ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวขโมยแห่งบารามอสตอนทายาท 3 แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #58 : นัยแห่งการร่ำลา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.14K
      3
      26 พ.ย. 49

    50

    นัยแห่งการร่ำลา

     

                    เหตุผลที่เรย์เลือกใช้เวทย์หยุดเวลาไม่ใช่เพียงเพราะอยากใช้ช่วงเวลาที่เหลืออย่างคุ้มค่ามากที่สุด แต่เป็นเพราะข่าวสงครามแว่วมาแล้ว และกลายเป็นเรื่องสำคัญที่ใครๆต่างก็พูดถึงกันอย่างกว้างขวาง เขาไม่อยากให้เจ้าตัวน้อยของเขาเป็นห่วงคาโนวาลมากเกินไป จึงตั้งใจที่จะใช้ช่วงเวลาที่พลังชีวิตของตัวเองยังมีเพียงพอ เดินทางไปให้ถึงทริสทอร์โดยเร็วที่สุด

                แต่ถึงอย่างไร ก็ต้องแวะพักบ่อยครั้ง โดยเฉพาะเวลากลางคืนที่อากาศในช่วงปลายฤดูหนาวยังคงเย็นยะเยือกอยู่ เพราะไม่อย่างนั้นเจ้าตัวน้อยอาจจะไข้ขึ้นอีกรอบก็ได้

                ออเรียลรักษาแผลมันหายแล้ว

                แต่ร่างกายมันอ่อนแอ คงเพราะเดินทางรอนแรมมาหลายวัน แถมยังกินอยู่แบบตามมีตามเกิดอีกต่างหาก

     

                โห พี่ชาย เดินทางวันเดียวลุเข้าเอเธนส์แล้วหรือนี่

     

                เจ้าตัวร้ายอุทานร่าเริงเมื่อทำท่าจะกระโดดลงมาจากรถม้า ทำเอาเรย์ต้องปราดเข้าไปหิ้วมันให้ลงมายืนดีๆ พร้อมทั้งหยิบเอาผ้าผืนหนาติดมือมาด้วย

     

                นั่งลง

     

                วรองค์บางทรุดลงนั่งบนก้อนหินใกล้ๆอย่างว่าง่าย ก่อนรับผ้ามาคลุมองค์เอง แล้วปล่อยให้อีกฝ่ายจัดการเรื่องกองไฟ

                เรย์เดินกลับไปที่รถม้าอีกครั้ง คราวนี้หยิบผ้าผืนหนามาปูรองใกล้กองไฟ

                แล้วประคองคาเรนเสด็จมาประทับนั่ง

                จากนั้นตัวเองก็นั่งขัดสมาธิข้างๆ

     

                เอาล่ะ นอน เขาบอกพร้อมตบลงตรงหน้าตักตัวเอง ทำเอาเจ้าตัวร้ายหัวเราะลั่นทั้งที่ยังไม่สบาย แล้วถามเสียงกระท่อนกระแท่นเพราะปนเสียงสรวลสันต์ว่า

     

                พี่ชายจะเป็นหมอนให้เรอะ?

     

                เป็นเก้าอี้ให้ก็ได้

     

                ทำไง คำถามยังคงมีความขบขันไม่รู้จาง

     

                ก็ยังงี้ ชายหนุ่มเริ่มจัดแจงให้คาเรนหมุนองค์หันพระขนองมา แล้วพอร่างหนาหยัดพิงก้อนหินเบื้องหลัง เขาก็โน้มวรองค์บางให้เอนมาประทับมาหน้าอกแกร่ง พร้อมทั้งดึงผ้าอีกผืนให้คลุมขึ้นมาจรดพระอุระ และโอบรัดหนาแน่นด้วยลำแขนแข็งแรง

     

    อุ่นดีใช่มั้ย

     

    ยังมีหน้ามาถาม ยังงี้เขาเรียกเอาเปรียบกันรู้มั้ย

     

