ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวขโมยแห่งบารามอสตอนทายาท 3 แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #46 : เหตุผลของเรย์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.08K
      0
      31 ต.ค. 49

    41

    เหตุผลของเรย์

     

                พี่ชาย เสียงเรียกอ่อนเบานั้นฟังผิดหู

     

                ไม่ เรย์สวนทันควัน พลางยึดบังเหียนแน่น ตัดสินใจแล้วว่า จะยังไงก็ไม่ยอมให้มันบังคับรถม้าตามใจชอบอีก ไม่ว่ามันจะอ้อนมาท่าไหนก็ตาม

                เสียงมันเงียบไปได้พักหนึ่ง

                ทว่า นั่นแหละเรื่องประหลาด เพราะปกติเวลามันอยากได้อะไร มันจะตะแง้วๆอยู่ข้างหูจนกว่าจะได้

                ทำไมคราวนี้ยอมแพ้ไวจัง?

     

                เคเรส ลงท้ายเรย์นั่นแหละที่ต้องเรียก พร้อมเงี่ยหูฟังเสียงตอบกลับ เมื่อกี้มีอะไร

     

                ฉัน....หิว

     

                นั่นไงล่ะ ทีให้กินล่ะไม่กิน ทีงี้ล่ะมาอ้อน น่าหมั่นไส้นัก....แล้วแถวนี้ จะหาอะไรกินที่ไหน

                แต่ รถม้าก็ถูกชะลอลงจนได้

                เพราะเสบียงยังเหลือ ก่อไฟเข้าหน่อยก็ใช้ได้

                ดังนั้นรถม้าจึงเลยไปยังจุดใกล้แม่น้ำ ก่อนหยุดลง เรย์กระโดดลงจากที่นั่งสารถี และแหวกม่านเข้าไปดูเจ้าตัวเล็กที่เขาคิดว่าตอนมันเงียบไป ก็เพราะมันหลับปุ๋ยไปแล้ว

                แต่ที่มันบอกว่าหิวคงจะจริง เพราะแม้ในความมืดที่โรยตัว หน้ามันยังซีดจัด ทว่า มันก็ไม่ได้นอนซมไร้สภาพ แต่มันนั่งหลังตรง หลับตาทำสมาธิ ต่อสู้กับความหิวอยู่นาน แน่ใจได้เลยว่าตอนที่มันบอกเขา นั่นเป็นเพราะทนไม่ไหวจริงๆ

                มานะอุตสาหะยอดเยี่ยม.....แต่ใช้ผิดเวลาไปหน่อย

                ไม่ใช่ไม่ให้มันกิน....มันไม่กินเองต่างหาก

     

                ลงมาเถอะ

     

                เขาบอก เบาแทบเป็นกระซิบ ก่อนยื่นมือเข้าไปกุมมือเล็ก ไอ้หนูเลยมุดตามออกมาโดยดี

     

                ตาลาย เห็นหน้าพี่ชายเป็นหมูหันแล้ว

     

     

                กองไฟลุกโชนในความมืด เพราะหลังจากออกเดินทางอีกทีในตอนบ่าย ก็เป็นเพียงการย่างม้าเหยาะๆเลียบชายแดนคาโนวาลไปอย่างช้าๆเท่านั้น ดังนั้นจึงยังมองเห็นแม่น้ำเลทิสอยู่ใกล้เพียงแค่นี้ โดยเฉพาะในยามท้องฟ้าโปร่ง จนเงาของดาวและเดือนปรากฏบนผิวน้ำราวกับเป็นทางช้างเผือกแห่งที่สอง

                บรรยากาศเงียบเชียบ ไร้เสียงพูดคุย

                เคเรสมันหิวเอามาก จึงตั้งหน้าตั้งตากินไม่สุงสิงกับใคร

                แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังกินอย่างเรียบร้อยสะอาดสะอ้านเสมอ

     

                คราวหลังกินซะพร้อมกัน จะได้ไม่ต้องแวะพักหลายรอบ

     

