คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #48 : เจ้าชายจากทริสทอร์
43
เจ้าชายจากทริสทอร์
ไฟสงครามยังไม่มอดดับ....ใครก็ต่างทราบดี
เพราะตั้งแต่คิงและควีนแห่งคาโนวาลเสด็จกลับจากการประชุมที่เอดินเบิร์ก ทั้งสองพระองค์ก็เสด็จออกทรงงานเคียงข้างกัน ซึ่งงานส่วนใหญ่ที่ว่านี้ก็ได้แก่ทรงบัญชาการเก็บเกี่ยวผลผลิตเข้ายุ้งด้วยพระองค์เอง ทั้งยังมีกระแสรับสั่งให้ซ่อมแซมอาวุธยุทโปกรณ์และประสงค์ให้เริ่มซ้อมรบกันแล้วในทหารบางส่วน
กระทั่งสมเด็จพระราชินีคนงามก็ได้โอกาสเลิกทรงฉลองพระองค์โดยเน้นความสวยงาม แต่เปลี่ยนมาทรงฉลองพระองค์แบบทหารโดยแท้จริง ซึ่งน่าจะทรงแช่มชื่นมากกว่าแต่งองค์งดงามอยู่แต่ในเขตพระราชฐานเสียอีก
อย่างวันนี้ ก็ทรงดาบปฐพีซ้อมรบให้กับเหล่าขุนศึก เสียจน....
“ท่านแม่ไม่เสด็จกลับมาหรือเพคะ”
เจ้าหญิงคลาเอน่าที่ทรงแล่นมารอรับเสด็จพระบิดาพระมารดาถึงประตูวัง โดยจำเป็นต้องมีนางกำนัลตามเสด็จเป็นหางว่าวตามราชประเพณีทูลถามคิงคาโลอย่างแปลกพระทัย แต่คนต้องรับสั่งตอบกลับมาทีท่าหงุดหงิดจนเสด็จนำไปพระองค์แรก จนพระธิดาองค์เล็กย่นพระขนงอย่างไม่เข้าพระทัย
“ทูลกระหม่อมเพคะ โน่นต่างหากเพคะพระราชินี”
เจ้าหญิงองค์น้อยเหลียวตามเสียงของนาง
“ท่านแม่!!!”
สุรเสียงตกพระทัยเป็นที่ยิ่ง แต่ดวงเนตรสีน้ำตาลสดใสบนดวงพักตร์ราวลูกแมวเพิ่งเกิดนั้นทรงพระสรวลจนยิบหยีมาก่อน
“พ่อเค้าโกรธแม่ล่ะ”
ควีนเฟรินตรัสสุรเสียงอ่อย ทว่าพระธิดาเองก็เริ่มมีเค้าความฉุนเช่นกัน
“ท่านพ่อคงมีกระแสรับสั่งห้ามแล้ว แต่ท่านแม่ก็ยังซ้อมรบให้เหล่าขุนศึกใช่ไหมเพคะ”
“ก็...พวกขุนศึกอะไรนั่นน่ะ ท่าจะห่างหายจากสงครามมานาน แต่ละคนล่ะลงพุงเชียว แม่ก็เลย...สนุกด้วยหน่อยเดียวเท่านั้นเอง”
พระธิดาถอยพระทัยยาว ก่อนมีรับสั่งให้นางกำนัลส่วนพระองค์เชิญเสด็จกลับพระตำหนัก คงเหลือแต่ข้าราชบริพารผู้ตามเสด็จ ซึ่งล้วนแต่เป็นคนสนิทและรู้เรื่องต่างๆในวังเป็นอย่างดี
“พวกท่าน...พบพระองค์ใหญ่บ้างไหม”
แม้เป็นเพียงพระองค์เล็ก ทว่าสุรเสียงตรัสและแววเนตรล้วนไม่แผกไปจากพระบิดา ดังนั้นทุกคนจึงถวายคำนับอย่างพร้อมเพรียง ก่อนใครคนหนึ่งในจำนวนนั้นจะทูลว่า
“ไม่พบเลยพระเจ้าค่ะ”
