภาพตรงหน้า นัยน์ตาเรียวเบิกกว้าง
นี่มันนรกชัดๆ!!!!!!!
ร่างสูงกำยำกำลังทาบทับเขาอยู่ด้านบน ซุกไซ้ไปตามซอกคอเขาอย่างถือดี
“ทำบ้าอะไร ปล่อยกู!!!!”มือเล็กพยายามดันไหล่กว้างออกจากตัวแต่ดูเหมือนว่าจะสร้างได้แค่ความรำคาญให้กับอีกฝ่ายเท่านั้น ส่วนช่วงขาปวีณไม่มีสิทธิขยับเพราะโดนทับไว้แล้ว
“ตื่นมาก็ปากไม่ดีเลยนะ” ธรรศพึมพำชิดกับผิวเนียน ใช้ฟันขบลงไปจนเป็นรอย
“โอ๊ย”
“ทำโทษที่พูดไม่เพราะ”
“นี่... ปล่อยผมไปเถอะนะ ผมไม่เคยได้ทำอะไรให้คุณสักหน่อย คุณกล้ามาทำอะไรกับคนแปลกหน้าด้วยเหรอ ถ้าคุณปล่อยผมไปผมสัญญาว่าจะไม่บอกใครเรื่องนี้เลย”
พอเห็นว่าหมดทางรอดแล้วก็เอาน้ำเย็นเข้าลูบ ทำหน้าอ้อนๆขอความเห็นใจ
หึ .. ทำไมถึงดิ้นรนได้น่าปล้ำอย่างนี้นะ
“คุณณณณณณณณณ แฟนคุณเป็นผู้หญิงไม่ใช่เหรอ นี่ผมผู้ชายนะเฟ้ยยยยย เมาแค่ไหนก็แยกแยะเพศบ้างสิว้อย ผมมีทุกๆอย่างอย่างเหมือนที่คุณมีนั่นแหละ”
ธรรศแทบจะหลุดหัวเราะ แต่อารมณ์หวามที่เกิดขึ้นก็ชนะทุกสิ่ง
“เหรอ.. งั้นคงต้องพิสูจน์”
“ฮะ.. เฮ้ย ไม่เอานะเว้ยยยย ปล่อยย!!!!!!”
ตัดสินใจปิดปากที่ชักจะเจรจาเกินเหตุด้วยจูบหนักๆ ลิ้นร้อนตวัดช่ำชองปลุกเร้าอารมณ์เบื้องลึกของคนใต้ร่าง พร้อมๆกับสองมือที่ฟอนเฟ้นไปทั่ว
“อืม..หวาน” ริมฝีปากอุ่นจัดพรมจูบไปทั่วหน้า ไล้เลียไปตามใบหูนิ่มแล้วขบเบาๆให้ปวีณต้องย่นคอด้วยความเสียวแปลกๆ
“อะ.. อย่า อย่านะโว้ย”
จากนี้ เซนเซอร์ค่ะ ก็อย่างที่เคยบอกไว้ ถ้าไม่สามารถอ่านในเด็กดีได้ .. ก็ขอเชิญที่.. นะคะ
.
.
ชายหนุ่มถอนแก่นกายออก จูบไปตามดวงหน้า ซอกคอ ของปวีณอย่างเผลอไผล ตวัดรั้งร่างคนที่หมดสติไปก่อนเข้ามาไว้ในอ้อมกอด
ยังหรอก.. ยังคงไม่ล้างสิ่งที่เขาฝากไว้ให้ออก
ธรรศต้องการให้ปวีณตื่นมารับรู้ด้วยตนเองอย่างชัดเจนว่าเด็กหนุ่มเป็นของใคร
แสงอาทิตย์ยามสายที่สาดส่องผ่านเข้ามาตามช่องว่างของม่านที่ไม่สามารถกำบังได้มิดอาบไล้วงหน้าขาวที่กำลังหลับสนิท ร่างเล็กซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา ขยับไปมาเพื่อหนีจากแดดที่แยงตาจนผ้าห่มสีน้ำเงินเข้มที่เคยคลุมอยู่จนถึงระดับอกร่วงลงมากองที่เอว เผยให้เห็นลำคอและแผ่นอกขาวที่บัดนี้เต็มไปด้วยร่องรอยจากเหตุการณ์เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา
ความไม่สบายตัวค่อยๆปลุกให้เด็กหนุ่มได้ตื่นขึ้นมา แพรขนตากะพริบถี่ก่อนจะปรือขึ้นทีละน้อย ทันทีที่รู้สึกตัวอาการปวดไปทั่วร่างก็จู่โจมจนปวีณต้องนิ่วหน้า สูดปากเบาๆ
“อูยย”
มือเล็กยันตัวขึ้นนั่งบนเตียงอย่างเชื่องช้า ร่างกายร้าวระบมไปหมด ความเจ็บแปลบเสียดแทงทุกครั้งที่ขยับตัวโดยเฉพาะบริเวณสะโพก นั่นทำให้อาการสับสนมึนงงของคนที่เพิ่งตื่นจางไป ฟันขาวเรียงเป็นระเบียบขบเข้ากับริมฝีปากตัวที่บวมเจ่อเพราะถูกจูบซ้ำๆเสียไม่รู้กี่สิบรอบ รู้สึกโกรธเกลียดในความอ่อนแอของตัวเองนัก
โดนผู้ชายข่มขืน !!!!!!