                เรย์พูดยิ้มๆ ขณะเจ้าตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมองทั้งที่ยังเคี้ยวตุ้ยๆ ตากลมๆใสฉายประกายความซาบซึ้ง ก่อนรีบกลืนอาหารลงอย่างฝืดคอ เขาจึงรีบยื่นถุงน้ำส่งให้

     

                พี่ชายรีบเดินทางมากเหรอ

     

                เรื่อยๆหรอก

     

                ความจริง....ไม่อยากให้ถึงทริสทอร์อันเป็นจุดหมายปลายทางเลยมากกว่า เพราะเมื่อถึงวันนั้น การเดินทางขาไปของเขากับเจ้าตัวเล็กจะสิ้นสุดลง แล้วขากลับก็คงมีจะมีเพียงมันเท่านั้นที่กลับมายังคาโนวาล

                แต่คนของเขา....จะส่งมันถึงบ้านอย่างปลอดภัยแน่นอน

                ทำไมพี่ชายมาทางนี้นะ เมื่อไอ้หนูเริ่มอิ่ม มันก็เหลียวมองสายน้ำข้างกาย ทำไมไม่ตัดผ่านคาโนวาล แล้วตรงเข้าสู่เอเธนส์เลยล่ะ พักเดียวก็ถึงทริสทอร์แล้ว

     

                คนตัวโตยิ้มบางแทนที่การเอ่ยตอบ

                เหตุผลที่เดินทางทางอ้อมน่ะมันมีอยู่ หนึ่ง...อย่างที่บอก ไม่อยากให้ถึงทริสทอร์เร็วนัก         

                สอง...เขาอยากเดินทางทางไหนก็ได้ที่ไม่ตัดผ่านคาโนวาล บ้านของเจ้าตัวเล็กที่มันทั้งรักทั้งหวง เกินกว่าจะเป็นคนพเนจรได้ และถ้ามันเกิดเปลี่ยนใจไม่เดินทางกับเขาอย่างกะทันหันหรือเกิดหายไปอีกรอบจะทำยังไง

                ที่เอดินเบิร์ก ตอนมันหายไป เขาเดินตามหาแทบคลั่ง ความตั้งใจเดิมที่จะมารอดูขบวนเสด็จกลับไม่อยู่ในหัวสมอง คิดแต่ว่า หากมันหลงทางไปเองแล้วกลับไม่ถูก มันจะเป็นยังไง

                เขาคงลืมไปสนิทว่า มันคุ้นเคยกับเอดินเบิร์กดี และถ้าจะมีใครสักคนที่หลงทาง ก็น่าจะเป็นเขานั่นเอง

                เพราะฉะนั้น ตอนนี้ไม่ว่าจะยังไง เขาก็จะไม่ยอมให้มันหายไปอีกเด็ดขาด

                เว้นแต่....มันจะเกิดเปลี่ยนใจไม่เดินทางไปกับเขาเท่านั้น

     

                นี่ระวังล่ะ

     

                เรย์ตะโกนออกไปทันควันเมื่อเจ้าตัวเล็กเดินไปล้างมือที่แม่น้ำ อย่างนึกกลัวมันจะตกน้ำตกท่าขึ้นมา แต่ตากลมๆใสหันขวับมา แล้วถามด้วยเสียงขึ้นจมูก

     

                ฉันโตแล้วนะ ไม่ใช่เด็กไม่กี่ขวบ

     

                เสียงหัวเราะจากคนตัวโต ยิ่งทำให้คนฟังฉิว จึงยืนเท้าสะเอวอยู่ตรงนั้น

     

                หัวเราะไร?

