คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #43 : เจ้าชายพเนจร
38
เจ้าชายพเนจร
“ท่านพี่”
สุรเสียงเจ้าหญิงคลาเอน่าดังมาจากด้านหนึ่งของทางเดิน พร้อมกับวรองค์บางที่เสด็จลิ่วมา
“พวกเจ้า....ไปได้”
พระองค์ใหญ่หันไปมีกระแสรับสั่งกับนางกำนัลที่ตามเสด็จ ก่อนจะตรัสถามพระขนิษฐายิ้มๆ
“ท่านพ่อไม่ให้ตามเสด็จเข้าไปในที่ประชุมล่ะสิ”
“ท่านพ่อทรงประทานอนุญาตเพคะ” พระองค์เล็กทูลฟ้องพักตร์งอง้ำ “แต่ท่านแม่ทรงมีกระแสรับสั่งให้หญิงออกมาตามท่านพี่ เพราะทรงอยากดำรัสด้วยเมื่อเลิกประชุม หญิงก็เลยออกมาเดินพล่านนอกที่ประทับอย่างนี้ล่ะเพคะ”
“เดี๋ยวพี่ก็ต้องไปเข้าเฝ้าฯอยู่ดี ทำไมต้องให้หญิงมาตามด้วย”
“ท่านแม่ทรงทราบกระมังเพคะ ว่าเมื่อท่านพี่เข้าเฝ้าฯต้องเป็นเพราะประสงค์จะทราบผลการประชุมกษัตริย์ แล้วจากนั้น ก็จะเสด็จเลยไปประชุมในป้อมอัศวินต่อ”
“อ้อ งั้นหรือ” คาเรนทรงสรวลกว้างเมื่อรู้องค์ว่าท่านแม่คนดีทรงจับได้อีกตามเคย “ว่าแต่หญิงเถอะ ได้มาเห็นเอดินเบิร์กแบบนี้แล้ว คิดยังไงบ้าง”
“งดงามเพคะ”
แน่ล่ะ คนของปราสาทขุนนางผู้รับปิดชอบการตกแต่งสถานที่ ลงทุนลงแรงไปไม่น้อยกว่าจะได้ทุกอย่างออกมาเป็นแบบนี้ ความจริงถึงขั้นน่าชื่นชื่นชมทีเดียวแหละ
ไม่เสียราคาคุย
“นึกๆแล้วหญิงก็อยากมาเป็นนักเรียนที่นี่จริงๆ อย่างน้อยก็ได้เปิดเรียนพร้อมท่านพี่ แล้วเวลากลับคาโนวาลก็จะได้กลับพร้อมท่านพี่อีก”
“แน่ะ จะมาเป็นผู้คุมของพี่หรือไง”
“สิเพคะ”
แล้วสองเจ้าหญิงก็สรวลเริงร่าสมกับที่ไม่ได้พบพักตร์กันมาหลายวัน ทำให้ทางเดินแคบๆนั้นเต็มล้นไปด้วยความสุข
จากนั้น คาเรนจึงทรงจูงกรพระขนิษฐาออกมาจากบริเวณปราสาท
“ถ้า....ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ท่านพี่เสด็จกลับคาโนวาลพร้อมหญิงนะเพคะ”
เจ้าหญิงองค์น้อยทูลขอสัญญา ทว่าก็ต่อเมื่อ.....ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีเท่านั้น
แม้จะเป็นธิดาองค์เล็กที่ไร้เดียงสาต่อเกมการเมือง ทั้งยังไม่ค่อยได้เสด็จออกมาจากกรงทอง แต่ผลการประชุมคราวนี้เป็นใครก็ทราบ....จะบ่งบอกถึงชะตาเอเดนได้ทีเดียว
สุขสงบ...หรือลุกเป็นไฟก็อยู่ที่ตรงนี้เอง
และหากมีสงคราม คาเรนก็จะทรงเป็นจอมทัพ ยกทหารไปช่วยแอเรียสทางเหนือ ขณะที่คาโนวาลก็ต้องเตรียมตัวสำหรับผลกระทบที่จะตามมา เสบียงจะถูกเก็บเข้ายุ้งให้เพียงพอสำหรับสงครามและความอดอยากที่อาจยืดเยื้อ จะมีการเกณฑ์ชายฉกรรจ์มาฝึกเป็นทหาร ทำหน้าที่ปกป้องรักษาเขตแดน
ท่านพ่อจะทรงมีพระราชภาระมากมาย
ท่านแม่คงจะเสด็จออกทรงงานเคียงข้าง
