ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวขโมยแห่งบารามอสตอนทายาท 3 แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #10 : เจ้าชายคาเรน (19 ชันษา)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.53K
      4
      5 ส.ค. 49

    8

    เจ้าชายคาเรน (19 ชันษา)


               
    เฮ้ คาโล หิมะแรกแห่งปี


               
    พระพักตร์กษัตริย์แห่งคาโนวาลเบือนมาเมื่อได้ยินสุรเสียงร้องอย่างทรงยินดีของคนเป็นพระราชินี ร่างบอบบางในภูษาทรงตัดเย็บอย่างประณีต ค้ำอยู่ที่กรอบบานพระบัญชร และทำท่าจะหกคะเมนลงไปอย่างน่าหวาดเสียว พระองค์จึงต้องลุกขึ้นจากพระเก้าอี้ตรงไปคว้าไว้อย่างรวดเร็ว


               
    เดี๋ยวตกลงไป


               
    สุรเสียงเรียบสนิท ก่อนจะทรงมองทอดไปยังลานหน้าพระตำหนักที่หิมะขาวละเอียดกำลังโรยตัวลงมาอย่างงดงาม ส่วนคนที่บัดนี้อยู่ในอ้อมพระพาหากลับมองกลับมายังใบหน้ารูปสลักด้วยเนตรสีน้ำตาลแจ๋ว แล้วทรงยิ้มกว้างก่อนเอนองค์พิงวรองค์สูง


               
    หิมะแรกทั้งที วางงานของนายแล้วมาคุยกันหน่อยดีกว่า


               
    เนตรสีฟ้าสวยหลุบลงมองคนทูล รอยสรวลบางปรากฏอย่างไม่สื่อความหมาย ทว่ากระชับองค์บางในอ้อมพระพาหาแน่นขึ้น


               
    คุยอะไร


               
    ตั้งเยอะตั้งแยะ ฉันคอยฤดูหนาวตรงหน้าต่างบานนี้พร้อมนายมาตั้งยี่สิบกว่าปี นายสิ อยู่แต่กับงาน


               
    ยี่สิบสี่ปี คนความทรงจำดีกว่าตรัสเตือนเบาๆ ก่อนสรวลบาง ทว่าทำให้คนเงยพักตร์มองอยู่ก่อนรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด ทั้งที่ตอนนี้ก็เป็นหน้าหนาวอันมีหิมะโปรยปราย แต่ทำไมทุกครั้งที่พาหาแห่งบุรุษตรงหน้าโอบเข้ามา พระองค์จึงได้รู้สึกเพียงอย่างเดียว

                เป็นสุข......สุขที่สุดในโลก

                นานจนเกินจะกล่าว แต่ราวกับเป็นเพียงวันวานเท่านั้นหลังจากคาโลสถาปนาเป็นกษัตริย์แห่งคาโนวาล และพระองค์ทรงอุปภิเษกเป็นพระราชินี แม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะยังทำให้นึกถึงได้ตลอดเวลา จนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับว่าเพิ่งเกิดได้ไม่นาน

                ทั้งข่าวคราวการสถาปนาขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งทริสทอร์ของเจ้าชายขอทานผู้เคยเป็นคู่ปรับเก่าของเฟริน โร เซวาเรส เดอะเบ็กการ์ ออฟทริสทอร์คนนั้น ข่าวคราวการรวมแผ่นดินของสองแคว้นสำคัญ เวนอลและเจมิไนภายหลังการอุปภิเษกของมหาราชโรเวน และจักรพรรดิวิเวียนนีย่า ข่าวคราวการสู้รบแย่งชิงดินแดนที่นับวันจะยิ่งขยายอาณาเขตลงทางตอนล่างมากขึ้นของอดีตเจ้าชายใจสิงห์แห่งปราสาทขุนนาง ไปจนถึงข่าวคราวการผลัดเปลี่ยนบัลลังก์ในแอเรียส  ที่เกือบพร้อมๆกับบารามอสที่มีกษัตริย์องค์ต่อมาคืออดีตเจ้าชายยูริซิส

