คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่2 เรสและทาโทส
“องค์หญิงเพคะ ถ้าหนังสือนี่หล่นลงมาอีกที่ข้าจะไม่ให้องค์หญิงพักนะเพคะ” เสียงเฉียบคมของพระอาจารย์รายาเอ่ยอย่างดุๆ
มิซาโกะทำหน้ายู่อย่างสุดจะทน ก็จะให้เธอทนได้ยังไงล่ะในเมื่อเธอโดนซาทรีเอลบังคับให้มาเรียนมารยาทที่ดีกับพระอาจารย์จองเฮี้ยบ แล้วยังโดนให้เดินโดยมีหนังสือเล่มหนาเสียยิ่งกว่าคัมภีร์ซะอีก!! แล้วเธอก็ทำมันหล่อนเป็นรอบที่99ของวันนี้แล้วด้วย เลขสวยไหมล่ะ
“ครึ่งวันเช้าหมดแล้ว เชิญที่ห้องเสวยเพคะ” เสียงซาทรีเอลที่เป็นดั่งนาฬิกาบอกเวลานั้นส่งเสียงขึ้นทำให้มิซาโกะทิ้งหนังสืออย่างไม่ใยดี และไม่ลืมที่จะทำความเคารพอย่างนอบน้อม(ทำใส่) ให้กับพระอาจารย์รายา
“ขอตัวเพคะพระอาจารย์เรยา”
แล้วมิซาโกะก็วิ่งปรู๊ดออกจากห้องทันที พระอาจารย์เรยา เอ้ย! รายาถึงกับส่ายหน้ากับความซนขององค์หญิงอย่างช่วยไม่ได้
“ขอประทานอภัยแทนองค์หญิงด้วยเพคะ”
“ไม่เป็นไรๆ พระองค์ทรงร่าเริงแบบนี้แหละดีแล้ว เพราะอีกไม่นาน...เราอาจจะไม่ได้เห็นรอยยิ้มและท่าทางทะเล้นๆแบบนี้อีกเป็นได้”
“เพคะ”
“ห๊ะ!! เรียนเวทมนต์หรอ?”
“เพคะ”
“ว้าวๆๆ ฉันจะมีเวทมนต์แบบเธอและแม่เฒ่าหรอ”
“เพคะ”
“งั้นรีบกินข้าวดีกว่าแล้วเราไปเรียนกัน!”
มิซาโกะรีบกินข้าวอย่างตื่นเต้นจนซาทรีเอลต้องรีบห้ามไว้
“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้เพคะ พระอาจารย์ไม่หนีไปไหนหรอก”
“จะให้พระอาจารย์รอได้ยังไง ไม่ดี!”
“ทีกับพระอาจารย์รายาไม่เห็นท่านแสดงท่าทางดีอกดีใจแบบนี้เลยนี่เพคะ”
“ก็มันคนละคน คนละวิชานี่นา”
“เฮ้อ~ องค์หญิงนี่น้า~”
“ทำไมล่ะ ก็ใครบอกให้พระอาจารย์เรยาตีหน้าโหดทำไม”
“ท่านชื่อพระอาจารย์รายาเพคะ”
“ก็นั่นแหละน่า”
“องค์หญิง ท่านจะต้องรวบรวมสมาธิให้ดี เค้นเอาพลังที่อยู่ในตัวนั้นออกมาช้าๆ แต่อย่าไปเร่งมันนะ ขอให้ทำใจให้สบาย” พระอาจารย์เยราดสอนมิซาโกะอย่างช้าๆและใจเย็น
มิซาโกะหลับตาลงช้าๆ สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วผ่อน เธอเริ่มรู้สึกเย็นๆที่ท้องน้อยและพอเธอลืมตาขึ้นมาก็เห็นน้ำใสๆหมุนวนอยู่บนฝ่ามือทั้งสองข้าง
“เก่งมาก หม่อมฉันสอนพระองค์แค่ครั้งเดียวพระองค์ก็ทำได้ ทรงพระปรีชายิ่งนัก”
“พระอาจารย์ ชมหม่อมฉันเกินไปแล้ว”
“ทีนี้หม่อมฉันจะสอนให้พระองค์เรียกอาวุธที่อยู่ในร่างกายพระองค์ออกมานะพะยะค่ะ”
“เห๋? ร่างกายฉันมีอาวุธด้วยหรอ?”