     

                หัวเราะคนโตแล้วน่ะสิ เนี่ยขนาดโตแล้วนะ ตอนยังเล็กอยู่ตัวจะกะเปี๊ยกแค่ไหน

     

                นี่ล่ะ สิ่งที่ไอ้ตัวเล็กไม่เคยเข้าใจ อายุจริงของมันน่ะตั้งสิบเก้า แล้วทำไมเวลาอยู่ในชุดชาวบ้าน ใครๆถึงพากันเรียกไอ้หนู

     

                ฉันออกจะสูง

     

                สูงน่ะสูงจริง ข้อนี้เรย์ยอมรับ เพราะขนาดเขาสูงมากแล้ว มันยังอยู่ถึงระดับหัวไหล่ของเขา หรืออาจกระโดดขึ้นขี่คอเขาได้ง่ายๆ แต่ผอมยังกับอะไร ผู้ชายอายุขนาดนี้ น่าจะเริ่มล่ำสันขึ้นบ้างแล้ว ตามใบหน้าก็ควรจะมีหนวดมีความคมคาย ส่อแววหล่อขึ้นบ้าง แบบนี้เขาไม่เรียกโตหรอก

     

                คราวนี้ล่ะได้เรื่อง ไอ้ตัวเล็กมันโกรธจัด เลยปึงปังขึ้นรถม้าไป ทว่าคนโดนโกรธกลับหัวเราะร่า เมื่อรู้ว่าพูดแทงใจดำคนชอบโวยวายซะแล้ว

                ก็มันไม่เหมือนเด็กหนุ่มจริงๆนี่นา

                ถ้าบอกว่าเป็นเด็กสาวล่ะพอเชื่อได้ แค่ขอให้มันมีความเป็นผู้หญิงหรือความเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้หน่อยเถอะ

                แต่....ให้มันเป็นเด็กอย่างนี้ต่อไปน่ะดีแล้ว น่ารักดี

     

     

            ล่องแพ?

     

                ไอ้หนูถามลั่น ขนตายาวกะพริบปริบๆพลางมองคนตรงหน้าอย่างงงงวย

     

                พี่ชายเพิ่งซื้อรถม้ามาได้สองวัน นึกไงเปลี่ยนใจเดินทางทางแม่น้ำอีกล่ะ

     

                เรย์ไม่ตอบ แต่ปล่อยให้มันอยู่กับม้าเทียมรถอีกสองตัว ขณะที่เขาเดินทางเข้าไปติดต่อขอซื้อแพที่มักมีขายทั่วไปตามชายแดนคาโนวาล เนื่องจากแม่น้ำเลทิสจะทอดยาวขึ้นไปจนถึงซาเรส กั้นดินแดนระหว่างเอเดนและเดมอสพอดี เพราะฉะนั้นจึงมีพ่อค้าและนักเดินทางจำนวนไม่น้อยนิยมเดินทางโดยแพ ไม่ว่าจะเป็นแพเล็กๆราคาถูก แพที่มีหลังคาคลุมด้านบนพอให้นอนได้ หรือเป็นแพสินค้าขนาดใหญ่ ก็ล่องได้อย่างอิสระตลอดลำน้ำ

                เขาต้องการออกห่างคาโนวาลให้มากที่สุด...เพื่อยื้อเจ้าตัวเล็กเอาไว้

                และแพที่เขาซื้อก็เป็นแพธรรมดา ราคาถูกเหลือเชื่อ

     

                เราจะเดินทางต่อเมื่อเทียบฝั่งที่เวนอล

     

                ยังไงล่ะ มันถามด้วยความรำคาญหน่อยๆ เพราะหมายความว่า... ต้องเดินไปอีกหรือไง

     

                รถม้าคันนี้จะถูกส่งไปรอเรารับที่เวนอล วางใจได้ เขาพูดด้วยท่าทางจริงจังขึ้น ก่อนจะไล่ให้มันลงมา แล้วบังคับม้าให้ไปจอดอยู่ข้างๆร้าน ท่ามกลางการมองตามของดวงตาโตที่ฉายประกายวิบวับไม่น่าไว้วางใจเลย

                หรือมันจะรู้ว่าทำไมเขาถึงเลือกเดินทางด้วยแพ

     

