คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1
คืนวันศุกร์นี้ร่างเล็กที่สูงเพียงร้อยหกสิบห้าเซ็นต์ในชุดเสื้อเชิ้ตทรงเข้ารูปเล็กน้อยแบบพับแขนสีฟ้าอ่อนกางเกงยีนส์สีดำกับรองเท้าผ้าใบคู่โปรดลงมายืนรอเพื่อนของตัวที่ลานด้านหน้าหอพักหญิงที่เป็นที่นัดหมาย ไม่นานนักก็มีมือใหญ่มาวางลงบนไหล่ นัยน์ตาเรียวเล็กสีดำสนิทจึงได้หันกลับไปเงยมอง
“อ้าว เทพเรอะ” อีกฝ่ายพยักหน้า เทพ หรือทัดเทพ เพื่อนของเขาคนนี้เป็นหนึ่งในขาเที่ยวและเพลย์บอยประจำรุ่น ดีที่ว่าไม่นิยมขายขนมจีบกับคนในคณะ .. ไม่เช่นนั้นคงจะได้มีศัตรูไปทั่ว ไม่แปลกนักหรอกกับร่างสูงใหญ่พร้อมด้วยดวงหน้าขาวตี๋อินเทรนด์กับคารมหมอนี่ที่ได้ยินมาว่า..รายไหนรายนั้น ไม่เคยพลาด
“เห็นพวกผู้หญิงบอกว่าอีกห้านาทีจะลงมา” เสียงทุ้มของทัดเทพเปรยมาเรียบๆ
“ไหนใครบอกว่าแต่งไปมันก็มุดหัวอยู่กับวงเราไม่ใช่รึไง แล้วจะแต่งไปทำไมวะ”
ร่างสูงที่อยู่ข้างๆเขาหัวเราะหึหึในลำคอ “กูเห็นด้วยว่ะ มันไม่ได้จะสวยไปอวดใครเล้ยยย ไอ้พวกนี้ ทำเสียเวลาดื่มหมด”
“วันนี้นินไปด้วยรึเปล่า”ปวีณถามขึ้นถึงเพื่อนอีกคน เขากับธนินก็นับว่าคุ้นเคยกันพอสมควร รู้อยู่บ้างว่าอีกฝ่ายก็มีไปผับนานๆทีเหมือนกัน
“ไม่ล่ะ เห็นว่าเบื่อๆ”ทัดเทพเปรยยิ้มๆคล้ายว่าจะรู้อะไรมา พลอยให้ปวีณขมวดคิ้ว ใจไม่ได้นึกอยากรู้เหตุผลนักแต่ปากก็ถามไปก่อนแล้ว
“เบื่อ? นินไม่ได้ไปบ่อยเสียหน่อย”
“เบื่อโดนคุมมั้ง” ปวีณทำหน้างงกับประโยคนี้เพราะเท่าที่รู้มาที่บ้านของธนินก็ไม่ได้เข้มงวดสักเท่าไหร่ ออกจะปล่อยตามใจเสียมากกว่า ช่วงปิดเทอมก่อนขึ้นปีสี่ก็ยังได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันอยู่ตั้งเป็นอาทิตย์
“แปลว่ามีแฟนแล้วงั้นสิ อุบเงียบเชียววุ้ย มึงรู้จักปะเทพ สวยมั้ยวะ”
“กูก็ไม่มั่นใจหรอกว่าใช่แฟนรึเปล่า”นัยน์ตาคมของคนตรงหน้าที่หรี่ลงด้วยประกายบางอย่างทำให้ปวีณสงสัยขึ้นมาตงิดๆ แต่ที่สงสัยไปกว่านั้นคือแล้วทัดเทพไปรู้ได้อย่างไร เท่าที่ได้ยินมากลุ่มที่ธนินไปด้วยมีเด็กนิติรุ่นเดียวกันมาจอยด้วยอยู่บ่อยครั้ง ไม่เห็นมีข่าวคราวเรื่องสาวนอกคณะคนไหนสักคน
“เอาเหอะ เดี๋ยวไว้เจอหน้าจะลองแซวมันดู”
“ได้ผลยังไงบอกกูด้วยล่ะ”
บทสนทนาระหว่างเขากับทัดเทพจบลงตรงนั้น