                เรื่องราวเหล่านี้ล้วนผ่านมาแล้วก็ผ่านไป มีผลต่อคาโนวาลมากบ้างน้อยบ้าง แต่คาโลก็ยังเป็นคาโล เฟรินก็ยังเป็นเฟริน ผู้ซึ่งหากพ้นจากตำแหน่งหน้าที่อันสูงส่งใดๆ ก็มักใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ด้วยกัน พูดคุยกัน ทุ่มเถียงกัน และอาจเลยไปจนถึงทะเลาะวิวาทกัน ก่อนจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในเวลาต่อมา

                และหัวข้อส่วนใหญ่ที่ทำให้ได้ปะทะคารมกันก็มีอยู่เพียงเรื่องเดียว


               
    ข่าวว่าปีนี้คาเรนได้ตำแหน่งหัวหน้าป้อม นายรู้รึยัง


               
    พระสวามีพยักพระพักตร์ รอยกังวลตามประสาผู้พระบิดากลับมาฉายชัดอยู่ในดวงเนตร แน่ล่ะ ทรงห่วงคนที่ไปเข้าเรียนในโรงเรียนพระราชาเอดินเบิร์กด้วยฉายาว่า คาเรน วาเนบลี เดอะปรินซ์ ออฟบารามอส ทั้งที่ความจริงเขาคือพระธิดาองค์โตแห่งราชวงศ์วาเนบลี แต่ถูกใครๆแม้แต่กระทั่งตัวคาเรนเองลืมเลือนไปว่าเป็น
    ผู้หญิง


           
    ไม่ดีใจรึไง


               
    ควีนเฟรินทรงทูลถามทำลายความเงียบ เนตรงามเบือนมาสบ ก่อนดำรัสตอบ


               
    ก็ดีใจอยู่  แต่ไม่อยากให้เป็น


               
    เท่านั้น เนตรงามสีน้ำตาลจึงวาบขึ้นแวบหนึ่งอย่างทรงนึกขึ้นได้ว่าคนเบื้องพักตร์พระองค์นี้ก็เคยปฏิเสธตำแหน่งหัวหน้าป้อมมาสมัยตอนเรียนอยู่ชั้นปีสอง และยังเป็นเพียงเจ้าชายคาโลเจ้าของตำแหน่งหัวหน้าชั้นปีในป้อมเท่านั้น


               
    ไม่เป็นไรหรอกมั้ง คาร์ซาร์อยู่ด้วยกันตลอดเวลา พักในห้องเดียวกัน แถมยังเป็นเสนาธิการฝ่ายซ้ายของป้อมอัศวิน ยังไงก็คงไม่มีอะไรน่าห่วงนัก อีกอย่าง คาเรนทำตามคำสั่งนายที่ห้ามมีตำแหน่งอะไรนอกจากหัวหน้าชั้นปีจนถึงปีห้าแล้วนะ


               
    รู้รึเปล่า เฟริน แค่ตำแหน่งหัวหน้าชั้นปีที่คาเรนเป็นตั้งแต่อยู่ปีหนึ่ง ก็ทำให้มีคนท้าแข่งกับเขาหลายต่อหลายครั้งเพื่อชิงตำแหน่ง มีทั้งประกาศออกมาโจ่งแจ้งและลองทดสอบความสามารถ บางครั้งเป็นการหาเหตุให้ได้ลองประฝีมือกันดูก็มี


               
    ควีนแห่งคาโนวาลสรวลพลางโคลงพระเศียรรับ ดำรัสต่ออย่างไม่สู้แปลกพระทัยนัก เพราะสิ่งที่พระสวามีทรงตรัสล้วนเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนในป้อมอัศวินที่ชื่นชมคนมีฝีมือและชื่นชอบการต่อสู้มากกว่าอะไรทั้งหมด


               
    เคยได้ยินมาบ้างเหมือนกัน แต่ไม่ยักกะได้ยินว่าคาเรนแพ้


               
    นั่นล่ะอันตราย รับสั่งพลางถอยพระทัยเฮือก ดาบดีต้องซ่อนคม เผยคมจนหมดสิ้นย่อมไม่มีอะไรน่ากลัว คาเรนน่ะฉลาดแต่ไม่รอบคอบ เก่งกาจแต่ไม่อดทน มีคนท้าชนก็ชน มั่นใจอยู่เสมอว่าตัวเองไม่มีทางแพ้


