คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
เหตุเกิด..เพราะอยากเที่ยว
บทนำ
“แพร ถ้าคราวหน้าจะไปเที่ยวผับอีกล่ะก็ เรียกเราด้วยนะ”
คำพูดตัวเองด้วยความคะนองของวัยหนุ่มรุ่นที่นึกอยากเก็บกลับคืนเข้ามานัก
.. ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้
.. จะต้องมาเจออะไรแบบนี้
เขาขอเก็บความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้กับตัวชั่วชีวิตก็ได้!!!!!!!!!!
เสียงหัวเราะร่วนดังให้ได้ยินอยู่เรื่อยๆจากกลุ่มนักศึกษาห้าคนที่นั่งปิ้งเนื้อย่างอยู่ด้วยกันที่ร้านปิ้งๆย่างๆสไตล์ญี่ปุ่นในห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางกรุงเทพมหานคร พวกเขาห้าคนนัดกันมาทานมื้อเย็นด้วยกันเนื่องในโอกาสที่ได้กลับมาเรียนรวมอีกครั้ง
การเรียนของนักศึกษาแพทย์ชั้นคลินิกที่ต้องเรียนไปพร้อมๆกับการดูแลคนไข้จำเป็นต้องแบ่งกลุ่มนักศึกษาออกเป็นกลุ่มย่อยๆให้หมุนเวียนกันไปตามหอผู้ป่วยแผนกต่างๆเพื่อให้ได้เรียนรู้ในทุกๆด้านที่จำเป็นสำหรับการเป็นแพทย์ ยิ่งเรียนในชั้นปีที่สูงขึ้นหน้าที่และความรับผิดชอบที่แบกไว้บนบ่าก็มากขึ้นเป็นเงาตามตัว สวนทางกับเวลาว่างและวันหยุดที่ดูจะกลายเป็นของที่หาได้ยากยิ่ง
การจัดเรียนบรรยายรวมเพื่อฟื้นฟูความรู้ที่ตกๆหล่นๆไปบ้างจากการปิดเทอมเฉพาะกิจเนื่องจากเหตุน้ำท่วม .. เมื่อการเรียนในคาบบ่ายเสร็จสิ้นพวกเขาจึงนั่งแท็กซี่กันมาเลือกร้านอร่อยๆกันที่นี่ ความรู้สึกปลอดโปร่งไหลเวียนอยู่ภายในเนื่องจากในช่วงสัปดาห์นี้ยังคงเป็นการเรียนบรรยายธรรมดา ไม่จัดเป็นการปฏิบัติงานบนหอผู้ป่วยที่อาจจะต้องทำหน้าที่อยู่บนหอผู้ป่วยทั้งคืนหรือโดนโทรตามจากหอกลางดึก กลุ่มเพื่อนที่แยกย้ายกันไปนานจึงได้ฤกษ์ออกมาเที่ยวไกลๆคณะ
ปวีณใช้ที่คีบสแตนเลสพลิกชิ้นหมูกลับไปมาเพื่อให้ทั้งสองด้านสุกเสมอกัน เด็กหนุ่มเลือกชิ้นที่สุกดีแล้วขึ้นมาใส่จานของเพื่อนผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่ม