ระหว่างที่ยืนรอเพื่อนคนอื่นๆ ปวีณรู้สึกสังหรณ์ใจประหลาด นึกหวั่นๆอยู่ไม่น้อย คล้ายจะมีอะไรบางอย่างกระตุกเตือนกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ..แต่อีกใจหนึ่งก็บอกว่าให้ไป ไม่ใช่แค่เพราะความคิดของเขาที่ตัดสินเอาว่าความกังวลนี้คงมีสาเหตุมาจากการที่เขาจะไปเที่ยวกลางคืนกับเพื่อนเป็นครั้งแรก
...แต่เป็นเสียงกระซิบในใจที่บอกให้เขาไปด้วย
ไม่นานนักทุกๆคนก็มารวมตัวกันครบ พวกเขาเรียกแท็กซี่จากในตัวโรงพยาบาลเพื่อไปยังจุดหมาย
ดูเหมือนว่าทองหล่อยามค่ำคืนจะไม่เคยหลับใหล เวลาสามทุ่มกว่ารถราบนถนนก็คลาคล่ำ แท็กซี่หลายคันจอดชะลอเพื่อส่งผู้โดยสาร
ทันทีที่ลงจากรถ..สิ่งแรกที่ต้อนรับปวีณคือเสียงอึกทึกที่ให้ได้ยินจากตัวตึก เด็กหนุ่มมองตามขึ้นไปยังบันไดขั้นกว้างปูด้วยพื้นแกรนิตสีดำ ทัดเทพผู้คุ้นเคยที่สุดกับร้านนี้เดินนำไปก่อน ยื่นบัตรประชาชนกับบัตรสมาชิกให้
การ์ดในชุดสีดำยืนตรวจบัตรประชาชนพวกเขาทีละคนเมื่อเห็นว่าอายุถึงเกณฑ์แล้วจึงปล่อยผ่านให้เข้าไปได้
ในนาทีที่ร่างเล็กก้าวเท้าเข้าไปภายในก็พอดีกับที่นัยน์ตาคมกริบจากร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีดำเจ้าของดวงหน้าคมคายที่พร้อมด้วยเครื่องหน้าอันโดดเด่นกวาดมองลงมาจากชั้นสองที่เป็นโซนนั่งดื่มสำหรับแขกวีไอพี แสงไฟที่ส่องผ่านมาจากด้านนอกสว่างมากพอที่จะทำให้เจ้าของดวงตาคู่นั้นรับรู้ว่าบุคคลที่กำลังเดินเข้ามาเป็นใคร ชายหนุ่มตกตะลึงไปพักใหญ่หากยังไล่สายตาตามเด็กหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าไปตลอด
“ธรรศ..ธรรศคะ”คำเรียกที่ทอดเสียงอ่อนหวานพร้อมกับแรงเขย่าแขนไม่เบานักทำให้ชายหนุ่มเจ้าของชื่อต้องหันกลับมาให้ความสนใจกับคนข้างตัวอย่างเสียไม่ได้ ดวงหน้าหวานล้อมกรอบด้วยผมย้อมสีน้ำตาลดัดเป็นลอนเอียงคอน้อยๆราวต้องการทำตนให้ดูใสซื่อ .. ผิดกับความเป็นจริงที่ทุกคนต่างล่วงรู้ไปถึงไหนต่อไหน
“คุณมีอะไรรึเปล่าตาล”
“อยู่ๆคุณก็เหม่อไปนี่นา ไม่ยอมสนใจตาลเลย” ดวงหน้าคมคายโดดเด่นพยายามเก็บซ่อนความเหนื่อยหน่ายไว้ยามต้องพบเจอกับอาการเรียกร้องความสนใจของหญิงสาวตรงหน้า เพราะเหตุผลงี่เง่าเขาถึงต้องละสายตาไปจากคนๆนั้น นึกรำคาญมาณวิกาขึ้นมาอย่างสุดแสน
