ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวขโมยแห่งบารามอสตอนทายาท 3 แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #61 : เจ้าชายจอมทัพ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.18K
      0
      29 พ.ย. 49

    53

    เจ้าชายจอมทัพ

     

                    พระองค์ใหญ่เสด็จกลับ

     

                เสียงนั้นบอกกันเป็นทอดๆ ดังตลอดรายทางจนถึงเมืองหลวง

     

                พระองค์ใหญ่เสด็จกลับ

     

                และเสียงนั้นก็ดังไปพร้อมๆกับเจ้าชายรัชทายาทที่ทรงอาชาชั้นเลิศผ่านเข้าไปประตูเมืองไป ชาวบ้านต่างพากันเบียดเสียดรอต้อนรับกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง มีการผลักการเบียดเพื่อรอชมบารมีกันไปตลอดทาง และวรองค์สูงที่บางลงแต่แกร่งขึ้นชัดเจนนั่นเอง ที่ทำให้ใครต่อใครมั่นใจว่าจะทรงเป็นจอมทัพที่ยิ่งใหญ่ได้แน่

                คาโนวาลรอคอยพระองค์ใหญ่.....องค์รัชทายาทที่แม้ใครก็ไม่อาจขนานพระนามนำด้วยเจ้าหญิง กระทั่งเจ้าชาย

                แต่บัดนี้จะเจ้าชายเจ้าหญิงก็ล้วนไม่สำคัญ....สำคัญคือการเสด็จกลับคาโนวาลของพระองค์นำมาซึ่งความปลาบปลื้มโสมนัสของประชาชนทั้งแผ่นดินแล้วกัน

     

                คาเรน ควีนเฟรินทรงตรัสเรียกแต่ไกลอย่างลืมรักษาพระอิริยาบถ แต่กระนั้นก็เถอะ ตั้งแต่ออกจากวังมาคลุกคลีกับชาวบ้านธรรมดา ก็ไม่ได้ทรงใส่พระทัยกับพระยศสูงศักดิ์นั่นอีกแล้ว วู้ แม่อยู่ทางนี้ลูก

     

                ทูลกระหม่อม

     

                นางกำนัลคนสนิทเสียอีกที่ทนไม่ได้ จึงกระตุกชายฉลองพระองค์เตือน ทว่า

    วรองค์ระหงก็วิ่งปรูดไปโน่นแล้ว

     

                ท่านแม่

     

                พระองค์ใหญ่ที่ทรงเสด็จลงจากหลังอาชา ประทับยืนนิ่งให้พระมารดาทรงโอบกอดอย่างห่วงใยนัก

     

                ลูกกลับมาแล้วกระหม่อม

     

                ควีนเฟรินไม่เคยทรงทราบความเป็นไปของพระธิดาได้หมดสิ้นสักครั้ง จึงมิอาจบอกองค์เองได้ว่าทรงรู้สึกอย่างไร กับการกลับมาของคาเรนแบบนี้ แค่แววเนตรที่คงสีน้ำผึ้งเอาไว้ภายในเท่านั้นหรือที่แปลกไป เอ หรือว่าอย่างอื่นด้วย

     

                โตขึ้นเยอะเลยนะ

     

                แต่นั่นล่ะคือวิสัยของคนเป็นพระมารดาที่ย่อมมองความเปลี่ยนแปลงในพระธิดายอดหทัยออก

     

                ดูเป็นหนุ่มน้อยกว่าตอนแรกซะแม่จำไม่ได้เลย

     

                ความจริงที่อยากรับสั่งคือ ดูเป็นสตรีมากขึ้นต่างหาก

            ตอนนั้นเองที่คาเรนทรงกวาดเนตรมองบรรดาชาวบ้านที่มารอรับเสด็จข้างทาง ความแปลกพระทัยทำให้พระขนงขมวด เพราะดูเหมือนประชาชนของพระองค์จะเพิ่มขึ้นมา จนหนาแน่นรอบด้านไปจนจรดประตูวังเชียว แต่แล้วก็ทรงดำริขึ้นมาได้ ว่าที่ไม่เห็นใครตลอดชายแดนห่างไกลเลย ก็อาจเพราะคิงแห่งคาโนวาลทรงมีกระแสรับสั่งในชาวบ้านเข้ามาในเขตวังให้หมดก็ได้