“แน่ใจหรือ ว่าหาทั่วแล้ว”
นี่ก็เช่นกัน ที่ทรงคาดเค้นได้ไม่แพ้พระองค์ใหญ่
“ทั่วแผ่นดินคาโนวาล หม่อมฉันค้นหาตามพระกระแสรับสั่งแล้วพระเจ้าค่ะ แต่ไม่มีใครเห็นพระองค์ใหญ่เลยในหลายๆวันมานี่ แม้แต่ฝ่ายทหารและท่านเสนาเมนิสเองก็ตาม”
แน่ล่ะ พระองค์ใหญ่อาจเสด็จขึ้นเหนือล่องใต้ไปทั่วคาโนวาลโดยไม่แจ้งให้ใครรู้ล่วงหน้า ทว่า จะอย่างไรก็ต้องเสด็จกลับมาดูแลฝ่ายทหาร อย่าว่าแต่อยู่ในช่วงกำลังจะเกิดสงครามเช่นนี้เลย ในยามปกติ ก็เสด็จไปชวนขุนศึกประลองดาบแข่งม้าด้วยกันบ่อยๆ และปกติไม่ว่าจะปลอมองค์อยู่ในสถานะใด ก็มักต้องมีสมรู้ร่วมคิดเป็นท่านเสนาฯเมนิสเสมอ
แต่นี่....ยังกับไม่ประทับอยู่ในคาโนวาลกระนั้น
เห็นที ต้องทูลถามท่านพ่อเสียแล้ว
หลังจากพระราชินีเสด็จเข้าพระที่ ก็ทรงสรงและเปลี่ยนเครื่องทรงจนสะอาดสะอ้าน ก่อนจะตรัสสั่งให้เตรียมเครื่องเสวยรอ จนกว่าพระองค์จะทรง ‘ลาก’ พระสวามีให้มาประทับเสวยด้วยกันได้
และแน่นอน คิงแห่งคาโนวาลทรงสรงเรียบร้อยก่อนหน้า และกำลังทรงงานอยู่เหนือราชฎีกาสูงหลายนิ้ว แสงชวาลาสว่างจับดวงพักตร์ราวรูปสลัก แม้ภายนอกจะไร้อารมณ์ใดๆแสดงออกมา ทว่ารอบความเหนื่อยล้าและหนักพระทัยยังโอบล้อมอยู่จางๆ อย่างที่คนเป็นพระราชินีรับรู้ได้เสมอ
ยามบ้านเมืองสงบเรียบร้อย ฎีกาเหล่านี้ถูกถวายขึ้นมาเพียงเบาบาง ทว่าก็ยังตรวจสอบอย่างละเอียดลออ กระทั่งยามนี้ที่พระราชภาระเพิ่มพูนหลายเท่าตัว ความเอาพระทัยใส่มิได้ลดลงแต่อย่างใด ดังนั้นเมื่อเวลาทรงงานต้องมีมากขึ้น เวลาแสวงหาความสบายพระทัยหรือแม้แต่เวลาบรรทมก็แทบจะไม่มี
บางครั้ง ลืมเวลาเสวยไปเลยก็เคย
“คาโล” แม้ควีนเฟรินจะทรงเรียกสุรเสียงก้อง ทว่ามิแม้แต่จะเงยพักตร์ขึ้นทอดพระเนตร
ยังทรงกริ้วค้างนั่นเอง...
“นี่ ฉันหิวแล้วนะ”
เงียบ....มีเพียงเสียงพลิกราชฎีกาดังเบาๆเท่านั้น
“ใจคอ จะให้ฉันรอนายไปถึงเมื่อไหร่ ไปก็ไปด้วยกัน กลับก็กลับมาด้วยกัน ฝ่าบาทไม่เสวยแล้วใครมันจะกินลง”
เนตรสีฟ้าเงยขึ้นมาสบ แล้วก็ก้มลงทรงงานต่อ
“โธ่ คาโล นายอย่าโกรธฉันเรื่องไม่เป็นเรื่องเลยน่า นายก็รู้ พอสงครามเกิดขึ้นยังไงฉันก็ต้องรบด้วย เรื่องอะไรจะอยู่โยงเฝ้าวังคนเดียว”