“ใช่กระหม่อม ชาวพระจันทร์หรือว่าชาวเซทราเดียร์ก็มีกันทุกคนแหละกระหม่อม”
“หรอ แล้วอาวุธของพระอาจารย์คืออะไรหรอคะ”
“ดาบพะยะค่ะ อาวุธของกระหม่อมคือดาบวิหกทอง”
“ว้าว! งั้นช่วยสอนฉันเร็วๆหน่อย ฉันอยากรู้ว่ามันคืออะไร”
“ฮะๆๆ พะยะค่ะ พระองค์ต้องรวบรวมพลังเหมือนเมื่อกี้แต่ต้องเรียกอาวุธออกมาเองนะพะยะค่ะ เพราะมันเป็นอาวุธของท่าน มันและท่านจะมีจิตสื่อถึงกันเองโดยไม่ต้องพึ่งผู้อื่น”
มิซาโกะทำตามคำแนะนำ
อาวุธหรอ? แล้วอาวุธของฉันล่ะมันอะไร
เรส เรียกข้า ได้โปรด เรียกข้า
อะไรน่ะ? นั่นเสียงอะไร?
ข้าชื่อเรส ได้โปรดเรียกชื่อข้า
“เรส!!!”
วาบ!
แสงสีขาวสาดส่องออกมาที่ฝ่ามือขิงมิซาโกะจนทุกคนที่อยู่ในบริเวณนี้ต้องเอามือปิดตากันเลยทีเดียว พอมิซาโกะลืมตาขึ้นมาแสงสีขาวนั้นก็หมดไป เหลือแค่พัดสีขาวสะอาดมีลวดลายแปลกตาอยู่บนฝ่ามือของเธอ
พัด?
เยราดมองสิ่งที่ปรากฏอยู่บนฝ่ามือองค์หญิงแห่งดวงจันทร์อย่างงงงวย
มันไม่น่าจะเป็นพัดนี่นา ทั้งที่พลังองค์หญิงออกจะล้นทะลักขนาดนี้ มันไม่น่าเป็นไปได้เลย...
“พัดหรอ? ใช้อะไรได้ล่ะเนี่ย” มิซาโกะพลิกพัดไปมา
“เอ่อ มันคงจะมีประโยชน์อะไรซักอย่างแหละพะยะค่ะ”
“หรอ แต่ก็ดีเหมือนกัน กำลังร้อนเลย” มิซาโกะยกพัดขึ้นพัดไปมาแต่กลับมีเกล็ดน้ำแข็งเล็กๆติดมาด้วย เกล็ดน้ำแข็งเล็กๆนั้นลอยละล่องไปมาเหมือนกับหิมะ แต่พอเกล็ดน้ำแข็งนั่นปลิวไปโดนกิ่งไม้ ต้นไม้นั้นกลับละลายไปจนไม่เหลือไว้แม้แต่ราก!!!
พระอาจารย์เยราด ซาทรีเอล เหล่าทหารและนางในทั้งหลายต่างมองอย่างอึ้งมากถึงมากที่สุด! อะไรมันจะขนาดนั้น!!
“บ้า...น่า
”
“อาวุธจะไม่ทำร้ายเจ้าของ อาวุธขององค์หญิงช่างน่ากลัวจริงๆ”
“ละ...แล้ว ทำไงกับมันดีอ่ะ”
“องค์หญิงจะเก็บอาวุธหรือพะยะค่ะ”
“เปล่า หมายถึงว่าทำยังไงมันถึงจะเหมือนพัดธรรมดาๆ และก็ไม่ปล่อยเกล็ดน้ำแข็งแบบนี้อ่ะ”
“เอ่อ อันนี้กระหม่อมก็จนปัญญาจริงๆ”
“หรอ? งั้นก็คงจะต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองสินะ อ้อ แล้ววิธีเก็บล่ะ ทำยังไง”
“องค์หญิงก็แค่หุบพัดลงแล้วแทงเข้าไปที่ฝ่ามือเท่านั้นเอง”
มิซาโกะทำตามคำแนะนำแล้วพัดของเธอก็หายเข้าไปในฝ่ามืออย่างง่ายดาย
“ง่ายดีจังแฮะ นี่ๆ แล้วทำยังไงถึงจะทำให้สิ่งของหรืออะไรๆลอยได้อ่ะ สอนหน่อยสิพระอาจารย์”
“องค์หญิง ท่านไม่รู้สึกอ่อนเพลียบ้างหรือ”
“หืม? ก็ไม่นี่นา”
เยราดมององค์หญิงแห่งดวงจันทร์อย่างทึ่งๆอีกรอบ หากเป็นคนธรรมดาๆหรือแม้แต่ชาวดวงจันทร์ก็ยังต้องรู้สึกอ่อนแรงกับการเสียพลังไป ยิ่งการเรียกอาวุธออกมาครั้งแรกนั้นมันต้องใช้พลังมาก แต่เธอคนนี้ยังไม่เป็นอะไรเลย น่านับถือจริงๆ
“อะ...เอ่อ องค์หญิงก็แค่นึกเท่านั้นเองพะยะค่ะ”
“บ้าน่า! แค่นึกแองหรอ”
“พะยะค่ะ”
มิซาโกะหลับตาลงแล้วนึกให้ซาทรีเอลลอยขึ้นเหนือพื้น
“ว้าย!”