    คนไม่เป็นสตรีสักเท่าไหร่เอ่ยสั่งสอน แต่ก็ยอมรับว่าอุ่นขึ้นจริงๆ

     

    ฉันกอดเรา เราว่าเอาเปรียบ งั้นเอางี้ดีไหม ยุติธรรมดี

     

    เอาไง

     

    เราก็กอดฉันด้วย

     

    เรื่องอะไรเล่า คนเล่นบทเง้างอดไม่เป็นถองเข้าให้อย่างหมั่นไส้ แต่คนโดนดีจะปล่อยหรือก็เปล่า กลับยิ่งรัดแน่นเข้าไปอีก

     

    เฮ้ เจ็บแผลนะ

     

    คราวนี้ล่ะได้ผล เพราะแขนทั้งสองคลายลงทันควัน ก่อนก้มลงมาถามอย่างห่วงใย

     

    เป็นอะไรรึเปล่า

     

    เป็นตาทึ่มน่ะสิ เจ้าตัวน้อยแยกเขี้ยวเข้าให้

     

    เราน่ะหรือ

     

    พี่ชายต่างหาก ตาทึ่ม โดนหลอกแล้วยังไม่รู้ตัวอีก

     

    ฉันเป็นตาทึ่ม เพราะโดนเราที่เป็นเจ้าตัวร้ายแหละหลอกเรื่อย

     

     

    เคเรส

     

    หือ

     

    พรุ่งนี้คงถึงทริสทอร์แล้วล่ะ หลับให้สบายนะ

     

    และราวกับเขาต้องการกล่อมเจ้าตัวน้อยให้หลับตา ร่างหนาที่ทำหน้าที่รองวรองค์บางไว้ก็เอียงซ้ายเอียงขวา คล้ายจะเป็นเปลมากกว่าเป็นเก้าอี้อย่างตอนแรก

     

    พี่ชายร้องเพลงสิ ถ้าอยากให้หลับเร็วๆน่ะ

     

    ร้องเป็นซะที่ไหนเล่า

     

    ร้องเถอะน่า อยากฟังบ้างไม่ได้หรือไง

     

    แล้วคนตามใจมันเสมอก็ต้องอึกอักอย่างช่วยไม่ได้  ขณะคนขอร้องหัวเราะคิกอย่างที่ไม่ต้องขยายความก็รู้ว่ามันแกล้งกันชัดๆ

     

    เปลี่ยนเป็นท่องกลอนแทนน่าจะดีกว่า

     

    แล้วโดยที่ไม่ขออนุญาต เจ้าตัวก็เอื้อนเอ่ยขึ้นช้าๆ

     

     

    .......ใบไม้                    ปลิดปลิว                     ลิ่วล่อง

    มากอง                         ทับถม                          มากมาย

    เนิ่นนาน                      วันผ่าน                         สลาย

    ไม่เหลือ                      อะไร                            ให้จำ......

    .......ฟองคลื่น              ซัดสาด                         โขดหิน

            ได้ยิน                          เสียงแว่ว                       มาไกล

                ฟองอยู่                         ไม่นาน                         แตกไป

                ไม่เหลือ                       อะไร                            ให้จำ.......

                .......สายลม                  พัดผ่าน                        โชยมา

                อำลา                            แล้วพัด                        ผ่านไป

                สัมผัส                          ได้เพียง                        อึดใจ

                ไม่เหลือ                       อะไร                            ให้จำ......

                ......ดอกไม้                  ผลิกลีบ                        เบ่งบาน

                ละลาน                        นานา                            สีสัน

                ตราบเมื่อ                     ร่วงโรย                        ลงพลัน

                เมื่อนั้น                         ให้จำ                            สิ่งใด......