                ก็ดีนะ ฉันยังไม่เคยล่องแพเลย

     

                มันบอก เมื่อเขาสะพายเป้สองใบออกมาจากรถม้า และเหวี่ยงลงแพไป

     

                แล้วเวลาไปเดมอสไปไง

     

                ตรงนี้เรย์จำได้แม่นยำ เจ้าหนูนี่มันเคยเดินทางไปเดมอสมาแล้ว

     

                สะพานไง เคเรสหัวเราะร่วน เมื่อเห็นหน้าคนตัวโตแล้วสรุปออกมาได้ว่าอีกฝ่ายคงนึกภาพไม่ออก ก็ตลอดชายแดนติดแม่น้ำ มีตรงไหนสร้างสะพานไว้บ้างล่ะ

    เจ้าหญิงคลาเอน่าทรงเสด็จกลับไปเยี่ยมท่านตาเอวิเดสบ่อย ปีหนึ่งๆเสด็จไปตั้งสามสี่หน แถมไปทีก็นานมากกว่าจะกลับ นางกำนัลและข้าหลวงประจำพระองค์ต้องตามเสด็จกันทั้งตำหนัก พระองค์เล็กจึงต้องใช้เวทย์สร้างสะพานขนาดใหญ่ขึ้นมา มันจะปรากฏเมื่อทรงต้องการ แล้วก็หายไปในยามปกติ

     

                อ้อ งี้นี่เอง

     

                ชายหนุ่มพยักหน้ารับ ดูจะไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก

     

                เอาล่ะ ลงแพไปได้แล้ว พูดมากจริง

     

                แล้วใครจะถ่อแพล่ะ คนถูกว่าไม่สะทกสะท้าน แต่ยังถามมากด้วยความสงสัยจริงๆ พี่ชายเรอะ

     

                ขึ้นไปก่อนเถอะน่า

     

                ลงท้าย....เขาก็ต้องดันหลังมันลงไป ก่อนจะก้าวตามมาทีหลัง

     

            พี่ชาย ถ่อแพมันเหนื่อยกว่าฟาดแส้นะ

     

                แน่ล่ะ พระองค์ใหญ่ทรงเชี่ยวชาญการบังคับม้า ไม่ว่าจะเป็นทรงเอง เทียมรถม้า หรือรถศึก ก็คุ้นเคยดี

                ทว่าไม่เคยล่องแพ แล้วต้องถ่อเองเลย มันดูยากเหมือนกันนา

     

                ไม่ได้ถ่อเองซะหน่อย

     

                แล้วทำยังไง ไอ้หนูทำเซ่อ หรือพูดให้ถูกก็คือเซ่อจริงๆ

     

                ใช้มายากลไง มายากรน่ะทำได้ทุกอย่างแน่นอน

     

     

                แสนวสันต์

     

                คนตัวโตเอ่ยชื่อของอะไรก็ไม่รู้ แต่ที่มือของเขาซึ่งยื่นออกไปข้างหน้ามีไอมนต์ปรากฏขึ้นล้อมรอบ ทั้งยังหมุนวนช้าๆอย่างงดงาม ไอ้หนูเบิ่งตากลมๆของมันมองอย่างอัศจรรย์ใจ และเอื้อมมือไปแตะน้อยๆด้วยความอยากรู้

     

                แสนวสันต์

     

                คำต่อมา แทบเป็นตะโกน ก่อนคทาสีทองที่ไอ้ตัวเล็กเคยเห็นตอนเจอกันครั้งแรกจะปรากฏขึ้น

     

                ว้าว สวยจริงๆ

     

                แน่ละ เพราะบัดนี้คทาสีทอง มีหัวคทาเป็นผลึกสีน้ำผึ้งระยิบระยับ คล้ายร้อยเรียงดาวบนทางช้างเผือกมาประดับ กำลังอยู่ในมือของทั้งมันและเขา โดยที่ไอมนต์ขยายเป็นวงกว้าง โอบล้อมทั้งคู่ไว้อย่างอ่อนโยน พู่คทาที่ทำจากเส้นไหมสีทอง สะบัดรับลมปริศนาที่เกิดขึ้นจากพลังเวทย์ คลอเคลียไปด้วยกันอย่างเริงร่า