“เฮ้ย ธรรศ ลองนี่ดู” มือใหญ่ส่งแก้วที่ถืออยู่ไปให้ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามทันที ปภาณุอ่านความรู้สึกของเพื่อนซี้ได้ชัด จึงเลือกที่จะเบี่ยงเบนความสนใจของอีกฝ่ายไม่ให้ไปหงุดหงิดเอากับผู้หญิงไร้สาระแบบนี้
ปภาณุจุดยิ้มมุมปากเมื่อเห็นว่าร่างแบบบางแต่มีเต็มไปด้วยสิ่งที่หญิงสาวควรจะมีของมาณวิกาเบียดกระแซะธรรศมากกว่าเคย เรียวปากอิ่มสีสดเผยอเชิญชวน แขนเรียวสองข้างกอดแขนของคนที่เธอหมายปองไว้ราวจะให้กลืนหายไปกับทรวงอกหนั่นแน่น ..ที่จากประสบการณ์อันโชกโชนของเขาบอกได้ว่าขนาดที่ดึงดูดตานั้นน่าจะเกิดจากมีดหมอ
ธรรศที่เคยสัมผัสมาแล้วน่าจะสามารถยืนยันได้ดีกว่าเขา แต่ก็นั่นแหละ .. ถึงจะเพลย์บอยกันแค่ไหนแต่พวกเขาก็ไม่เคยเอาเรื่องบนเตียงมาขายความกันเท่าไหร่ มีแต่จะให้ใช้ความสามารถ ลอง กันกับสาวคนนั้นๆดูเองมากกว่า
แต่คราวมาณวิกานี้เขาคงไม่ขอลองหรอกนะ ในเมื่อเจ้าหล่อนสนใจธรรศก็ให้มันรับกรรมไปแล้วกัน
หลังจากนั้นไม่ว่ามาณวิกาจะพยายามสักเท่าไหร่ก็ไม่ได้รับความสนใจจากธรรศไปมากกว่าการพยักหน้าตอบและส่งเสียงอือไปแกนๆ มือแกร่งยังคงยกแก้วใส่น้ำสีอำพันขึ้นดื่มอย่างต่อเนื่อง จ่อมจมอยู่เพียงในห้วงคำนึงของตนเท่านั้น
นานอยู่เป็นนานที่ธรรศนิ่งเงียบ ปล่อยให้หญิงสาวที่เกาะแขนเขาราวกับได้กลายร่างเป็นตุ๊กแกไปแล้วและเพื่อนที่มาด้วยกันอีกสี่คนนั่งจับสังเกตแม้ว่าจะยังคงคุยเล่นและชนแก้วกันอยู่ตลอดก็ตามที ทุกคนต่างรู้สึกได้ว่าเขาเปลี่ยนไปหากแต่ไม่สามารถเดาได้ถึงสาเหตุ ..หรือจะพูดให้ถูกก็คือ คนต้นเหตุ ที่ทำให้นักธุรกิจหนุ่มยอดฝีมือเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่อย่าง ‘ธรรศ รณกร’ เป็นไปได้ถึงขั้นนี้
ผ่านมาสองชั่วโมงแล้วกับอาการเฉยชาของคนข้างๆตัว ความหงุดหงิดใจเข้าครอบงำจิตใจของสาวสวยจนแทบล้นปรี่ มาณวิกาได้แต่พยายามข่มไว้ให้อยู่ลึกๆ ไม่แสดงท่าทีหรือโวยวายออกมาให้ชายหนุ่มที่เธอหมายปองได้เห็น ธรรศไม่ชอบคนที่เข้ามายุ่มย่ามกับเรื่องส่วนตัว รำคาญการงอแงเอาแต่ใจ และเกลียดพฤติกรรมที่แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
เงื่อนไขที่ชายหนุ่มให้ไว้คือ ไม่มีอะไรผูกมัด .. ไม่มีใครมีสิทธิเรียกร้องหากอีกฝ่ายปฏิเสธ
แน่นอนว่าหล่อนยอมรับกับข้อเสนอนี้ เพราะมั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองมากพอว่าจะทำให้เพลย์บอยอย่างเขาสยบแทบเท้าเธอได้