               

     

                แม้เรย์จะไม่สามารถขับกล่อมบทกลอนนั้นให้ไพเราะอย่างที่ควรจะเป็นได้ แต่ความหมายในคำประพันธ์ที่แฝงอยู่ ทำให้ย้อนคิดถึงพระยศแห่งพระองค์ที่ทรงเป็นเจ้าชายรัชทายาทแห่งคาโนวาล ซึ่งไม่เคยมีเวลาสำหรับไตร่ตรองความจริงข้อนี้เลย

                ความจริงที่ว่า....อะไรก็ล้วนไม่ยืนยง

    ไขว่คว้า ได้มา.....แล้วหลุดลอย

    รุ่งเรือง ถึงขีดสุด.....แล้วเสื่อมถอย

    อำนาจก็เป็นเช่นนั้น สักวันหนึ่งย่อมต้องเปลี่ยนถ่ายไปสู่มือผู้อื่น หรือค่อยๆหมดความสำคัญไปเอง ทว่าความที่ต้องครองและรักษาอำนาจมาตลอด ทำให้ทรงเหน็ดเหนื่อยกับการยื้อยุดไม่มีที่สิ้นสุด

    ความจริง...ทุกอย่างประดุจใบไม้ ฟองคลื่น และสายลม มีวิถีที่เกิดขึ้นมาและก็ดับสลายไป

    กระทั่ง.....ชีวิต

     

     

    วรองค์บางผ่อนพระปัสสาสะสม่ำเสมอ แผ่วเบา บ่งถึงอาการบรรทมสนิท คนตัวโตที่ทำหน้าที่รองแทนพระที่ขยับปัดพระเกศาออกจากพระนลาฏ ก่อนจะทอดมองไปยังกองไฟที่ยังโชนแสงกล้าท่ามกลางความมืดรอบด้าน

    เพลงเมื่อครู่.....ทำให้เกิดความรู้สึกไม่ยึดติด

    ทว่าที่อยู่ในใจเรย์ตอนนี้คือความยึดติด

     

     

    .......กองไฟ                  ลุกโชน                        โชติช่วง

    เหมือนดวง                  วิญญาณ                       ร้อนเร่า

    เราใช่                           ใช้ชีวิต                         ไปเปล่า

    แต่เรา                           ไขว่คว้า                        เดิมพัน....

     

     

    ถูกแล้ว บางขณะของชีวิตเราควรปล่อยให้ทุกอย่างเป็นอย่างที่ควรจะเป็น แต่บางขณะเราก็ต้องตระหนักถึงเหตุผลที่เกิดมาใช้ชีวิตบนโลกนี้

    มนุษย์ไม่เหมือนใบไม้ ฟองคลื่น สายลม และดอกไม้

    เพราะเบื้องหลังความตาย....ความดีงามของมนุษย์ยังเป็นที่จดจำยาวนาน

    เขาเกิดมาในนามเจ้าชายรัชทายาทแห่งทริสทอร์ และที่ออกเดินทางเร่ร่อนก็มิใช่เพื่อให้รู้จักชีวิตเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อให้สามารถกลับไปปกครองประชาชนได้อย่างเข้าใจถึงความลำบากของคนธรรมดาอย่างถ่องแท้ เพราะฉะนั้น เขายังมีหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่รออยู่เบื้องหน้า

    ความตายไม่สำคัญ มันแค่เป็นอีกทางหนึ่งหาก....พลาด

    แต่เขาจะพลาดไม่ได้ เพราะสิ่งที่ไขว่คว้าและเดิมพันคือทริสทอร์ คือท่านพ่อ คือเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งความเป็นโอรสกษัตริย์

    เมื่อถึงทริสทอร์.....ทุกอย่างจะเริ่มต้นหรือสิ้นสุด?

    เขาก็พร้อมแล้ว

     

    ลาก่อน.....

     

    เรย์เอ่ยเบาๆอย่างอ่อนโยนกับคนในอ้อมแขนราวกับเป็นพี่ชายที่เอ่ยต่อน้องน้อย

     

    กลับบ้านโดยปลอดภัยนะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×