                แต่ว่าแต่ละคนไม่เห็นมีลักษณะของคนทุกข์ยากเพราะสงครามเลย

                ต่างจากประเทศอื่นที่ทรงเสด็จผ่าน ซึ่งเริ่มปิดประตูเมืองแล้ว และกำลังรอฟังเพียงสัญญาณรบเท่านั้น

                ไม่ว่าในเหตุการณ์ใด ท่านพ่อก็ทรงดูแลประชาชนของพระองค์ได้ดีเสมอสินะ

     

                ไปเถอะ ไปหาพ่อเค้าหน่อย รออยู่โน่นแล้ว

     

     

                คาเรนทรงชะงักไปหน่อยเมื่อเสด็จมาถึงที่ประทับ ซึ่งหากไม่นับความใหญ่โต มันก็แทบไม่ต่างจากบ้านที่สร้างขึ้นเพื่อให้ชาวบ้านที่อพยพเข้ามาอาศัยอยู่เลยสักนิด เพราะประกอบก็อย่างหยาบๆเหมือนกัน ความทนทานก็แค่พอใช้ได้เท่านั้น มีแต่ความสวยงามเท่านั้นกระมังที่แทบไม่มีเลย

                สู้ปราสาทราชมณเฑียรในวังไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

     

                ทำไมชุ่ยกันอย่างนี้

     

                ทรงเล่นงานเข้ากับทหารรักษาพระองค์ที่ยืนเวรรอบที่ประทับ ทำเอาข้าพระบาททั้งหมดยอบตัวลงตัวสั่นกับพื้นอย่างหวาดกลัวทันที

                ไอ้รักมันก็รัก แต่ยังไงก็ยังไม่เลิกกลัว

                เพราะหากพระองค์ใหญ่มีพื้นพระอารมณ์ปลอดโปร่งแจ่มใสล่ะก็ จะเหมือนสายลมที่นำพาความชุ่มชื้นและเหมือนสายน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตนั่นแหละ แต่หากยามโกรธกริ้ว หงุดหงิด เรื่องเล็กน้อยก็อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่โตได้ แล้วตอนนั้นเองที่สายลมจะเริ่มกลายเป็นพายุ สายน้ำจะกลายเป็นคลื่นยักษ์เท่านั้นเอง

     

                ฝ่าบาทมีกระแสรับสั่ง ให้ใช้วัสดุเช่นเดียวกับบ้านที่สร้างให้ประชาชนชั่วคราวกระหม่อม

     

                ใครคนหนึ่งทูลขึ้นด้วยเสียงสั่นรัว จนน่ากลัวว่าจะเผลอกัดลิ้นตัวเองเข้า

     

                ข้อนั้นเรารู้ ว่าท่านพ่อทรงต้องการความเท่าเทียม แต่เราหมายถึงสภาพที่ประทับ ถึงจะสร้างด้วยวัสดุเหล่านี้ก็สร้างให้ละเอียดแข็งแรงได้ นี่อะไร ไม้น่ะต่อกันไม่สนิทด้วยซ้ำ ยามกลางคืนลมจะโกรก ข้างในต้องหนาวเย็นแน่ๆ

     

            เมื่อสุรเสียงเริ่มดังขึ้น ห้วนขึ้น ข้าพระบาททั้งหมดก็คลานเข้าท่าวทบแทบพระบาท

     

                ขอประทานอภัย หม่อมฉันสมควรตาย

     

                เราต้องการแรงงานไปปรับปรุงที่ประทับ ขืนฆ่าท่านเราก็ต้องหาคนมาเพิ่มน่ะสิ เจ้าชายคาเรนเริ่มกลับมารับสั่งด้วยท่าทางนิ่งเฉยดังเดิม แล้วความจริงเราก็ควรขอบใจพวกท่าน เพราะถ้าหากข้างในที่ประทับหนาวเย็น คนยืนเฝ้าภายนอกอย่างพวกท่านคงยิ่งทรมานกว่า เว้นแต่ท่านจะเรียกเอาความตายเป็นรางวัลเท่านั้นแหละ

     

                แม้กระแสราบสั่งตอนแรกจะราบเรียบ หากตอนหลังข่มขู่ คนก้มงุดติดพื้นล่ะหรือจะเห็นรอยพระสรวลหยอกล้อ ดังนั้นจึงได้แต่ทูลพร้อมกัน

     

                หามิได้กระหม่อม หามิได้

     