คราวนี้พระหัตถ์ที่กำลังเลื่อนฎีกาฉบับใหม่ลงมาทอดพระเนตรกลับชะงักค้าง และพอเนตรเย็นชาเงยขึ้น กระแสรับสั่งเยียบเย็นก็ตามมา
“ไม่”
“ฉันจะรบ” พระราชินีทรงสวนขวับแทบในทันทีเช่นกัน “เป็นไงเป็นกันล่ะคาโล ถ้าคาเรนต้องดำรงพระยศจอมทัพ ยังไงฉันก็อยู่เฉยๆไม่ได้ ลูกฉันทั้งคน”
แน่นอน ยังเป็นลูกของคนเบื้องพักตร์ทั้งคนอีกเช่นกัน
“นายเป็นพระราชินี พระราชภาระมากมายที่คนเป็นพระราชินียังต้องกระทำ แม้การอยู่โยงเฝ้าวังก็หมายถึงอยู่เป็นหลักยึดเหนี่ยวทางจิตใจของคนทั้งวังและอาจรวมไปถึงชาวบ้านที่ถูกต้อนเข้ามาในกำแพงเมืองด้วย”
“ใช่ ฉันเป็นพระราชินี แต่ฉันก็เป็นพระมารดาของลูกด้วย” คราวนี้จากชวนมาเข้าที่เสวย กลับกลายมาเป็นถกเถียงกันดังลั่นเสียแล้ว “นับแต่มีพระยศเดอะควีนตามหลัง ฉันมั่นใจว่าฉันทำหน้าที่ได้ดีเท่าที่จะเป็นไปได้แล้ว แต่....ฉันไม่เคยทำหน้าที่แม่ให้คาเรนได้อย่างเต็มที่เลย ไม่เคยปกป้องเขาจากอันตรายได้เลย”
“คาเรนเป็นเจ้าชายแห่งราชวงศ์ เขาจะเติบโตและยิ่งใหญ่เพื่อคาโนวาล ไม่มีใครทำอันตรายเขาได้”
“ฉันไม่ต้องการให้เขายิ่งใหญ่ ฉันแค่ต้องการให้เขาปลอดภัย เพราะเขตอาคมของนายปกป้องเขาไม่ได้ทุกที่ แม้เวทย์กั้นมนต์ของพ่อปีศาจก็มีวันสูญสลายไปได้ ที่สำคัญ....เขาคือลูกสาวของฉัน ไม่ใช่เจ้าชายแห่งราชวงศ์”
แล้วก็สิ้นสุดการเกียงกันไปเถียงกันมาเพียงเท่านั้น เมื่อวรองค์บางหมุนขวับเสด็จออกจากห้องไป
คิงแห่งคาโนวาลยกหัตถ์ลูบพระพักตร์ ทรงรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นที่ยิ่ง
ท่ามกลางการรบการเช่นฆ่า พระองค์ส่งลูกรักออกไปสู่สมรภูมิ ท่ามกลางความหวังความศรัทธา พระองค์ปั้นแต่งลูกรักให้กลายเป็นเจ้าชายผู้แข็งแกร่ง แต่ท่ามกลางอันตรายและและความสับสน คาเรนกลับต้องเผชิญหน้าเพียงลำพัง
พระองค์เพียงทรงทราบว่า บัดนี้พระธิดายอดหทัยไม่ได้อยู่ในคาโนวาลแล้ว แต่ก็ไม่อาจกางเขตอาคมไปได้ไกลทั่วเอเดนเพื่อค้นหาว่าคาเรนทรงประทับอยู่หนใด และจนบัดนี้ก็ไม่อาจหาคำตอบว่าคาเรนไปเจออะไรกันแน่ ถึงได้หนีออกจากวังไปเมื่อวันก่อน กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่ยอมกลับมา
การไม่กลับมาในช่วงนี้....อาจเป็นเรื่องดี
ทว่า เฟรินกลับกังวลถึงแทบไม่ต้องทำอะไร