               
    ควีนเฟรินทรงทอดพระเนตรคนตรัสอยู่นาน เนื่องด้วยคิงคาโลไม่เคยทรงบ่นอะไรมากมายอย่างนี้มาก่อน แม้ว่าจะเป็นไปด้วยความห่วงใยในองค์ทายาทก็ตามที อาจเพราะบางทีพระองค์ทรงเริ่ม
    แก่กระมัง

                เพราะฉะนั้นยามเอ่ยขัด สุรเสียงจึงอ่อนหวานอย่างยิ่ง ทั้งเนตรสีน้ำตาลก็พราวระยับอย่างน่ามองยิ่งนัก


               
    คาเรนก็คือคาเรนแหละนะ ถึงจะเป็นลูกของเรา แต่ความเป็นฉันกับนายรวมกันแล้วยังไม่ได้สักครึ่งในตัวคาเรนที่มีความเป็นกษัตริย์บาโร พ่อของนายเลี้ยงเขาอย่างเจ้าชาย คาเรนเองก็คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าชายเพราะความหวังของชาวคาโนวาลมารวมอยู่ที่เขา ราวกับลืมไปแล้วว่าเขาเป็นผู้หญิง ซึ่งถ้าลืมข้อนั้นไปได้ นายจะเห็นว่าลูกของเราเก่งกาจ กล้าหาญ และหล่อเหลาแค่ไหน


               
    ตรัสถึงตรงนี้แล้วอดสรวลพรายให้คนฟังชักเนตรดุให้ไม่ได้ ก่อนจะรีบรวบรวมสติแล้วทูลใหม่ด้วยท่าทางจริงจังมากไปกว่าเดิม
    ดาบดีถึงเปลือยคมก็ยังคม บางทีดาบที่ใครๆต่างก็คิดว่าเปิดเผยความคมจนหมดแล้ว ก็อาจพลิกแพลงได้อีกหลายรูปแบบ อย่าลืมสิว่าคาเรนน่ะลูกใคร ลูกฉันเชียวนะ ฉันเคยจนมุมกับเขาซะเมื่อไหร่เล่า


               
    สุดท้ายก็ยังทรงหัวเราะฮาลั่นอย่างเห็นขันไม่ได้ เมื่อพระพักตร์แห่งคิงคาโนวาลย่นยู่ลงอย่างไม่ประสงค์ให้เป็นเช่นนั้น บางทีความเป็นเฟริน เดเบอโรว์ เดอะทีฟ ออฟบารามอสอาจจะยังอยู่ในพระทัยก็ได้


               
    เอาน่า สุดท้าย เขาก็เป็นลูกนาย ทายาทคนสำคัญแห่งคิงคนเก่งของคาโนวาล เขาเคยบอกจะเป็นเจ้าชายของราชวงศ์ที่ดี ลองเชื่อเขาหน่อยเป็นไร

     

    ให้หัวหน้าป้อมอัศวินมาเป็นคนเดินหมาก ฆ่าตัวตายชัดๆ


               
    คนเป็นม้าซ้ายในหมากกระดานเกียรติยศพูดอย่างอารมณ์ดีผิดสถานการณ์ ก่อนทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ ให้คนเป็นควีนทำแผลที่แขนซึ่งยังมีเลือดไหลเป็นทางให้โดยดี

                คนเดินหมากเหยียดยิ้มตามแบบฉบับของตนรับ ก่อนที่เสียงของคนเป็นคิงจะดังแทรกขึ้นมา


               
    เฮ้ เซลด้า ฉันก็เจ็บเหมือนกันนะ ทำแผลให้หน่อยสิ


               
    ใบหน้างามคมคายของเจ้าหญิงจากอเมซอนซึ่งถูกสั่งให้ลงเป็นควีนแต่ไม่ได้รับสัญญาณให้สู้ตวัดฉับไปมอง คนแกล้งอ้อนที่ทำท่าจะแกล้งอ้อนจริงมีแต่รอยแผลเล็กเท่าแมวข่วนตรงแก้มเท่านั้นเอง เรื่องแค่นั้นแค่ปิด

    พลาสเตอร์ก็เรียบร้อย 

                ราวกับคนเป็นคิงอ่านแววตาออก นัยน์ตาสีมรกตจึงพราวระยับ ก่อนเอ่ยเสียงน่าสงสารที่ชักจะน่าถีบขึ้นเรื่อยๆมากกว่า