ทีแรกเธอถูกใจกับรูปลักษณ์และโปรไฟล์ประวัติอันสวยหรูของธรรศ แต่เมื่อลองได้เข้าใกล้แล้วทั้งความเย็นชายามปกติ และความร้อนแรงยามอยู่บนเตียงผสานกันเป็นเสน่ห์เฉพาะที่ทำเอาเธอลุ่มหลงเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น มาณวิกาหมายมั่นที่จะจับผู้ชายคนนี้เอาไว้ทั้งตัวและหัวใจ
เธอไม่ยอมจะยกเขาให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น
จู่ๆคนข้างตัวเธอก็ลุกพรวดขึ้นจากที่นั่ง หญิงสาวที่เกาะแขนอยู่จึงเซไปเล็กน้อย ธรรศไม่ได้ให้ความช่วยเหลือเธอไปมากกว่าการประคองให้ไม่เสียหลัก .. ไม่มีสัมผัสใดที่ให้ความหวานเลยแม้แต่น้อย ทุกอย่างทำไปตามมารยาท
มาณวิการู้ดีถึงสิ่งนี้ .. แต่ก็นั่นแหละ
เพราะได้ยาก จึงอยากจะได้มา
“ไปไหนคะธรรศ ให้ตาลไปเป็นเพื่อนไหม” ชายหนุ่มส่ายหน้า
“ผมจะไปห้องน้ำ” จบคำร่างสูงก็ก้าวเท้ายาวๆเดินจากไป
ปภาณุผิวปากหวือเมื่อเห็นท่าทางของเพื่อนสนิท ไอ้เพื่อนคนนี้มันไม่มีทีท่าของการทรงตัวไม่อยู่ให้เห็นเลยสักนิดทั้งๆที่ดื่มไปหนักไม่ใช่เล่น หากเป็นเขาถ้าดื่มขนาดมันก็คงได้มีเซๆกันบ้าง
ธรรศเดินเลยห้องน้ำที่จัดไว้ด้านบนสำหรับแขกวีไอพี ผ่านมายังบันไดที่ทอดตัววนลงสู่ชั้นล่าง ที่บอกว่าจะมาเข้าห้องน้ำก็จริงอยู่ แต่ใจที่ร้อนระอุก็นึกอยากจะถือโอกาสนี้ปลีกตัวออกมาหาคนๆนั้นของตัวเองด้วย
ชายหนุ่มเดินไม่รีบร้อนนัก แต่ด้วยความที่มาแต่ละครั้งก็ไม่ได้ลงมาด้านล่างสักเท่าไหร่ แสงสลัวลางเลือนยามที่ผู้คนหนาแน่นจนมองไม่เห็นพื้นประกอบกับการที่ไม่ได้ระมัดระวังตัวอย่างเคยทำให้ธรรศก้าวเท้าพลาดกับทางต่างระดับ ร่างสูงเซไปโดนคนที่อยู่เยื้องไปทางขวามือเล็กน้อย
“ขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไรครับ”เสียงที่จำได้ขึ้นใจเรียกให้เขาต้องรีบหันไปมอง นัยน์ตาเรียวเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ความยินดีลอยวนอยู่ทั่วเมื่อภาพเด็กหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตเข้ารูปปรากฎให้เห็น ดวงตาเรียวที่อยู่หลังเลนส์แว่นฉายแววเป็นห่วงด้วยไม่มั่นใจว่าตัวเขาที่เซแท่ดๆไปโดนนั้นจะเดินเองได้ไหวหรือไม่ทั้งๆที่ตาตี่ๆนั้นก็ฉ่ำปรือเต็มทีด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ร่างเล็กตัวเอียงน้อยๆ