มิซาโกะลืมตาขึ้นมามองซาทรีเอลอย่างพอใจในผลงานของตนเอง
“คิกๆ”
“องค์หญิง! ปล่อยหม่อมฉันลงนะเพคะ!”
“ซาที่เก่งไม่ใช่หรอ ลงเองสิ” มิซาโกะยิ้มกริ่มแล้วเดินไปนั่งจิบชาที่เก้าอี้
ซาทรีเอลพยายามดิ้นให้หลุดจากพันฒนาการของมิซาโกะแต่ก็ทำไม่ได้ เมื่อเยราดเห็นดังนั้นจึงพยายามช่วยแต่ก็ช่วยไม่ได้จึงต้องหันมาขอร้องมิซาโกะแทน
“องค์หญิง ช่วยปล่อยมิซาโกะลงเถอะกระหม่อม”
“อ้าว ลงเองไม่ได้หรอกหรอ?” มิซาโกะถามอย่างใสซื่อ
“ตามจริงมันก็สมควรที่จะแก้มนต์เองได้แหละกระหม่อมแต่ว่า...”
“แต่ว่าอะไรหรอพระอาจารย์” เมื่อมิซาโกะอยากรู้เยราดจึงเลี่ยงที่จะตอบ
“หม่อมฉันว่าเอาซาทรีเอลลงก่อนเถอะ”
“จ้าๆๆ” เมื่อซาทรีเอลถึงพื้นมิซาโกะก็ตั้งท่าจะถามแต่ซาทรีเอลก็พูดแทรกซะก่อน
“หม่อมฉันว่าองค์หญิงไปพักผ่อนก่อนดีกว่าเพคะเพราะวันรุ่งขึ้นท่านแม่เฒ่ามีเรื่องจะพูดกับองค์หญิง”
“อ้าว ยังไม่รู้เลย...”
“ทรงกลับก่อนดีกว่าเพคะ เซย์รา มาพาองค์หญิงไปเสวยแล้วเข้านอนไป”
“ค่ะท่านซาทรีเอล”
“อ้าว เดี๋ยวก่อนสิ!” มิซาโกะพยายามจะถามแต่เซย์ราก็ลากมิซาโกะให้ออกจากบริเวณนี้ซะก่อน
ซาทรีเอลและเยราดมองตามองค์หญิงแล้วจึงหันมาคุยกัน
“ข้าว่าองค์หญิงท่านทรงมีพระเวทเกินกว่าใครจะต้านทานแล้วนะ”
“นั่นสิ ขนาดมนต์บทง่ายๆข้ายังแก้มนต์ขององค์หญิงไม่ได้เลย น่าอายจริงๆ” ซาทรีเอลก้มหน้าอย่างสลด
“ไม่หรอกซาทรีเอล องค์หญิงคือหญิงสาวแห่งคำทำนาย เธอก็รู้นี่ว่าคำทำนายนั้นมีเช่นไร ไม่มีใครสามารถต้านทานพลังท่านได้หรอก แม้ว่าจะเป็นพลังที่เล็กๆน้อยๆก็ตาม”
“ข้า...สงสารองค์หญิงท่านเหลือเกิน”
“ชะตาชีวิตท่านได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ท่านไม่มีทางเลือกเหมือนผู้อื่นหรอกซาทรีเอล”
“แต่ถึงยังไง ข้าก็ยังอยากจะเห็นรอยยิ้มของท่านอยู่ดี”
“ข้าก็เหมือนกัน...”