                อืม ท่าจะหาแบบนี้มิได้จริงๆ เอาล่ะ ลุกขึ้นเถอะ เราจะไปเฝ้าท่านพ่อ

     

                แล้ววรองค์สูงก็เสด็จผ่านเลย โดยไขว้พระกรไว้เบื้องพระขนอง มองดูสง่างามน่าชื่นชมนัก แต่คนเพิ่งโดนกลั่นแกล้งเป็นครั้งแรกเนี่ยสิที่ยังรู้สึกหวาดเสียวจนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ก่อนดี

                เจ้าชายคาเรนเสด็จกลับมาคราวนี้ทรงมีครบถ้วน

                ทั้งพระเดชและพระคุณ

                จะต้องทรงเป็นกษัตริย์ที่ดีได้แน่ๆ

     

     

                พ่อว่าพ่อเห็นนะ

     

                กระแสรับสั่งพระบิดาราบเรียบตามพระนิสัย ดวงเนตรสีฟ้างามเท่านั้นที่บ่งบอกถึงพระอาการดีพระทัย เพราะพระธิดาองค์โตเสด็จกลับมาอย่างปลอดภัยทันเวลา ทั้งยังดูเปลี่ยนแปลงเติบโตขึ้นกว่าแต่ก่อนอีก

     

                เห็นอะไรหรือกระหม่อม

     

                คาเรนตรัสถามด้วยความหลากพระทัย ก่อนทรุดองค์ลงประทับนั่งบนพระเก้าอี้ตรงข้ามพระบิดา

                พระองค์ใหญ่ทรงลืมหรือแสร้งทำลืมรักษาระยะห่างระหว่างกษัตริย์กับองค์ทายาท ทรงลืมหรือแสร้งทำลืมว่าจะต้องถวายคำนับเต็มพิธีการก่อนเอ่ยอ้างถึงพระบารมีที่คุ้มครองอันตราย หากอย่างนี้แหละ จึงจะเหมือนพระธิดากับพระบิดาสักหน่อย

                คาเรนหายไปหลายวัน พอกลับมาก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

                ความจริงที่ว่า พร่ำสอนเท่าไหร่ ก็มิอาจสู้เรียนรู้เองน่าจะจริงก็คราวนี้

                นี่ต้องไปเรียนรู้ชีวิตมาอย่างโชกโชนล่ะสิท่า

     

                ลูกแกล้งทหารข้างนอก

     

                พระธิดาทรงพระสรวลร่ารับทันที ก็มันน่าแกล้งนี่กระหม่อม แล้วที่ประทับหลังนี้ก็น่าปรับปรุงซะหน่อย ท่านพ่อทรงมอมแมมพอๆกับลูกเลย

     

                นี่ก็อีกที่ทรงเปลี่ยนจาก หม่อมฉันมาเป็น ลูกอย่างแนบเนียน

                แต่คราวจริงคือทรงเปลี่ยนเครื่องทรงมาแล้ว ระหว่างเปลี่ยนม้าตามหัวเมืองต่างๆที่ออเรียลแนะนำและเตรียมไว้ให้นั่นแหละ ดังนั้นตอนนี้ จึงทรงสง่างามต่างจากไอ้หนูตัวผอมแห้งขึ้นมาหน่อย จนเมื่อมาเทียบกับคิงแห่งคาโนวาลที่ไม่ได้เสด็จกลับมาวังมาหลายวันแล้ว ยังทรงดูดีกว่านิดหน่อยด้วยซ้ำ

     

                ประชาชนอยู่ยังไง เราก็ควรอยู่อย่างนั้น....

     

                เพราะฟ้าห่างจากดินฟ้าจึงสูงส่ง แต่ฟ้าต้องปกคลุมดินฟ้าจึงมีค่า พระธิดาต่อให้รวดเร็วทันควัน เพราะทรงสดับจนชินพระกรรณ ตั้งแต่ก่อนจะรู้ความเสียด้วยซ้ำ จะทรงรับสั่งอย่างนี้ใช่มั้ยกระหม่อม

     

                ดีที่ท่องได้ แต่ทำได้รึเปล่า

     

                ทำได้น่ะทำได้กระหม่อม แต่จะให้ดีอย่างท่านพ่อคงยากหน่อย อาจจะต้องใช้ความพยายามอีกสักสิบ หรือยี่สิบปีโน่นแหละกระหม่อม

     