..เรียวปากบางบิดโค้งขึ้นยิ้มมุมปาก
เมื่อเห็นว่าเขาสามารถประคองตัวเองได้ดีเด็กหนุ่มจึงแยกตัวเดินจากไปก่อน ธรรศตัดสินใจตามเด็กหนุ่มไปเงียบๆ ระหว่างที่ตามหลังเขาสังเกตเห็นมือซุกซนที่ตั้งใจจะลวนลามเอากับสะโพกเล็ก ธรรศจึงจัดการสั่งสอนไปนิดหน่อยด้วยยังไม่อยากให้เอิกเกริกจนอีกฝ่ายรู้ตัวทั้งที่ในใจเดือดดาลเป็นที่สุด
ดูเหมือนว่าห้องน้ำจะเป็นเป้าหมายเดียวกันของธรรศและเด็กหนุ่ม ต่างคนต่างแยกไปทำธุระส่วนตัว หากแต่ชั่วเวลาไม่นานที่เขาละสายตาไปจากร่างเล็กนั่นก็มีไอ้ขี้เมาที่เข้าถึงตัวปวีณได้ มือหยาบช้าคว้าบ่าเล็กไว้ แล้วใช้สายตาน่ารังเกียจโลมเลีย
ครั้งนี้ความอดทนของธรรศพุ่งทะลุปรอท ชายหนุ่มยิ้มยะเยือกให้กับขี้เมาผู้โชคร้าย ก่อนจะจัดการซัดด้วยปลายเท้าทีเดียวคว่ำ
“อ่า..ขอบคุณครับ”ปวีณพูดพลางค้อมศีรษะให้เขา
ความขุ่นมัวในจิตใจของธรรศไม่สามารถหายไปได้ง่ายๆ ใบหน้าคมจึงฉายแววไม่สบอารมณ์ชัด เค้าบึ้งตึงที่ได้เห็นทำให้เด็กหนุ่มถอยห่างจากคนตรงหน้าครึ่งก้าว
“ทำอะไรไม่รู้จักระวังตัว”
น้ำคำต่อว่ากลายๆจากคนช่วยทำให้ปวีณหน้าตึง หันหน้าเมินตั้งใจจะเดินเลี่ยงไปทางอื่นโดยไม่ต่อความยาวเนื่องจากอย่างไรเสียคนที่กำลังปากไม่ดีใส่เขานี่ก็ช่วยเขาเมื่อครู่ หากแต่ไม่ทันที่จะได้ทำอย่างที่คิดข้อมือก็ถูกคนตรงหน้าคว้าเอาไว้
“จะเดินไปอ่อยใครอีกรึไง”
“พูดจาให้มันดีหน่อยนะคุณ คุณช่วยผมไว้ก็จริงแต่คุณไม่มีสิทธิจะมาหยาบคายแบบนี้ใส่ผม”ปวีณพยายามบิดดึงให้อีกฝ่ายปล่อยแต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อแรงบีบราวคีมเหล็กนั้นไม่ยอมคลายเลยแม้แต่น้อย รังแต่จะรัดแน่นขึ้นทุกขณะที่เขาออกแรงต้าน เรียวปากหยักสวยบนใบหน้าหล่อเหลาแสยะยิ้มร้ายให้เขา คล้ายจะเยาะให้กับกำลังกายที่แตกต่างกันไกล
แน่ล่ะ นักศึกษาแพทย์สูงน้อยที่เอาแต่วิ่งดุ๊กๆหัวหมุนอยู่ในโรงพยาบาลจะมาสู้อะไรกับร่างกายสูงใหญ่ราวนายแบบของอีกฝ่ายได้ ออกแรงแค่นิดหน่อยก็สามารถกระชากเด็กหนุ่มให้เซเข้ามาปะทะกับอกกว้างได้สบายๆ แขนแข็งแรงอีกข้างรั้งเอวคนตรงหน้าให้เข้าแนบชิดอย่างรวดเร็ว
ดวงตาเล็กๆตามแบบฉบับคนไทยเชื้อสายจีนเบิกกว้างเต็มที่เท่าที่จะทำได้
บ้าชะมัด! เพิ่งโดนไอ้ขี้เมาเมื่อกี๊ลวนลามด้วยสายตา คราวนี้ถึงกับโดนเจ้ายักษ์หน้าดุนี่กอดเอาเชียวเรอะ!
ปวีณดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนของคนแปลกหน้า
“ปล่อยนะโว้ยยยย ปล่อยยยยยย”
“อย่าโวยวายน่า”เสียงทุ้มกระซิบริมหูทำให้ต้องย่นคอหลบจนคนที่เห็นต้องหัวเราะหึหึในลำคอ
“ปล่อยกูนะเว้ย ปล่อยสิวะ ไอ้สัด!!!!” ไม่จำเป็นต้องสุภาพอีกแล้วในเมื่อยักษ์ตนนี้ทำการอุกอาจได้ขนาดนี้
“จะหยุดไหม”
“ฝันไปเหอะมึง!!!”
“ถือว่าฉันเตือนเธอแล้วนะ”ธรรศยังคงกระซิบบอกคนในอ้อมแขนด้วยน้ำเสียงระรื่น ยั่วให้ปวีณเดือดดาลเป็นที่สุด
“ช่วยด้วยคร้าบบบบบ ใครก็ได้ช่วยด้วย!!!!!” เด็กหนุ่มแหกปากร้องอย่างไม่คิดชีวิต คนอื่นๆที่ยังอยู่ในห้องน้ำเดินเข้ามาหาด้วยจะพยายามช่วยตามที่ปวีณเรียกหากแต่ก็ต้องถอยกลับไปเมื่อดวงตาคมดุมองกราดกันไว้ด้วยแววเย็นชา
ปวีณตั้งท่าจะโวยวายต่อแต่ทุกอย่างที่จะร้องออกมาก็ต้องเก็บกลับคืนไปหมดเมื่อสัมผัสที่ผิวเนื้ออ่อนตรงซอกคอถูกขบเม้มเน้นๆจนเกิดเสียง นัยน์ตาเรียวเบิกค้าง อ้าปากพะงาบๆคล้ายมีสิ่งที่อยากบอกแต่ไม่สามารถพูดออกมาได้
ธรรศฉวยโอกาสที่ปวีณยังตะลึงอยู่นั้นช้อนร่างเด็กหนุ่มขึ้นอุ้ม แขนข้างหนึ่งสอดรองที่ใต้ท้ายทอยส่วนอีกข้างก็ช้อนเข้าข้อพับเข่า ดวงหน้าคมเผยรอยยิ้มบางให้กับคนอื่นๆที่ยืนมอง
“ขอโทษนะครับ พอดีแฟนเค้างอนผมอยู่น่ะ”
เพียงเท่านี้ทางก็สะดวกสำหรับชายหนุ่ม
ปวีณนึกอยากกรีดร้องปฏิเสธแต่มันเหมือนกับเขายังคลำหาเสียงตัวเองไม่เจอ ได้แค่ถลึงตากับดิ้นตะเกียกตะกายให้หลุดจากวงแขนนี่
“อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก” ความอ่อนโยนฉายชัดทั้งสีหน้า แววตา และน้ำเสียง สมจริงเสียจนเด็กหนุ่มขนลุก
ตอแหล!! หมอนี่น่าจะไปเล่นละครนะ รับรางวัลแน่ๆ เพิ่งเจอหน้ากันเมื่อกี๊กลับตีบทแตกได้ขนาดนั้น
ราวจะรู้ถึงคำต่อว่าผ่านสายตาที่วาวโรจน์ด้วยความโกรธของปวีณ ธรรศจึงยิ้มรับด้วยรอยยิ้มที่บอกว่าตนเหนือกว่า แล้วทำให้บทบาท ‘แฟน’ ที่เขาถือวิสาสะอุปโลกน์ขึ้นมาสมจริงยิ่งขึ้นด้วยการกดจูบลงกับขมับหอม
