ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวขโมยแห่งบารามอสตอนทายาท 3 แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #26 : บทสนทนาของคนเร่ร่อน

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.35K
      2
      21 ก.ย. 49

    22

    บทสนทนาของคนเร่ร่อน

     

                    นี่ ไอ้หนู

     

                หือ

     

                คาเรนทรงรับคำ พลางหันมองคนที่พิงต้นไม้ต้นเดียวกัน หลังจากต่างฝ่ายต่างเงียบไปกันพักใหญ่อย่างไม่มีสาเหตุ

     

                สาวน้อยคนที่ยืนข้างเราตอนดูมายากลน่ะ....แฟนเหรอ?

     

                เนตรสีน้ำตาลสงบนิ่ง ยามต้องโกหก จะทรงแนบเนียนเสมอ ดังนั้นตอนตรัสตอบ จึงเพียงรับคำสั้นๆ

     

                อืม

     

                ดีจริงแฮะ เป็นแค่เด็กในบ้านท่านเสนาฯ แถมออกมาใช้ชีวิตเร่ร่อนคนเดียว ยังอุตส่าห์มีแฟนสวยขนาดนั้นได้ เรย์เอ่ยพลางยิ้มน้อยๆก่อนโคลงหัวอย่างระอาใจกับตัวเอง รู้ไหม น้องชาย รางวัลของนักพเนจรน่ะอยู่ที่ความอิสระเสรี นึกจะทำอะไรก็ทำโดยไม่ต้องกังวลถึงสิ่งใด แต่ความทุกข์ทรมานอย่างที่สุดน่ะคือการต้องเผชิญกับความเหงานั่นเอง

     

                แล้วทำไมไม่เลือกเป็นอย่างอื่นซะล่ะ

     

                จะให้เป็นอะไรล่ะ....เจ้าชายเรอะ

     

                คำตอบกึ่งเล่นกึ่งจริงนั้น ทำให้คนฟังอยากส่ายพักตร์ปฏิเสธทันทีหากทำได้

                นักพเนจร......เหงาเท่าไหร่

                เจ้าชาย.....เหงากว่านั้นมากมายนัก

     

                ไม่ล่ะ คนบอกตัวเองว่าจะเป็นเจ้าชายส่ายหัวบอกตัวเองเสร็จสรรพ คนพเนจรนั้นเหงาเพราะไม่มีที่ยืนของตัวเอง ส่วนเจ้าชายเหงาเพราะมีที่ยืนของตนเอง แต่เป็นที่ยืนบนยอดเขา ซึ่งไม่อาจปีนลงมาได้ตลอดกาล ทั้งยังต้องเผชิญความหนาวเย็นจับขั้วหัวใจอีกด้วย

     

                หมอนี่....พูดอย่างกับตัวเองเป็นเจ้าชายจริงๆนั่นแหละ

                ถูกต้อง.....ที่ยืนของเจ้าชายนั้นแคบ เพราะเป็น จุดหนึ่งเดียวบนยอดเขา

                สูงส่ง.....แต่เดียวดายนัก

     

                เป็นคนเร่ร่อนน่ะมันดี กินอยู่ยังไงก็ได้ ไม่อดตายหรอก ความจริงการมีชีวิตอยู่น่ะเป็นเรื่องสนุก และง่ายนิดเดียว ขอเพียงอย่างเติมคำบางคำลงไปเท่านั้น....

     

                คนอายุมากกว่าเริ่มต้นบทสั่งสอน ก่อนทิ้งท้ายไว้ให้คนยอมเป็น ไอ้หนูคิดตาม

     

                คือ?