วังทั้งวัง....พระองค์ตรัสอะไรกับใครไม่ได้เลย
‘สุข ทุกข์ กังวล ดีใจ คนเป็นเจ้าหญิงต้องเก็บไว้ทั้งหมดเพคะ หน้ากากของคนเป็นเจ้าหญิงคือยิ้มได้พองามเท่านั้น’
ท่านอาเรนอน....เคยถวายการสั่งสอนเยี่ยงนี้ เพราะเคยเป็นเจ้าหญิงแห่งคาโนวาลมาก่อน
‘ทำไมท่านพี่ถูกดุว่าเกินงามบ่อยครั้ง’
ท่านอาคนสวยยิ้มหวาน เอ็นดูเมตตาพระองค์ ทั้งยังนึกขำเมื่อนึกไปถึงท่านพี่คาเรนด้วย
‘สำหรับเจ้าชายคาเรนเป็นข้อยกเว้นเพคะ แต่ทรงทราบหรือไม่ว่า สุข ทุกข์ กังวล ดีใจ ของพระองค์ใหญ่ ถูกเก็บเอาไว้มากกว่าพระองค์มากนัก เพราะนั่นคือหน้าที่ของ....เจ้าชาย’
เจ้าหญิงคลาเอน่า....จะอย่างไรก็เป็นเพียงพระธิดาองค์เล็ก ดูเผินๆเหมือนไม่ทรงความสำคัญใดๆในคาโนวาล ทว่าสำหรับความเป็นครอบครัว พระองค์เล็กเป็นศูนย์รวมความรักของทั้งสามพระองค์ จึงถูกโอบอุ้มเลี้ยงดูราวทองคำล้ำค่า
เมื่อเกิดสงคราม.....ใครเลยจะให้พระองค์เสด็จร่วมด้วย
“อืม....นั่นสินะ”
พระพี่นางทรงพึมพำ ขณะเจ้าหญิงคลาเอน่าแปลกพระทัยยิ่ง
อาจจะเพราะทรงเคยชิน กับการถูกตามพระทัยจากท่านพี่มาตลอด สิ่งใดที่ทูลขอสิ่งนั้นมักได้ แม้มีบางครั้งที่ทูลขออะไรเกินเลยไปบ้าง
ทว่าคำว่า ‘ไม่’ ก็ได้รับทันทีเช่นกัน
ไม่เคยทรงลังเลอย่างนี้เลย
และขณะนั้น พระองค์ใหญ่จะทรงทราบหรือไม่ว่า ในห้วงมโนภาพ มีใครบางคนปรากฏอยู่อย่างเลือนราง ขณะที่เบื้องลึกพระองค์ปรารถนาชีวิตเร่ร่อนของเคเรสมากกว่าเจ้าชายรัชทายาทอย่างคาเรนวาเนบลีเสียอีก
“ว่าไงล่ะเพคะ”
ทรงคาดคั้นตามพระนิสัย ทว่าพระพี่นางยังคงตรึกตรองอะไรบางอย่างในพระทัย
หากไม่มีสงคราม....แผ่นดินเอเดนจะน่าท่องเที่ยวแค่ไหน
การท่องเที่ยวที่หมายถึงเดินทางสัมผัสชีวิตของชาวบ้านอย่างแท้จริง มิใช่เสด็จโดยขบวนเดินทางงดงาม แถมยังมีขบวนต้อนรับที่จัดคนมายืนเรียงบังทิวทัศน์มากมาย เพราะแม้จะเคยเสด็จไปทุกทางอย่างที่เคยเล่าประทานให้สหายพเนจรฟัง ทว่า ไม่สนุกเท่ากับเดินทางเองเลย
เขาจะรู้ไหมว่า....เขาโชคดีกว่าเจ้าชาย
ดินแดนที่เจ้าชายรัชทายาทจากคาโนวาลไปถึง ก็มีความหมายเท่ากับไปไม่ถึง
ทุกลมหายพระทัยคือหน้าที่....ยามทรงเป็นเพียง ‘ไอ้หนู’ จึงทรงพระสำราญมากกว่า
หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดีอย่างที่คลาเอน่าว่าจริง พระองค์อยากจะกลับไปทำตามสัญญาที่ประทานแด่ ‘หมอนั่น’
........เราสองคนอดมื้อได้กินมื้อ ถ้าพี่ชายให้ฉันกินคนเดียว ก็ได้กินทุกมื้อ แล้วพอเดินทางเร่ร่อนไปเรื่อยก็ได้เห็นอะไรเรื่อยๆ มีกันอยู่ตั้งสองคนจะเหงาได้ไง........