มีเสียงผิวปากแซวให้ได้ยินทำเอาปวีณโมโหจนตัวสั่น
ถึงแม้จะทุลักทุเลไปบ้างแต่ธรรศก็สามารถพาเด็กหนุ่มขึ้นมาถึงชั้นสองได้โดยไม่มีใครตกบันไดร่วงไปกองกับพื้น
สิ่งที่รอต้อนรับผู้มาใหม่อย่างปวีณคือสายตาสงสัยที่จับจ้องมายังเขาทันทีที่ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งกับโซฟาตัวใหญ่แล้วจับให้เขานั่งซ้อนอยู่บนตัก อาการโหวกเหวกไม่มีประโยชน์อีกแล้วเมื่อเสียงอึกทึกจากวงดนตรีที่แสดงสดอยู่เบื้องล่างควบคู่ไปกับเสียงของความวุ่นวายได้กลบทุกสิ่งอย่างไปจนหมด อีกทั้งมุมที่เป็นส่วนตัวสำหรับแขกวีไอพีนั้นก็อยู่ลับจากสายตาคนภายนอก
“เด็กนี่ใครกันคะ ธรรศ”คำถามดังมาจากหญิงสาวในชุดแซคสั้นสีแดงเพลิง ท่ามกลางความสลัวของแสงสีปวีณยังทันสังเกตเห็นความไม่พอใจที่ฉายอยู่บนใบหน้าสวยหวาน
อ้อ ไอ้โรคจิตนี่ชื่อธรรศหรอกหรือ ปวีณถือโอกาสลอบสำรวจคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะ ชายหนุ่มอีกสี่คนจัดว่าหน้าตาดีทั้งหมด ท่าทางจะเป็นเพื่อนกับธรรศนี่ แต่ละคนมีบุคลิกที่ต่างกันไป
สิ่งเดียวที่ปวีณรู้สึกได้ว่าทั้งกลุ่มนี้รวมถึงไอ้ยักษ์นี่มีไม่ผิดเพี้ยนกันก็คือรังสีอันตรายที่ไม่ควรเข้าใกล้
คนที่ถูกเรียกไม่ได้ตอบอะไร หันมาพูดเพียงว่า
“ผมว่าคุณกลับไปก่อนเถอะตาล”
“ธรรศหมายความว่ายังไงคะ”
“อย่าให้ผมต้องพูดซ้ำ”
“คุณจะมาทำอย่างนี้กับตาลไม่ได้นะ ตาลเป็นแฟนคุณนะ”
“คุณไม่ใช่แฟนผม ตาล เรื่องนี้เราตกลงกันแต่แรกแล้ว คุณเป็นได้แค่ไหนก็น่าจะรู้ตัวเองดี”
“ธรรศ!!!” ร่างแบบบางลุกขึ้นยืนเต็มสัดส่วน มาณวิการู้ตัวดีว่ากำลังโกรธมาก.. จนแทบจะขาดสติ ชายหนุ่มหักหน้าเธอต่อหน้าเพื่อนของเขาและเด็กผู้ชายแปลกหน้าที่เพิ่งมาใหม่นี่ ด้วยศักดิ์ศรีเธอก็ไม่นึกอยากจะอยู่ต่ออีกหลังจากถูกไล่กลายๆ แต่ไหนๆก็ไหนๆ ขอให้เธอได้ระบายความรู้สึกนี้บ้างแล้วกัน