     

                นัยน์ตาสีเขียวมรกตหันมามองนิ่ง ประโยคต่อมาดังขึ้นด้วยเสียงเรียบ แต่มั่นคงนัก

     

                ....อย่างมีศักดิ์ศรี

     

                อ้อ

     

                คราวนี้คาเรนสรวลลั่นอย่างที่ไม่เคยมีใครทำให้เป็นได้มาก่อน เนตรสีน้ำตาลทอประกายงดงามหัวเราะจนยิบหยี ความร่าเริงตามวัยหวนคืนสู่พักตร์นวลโดยไม่รู้องค์ และท่าทางเช่นนั้นก็ยิ่งทำให้คนมองหนึ่งเดียวในขณะนี้ มั่นใจที่จะเรียกอีกฝ่ายว่า ไอ้หนูเข้าไปใหญ่

     

                ไม่ถูกหรือ จะกินน่ะง่ายออก แค่พออิ่มก็หยุด แต่พอเติมอย่างมีศักดิ์ศรีลงไป จะขอใครกินยามตัวเองหาเองไม่ได้ก็ลำบาก จะนอนก็ง่าย ง่วงเมื่อไหร่ก็นอนตรงนั้น แต่พอเติมอย่างมีศักดิ์ศรีลงไป ทุกอย่างก็ยากเย็นแสนเข็ญไปซะหมด เพราะคำว่าศักดิ์ศรีค้ำคอนั่นแหละ มันถึงต้องทำเองทุกอย่างทั้งที่ไม่จำเป็น เพราะเราน่ะไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกสักหน่อย พึ่งพาคนอื่นบ้างมันก็ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน

     

                พี่ชายพูดถูก ตรัสเสร็จก็ส่งหัตถ์ตีป้าบเข้าให้ที่กลางหลังมายากรคนดีจึงอีกฝ่ายถึงกับสะดุ้ง ในใจได้แต่คิดว่า ถึงมือมันจะเล็กเหมือนตัว แต่ตีหนักเหมือนกันนี่หว่า

     

                แต่มันใช้ไม่ได้กับบางคนหรอก

     

                คนร่างสูงตรงหน้ามองไอ้หนูที่เพิ่งรู้จักด้วยความไตร่ตรอง ก่อนพยักหน้าให้ลองพูดมา

     

                การกินการนอนน่ะเป็นพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน จะเป็นคนไม่มีเกียรติและศักดิ์ศรีอย่างเราหรือเจ้าชายที่ไหนก็ต้องกินต้องนอนเหมือนกัน แต่ถ้ากินกับนอนเฉยๆ มันก็คงจะเป็นการใช้ชีวิตที่สบายไปหน่อย เท่ากับว่าเกิดมาเพื่อตายไปเท่านั้น แต่เพราะมนุษย์บางจำพวกยังถือว่าศักดิ์ศรีและการตายไปอย่างมีค่านั้นสำคัญกว่าการอยู่รอดไปวันๆ ก็เพราะพวกเขาอยากมีชีวิตที่ถึงจะลำบาก แต่ก็ได้ตายไปอย่างไม่เสียดาย แล้วการกินเพื่ออยู่น่ะมันก็ดูดีกว่าการอยู่เพื่อกินนี่นา

     

                อืมจริง แล้วเรย์ก็ยื่นมือมาบีบจมูกคนรู้จักพูด ที่คราวนี้หลบไม่ทันและปัดไม่พ้น เรานี่มันไม่เหมือนคนเร่ร่อนไร้หัวนอนปลายเท้าเลย เคเรส พูดจาอย่างกับนักปรัชญาแน่ะ

     

                ก็....จำๆเขามา

     

                ทรงตรัสอย่างรำลึกในพระทัยอยู่ว่า ท่านแม่ก็เคยตรัสทำนองเดียวกับเรย์ เมื่อครั้งพระองค์ยังเป็นเจ้าชายน้อยซึ่งมักประทับระหว่างคิงและควีนแห่งคาโนวาล จึงทรงได้ยินท่านพ่อย้อนกลับไปอย่างเป็นปรัชญาอย่างที่ทรงยืมมาใช้ในคราวนี้ด้วย

     

                แต่ปรัชญาว่า การกินเพื่ออยู่ดีกว่าอยู่เพื่อกินนี้น่ะ มันใช้ไม่ได้จริงกับคนอดอยากหรอก

     

                เรย์เอ่ยไว้แค่นั้นแล้วถอนหายใจเฮือก เงยหน้าขึ้นมองฟ้าผ่านยอดไม้ต้นที่ตัวเองกำลังพิงอยู่ และไม่ได้เอ่ยอะไรอีก