เมื่อมิซาโกะอาบน้ำและกินข้าวเสร็จแล้วก็เข้านอนแต่ถึงยังไงเธอก็ยังนอนไม่หลับอยู่ดี เธอจึงเรียกพัดออกมาแล้วมาสำรวจดู
“แล้วมันจะปล่อยเกล็ดน้ำแข็งมหันตภัยมาอีกไหมล่ะเนี่ย”
มิซาโกะพลิกพัดไปทางซ้ายทีขวาทีแต่ก็หมดปัญญาที่จะแก้ไขเธอจึงวางลงกับเตียงนอน แต่พอพัดถูกวางปุ๊บแสงสว่างจากสร้อยคอรูปดาวหกแฉกมีไพฑูรย์อยู่ตรงกลางที่ติดตัวมาตั้งแต่จำความได้ก็เปล่งแสงสว่างขึ้น!
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!”
เธอร้องออกมาอย่าตกใจ พัดที่วางอยู่บนเตียงก็ลอยขึ้นมาเหนืองอกและสร้อยกับพัดก็ดูดกันและก็เกิดแสงสว่างเหมือนกับตอนแรกที่พัดนี้ปรากฏ!!
วาบ!!
มิซาโกะรีบเอามือปิดตาทันที ประมาณ1นาทีต่อมาแสงสว่างนั้นก็หายไป สิ่งที่ปรากฏตรงหน้านั้นมันคือ...
เคียว
เคียวสีดำที่ดูทรงพลังและน่ากลัวนั้นได้ปรากฏตรงหน้าเธอแทนพัดสีขาว มิซาโกะเดินเข้าไปจับเคียวสีดำนั้นแต่พอเธอนึกถึงพัดมันก็กลายเป็นพัด!! มิซาโกะคลี่พัดขึ้นมาดูอีกทีก็ไม่เห็นลายแปลกตานั้นอีกแล้ว มันกลายเป็นเพียงพัดสีขาวธรรมดาๆที่ไม่ได้ดูวิเศษไปกว่าพัดอันอื่นอีกแล้ว
“ทำไมวันนี้ฉันเจอแต่เรื่องบ้าๆวะเนี่ย”
มิซาโกะโบกพัดไปมาก็ไม่เกิดเกล็ดน้ำแข็งมหันตภัยนั่นอีกแล้ว แต่พอเธอลองนึกถึงพัดที่มีลวดลายแปลกตาบนใบพัดก็ปรากฏลวดลายขึ้นมา พอนึกถึงเคียว ก็ปรากฏเคียวขึ้นที่มือเธอแทนพัด เธอคลี่ยิ้มออกมาน้อยๆด้วยความพอใจแล้วเก็บเคียว
“เอาไว้เซอร์ไพรซ์พระอาจารย์เยราดดีกว่า”
วันนี้มิซาโกะรีบตื่นนอนแต่เช้าเพื่อที่จะเอาสิ่งที่ตนค้นพบมาให้พระอาจารย์เยราดมาดู แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเพราะว่าท่านแม่เฒ่าส่งคนให้มาตามไปเรียกคุย
“มีอะไรหรอคะท่านแม่เฒ่า”
“วันพรุ่งนี้ท่านต้องเตรียมตัวไปโรงเรียนในดินแดนเซทราเดียร์เพคะ”
“ไปโรงเรียน? งั้นก็แสดงว่าฉันจะไม่ได้พบกับพระอาจารย์เยราดอีกหรอคะ?”
“เพคะ”
อ้าว แล้วทีนี้สิ่งที่เธออยากจะอวดก็เสียเปล่าน่ะสิ
มิซาโกะทำหน้าสลดไปในทันที แต่ก็ยิ้มขึ้นมาทันทีเมื่อนึกอะไรขึ้นได้
“แล้วฉันก็จะไม่ได้เจอพระอาจารย์เรยาอีกน่ะสิคะ?”