               
    รอยแผลแค่นี้ก็จริง แต่สงสัยดาบของบิชอปจากปราสาทขุนนางจะมีพิษแหง แสบจังเลย


               
    จริงหรือ ออเรียล เซลด้าแสร้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้อย่างตกใจ งั้นต้องรีบเอาเนื้อส่วนที่ถูกพิษทำลายออก


               
    ว่าแล้วเจ้าหญิงที่อ่อนโยนก็คว้ามีดเล่มบางขึ้นมาจากเอว ทำให้คนรอรับการรักษารีบถอยกระโดดออกไปอย่างตกใจ ก่อนที่ใบหน้าที่เคยภูมิใจว่าหล่อจะมีอันเป็นไปเพราะแผลเท่ารอยเท้ายุงจริงๆ


           
    แหะๆ เซลด้า เลือกยิ้มดีกันไว้ก่อน ขณะมีดบางในมือน้อยวาววับราวกับกระจก จนเห็นตัวเองหน้าซีดอยู่ในนั้น ฉันน่ะพอทนได้นะ แต่เจ้าคาร์ซาร์น่ะสิที่มันจะแย่เอา ดูมันสิ เผือดหมดแล้ว


               
    เพียงเท่านั้นเซลด้าก็นึกได้ วางมีดลงรวดเร็วก่อนหันไปจัดการทำแผลให้กับคนที่ยังเลือดไหลไม่หยุดทันที


               
    ว่าแต่นายนี่ เหลือเกินจริงนะ คาเรน ล่อซะฉันกับคาร์ซาร์อ่วมเลย


               
    คนยังมีหน้าบอกว่าอ่วมทั้งที่ตัวเองมีแผลนิดเดียวเอ่ยอีกครั้งก่อนส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
    ให้ตาย เจ้าชายสามแผ่นดินนี่ใจร้ายเป็นบ้า


               
    และศึกกระดานเกียรติยศคราวนี้ก็คงจะเป็นที่จดจำไปอีกนาน ด้วยฝีมือการเดินหมากชนิดชนเป็นชน แพ้เป็นแพ้ของคนเป็นเจ้าชาย คาเรน วาเนบลี เดอะปรินซ์ ออฟคาโนวาล.....ที่ชนะปราสาทขุนนางมาในรอบสุดท้ายอย่างเหลือเชื่อ และได้ครอบครองตราพระราชาอย่างสมเกียรติ

                เพราะใครที่ไหนคงไม่บ้าดีเดือดไปกว่าคนที่ให้เพื่อนรักซึ่งลงเป็นม้าแทบคลั่งจนแสดงฝีมือขั้นสุดยอดออกมา ด้วยการวางตำแหน่งของควีนไว้ล่อเป้าให้คนไม่เคยคิดเป็นฮีโร่กระโดดลงไปช่วย กระทั่งคิงได้มีโอกาสเผด็จศึกในเวลาต่อมา

                งานนี้ถึงคาร์ซาร์จะบาดเจ็บ แต่เซลด้าก็ยังคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความภาคภูมิใจ จนหลายๆคนที่นั่งอยู่ด้วยกันในที่นี้ต่างก็หันมองมาและอมยิ้มอย่างอิจฉาให้แก่สาวน้อยแห่งป้อมอัศวินกับเสนาธิการคนเก่งผู้แสนดี และเล่นบทพระเอกได้ยอดเยี่ยมพอๆกับบทฮีโร่

                ส่วนผู้กำกับเรื่องตัวดีกลับถูกต่อว่าเสียยับว่าเล่นอะไรบ้าๆ นี่ถ้าไม่ติดว่าสามารถเอาชนะได้โดยงดงาม งานนี้มีหวังหัวหน้าป้อมอัศวินคงได้ถูกประท้วงให้พิจารณาถึงตำแหน่งที่เพิ่งได้ใหม่ๆนี้แน่นอน


               
    เดี๋ยวงานฉลองในป้อมจะเริ่มตอนทุ่มตรง นายไปพักก่อนดีกว่า


               
    คาเรนหันไปบอกกับคาร์ซาร์ที่เต็มใจลุกขึ้นอย่างอ่อนแรง ให้คนเพิ่งทำแผลเสร็จรีบปราดเข้ามาประคองอย่างห่วงใย ก่อนดึงร่างสูงให้รีบกลับไปพักผ่อน ก่อนจะต้องปรากฏตัวอีกครั้งในงานฉลองตอนค่ำ