เพราะฉะนั้นจึงต้องซ้อมรบกับเหล่าขุนศึก ด้วยความหวังว่าหากสงครามถึงจุดปะทุ เธอจะได้ต้อนรับ ‘ลูกสาว’ กลับมา และอาจมีโอกาสได้รบเคียงกันในฐานะจอมทัพแห่งคาโนวาล
แม่เขาห่วงลูกมาก...คาเรน
จงปลอดภัยกลับมาเถอะ.....ลูกรัก
แม้จะเพิ่งมีเรื่องถกเถียงกันเมื่อคืน ทว่าทั้งสองพระองค์ก็ยังเสด็จออกทรงงานเคียงกันเป็นปกติ จะผิดปกติก็นิดเดียวก็คือ วันนี้ทรงเสด็จกลับวังตั้งแต่ยังไม่ทันบ่ายด้วยซ้ำ
“อาไปเยี่ยมชมการซ้อมรบที่กระทรวงกลาโหมทุกวัน ตอนนี้ท่านเสนาฯเซตคงแน่ใจแล้วว่าสงครามต้องมีขึ้นในเร็วๆนี้”
ควีนเฟรินทรงตรัสเปรยกับเจ้าชายออเรียลแห่งทริสทอร์ที่ยังอยู่ช่วยงานบางอย่างในวัง และยังอยู่เป็นเพื่อนคุยหนึ่งเดียวของเจ้าหญิงคลาเอน่า และเมื่อสักครู่ เจ้าหญิงองค์น้อยก็เพิ่งออกไปดูแลเครื่องเสวยตามกระแสรับสั่งของพระมารดา ซึ่งเท่ากับเป็นการกันออกจากการสนทนาเกี่ยวกับแผนการบางอย่างระหว่างสองพระองค์นั่นเอง
“ตอนนี้ท่านเสนาฯเซตคงอยากได้ยินพระกระแสรับสั่งแต่งตั้งตัวเองเป็นจอมทัพ”
“ไอ้ตำแหน่งบ้าๆนี่ใช่ไหม ที่มันต้องการจากคาเรน”
กระแสรับสั่งเริ่มดุเดือด ทว่าคนของกระทรวงกลาโหมย่อมไม่อาจแทรกแซงมาถึงเขตพระราชฐานชั้นในได้ เนื่องจากทหารรักษาพระองค์ในวังทั้งหมด พระองค์ใหญ่เป็นผู้เลือกสรรมาเฉพาะผู้จงรักภักดีเท่านั้น
เพราะอันตราย....มักเริ่มต้นจากคนใกล้เสมอ
“ดีที่คาเรนไม่อยู่ในวัง ไม่อย่างนั้นท่านเสนาเซตคงไม่ไว้วางใจง่ายๆ”
ออเรียลละที่จะทูลโดยสิ้นเชิงว่า เขากับคาร์ซาร์นั่นเองที่วางแผนจนพระองค์ใหญ่ไม่อยากกลับเข้าวัง จนป่านนี้ก็คงสนุกอยู่กับการเร่ร่อนอย่างสบายพระทัยที่ไหนสักแห่ง เอาเถอะ แม้มันจะรุนแรงไปหน่อย แต่มันก็ได้ผลอย่างคาดไม่ถึง เพราะความไว้ใจที่ออเรียลหมายถึง จะชักนำท่านเสนาฯมาสู่บ่วงที่เตรียมการไว้อย่างดีนี้
“คิงคาโลจะเชิญท่านเสนามาหารือเรื่องการทหาร เชื่อเถอะว่าตาแก่นั่นย่อมดีใจว่าตัวเองได้เป็นจอมทัพ โอ๊ะ จริงสิ ป่านนี้ฝ่าบาทคงเสด็จขึ้นจากอ่างสรง และเปลี่ยนเครื่องทรงเรียบร้อย เรารีบไปรอดูผลงานของเรากันดีกว่า ไป ออเรียล ไปกับอา”
“แต่คลาเอน่า....”
“ไฮ้ ปล่อยยัยหนูไปก่อนเถอะน่ะ ขืนรอไปด้วยกัน แน่นอนล่ะว่าไม่ทัน”
“แต่หม่อมฉันไม่ไปด้วยท่าจะดีกว่านะกระหม่อม”
“ทำไม?”