“เจอเพคะ เพราะองค์หญิงยังไม่รู้จักมารยาทที่ดีพอ”
นั่นหมายถึงเธอเป็นพวกไม่มีมารยาทใช่ไหมเนี่ย
“ซ้ายเพคะองค์หญิง หม่อมฉันบอกว่าซ้าย องค์หญิงแยกแยะซ้ายขาวไม่เป็นหรือเพคะ”
“แยกน่ะแยกออกค่ะ แต่ทำไมต้องให้ฉันขี่ม้าด้วยคะ! ฉันจะตกม้าตายอยู่แล้ว!!!”
“แล้วทำไมองค์หญิงไม่ทรงเอาใจขี่มันล่ะเพคะ”
“ก็ใจมันไม่มีมือนี่คะ”
“องค์หญิงต้องขี่ให้สง่าสิเพคะ ทำตัวให้สมกับเป็นเจ้าหญิงหน่อย”
“เจ้าหญิงที่เป็นได้ไม่ถึงสามวันดีเนี่ยนะคะ!”
“เพคะ! ถึงจะเป็นแค่ชั่งโมงเดียวก็ยังถือว่าเป็นเจ้าหญิงเพคะ”
พระอาจารย์รายากับมิซาโกะต่างเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใครจนซาทรีเอลถึงกับกุมขมับกันเลยทีเดียว
“ว้าก! เจ้าม้า เดินให้มันตรงๆหน่อยเซ่!”
“อย่าไปดุม้าแบบนั้นสิเพคะ ม้าเป็นสัตว์ที่อ่อนไหวมากนะเพคะ”
“ก็มันไม่อยู่ เหวอ~”
มิซาโกะพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะให้ม้าจอมพยศนี้ยอมสยบแกเธอ ช่าย~ พยายามอย่างมากเลยทีเดียว พยายามโดยการ...
“ง่ำๆๆ อร่อยมากเลยซาที่ วันหลังทำมาให้กินอีกนะ”
มิซาโกะเคี้ยวผลไม่ตากแห้งที่ซาทรีเอลทำมาอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่มีทีท่าว่าจะสนใจม้าอีกต่อไป
ฟ้าว~
มิซาโกะละความสนใจจากผลไม้ไปบนท้องฟ้าและทำให้เธอเกิดความสนใจมากกว่าการขี่ม้าเป็นร้อยเป็นพันเท่าเลยทีเดียว
“โว้วๆๆ ซาทรีเอลๆ ฉันอยากขี่มังกร~”
“ห๊า!! มังกร!!”
“อื้ม!”
“จะไหวหรือเพคะ แค่ม้าตัวเดียวองค์หญิงยังบังคับไม่รอดเลยแล้วนี่มันมังกร...”
“นี่ดูถูกกันหรอ”
“เปล่าเพคะเปล่า”
“ดี เพราะฉันจะขี่มังกร!!!”
“โธ่~องค์หญิง”
“พระอาจารย์เรยา~ ข้าอยากขี่มังกรๆๆ”
“ห๊า!!! มังกรเนี่ยนะเพคะ! หม่อมฉันว่ามันคงจะหนักเกินไปสำหรับองค์หญิงมั้งเพคะ”
“ไม่หนักหรอก ว่าแต่จะหามังกรได้ที่ไหนล่ะเนี่ย” มิซาโกะมองซ้ายมองขวา
“อะ...เอ่อ ที่โรงเลี้ยงมังกรเพคะ”
”เห? มีโรงเลี้ยงมังกรด้วยหรอ”
“มีเพคะ”
“งั้นนำทางเลย Let go!!!” พูดพร้อมชูมือขึ้นเหนือหัว
“อะ...อะไรคือเลสโกเพคะ”
“เอาเหอะๆ นำทางไปเลย”
ซาทรีเอล พระอาจารย์รายา เหล่านางในและทหารต่างพากันไปที่โรงเลี้ยงมังกรกันเป็นโขยงเพียงเพราะมิซาโกะอยากขี่มังกรเท่านั้นเอง มิซาโกะเดินดูมังกรแต่ละตัวๆแต่ก็ไม่มีมังกรตัวไหนถูกใจมิซาโกะเลยซักตัวจนกระทั้งเธอเดินไปที่แถวสุดท้ายที่ทั้งมืดและอับ และเธอก็ได้เจอกับมัน มังกรสีดำตัวมหึมานอนขดอยู่ในกรงขังซอมซ่อทั้งๆที่ตัวอื่นถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ในดวงตาสีแดงฉาดนั้นมันดูภายนอกอาจจะน่ากลัวแต่ลองมองดูดีๆมันกลับมีแววเศร้าอย่างน่าใจหาย