ความคิดคำนึงที่ย้ำเตือนจนกระบอกตาร้อนผ่าว
ไม่ได้!!
เวลานี้ยังไม่ใช่เวลามานั่งคร่ำครวญ เขาต้องรีบหาทางออกไปจากที่นี่ ป่านนี้พวกเพื่อนกับที่บ้านเขาคงตามหาตัวกันให้จ้าละหวั่น รู้สึกโล่งอกที่เจ้ายักษ์ที่ทำลายเขาไม่อยู่
เด็กหนุ่มกวาดตามองไปรอบห้อง โทนสีครีมของผนังตัดกับของตบแต่งอื่นๆที่เน้นโทนขาวดำ เรียบง่ายแต่มีระดับหรูหราในตัวเอง ความกว้างขวางและเครื่องอำนวยความสะดวกที่อยู่ภายในแม้นี่จะเป็นแค่ห้องนอนบอกให้ปวีณรู้ว่าเจ้าของห้องนี้ต้องมีฐานะมากทีเดียว เดาเอาจากวิวตึกสูงที่อยู่เบื้องนอกว่าเขาน่าจะอยู่ที่คอนโดที่ไหนสักแห่งในกรุงเทพฯ
ปวีณกัดฟันลุกพรวดเดียวเพื่อลงจากเตียง แต่เพียงแค่ก้าวขาลงมาเท่านั้นก็ทรุดฮวบลงมากองกับพื้น
“โอ๊ย”
ขยับยันตัวจะลุกอีกรอบก็ต้องชะงักเมื่อรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างไหลลงมาตามซอกขา กลั้นใจก้มลงมองก็ต้องเห็นน้ำขาวขุ่นปนสีเลือดออกมาจากช่องทางที่ถูกทำร้ายอย่างสาหัสเมื่อคืน
บ้าชะมัด ไอ้ยักษ์นั่นไม่ได้ป้องกันอะไรเลย
แค่ใจที่ทรมานยังไม่พอ ต้องให้เขามาเจอกับโรคร้ายๆที่ไอ้คนสำส่อนอย่างนั้นฝากไว้ด้วยรึไงกัน มันจะโหดร้ายไปหน่อยมั้ย
เพราะจมอยู่กับห้วงความคิดของตัวเองจึงไม่ทันได้สังเกตว่ามีบุคคลอื่นเข้ามาอยู่ในห้องด้วยได้สักพักแล้ว นัยน์ตาคมปลาบมองภาพเบื้องหน้าอย่างสนใจ ..อยากจะดูปฏิกิริยาของเด็กหนุ่มยามที่ตื่นมา แล้วก็ไม่ต้องผิดหวังเลย ปวีณเป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ เรียวปากบางยกยิ้มอย่างถูกใจ
เจ็บปวดและทรมานจากรสรักที่เขาฝากไว้ แต่ยังฉายให้เห็นแววไม่ยอมแพ้ในดวงตาเรียวเล็กนั่น
เหตุการณ์เมื่อหกเดือนก่อนฉายชัดให้เห็นในเงาตา เด็กหนุ่มหน้าตี๋ร่างผอมใส่แว่นแบบเด็กเรียนเดินดูแลคนไข้อยู่บนหอผู้ป่วยรวมของโรงเรียนแพทย์มีชื่อ ความที่ต้องมาเยี่ยมเยียนแม่ของลูกน้องคนสนิทที่นอนพักรักษาตัวทำให้มีโอกาสได้เจอ ทีแรกก็แค่มองผ่านๆ ท่าทางจืดชืดซ้ำร้ายยังเป็นเด็กผู้ชายไม่สามารถเรียกความสนใจจากไฮโซเพลย์บอยตัวฉกาจอย่าง ‘ธรรศ รณกร’ ได้หรอก
จนกระทั่งวันนั้น คล้ายว่าจะมีเหตุการณ์เร่งด่วนเกิดขึ้นภายในหอผู้ป่วย ทั้งแพทย์ นักศึกษาแพทย์แล้วก็พยาบาลอีกหลายคนไปกองกันอยู่เตียงผู้ป่วยโซนหน้าที่ติดกับเคาน์เตอร์พยาบาล เท่าที่ธรรศสังเกต เห็นว่าเตียงที่อยู่ ‘แดนหน้า’นั้นจะถือว่าอาการหนัก ต้องมีพยาบาลคอยดูแลใกล้ชิด จึงจัดไว้ให้อยู่ใกล้หูใกล้ตา