                ลูกโตพอจะครองบัลลังก์ได้แล้ว กระแสรับสั่งต่อมาอ่อนโยนนัก

     

                สิบหรือยี่สิบกระหม่อม พระธิดาดึงดัน ก่อนหน้านั้นหม่อมฉันขอเป็นเจ้าชายต่อไปเรื่อยๆ

     

                การเรียนที่ดีคือการปฏิบัติ ลูกเรียนเป็นเจ้าชายกี่ปีก็เป็นกษัตริย์ไม่ได้ ไว้ครองบัลลังก์แล้วจะได้เรียนการเป็นกษัตริย์

     

                แต่ตำแหน่งนั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนี่กระหม่อม ใช่ว่าลูกเป็นเจ้าชายรัชทายาทแล้วจะได้ครองบัลลังก์แน่นอน มันต้องดูความเหมาะสมด้วย เพราะบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ควรได้เรียนรู้เมื่อพร้อมแล้วเท่านั้น

     

                ลูกโตขึ้นมาก เมื่อตรัสชม คนฟังก็ทรงพระสรวลกว้าง

     

                อาจเพราะหม่อมฉันข้ามวัยเด็กอันสนุกสนานไป แล้วพยายามเร่งตัวเองให้โตขึ้นเพื่อครองอำนาจ จึงเป็นการข้ามขั้นตอนไปอย่างน่าเสียดาย คนเราต้องเดินก่อนจึงจะเริ่มวิ่งต่างหากใช่มั้ยกระหม่อม จากนั้นก็โคลงพระเศียรให้กับองค์เอง แล้วพอลูกล้าจนวิ่งไปไม่ไหว เมื่อได้เดินซะบ้าง ลูกก็จะได้เห็นความสวยงามรอบด้านชัดเจนขึ้น แล้วลูกก็รู้จักถนอมสิ่งมีค่ารอบตัวมากขึ้น

     

                นั่นล่ะถูกแล้ว เพราะเมื่อเริ่มวิ่ง ภาพรอบด้านจะพร่าเลือนสับสน

                เมื่อเดินช้าๆ แม้จะถึงจุดหมายไม่ทันใจ ทว่าประสบการณ์รอบด้านมีค่ากว่าการเอาชนะ

                การเดินทางไปกับเรย์ทำให้ทรงกลายเป็นเด็กอีกครั้ง แล้วพอคืนพระยศเดิม ส่วนที่ขาดหายไปนั่นแหละที่ทำให้พระองค์เติบโตขึ้น

                น่าขอบคุณ.....เวลาอันแสนสุขและแสนโศกเหล่านั้น

                น่าขอบคุณ.....พี่ชาย

     

     

                ท่านพ่อจะไม่ร่วมรบในสมรภูมิด้วยใช่มั้ยกระหม่อม

     

                เมื่อทรงเปลี่ยนบทสนทนาไปเป็นเรื่องเป็นงานเป็นการ พักตร์งามก็เริ่มขรึมขึ้น แต่ไม่ได้ดูกระด้างเหมือนก่อนหน้านี้

     

                พ่อจะอยู่ที่นี่ แม่เขาก็ต้องเสด็จกลับไปประทับในวัง แต่ถ้าลูกเป็นจอมทัพ ยังไงแม่เขาก็ต้องตามไปด้วยอยู่ดี

     

                นี่ล่ะที่ทรงหนักพระทัยมาหลายวัน เพราะเพียงรับสั่งปรามหน่อยเดียว อีกฝ่ายจะโวยวายขึ้นมาจนลั่นที่ประทับให้ใครๆได้ยินกันทั่ว แล้วคิงคาโลนั่นเองที่ทรงยอมลดราวาศอกให้เสมอมา

                ถ้าเป็นในเขตพระราชฐานคงไม่ทรงยอมให้ง่ายๆ แต่เป็นที่นี่ไม่ได้

                ไม่ต้องให้ใครรู้กันหมดก็ได้นี่.....ว่าบุรุษทรงศักดิ์และทรงสิทธิ์ที่สุดในแผ่นดิน สั่งสตรีที่ทรงศักดิ์ที่สุดในแผ่นดินไม่ได้

                ซึ่งความจริงก็ไม่เคยสั่งได้อยู่แล้ว ยิ่งเป็นเรื่องนี้ยิ่งต้องปล่อยไป

     

                ท่านพ่อรั้งท่านแม่ให้อยู่แต่ในวังดีกว่ากระหม่อม หม่อมฉันไม่อยากได้พระราชินีประทับไปร่วมด้วย เดี๋ยวไม่ต้องรบกันพอดี มัวแต่ห่วงหน้าห่วงหลัง

     

                บอกแม่เขาเองสิ พ่อน่ะ.....