ดวงตาสีเขียวมรกตฉายประกายแวววาวน่ามองยิ่ง “ท่านเสนาฯน่ะต่อให้วางใจในสถานการณ์ตอนนี้แค่ไหน แต่คงไม่เดินเข้ามาในเขตพระราชฐานคนเดียว ทหารส่วนตัวที่ถืออาวุธมาคงต้องรออยู่ข้างนอก หากเราจะจัดการ ก็ควรไม่มีร่องรอยหลงเหลือสิกระหม่อม”
“ฉลาด” คำชมสั้นทว่าต้องใจคนฟังเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะคำเปรยต่อมา “และโหดดี”
“สองอย่างนี้ควรรวมอยู่ในเจ้าชายทุกพระองค์ คาเรนเองก็คงเป็นอย่างนั้นใช่มั้ย ออเรียล”
ที่ต้องตรัสถาม เพราะพระองค์เองก็แน่พระทัย ว่าไม่มีทางรู้จักองค์คาเรนมากไปกว่าพระสหายสนิทของลูกคนนี้แน่นอน
“คาเรนสมบูรณ์พร้อมในทุกด้านของผู้ที่ครองอำนาจ หากจะสุขุมและรอบคอบกว่านี้ แต่เมื่อกลับจากการท่องเที่ยวครั้งนี้เมื่อไหร่ พระองค์ใหญ่แห่งคาโนวาลจะทรงเป็นจอมทัพที่เก่งกาจได้”
ควีนเฟรินไม่ทรงเข้าพระทัยนักว่าหมายความถึงอะไร แต่ก็พยักพักตร์รับก่อนย่างบาทเสด็จออก
“ไปล่ะ”
“หม่อมฉันขอส่งเสด็จ”
ท่านเสนาฯเซตดีใจแทบบอกไม่ถูกเมื่อมีคนของคิงคาโลมาเชิญไปที่วัง เพราะบุรุษผู้ทรงศักดิ์สูงสุดในแผ่นดินมีกระแสรับสั่งมาว่าต้องการปรึกษาเรื่องทางทหาร อันน่าจะเกี่ยวข้องกับการรับศึกทางเหนืออันต้องปะทุในเร็วๆนี้แน่
พระองค์ใหญ่หายไปจากวังหลายวัน ไม่มีกำหนดเสด็จกลับที่แน่นอน....ตำแหน่งจอมทัพย่อมยังว่าง
คนมีอำนาจทางการทหารที่สุดคือเขา รองลงไปคือซาฟา
ยังไงอำนาจก็ไม่ไปไหน
และในยามสงคราม อำนาจทางการทหารเป็นอำนาจสูงสุด เมื่อถึงเวลานั้นกระทั่งเจ้าชายรัชทายาทก็ต้องฟังคำสั่ง
แต่ถ้าจะให้ดี...ทูลเชิญเสด็จพระองค์ใหญ่ไปสรวงสวรรค์เลยดีกว่า อย่าได้ลำบากทรงเสด็จกลับเลย
ไม่รู้ว่าไอ้พวกที่อุตส่าห์จ้างด้วยเงินราคาสูงลิ่ว จะทำงานไปถึงไหนแล้ว....มันไม่รายงานมาสักที
“ท่านพ่อ”
เมื่อบุตรชายคนเดียวเรียก ท่านเสนาฯกับคนสนิทนับสิบก็มาถึงหน้าประตูเขตพระราชฐานชั้นในพอดี และจากตรงนี้ไปจนถึงที่ประทับของคนในราชวงศ์วาเนบลี รวมถึงห้องทรงงานของคิงคาโล ทหารที่ติดอาวุธทุกคนต้องรออยู่ที่นี่
“ลูกจะรอ”
ไอ้ลูกคนนี้มันขี้ระแวง แค่พ่ายแพ้พระองค์ใหญ่ครั้งเดียวก็เปลี่ยนเป็นคนขี้ขลาดได้มากขนาดนี้ วันก่อนก็เอาคนไปลอบปลงพระชนม์เจ้าหญิงแห่งอเมซอนไม่สำเร็จไปทีหนึ่งแล้ว แต่ไม่อยากจะโทษมันมากมายหรอก
อย่างน้อยเหตุการณ์ครั้งนั้น ก็ทำให้พระองค์ใหญ่เสด็จพ้นไปจากคาโนวาลจนได้
แล้ววันนี้ก็มาถึงสมที่รอคอย...
ร่างท่านเสนาฯเซตที่ยืดอย่างสง่าผ่าเผยก้าวลงจากหลังม้า แล้วเดินเข้าสู่เขตพระราชฐานชั้นใน จนเมื่อเดินไปได้ครึ่งทาง ยังไม่ทันพ้นสายตาดีด้วยซ้ำ ทหารรักษาพระองค์นับสิบก็ตรงเข้าจับกุมร่างผู้ทรงอำนาจทางทหารเอาไว้
“ท่านพ่อ!!!”
ซาฟารีบลงจากหลังม้า ก่อนปราดเข้าไปหาบิดา ทว่าประตูเขตพระราชฐานชั้นในปิดลงก่อน
ความประมาทนำพาความตายมาสู่เจ้าของเสมอ แต่ต่อให้เป็นซาฟาก็แน่ใจ พลาดครั้งนี้ ไม่มีชีวิตไว้แก้ไขแล้ว
ปึง....
เสียงจากด้านหลังดังขึ้น แน่ชัด ประตูที่กั้นระหว่างภายนอกกับเขตพระราชฐานชั้นนอกก็ถูกปิดลงเช่นกัน คนสนิททั้งหมดของเซต อิมรีอา จึงชักดาบออกมาพร้อมกัน โดยมีเสียงของซาฟาตะโกนดัง
“ระวัง”
ความคิดเห็น