ใช่....เมื่อมีกันอยู่สองคนย่อมไม่มีทางเหงา
เพราะเราไม่ได้อยู่บนบัลลังก์....นั่นละสิ่งที่ปรารถนาที่สุด
“คลาเอน่า....”
เมื่อสุรเสียงอ่อนโยนนั้นดังขึ้น พระขนิษฐาก็คอยสดับอยู่แล้วความประหลาดพระทัย
จู่ๆ...เนตรงามของท่านพี่ก็กลายเป็นสีน้ำผึ้ง
“ไม่แน่ ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี บางที....พี่อาจจะเดินทาง”
“เพคะ?” คำตรัสถาม มีรอยฉงนชัดเจน “เดินทาง? ไปไหนหรือเพคะ?”
“พี่อยากพักสักครู่ อยากอยู่ในฐานะอื่นที่ไม่ใช่เจ้าชายรัชทายาทสักช่วงหนึ่ง”
รอยสรวลบางมีเค้าความงดงามอ่อนโยน อย่างที่แม้แต่พระองค์เล็กเองยังไม่ค่อยได้พบเห็นบ่อยนัก “พี่อาจเดินทางไปจนเหนือสุดซาเรส ใต้สุดสกอร์ปิโอ หรือออกทะเลไปดินแดนใต้ ไม่แน่ อาจกลับไปเดมอสหรือเลยไปสโนว์แลนด์ก็ได้”
เนตรสีฟ้าไร้เดียงสาของคนฟัง เบิ่งโตและกะพริบปริบๆอย่างงงงวย
‘ไม่แน่’.....ท่านพี่เคยรับสั่งคำนี้บ่อยเสียเมื่อไหร่
ทรงไปเจออะไรระหว่างไปกลับวังในหลายวันมานี่บ้างหรือเปล่า...จึงได้ประหลาดไปอย่างนี้
“งั้น...หญิงตามเสด็จด้วยได้มั้ยเพคะ”
“ไม่ได้”
เจ้าหญิงคลาเอน่าผ่อนลมหายพระทัยยาว เพราะแม้จะทรงได้รับการปฏิเสธทันควัน ทว่า...นี่ล่ะ พระองค์ใหญ่ที่แท้จริง
ได้หรือไม่ได้.....ทันที่ถามก็รู้
แต่ ความลังเลเมื่อครู่มันอะไรกัน ยังกับไม่ใช่พระพี่นางคนเดิมอย่างนั้นแหละ
“สักวันหนึ่ง เมื่อพี่เดินทางจนทั่ว พี่จะนำหญิงท่องเที่ยวเอง และถึงตอนนั้นพี่คงจะได้รู้ว่าสถานที่ไหนที่สวยงามและเหมาะจะพาหญิงไปจริงๆ”
“เพคะ หญิงจะรอ”
ท่านพี่...ทรงเหน็ดเหนื่อยกับพระราชภาระในฐานะเจ้าชายรัชทายาทมากมายพอแล้ว
ให้พักบ้างจะเป็นไรไป
หญิงถวายสัญญาเพคะ ว่าหญิงจะไม่เอาแต่ใจให้ท่านพ่อหนักพระทัย และจะพยายามเชื่อฟังท่านให้มากกว่าเดิม
ทว่า...ท่านพี่สัญญากับหญิงนะเพคะ
เจ้าหญิงมองพระองค์ใหญ่ด้วยแววเนตรเคารพรัก อันทำให้หัตถ์เรียวยกหัตถ์บางขึ้นมากุมไว้
ท่านพี่....ต้องเสด็จกลับมา
อย่าเที่ยวเพลินนะเพคะ