                ทว่าคาเรนย่อมทรงทราบ....พระองค์น่ะยังไงก็ไม่มีวันเข้าใจคนมีชีวิตอยู่โดยไร้เกียรติไร้ศักดิ์ศรีไปได้หรอก

                พระองค์ไม่เคยอดอยาก.....จะเข้าใจรสชาติของความอดอยากได้ยังไง

                ถึงคราวจริงๆ คนอย่างคาเรนอาจขายศักดิ์ศรีแลกกับอาหารเพียงมือเดียวก็ได้

                เพราะเจ้าชายก็คือมนุษย์คนหนึ่ง และไม่เคยเป็นอะไรมากกว่ามนุษย์คนหนึ่งสักที....เพียงแต่ชอบทำองค์เองให้เป็นเทพเทวดา คอยประทานความสุขความสงบแก่ประชาชนในปกครองอย่างมิรู้เบื่อเท่านั้นเอง

     

     

                เราน่ะ เคยเดินทางไปที่ไหนมาบ้าง

     

                เรย์เปลี่ยนเรื่องไปเรื่อย เมื่อรู้สึกว่าหัวข้อเดิมชักสร้างเสียงหัวเราะยากเข้าไปทุกที

     

                ก็...หลายที่เหมือนกัน ทรงรับสั่งเล่าประทานอย่างถือว่าได้คนถูกอัธยาศัยพอที่จะคุยเรื่องส่วนพระองค์ด้วยได้ เพียงแค่ระวังไม่ให้หลุดความลับบางอย่างก็ไปก็พอ อย่างคาโนวาลที่เป็นบ้านเกิดนี่ก็เที่ยวจนพรุนไปหมดแล้ว แล้วก็เวนอลที่มีกิจการเหมืองแร่เชื่อมกับคาโนวาลอยู่ ติดกันที่บารามอสก็ไปมานับไม่ถ้วน โคมานก็ผ่านบ่อยๆ เพราะต้องไปเอดินเบิร์กทุกปี ส่วนที่ไม่ค่อยได้ไป แต่ไปทีไรก็อยู่เสียหลายเดือน ก็คือที่เดมอส

     

                ไปเดมอสมาแล้ว? ประโยคนั้นทวนอย่างตื่นเต้น บ๊ะ ไอ้หนูนี่แน่จริง ไปเที่ยวเดมอสมาแล้วด้วย นับถือๆ แล้วไม่เคยไปทางเหนือ หรือทางตะวันออกบ้างเรอะ

     

                ทางเหนือและทางตะวันออกน่ะเคยไปอยู่ แต่แค่หนเดียวเท่านั้น อย่างที่เจมิไนก็ตอนงานเฉลิมฉลองการสถาปนาของมหาราชโรเวน ที่แอเรียสก็งานเถลิงถวัลยราชสมบัติของคิงองค์ใหม่ ที่ไนล์ก็งานประชุมสมาพันธ์การค้ากลุ่มประเทศทางเหนือของเอเดน ที่เอเธนส์ก็งานครบรอบวันประสูติของเจ้าหญิงรัชทายาท ที่....

     

                เฮ้ย เดี๋ยวก่อน คนฟัง จำต้องเบรกอย่างขัดใจยิ่งนัก เราน่ะไปมาหลายแห่งไม่ว่า แต่ทำไมถึงได้โผล่ไปงานสำคัญๆได้แทบทุกงานขนาดนั้น ราวกับหมายกำหนดการของเจ้าชายก็ไม่ปาน

     

                คำประชดทำให้คาเรนทรงอมยิ้มอย่างนึกชมในใจว่าหมอนี่ทายเก่ง แต่การโกหกอย่างเลื่อนไหลก็ไม่ทำให้เกิดปัญหาใดๆ

     

                มันก็อยู่ในหมายกำหนดการของเจ้าชายคาเรนน่ะสิพี่ชาย แล้วพอพระองค์เสด็จ ไอ้เราที่เป็นข้าพระบาทก็ต้องโดยเสด็จด้วย ไปในนามคนรับใช้ของท่านเสนาฯบ้างล่ะ ในนามของผู้ดูแลม้าทรงบ้างล่ะ โอ๊ย หน้าที่อะไรก็ได้ทั้งนั้น ขอแต่ให้ได้ไปไหนมาไหนไกลๆเท่านั้น

     

                แล้วเดมอส?