                เสียงร่ายมนต์ดังจากเรย์ เป็นสำเนียงที่ไอ้หนูไม่เคยสัมผัสมาก่อน    

                แล้วแพก็ค่อยๆขยับ ช้า ทว่ามั่นคง น้ำเริ่มกระจายเป็นวงกว้าง มองเห็นเป็นคลื่นทยอยเข้าสู่ฝั่งแล้วห่างหาย

                การเดินทางเริ่มต้นอีกครา

                โดยอาศัยมนตราชักนำ

     

     

                นั่นเป็นของรักเลยเหรอ

     

                ตากลมๆใสๆยังมองคทาด้ามเดิมอย่างสนอกสนใจ ทั้งที่มันนอนพังพาบบนพื้นแพ ก็ยังอุตส่าห์ยืดคอมองจนได้

                งั้นมั้ง เรย์ควงคทาด้วยมือข้างเดียวที่วางบนเข่าข้างที่ชันขึ้น ขณะจับตามองไอมนต์ที่ลอยละล่องตาม งดงามพร่างพรายยิ่งนัก เพราะเท่าที่จำได้ นี่ก็เป็นสิ่งที่ต้องใช้ฝึกเวทย์ ไปๆมาๆก็รักมันแทบชีวิตเลยก็ว่าได้

     

                เหมือนกันแหละ

     

            เจ้าตัวเล็กทำท่าจะบอกอย่างนั้น เมื่อนึกไปถึงดาบปราบมารของท่านปู่ ที่ใช้ฝึกการต่อสู้ตั้งแต่จำความได้

     

                ชื่อของมัน คือแสนวสันต์เหรอ

     

                อืม แสนวสันต์ คทาที่รวมพลังอำนาจแห่งความสดชื่น จนอาจกลายเป็นความกรรโชกรุนแรง ของหน้าฝนถึงแสนฤดูกาล เรย์อวยสรรพคุณคทาประจำตัวด้วยความปลาบปลื้ม ทว่าเว้นประโยค สิ่งวิเศษหนึ่งในสามของทริสทอร์เอาไว้ได้ทัน

                แสนวสันต์....เป็นคทาที่ทรงพลังเช่นนั้น

                เช่นเดียวกับ หมื่นเหมันต์....คทาที่รวมพลังอำนาจความอ่อนโยน จนอาจกลายเป็นความเยือกเย็นดุจหิมะ ของหน้าหนาวถึงหมื่นฤดูกาล อีกหนึ่งในสามสิ่งวิเศษของทริสทอร์ ที่บัดนี้อยู่ในความครอบครองของเจ้าชายคนสำคัญพระองค์หนึ่ง

                กับสิ่งสุดท้าย...อันยังอยู่ในห้องลับในปราสาทที่ทริสทอร์

            ดาบพันใบไม้ผลิ

                ดาบที่รวมพลังอำนาจของการเริ่มต้น ดุจใบที่กำลังผลิรับฤดูกาลหลังความหนาวเย็น แต่ยังหาคนที่เหมาะสมพอจะครอบครองมันไม่ได้

                แม้แต่เขาเองก็ตาม...

                โอ ทริสทอร์ ดินแดนที่กำลังจะไปถึง พร้อมๆกับเวลาที่ทั้งรอคอยทั้งอยากให้อยู่ห่างออกไป กำลังใกล้เข้ามา....เวลาแห่งการพลัดพราก เวลาแห่งการกลับสู่ที่ที่เคยจากมา

                ที่ที่อยู่บนจุดสูงสุด

                ที่ที่เปล่าดายยิ่งกว่าความเหงาของนักพเนจร

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×