มังกรตัวนั้นจ้องมิซาโกะเหมือนกับเธอเป็นสิ่งที่มันโหยหามานาน มันยื่นหน้ามาใกล้ๆกับลูกกรง และไม่รู้อะไรดลใจให้มิซาโกะยื่นมือเข้าไปในกรงขัง มันก้มหน้าลงคล้ายกับก้มคำนับ และมิซาโกะก็ลูบหัวมันเบาๆ
‘ไม่น่าเชื่อ ทั้งที่ในดินแดนนี้ไม่มีใครปราบมังกรตัวนี้ได้ซักคน แต่ทำไมมันกลับยอมก้มหัวให้องค์หญิงอย่างง่ายดายแบบนี้ ไม่ธรรมดาเลยนะเพคะ...องค์หญิง’
รายามององค์หญิงของตนด้วยความทึ่งปนชื่นชมเหมือนกับคนอื่นๆ
“กลับมาแล้ว...ฉันกลับมาหาแกแล้ว ทาโทส”
มิซาโกะพูดออกมาอย่างลืมตัวแล้วเธอก็สลบไป
ท่ามกลางหมอกสีขาว มีเสียงเด็กหัวเราะและวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานท่ามกลางสวนดอกไม้ เมื่อหมอกเริ่มจางลงภาพเด็กหญิงก็ชัดขึ้น เธออยู่ในชุดเจ้าหญิงฟูฟ่องดวงตาโตๆสีควันบุหรี่นั้นเต็มไปด้วยความสุขที่เปี่ยมล้น บนเส้นผมสีเงินของเธอนั้นมีดอกไม้นาๆชนิดที่ถูกร้อยเป็นมงกุฎสวยประดับอยู่นั่นยิ่งทำให้เธอดูงดงามและสดใสในเวลาเดียวกันได้อย่างน่าประหลาด
“ซาที่ๆ ฟาราห์อยากไปเล่นในป่านั้นจัง”
“ไม่ได้นะเพคะองค์หญิงในนั้นมันอันตราย”
“ทำไมล่ะ แค่เข้าไปนิดเดียวเอง ไม่ลึกมากหรอก”
“ยังไงก็ไม่ได้เพคะ”
“น้า~นะๆๆ นะซาที่ นะๆ”
“โธ่~ องค์หญิง อย่าอ้อนหม่อมฉันแบบนี้สิเพคะ”
“นะซาที่ แล้วฟาราห์จะตั้งใจเรียนไม่ดื้อไม่ซนเลย นะๆๆ”
เด็กน้อยรบเร้าจนพี่เลี้ยงถึงกับถอนหายใจแล้วยอมพาไปในป่าหวงห้ามจนได้
องค์หญิงน้อยเดินดูรอบๆอย่างสนใจแต่แล้วสายตาของเธอก็สะดุดกับสิ่งๆหนึ่ง มันคือมังกร แถมยังเป็นมังกรปีกหักอีกด้วย
องค์หญิงน้อยวิ่งเข้าไปอุ้มมันขึ้นมาอย่างเบามือแล้วลูบหัวมันเบาๆและวิ่งไปหาซาทรีเอล
“ซาที่ๆ ดูสิว่าฟาราห์ไปเจออะไรมา”
พอซาทรีเอลเห็นสิ่งที่องค์หญิงน้อยอุ้มมาถึงกับลมแทบจับ
“องค์หญิงไปเอามังกรน้อยนี่มาทำไมเพคะ! ไม่รู้หรือเพคะว่าสัตว์ในป่าหวงห้านั้นมันดุร้ายมากแค่ไหน”
“ไม่รู้และก็ไม่สนด้วย รู้แต่ว่าซาที่ต้องรักษามันเดี๋ยวนี้นี่เป็นคำสั่ง”
“แต่...”
“จะขัดคำสั่งฟาราห์หรอ”
“เปล่าเพคะ”
“ดี งั้นไปอยู่กับฟาราห์นะ...ทาโทส”
ความคิดเห็น