     

                โอ๊ย พี่ชาย อันนั้นฉันแทบกระโจนเข้าร่วมขบวนทันทีเชียวล่ะ จ้าวปีศาจเอวิเดสน่ะรักหลานหลงหลานซะยิ่งกว่าอะไร แต่ไม่ใช่พระองค์ใหญ่คาเรนหรอก พระองค์เล็กคลาเอน่าโน่น ทรงอ่อนหวาน ช่างอ้อนช่างเอาใจคนแก่ ไปทีไรโดนรั้งให้ทรงอยู่ต่อเป็นเดือนๆ

     

                ไหนๆ ลองเล่าให้ฟังซิ ฉันน่ะไปทั่วเอเดนแล้ว แต่เดมอสนี่ไม่เคยแม้แต่จะย่างเข้าไป

     

     

                เคเรส

     

                ว่าไง

     

                เคยไปทริสทอร์มั้ย

     

                หลายหน นัยน์เนตรสีน้ำตาลเปล่งประกายอย่างยินดีที่ได้อวดภูมิรู้อีกครั้ง เมืองนั่นอุดมสมบูรณ์อย่างที่คาโนวาลยังอิจฉา ดอกไม้สวยๆ พันธุ์สัตว์ดีๆทั้งนั้น ถึงจะเทียบบารามอสที่เป็นเมืองเกรดหนึ่งไม่ได้ แต่ก็เป็นเมืองที่น่าอยู่ สุขสงบ และเต็มไปด้วยชาวบ้านที่มีน้ำใจงดงามทั้งนั้น กษัตริย์รัชกาลปัจจุบันก็ทรงปรีชาสามารถนัก เพราะทรงเป็นนักจิตวิทยาชั้นยอด ลงแสดงความเชี่ยวชาญด้านการทูตทีไร คาโนวาลเสียเปรียบทุกที

     

                รับสั่งแล้วสรวลร่าอย่างทรงดำริถึงพักตร์งามของราชินีแห่งคาโนวาลที่มักมุ่นลงจนดูน่าขัน ยามต้องปะทะคารมกับพระสหายเก่า ที่มีฐานันดรเป็นถึงกษัตริย์เมืองหนึ่ง แล้วทรงแพ้ยับเยินทุกที ไม่ว่าจะในที่หรือนอกที่ประชุมก็ตาม

                องค์เดียวที่ท่านลุงโรไม่เคยข่มลง...เห็นจะมีท่านพ่อพระองค์เดียวเท่านั้น

     

                เอ๊ะ ทริสทอร์เป็นบ้านเกิดพี่ชายนี่

     

                ใช่ แต่ฉันจากมาตั้งแต่ยังไม่สิบขวบดีด้วยซ้ำ แล้วจนตอนนี้ก็ยังไม่ได้กลับไปเลย

     

                อย่าบอกนะว่าพี่คิดถึงบ้าน ทรงแหย่อย่างที่ไม่เคยแสดงออกกับใครมาก่อน โดยที่หารู้องค์ไม่ว่าทรงสนิทสนมกับคนเพิ่งพ้นจากความแปลกหน้านี้มากแค่ไหน

     

                มีบ้างล่ะน่า

     

                อีกฝ่ายก็เอ่ยอย่างรักษาท่าที ก่อนทั้งสองจะหันมามองกันแล้วระเบิดเสียงหัวเราะให้กันดังลั่นอย่างไม่มีเหตุผล

               

     

                เคเรส

     

                หือ

     

                ถ้าเบื่อคาโนวาลแล้ว เดินทางไปกับฉันไหม

     