“เฮ้ย แกกินของแกก่อนเถอะวิน ฉันหยิบเองได้”เด็กสาวพูดขึ้นมาเมื่อเห็นว่าในจานของคนคีบที่นั่งข้างๆเธอยังคงว่างโล่งแต่ก็ยังบริการเธอก่อน
“เออน่า ตะเกียบมันใช้ไม่ถนัดอย่างที่คีบนี่หรอกแพร”
แพรพยักหน้ารับกับคำพูดเขาแล้วใช้ตะเกียบในมือตัวคีบหมูที่เขาส่งให้จิ้มน้ำจิ้มแล้วใส่เข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ
“พวกแกอ้ะ ไม่น่าเลือกมากินบุฟเฟต์เลย ไม่เห็นใจฉันมั่ง”
“อะไร ไอ้แพร มึงไม่ต้องห่วงหรอก กินเพิ่มไปอีกหน่อยมันก็ไม่ได้ทำให้โอ่งมังกรมันขยายออกสักเท่าไหร่หรอกน่า”
“โหย ไอ้ลิงล้ง มึงจะมากไปละ รีบๆกินไปเลยไป จะได้เงียบๆ” เด็กสาวคนเดียวในกลุ่มว่าเพื่อนแล้วบ่นกระปอดกระแปดต่อ “แกรู้มั้ยว่าห้าวันนี้คิวฉันไม่ว่างเลยนะเฟ้ย มีนัดตลอดดด”
ปวีณหัวเราะ ด้วยรู้ดีว่านัดที่แพรพลอยว่ามานั้นไม่ได้เป็นนัดไปกะหนุงกะหนิงกับใครในเชิงชู้สาวแม้แต่น้อย มีก็แต่เพื่อนที่เจ้าตัวไปสนิทกับคนหลายๆกลุ่มแล้วต่างนัดกันมาคนละวันเต็มห้าวันพอดีน่ะสิ
“ไปดริงค์ที่ไหนรึไง ไอ้เมรีขี้เมา”เสียงจากนาย ‘ลิงล้ง’คนเดิมควบคู่มากับเสียงหัวเราะของเพื่อนอีกสองคนเรียกเอาใบหน้ากลมของเด็กสาวงอหงิกได้ใกล้เคียงจวัก นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจ้องเขม็งไปที่คนพูด
“บ้านแกสิไอ้ลิง ไปกินเฉยๆเว้ย ไม่ได้ไปกรึ๊บๆที่ไหน”
ปวีณยิ้มร่ากับมุกของเพื่อนอีกคน เมรีขี้เมา งั้นหรือ? ในสายตาใครต่อใครผู้หญิงที่กินเหล้าจะถูกมองอย่างนี้รึเปล่านะ แต่ตัวเขาก็รู้ดีอยู่ว่าไอ้แพรเพื่อนเขานั่นมันกินอย่างเดียวจริงๆ เวลาไปด้วยกันกับเพื่อนก็เหมือนไปดื่มแล้วก็เต้นผ่อนคลาย ถึงแม้เขาจะไม่เคยไปแต่พฤติกรรมที่ขลุกอยู่ด้วยกันตลอดเวลาของแพรกับกลุ่มเพื่อนนั้นทำไมเขาจะไม่รู้ ..เห็นว่าเพื่อนผู้หญิงไปเข้าห้องน้ำทีต้องมีพวกผู้ชายอย่างน้อยหนึ่งคนเดินไปรับส่ง
ไอ้พวกไข่ในหินแต่ดันอยากเที่ยว!!