มือบางคว้าแก้วเหล้าสักคนที่วางอยู่บนโต๊ะยกขึ้นมาก่อนจะสาดไปยังเด็กหนุ่มที่เธอนึกหมั่นไส้ทันทีที่ได้เห็นหน้า หากแต่ความพยายามไม่สัมฤทธิ์ผลเพราะธรรศตวัดตัวคนที่นั่งตักลงไปนั่งด้านข้างแล้วกอดไว้ คนที่ต้องรับไปเต็มๆจึงกลายเป็นชายหนุ่มที่เธอหมายปอง
การกระทำนั้นของธรรศยิ่งเพิ่มความไม่พอใจให้กับมาณวิกา ด้วยลางสังหรณ์ของผู้หญิงหล่อนจับสังเกตได้ว่าอาการที่ธรรศปฏิบัติต่อเด็กหนุ่มในอ้อมแขนนั้น แม้ไม่ได้แสดงออกถึงความอ่อนโยนชัดแจ้ง แต่มันก็ไม่ได้แห้งแล้งไร้ความรู้สึกเช่นที่ทำต่อเธอหรือหญิงสาวคนไหนๆที่ผ่านมา
ใบหน้าหวานเจื่อนไปเมื่อเห็นสายตาเย็นชาจากชายหนุ่ม เธอไม่ได้ตั้งใจให้มันเปื้อนธรรศ แต่ความถือดีในตัวมีมากเกินกว่าความรู้สึกผิด หล่อนจึงเดินจากไปโดยไม่ได้กล่าวอะไร
สิ่งที่ไล่ตามมาณวิกาไปคือสายตาสมเพชเจือความสงสารบางๆจากชายหนุ่มอีกสี่คนที่เหลือ
ดิ้นรนไปอย่างเปล่าประโยชน์แท้ๆ
เหลวแหลก ง่ายได้ทุกเมื่ออย่างมาณวิกา .. ใครเลยจะกล้ายกย่องเชิดชู
มีแต่จะเก็บไว้เป็นของเล่นคลายเหงาเสียเท่านั้น!!
ธรรศรั้งเอาตัวเด็กหนุ่มขึ้นมานั่งตักตามเดิม กอดจากด้านหลังไว้แน่นจนแม้อีกฝ่ายจะผลักไสเท่าไหร่ก็ไม่สะดุ้งสะเทือน
“เก็บมาจากไหนเนี่ยธรรศ” ปภาณุถามขึ้นอย่างตั้งใจจะหยอกคนที่เพื่อนตัวพามา
แน่นอนว่าได้ผลเพราะปวีณหันไปถลึงตาใส่เรียบร้อย
“ผมไม่ได้อยากจะมา บอกไอ้เพื่อนโรคจิตของคุณด้วยว่าให้ปล่อยเสียที”
“ว่าแฟนอย่างนี้เหรอฮึ”
เอาอีกแล้ว ไอ้เสียงกระซิบกระซาบข้างหูเนี่ย ไอ้คนที่กอดเขาอยู่นี่กล่องเสียงมันเสียรึไงนะ ว่างๆจะด่าให้ไปตรวจกับอาจารย์หมอหู คอ จมูก ซะหน่อย
“ใครเป็นแฟนมึง ปล่อยกู!!”
“หึหึ”
ลมหายใจร้อนปัดเป่าอยู่ข้างๆซอกคอทำให้ปวีณรู้สึกหายใจไม่สะดวก จะขยับไปทางไหนก็โดนดักทางเสียหมด
“เห็นอย่างนี้แล้วพวกกูไปหาเด็กบ้างดีกว่า จะได้มาประชันกับมึง”ปภาณุพูดพร้อมๆกับลุกขึ้น ชายหนุ่มอีกสามคนที่เหลือยิ้มรู้ทันให้ธรรศก่อนจะขยับตัวลุกตามปภาณุแล้วเดินไปทางบันได
TBC
ความคิดเห็น