ในเบื้องลึกของลางสังหรณ์ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเวทมนตร์ เจ้าหญิงคลาเอน่าคลับคล้ายจะรู้สึกว่า
การเดินทางในครั้งนี้....อาจพรากเจ้าชายแห่งคาโนวาลไปตลอดกาล
โอ เหตุใดจึงรู้สึกเช่นนี้ได้
“ขอประทานอภัย หม่อมฉันทำให้ทรงรอ”
บุรุษในเงามืดที่มาคุกเข่าอยู่เบื้องพระขนอง คือคนที่หัวหน้าป้อมอัศวินนัดมาเจอกันนอกเขตโรงเรียน เพราะการรักษาความปลอดภัยภายในขณะนี้เข้มงวดมาก คนที่ไม่อยู่ในรายพระนามผู้ตามเสด็จพร้อมกษัตริย์ยี่สิบสี่ประเทศจะไม่มีทางเล็ดลอดเข้าไปได้เด็ดขาด
คนของป้อมอัศวินแข็งแกร่งพอจะรับศัตรูได้ทุกรูปแบบแน่นอน
“ไม่เป็นไร ไม่นานนัก”
สุรเสียงแผ่วเบา ทว่าหนักแน่นอย่างที่ทรงเป็นเสมอ ยามดำรงพระยศ....นักรบ
นั่นเพราะคนที่เข้าเฝ้าฯในตอนนี้ ก็เป็นนักรบแห่งคาโนวาล....จัสติน เรโอวา เดอะวอริเออร์ ออฟคาโนวาล....พระองค์ที่สามารถบัญชาได้ย่อมต้องเป็นนักรบเช่นกัน
‘เคเรส’ อันเป็นนามของเหยี่ยวตัวโปรด เพิ่งโผลงมาหา และด้วยความที่มันเติบโตจวนเต็มที่แล้ว จึงทำให้น้ำหนักทั้งหมดทิ้งลงจนท่อนพระกรยวบลง หากไม่ได้แผ่นหนังหนาที่เอาไว้กันคมเล็บแหลมคม พระฉวีคงถูกสะกิดจนโลหิตตกแล้วอย่างแน่นอน
เหยี่ยวเมื่อเติบโตยิ่งนานก็ยิ่งดุร้าย แต่จะยิ่งซื่อสัตย์กับนายมากขึ้น
นักรบเอง ก็ไม่ผิดแผกไปจากเหยี่ยวนัก
“ข่าวของท่าน ว่าไป”
สุรเสียงถามแสนจะเรียบสนิท ขณะใช้หัตถ์ซ้ายลูบขนพญาปักษาช้าๆ พระอิริยาบถช่างงามสง่าทว่าเยือนเย็นยิ่งนัก
“คนของกระทรวงกลาโหม กระจายแฝงตัวกับชาวบ้านในเอดินเบิร์กจริงอย่างที่ทรงคาดกระหม่อม”
หึ มันคงต้องการทราบข่าวสงครามโดยเร็วที่สุด เพราะทันทีที่คาโนวาลเข้าร่วมการรบ อำนาจทางการทหารอันถือเป็นอำนาจสูงสุดจะกลับไปรวมอยู่ที่มัน
“แล้ว?...” ทรงเว้นช่วงหนึ่ง โดยเหลือบลงมองนักรบที่ยังคุกเข่าอยู่ “ซาฟา อิมรีอา”
“เก็บตัวกระหม่อม”
คำกราบทูลไม่สะดุด ทว่าในหัวใจยามนึกถึงเจ้านายเก่าที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมากมาย ยังแฝงความรู้สึกบางอย่างเอาไว้จนได้
“แล้วเบาะแสเชื่อมโยง?”