คนอื่นอาจจะมองว่าเรียนมาทางสายสุขภาพแท้ๆแต่กลับกระดกน้ำเมาดื่ม จะมีใครรู้บ้างว่าไอ้ที่เห็นใส่ชุดขาวเดินตรวจคนไข้นั่นน่ะมีบ้างเหมือนกันที่ไม่แตะแอลกอฮอล์เลย แต่ส่วนใหญ่แล้วกินเหล้า เป็น กันทั้งนั้น จะมากจะน้อยหรือถี่ห่างแค่ไหนก็แล้วแต่คน
ปวีณไม่ได้มองว่าการดื่มเหล้าเป็นเรื่องเสียหายตราบเท่าที่ไม่ได้ไปเบียดเบียนใครและไม่ได้ทรมานสุขภาพของตัวเองจนมีปัญหาตามมาให้พวกคนอย่างเขาต้องมาตามแก้
เด็กหนุ่มนั่งยิ้มให้กับบรรยากาศคุ้นเคย แพรพลอยทำหน้าอาฆาตฝากความแค้นไว้ควบคู่ไปกับสีหน้าทะเล้นๆของล้ง หรือ พงศกร สองคู่กัดที่ตีกันได้กัดกันดีมาตั้งแต่ปีหนึ่ง เห็นว่ารหัสใกล้กัน การทำแล็บจึงต้องอยู่ด้วยกันตลอดปีหนึ่งตั้งแต่แล็บชีวะ เคมี ฟิสิกส์ จนมาปีสามนี่เขาก็ได้ทั้งคู่มาเป็นเพื่อนในกลุ่มแล็บพยาธิวิทยาอีก ปวีณคลับคล้ายคลับคลาว่าได้เห็นความปั่นป่วนที่หายไปนานกลับมาอีกครั้ง
คู่กัดคู่นี้โดนแซวแล้วแซวอีก ทั้งชงทั้งเชียร์มาตลอดห้าปีแต่ก็ไม่เห็นมีใครตกหลุมใคร พงศกรอยู่ในช่วงศึกษากันกับเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งในคณะ ส่วนแพรพลอยเมื่อมองผ่านท่าทีห้าวๆปนแว้ดไปแล้วก็คล้ายว่าจะรอคนที่ยังไม่มีตัวตน
“ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่าไง ไอ้ตาเส้นเดียว” เอาแล้วสิ ท่าทางจะงานเข้า หันมากัดเขาด้วยปมด้อยที่ตาตี่แบบอาตี๋ยิ้มแล้วเห็นตาเป็นเส้นเสียได้
“อะไรแพร ก็แค่คิดว่าสนุกดี เห็นลิงกับหมูตีกัน.. โอ๊ยยยยย” ไม่ต้องประหลาดใจ เสียงโอ๊ยหลังนั่นมันเกิดจากเพื่อนสาวข้างๆตัวเขาที่ใช้กำปั้นทุบมาแบบไม่ออมแรงนั่นแหละ
แกล้งหยอกแกล้งแหย่แพรพลอยก็งานอดิเรกเขาเหมือนกัน สนุกใช่เล่นเวลาเห็นเจ้าหล่อนโวยวายแยกเขี้ยว เสียแต่ที่ต้องเจ็บตัวนี่แหละ วันนี้ถือว่าพงศกรโชคดีไปที่คนที่นั่งข้างๆแพรพลอยวันนี้เป็นเขา มองไปก็เห็นสุเมธกับนิพนธ์นั่งหัวเราะขำอยู่ที่เขาโดนดี
ความจริงแล้วที่พงศกรเอ่ยถึงเรื่องเที่ยวกลางคืนมาก็ดีเหมือนกัน เขาเองก็นึกอยากจะไปอยู่ อยากจะรู้บ้างเหมือนกันว่ามันเป็นอย่างไร เคยแต่ดื่มอยู่กับเพื่อน ไม่เคยไปผับจริงๆสักที
..อ้อ อาจจะเคยครั้งนึงช่วงที่เขายังมัธยมและป๊ายังมีชีวิตอยู่ ป๊าหรือพ่อของเขามีหุ้นส่วนกับสถานบันเทิงพวกนี้ด้วยจึงพาเขาไป ดู เองให้เห็น ไม่ต้องให้เขาหลบๆแอบๆไป ครั้งนั้นจำได้ว่าไม่ชอบมากๆเพราะเสียงดังจนแก้วหูจะแตก พออายุถึงก็เลยไม่คิดจะไปแม้ว่าจะเคยมีเพื่อนชวนไปหลายหนแล้วก็ตาม เรื่องนี้แพรพลอยเองก็รู้ดี
หากแต่หมู่นี้กลับรู้สึกแปลกๆไป .. เกิดอยากไปเอาดื้อๆ
เด็กหนุ่มตัดสินใจเอ่ยปากกับเพื่อนออกไปในนาทีนั้น
“...แพร ถ้าคราวหน้าจะไปเที่ยวผับอีกล่ะก็ เรียกเราด้วยนะ”
ความคิดเห็น