ม่านสีเขียวที่มีไว้ประจำแต่ละเตียงถูกรูดเพื่อกันไม่ให้บุคคลอื่นได้มองเห็นว่าพวกแพทย์กับพยาบาลนั้นกำลังทำอะไร นางฟ้าในชุดขาวไม่ได้รูดปิดเตียงที่กำลังมีปัญหานั้น แต่ปิดทุกเตียงที่สามารถมองเห็นเหตุการณ์ได้ นัยว่าคงต้องการใช้พื้นที่เยอะที่บริเวณนั้นเสียกระมัง
แต่ธรรมชาติของมนุษย์เรา ยิ่งปิด.. ก็ยิ่งนึกอยากรู้ ญาติคนไข้ที่อยู่เตียงอื่นๆต่างชะเง้อชะแง้ด้วยความสนใจ รวมไปถึงนันทวัฒน์ ลูกน้องของเขาที่นั่งอยู่ข้างๆนี่ด้วย รายนี้ลุกขึ้นมายืนก่อนเลยเชียว
อาจจะเป็นเพราะความรีบร้อน การปิดม่านจึงไม่ได้บรรจงนัก ยังคงมีช่องให้พอมองลอดผ่านไปได้อยู่ จากที่เขาดูอยู่นี้ยังไม่สามารถเห็นได้ว่ากำลังทำอะไรกัน เห็นแต่เพียงพยาบาลเดินถือของส่งของไปมา สลับกับที่นักศึกษาแพทย์หลายคนถือเครื่องมือแปลกๆ บ้างก็เตรียมสวมถุงมือ
รถที่ใส่อุปกรณ์ทางการแพทย์ขนาดย่อมถูกเข็นเข้ามาใกล้กับแพทย์ที่ดูจะอาวุโสและมีอำนาจตัดสินใจมากที่สุด ด้วยอาณาบริเวณที่ไม่ได้กว้างนัก ตัวรถจึงเกี่ยวเอากับม่าน รั้งให้เปิดมากยิ่งขึ้น ครั้งนี้จากมุมที่ธรรศยืน เขาสามารถเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน
ภาพที่สะท้อนให้เห็นในเงาตาคือเด็กหนุ่มร่างผอมในชุดนักศึกษาคลุมทับด้วยเสื้อกาวน์ยาวปีนขึ้นไปนั่งคุกเข่าอยู่ข้างตัวคนไข้ มือในถุงมือยางสีขาวกดอยู่กับหน้าอกของผู้ป่วยคนนั้นเป็นจังหวะ นักศึกษาแพทย์ที่ดูไม่ต่างอะไรกับเด็กอมมือในสายตาของคนทั่วไปอย่างเขา ณ เวลานี้ ท่วงท่าที่แสดงออกถึงความจริงจังเรียกเอาความ อยากจะเชื่อ ของธรรศไปไว้กับตัวเสียแล้ว
อยากจะเชื่อในปาฏิหาริย์จากมือที่มีไว้ช่วยชีวิตคน
จากที่แค่อยากรู้ ..กลับกลายเป็นเอาใจช่วย รู้สึกว่าหัวใจของเขาจะเต้นไปพร้อมๆกับจังหวะการกดของเด็กหนุ่มคนนั้น ผ่านไปสักสองนาทีก็มีนักศึกษาแพทย์คนอื่นขึ้นไปผลัดเปลี่ยน ร่างผอมที่เพิ่งปีนลงจากเตียงคนไข้ดูเหนื่อยนัก หายใจถี่ขึ้น ใบหน้าขาวมีเหงื่อซึมๆ เจ้าตัวกวาดมองไปรอบๆก่อนจะชะงักไปเมื่อสบตากับเขา คิ้วเรียวขมวดมุ่นเข้าหากันคล้ายจะไม่ชอบใจอะไรบางอย่าง ดวงตาเรียวเล็กจ้องธรรศดุๆก่อนจะใช้มือตัวรูดม่านปิดจนธรรศไม่สามารถมองเห็นอะไรได้อีก
หึ.. ครั้งนั้นจำได้ว่าลูกน้องถามเขาว่ากินอะไรผิดรึเปล่า อยู่ดีๆก็ยิ้มแล้วหัวเราะราวกับเจอของถูกใจ
..ใช่ ถูกใจเอามากๆเลยด้วย มีไม่กี่คนนักหรอกที่จะกล้าทำตาดุใส่ ‘ธรรศ รณกร’ น่ะ
TBC
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์ค่ะ
ความคิดเห็น