ไม่ต้องตรัสอธิบายว่าเชื่อมโยงอะไร เพราะคนผู้นี้เชื่อมโยงในทุกๆเรื่องที่มุ่งไปสู่การทำลายบัลลังก์
“มี...บ้างกระหม่อม”
ตอนนี้เอง จึงเริ่มทูลไม่ได้เข้าแล้ว
“พอจะเอาผิดได้หรือไม่”
ไม่ต้องอธิบายเช่นกันว่า เอาผิดในที่นี้หมายถึงอะไร
พระอาญาของคนคิดกระทำการใหญ่ อย่างน้อยที่สุด...ชดใช้ทั้งชีวิตให้กับคอคอยคุมขัง
อย่างมากที่สุด.....ตาย
กับหอคอยหลังนั้นที่จัสตินเคยอยู่มาก่อน เขาย่อมทราบดี...ความตายที่กรุณาประทานยังประเสริฐกว่า
“ด...ได้...กระหม่อม”
เนตรสีน้ำตาลทรงอำนาจหันมาสบเต็มสายพระเนตร จนอีกฝ่ายอดสะดุ้งกับความเยือกเย็นนั้นไม่ได้
“ขอบใจท่านมาก กลับคาโนวาลไปดูแลทางโน้นเถิด”
“แล้วจะทรงทำอย่างไรกับ...พวกกบฏ”
คำนี้ ทำให้ติดคออย่างไรชอบกลอยู่
“เราต้องทำอย่างที่สมควรทำ” สุรเสียงต่อมาเรียบเรื่อยดุจกระแสรับสั่งเรียบง่าย “ว่าแต่ ที่ท่านถามนี่คือจะรับจัดการให้เราหรือ”
“แม้ซาฟา อิมรีอา จะเป็นคนที่มีบุญคุณต่อหม่อมฉัน แต่เมื่อหม่อมฉันตัดสินใจทดแทนคุณโดยใช้ชีวิตรับพระราชอาญาแทนแล้ว ย่อมถือว่าหมดพันธะต่อกัน ฝ่าบาทต่างหากที่ทรงเมตตาประทานชีวิตใหม่แด่หม่อมฉัน เวลานี้ ชีพของหม่อมฉันก็เป็นของพระองค์”
“ชีพของท่านเป็นของเรา เราเชื่อ”
ถูกล่ะ เพราะแม้คาเรนจะทรงรับสั่งให้จัสตินไปตาย เขาก็คงจะไม่รีรอแม้สักเสี้ยววินาที
ทว่า ที่พระองค์ใหญ่ทรงประสงค์มิใช่ชีวิต แต่เป็นหัวใจ
และคาเรนไม่ทรงเชื่อนัก ว่าหัวใจของจัสตินรองแทบบาทโดยแท้จริง นั่นเพราะ นักรบก็เหมือนเหยี่ยว มันจะซื่อสัตย์ต่อนายผู้เดียว และจะไม่มีนายคนที่สองอีกต่อไป
“บุญคุณ ใช่จะเป็นสิ่งที่ตอบแทนครั้งเดียวแล้วหมดสิ้น”
นี่ก็อีก หากจัสตินลืมนายเก่าอย่างง่ายดายเพราะได้นายใหม่เป็นถึงเจ้าชาย
คนทรยศ น่าชังมากกว่าคนลืมบุญคุณ
ทว่า คนลืมบุญคุณ ก็ไม่สมควรมีชีวิตอยู่ในโลกนี้เช่นกัน
“บุญคุณจะทำให้ท่านลงมือได้ยาก พอๆกับความแค้นที่ทำให้ลงมือได้ง่าย แต่เราต้องการ....มืออาชีพ”
คนแค้นซาฟามีมากมายทั่วแผ่นดิน เพราะทหารในความปกครองของเขาประพฤติตัวไม่ต่างจากอันธพาลนัก ทว่าคนเป็นมืออาชีพน่ะสิที่มีน้อยยิ่งกว่าน้อย
แต่ถึงอย่างนั้นก็มี
“เราให้คนของเราจัดการดีกว่า”
สิ้นประโยคนั้น คนฟังถึงกับสะดุ้งวาบ แต่จะทูลอย่างไรได้นอกจาก....
“แล้วแต่จะทรงพระกรุณา”
หากพระองค์ใหญ่คงไม่กรุณาแน่แล้ว เพราะแม้แต่จัสตินเองก็ทราบดี มืออาชีพในที่นี้คือใคร
“ท่านกลับไปได้ เรายังต้องประชุมต่อ”
“หม่อมฉันทูลลา”
แล้วเงาสูงใหญ่ ทว่าเคลื่อนไหวเงียบกริบก็หายไป ก่อนวรองค์บางจะหมุนกลับ พระอิริยาบถเชื่องช้าเปลี่ยนเป็นเร็ว เมื่อสะบัดท่อนพระกรออก เหยี่ยวตัวโปรดจึงโฉบขึ้นสู่ฟ้า ก่อนร่อนปีกเป็นวงกว้างแล้วลับหายไป พอดีกับที่พระองค์ใหญ่ทรงเสด็จออกจากซอกมุมที่เคยประทับ แล้วย่างบาทรวดเร็วกลับสู่ปราสาทเอดินเบิร์ก
ความคิดเห็น