                เรย์เอ่ยกึ่งชวนกึ่งถาม แต่มองดูตาแล้วหาความแน่นอนไม่ค่อยได้ว่าชวนจริงหรือพูดไปอย่างนั้นกันแน่

     

                ความจริงตอนนี้ก็เบื่อแล้ว ไม่อยากเป็นอย่างนี้แล้วด้วย

     

                ทรงรับสั่งถูกไหมล่ะ ก็ทรงเบื่อเต็มทีจริงๆนี่....ที่จะต้องสวมบทบาทเจ้าชายสลับกับคนเร่ร่อน แต่หาความสุขในมาดเจ้าชายผู้แบกบัลลังก์ไว้กับตนเองไม่ได้เลย ตรงกันข้ามเมื่อมาเป็นเด็กหนุ่มอนาถาชีวิตตกยาก กลับได้เพื่อนคุยที่พูดกันถูกคอในทุกเรื่องซะอีก

     

                งั้นไปด้วยกัน

     

                คราวนี้ทำท่าว่าจะพูดจริง เพราะคนร่างสูงถึงกับลุกขึ้นยืน แล้วดึงคนสูงน้อยกว่าให้ลุกตามด้วย

     

                ชวนกันง่ายๆสมกับเป็นนักพเนจรจริงๆนะพี่ชาย คนถือองค์ที่ลืมโกรธคนบังอาจจับพระหัตถ์อย่างถือวิสาสะอีกครั้งตรัสยิ้มๆ ฉันเล่นกลไม่เป็นสักหน่อย ขืนไปก็ได้เกาะพี่ชายกินเท่านั้นเอง

     

                ไม่เป็นไร ของแบบนี้ สอนเดี๋ยวเดียวก็เป็น ต่อไปจะได้ช่วยกันทำมาหากิน

     

                ฉันไปกับพี่ไม่ได้หรอก

     

                ตรัสทีเล่นทีจริง แต่ดึงหัตถ์กลับมาอย่างหนักแน่น วรองค์สูงแม้ไม่สูงเท่าอีกฝ่ายยืดตรงเต็มสัดส่วน เนตรสีสวยฉายแววร่าเริง หากจริงจังตามพระนิสัย

     

                ฉันมีเรื่องต้องทำ ในคาโนวาลนี่ ต่อให้เบื่อ หน้าที่ก็ยังเป็นหน้าที่

     

                หน้าที่ของคนเร่ร่อน?

     

                โธ่ คนทุกคนย่อมมีหน้าที่ล่ะน่า อีกอย่าง แฟนเฟินฉันก็มีทั้งคน อยู่ๆจะให้ทิ้งไว้แล้วไปกับพี่ชายได้ไงเล่า

     

                ดวงตาสีเขียวมรกตจึงฉายประกายขบขัน ก่อนยิ้มอย่างผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก

     

                เออ ฉันลืมไปเองล่ะ โทษที ไอ้หนูหน้าสวย

     

     

                พี่ชาย

     

                จะลากันแล้วสิอีกฝ่ายรับคำที่เรียกด้วยเสียงใสๆนั้นอย่างเข้าใจดี

     

                อืม เจ้าชายคาเรนในคราบเด็กหนุ่มผอมบางแสนมอมแมมพยักพักตร์รับ ฉันต้องไปแล้ว ไว้เจอกันใหม่

     

                ไปส่งไหม ถามพลางเตรียมตัวเดินนำไปจริงๆ

     

                ไม่ต้องหรอก พี่ชาย บ้านนี้เมืองนี้เป็นของฉัน ฉันไม่เคยหลงหรอก

     

            ว่าแล้วคาเรนก็หมุนองค์ ก่อนทรงวิ่งจากไป ปล่อยให้คนยืนมองข้างหลังที่ยังงงประโยคสุดท้ายไม่หายชะเง้อจนลับสายตา

            จากกันแล้ว....เพื่อนพเนจรผู้บังเอิญมาพบกัน

                แต่สังหรณ์ใจยังไงชอบกลไม่รู้สิ....ว่าต้องได้กลับมาเจอกันอีก

                ได้เจอกันอีก

                อย่างแน่นอนเลย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×