     

                ทรงเว้นไว้ช่วงหนึ่ง พระธิดาจึงทรงต่อให้จนจบประโยค เหนื่อยแล้วสิกระหม่อม

     

                เออ ยอมรับว่าเหนื่อย แม่เขาออกซ้อมรบให้ทหารทุกวัน พ่อล่ะขี้เกียจทะเลาะด้วยแล้ว

     

                เมื่อถึงวันนั้น จะทรงหมายความถึงอะไรหากไม่ใช่วันที่สงครามปะทุ ท่านพ่อคงจะกางเขตอาคมปกป้องประชาชนชาวคาโนวาล......เพราะฉะนั้น ทรงคลายเขตอาคมที่ประทานให้ลูกเสียเถอะกระหม่อม

     

            คิงแห่งคาโนวาลทรงนิ่งเมื่อได้ยินเช่นนั้น เพราะพระธิดาย่อมทรงทราบว่าการกางเขตอาคมสองที่ในเวลาเดียวกันเป็นภาระอันหนักหนา โดยเฉพาะเขตอาคมที่กางเหนือเมืองทั้งเมือง จะต้องใช้พลังเวทย์สูงมากทีเดียว

     

                ลูกเพียงคนเดียว ไม่ต้องห่วงอะไรนัก ท่านพ่อต้องทรงปกป้องคนอีกนับหมื่น ขอทรงพิจารณาคำบังอาจแนะนำของลูก แล้วตัดสินพระทัยด้วยกระหม่อม

     

            คาเรน.....

     

                เขตอาคมของท่านพ่อทำให้ลูกปลอดภัยมาตลอด แต่ในสมรภูมิรบ ลูกควรเท่าเทียมกับทหารที่เสี่ยงชีวิตปกป้องคาโนวาล กระทั่งศัตรูก็ต้องเท่าเทียม เกียรติที่ได้มาจึงจะสมควรแก่การจดจำเทิดทูน

     

                เมื่อทรงฟังเหตุผลที่ทรงถกเถียงไม่ได้ พระบิดาก็พยักพักตร์รับ

     

                ได้ พ่อจะคลายเขคอาคมให้

     

                ที่ผ่านมา คาเรนไม่เคยทรงขออะไรจากพระบิดา เพิ่งมีครั้งแรกนี่เอง

     

                เอาล่ะ ลูกรบกวนเวลาทรงงานของเสด็จเพียงเท่านี้ดีกว่า

     

                แล้ววรองค์สูงก็ประทับยืน ก่อนถอยออกมาถวายคำนับงดงาม แล้วเสด็จจากไปรวดเร็ว

                หากเพียงพ้นบานพระทวารไปได้หน่อยเดียว ทหารจำนวนหนึ่งก็เข้ามากราบบังคมทูลอะไรสักอย่าง พระองค์ใหญ่แห่งคาโนวาลจึงรับสั่งสั่งการรวดเดียว

     

                เราต้องไปแน่ แต่ตอนนี้ขอเข้าวังไปเข้าเฝ้าฯท่านปู่ก่อน แล้วค่อยเรียกประชุมขุนศึก อ้อ ก่อนหน้านั้นช่วยไปเชิญท่านผู้บัญชาการทหารให้ไปพบเราที่ตำหนักส่วนพระองค์ของท่านปู่ด้วยด้วย ส่วนท่าน ก็ไปบอกพลม้า พลธนู และพลเรือทั้งหมด ว่าเราจะออกไปทดสอบเวลาบ่าย ให้เวลาคักเลือกตัวแทนมาให้เราสักสิบคน

     

                รายการที่ต้องกระทำยาวเหยียด ทว่าเจ้าชายคาเรนก็ทรงเพียบพร้อม

                ว่าที่คิงแห่งคาโนวาลที่จะทรงเก่งกาจไม่แพ้พระอัยกา

                ยิ่งใหญ่ไม่แพ้พระบิดา

                จะเป็นเจ้าชายหรือเจ้าหญิงไม่สำคัญ....แต่บทเรียนแห่งการเป็นกษัตริย์เริ่มต้นขึ้นแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×