                แล้วเมื่อคู่เอกแห่งป้อมอัศวินพ้นจากห้องไป เสียงรุ่นน้องสาวๆก็ดังกระหึ่มขึ้นราวกับนกกระจอกแตกรัง


               
    ตายแล้ว แก พี่คาร์ซาร์ของฉันบาดเจ็บขนาดต้องประคองเลยนะเนี่ย


               
    ของแกที่ไหนกันยะ ของพี่เซลด้าโน่น


               
    ใช่ ใช่ พี่เค้ากระโดดเข้าปกป้องพี่เซลด้าตลอดเลย


               
    ขนาดตอนสุดท้ายจะหมดแรงแล้วนะ ยังอุตส่าห์เอาตัวเข้าบังอีกแน่ะ


               
    เท่ห์เนอะ ฉันกรี๊ดจนสุดเสียงเลย


               
    พี่ออเรียลน่ะสิชักช้า พี่คาเรนอุตส่าห์วางแผนดิบดี หวิดแพ้ไป


               
    พี่คาเรนเนี่ย ล้ำลึกเนอะเธอ


               
    ใช่ ฉันงี้นึกไม่ถึงเลย


               
    จากนั้นก็เป็นการวี้ดว้ายกรี๊ดกร๊าดอย่างไม่นึกว่าอีกสองคนที่ถูกกล่าวถึงจะยังอยู่ในห้อง ทำเอาคนนิ่งฟังพูดไม่ออกกันอยู่พักใหญ่ จนเมื่อหลายนาทีต่อมา คุณเธอช่างจ้อจึงเปลี่ยนเรื่องซะได้


               
    เฮ้อ เป็นคาร์ซาร์ก็ดีอย่างหนึ่ง เป็นคาเรนก็ดีไปอีกอย่างหนึ่ง คงมีแต่ฉันล่ะมั้งที่โชคไม่ดี ไม่เกิดมาเท่ห์บาดใจกับเขามั่ง นึกว่าตำแหน่งเจ้าชายจะเป็นยี่ห้อชั้นดีซะอีก ที่ไหนได้ ออเรียล เซวาเรส เดอะปรินซ์ ออฟทริสทอร์คนนี้ก็กินแห้วอีกตามเคย


               
    คาเรนได้ฟังคำตัดพ้อแล้วก็เผลอยิ้มบางอย่างไม่สื่อความหมาย ให้คนมีเรื่องสะสางนึกบางอย่างขึ้นมาได้แล้วถามกลับ


               
    เออ ว่าแต่ หมากกระดานนี้น่ะ นายคิดจะทำอะไรกันแน่ ไอ้ตรงได้เปรียบล่ะทำมองข้าม แต่ไอ้ตอนเสียเปรียบล่ะเดินเหมือนลืมคิดมาก่อน


               
    เปล่า เจ้าชายจากคาโนวาลตอบเสียงเรียบ ทำให้นัยน์ตาสีมรกตกลอกไปมาอย่างหงุดหงิด ในฐานะที่เพื่อนมันท่ามากผิดเจ้าหญิง แน่นอน มันคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าชายน่ะสิ


               
    หรือว่าอยากจะประกาศศักดาให้คนของป้อมอัศวิน


               
    คาเรนส่ายหน้าช้าๆ ก่อนตอบว่า


               
    มีม้าดี ไม่ฝึกไว้ก็ใช้ไม่ได้ มีควีนเยี่ยม ไม่โยนบทให้ก็ไม่โดดเด่น มีคิงเก่ง ไม่เปิดโอกาสให้ก็ไม่ได้ชัยชนะ


               
    ม้ามีชีวิตเดียว ควีนมีชีวิตเดียว และคิงก็มีชีวิตเดียว


               
    คำย้อนดังขึ้น ก่อนนัยน์ตาสีน้ำตาลทรงอำนาจกับนัยน์ตาสีเขียวซ่อนนัยจะสบมองกันตรงๆ แล้วการปะทะคารมก็ตามมา


               
    เพราะมีชีวิตเดียว มนุษย์ถึงได้ตายยาก


               
    ตายยากก็ตาย จึงต้องรักษาไว้


               
    รอยยิ้มของสองเจ้าชายเหยียดออกในลักษณะเดียวกัน ตามทันกันทุกห้วงความคิดจริงๆ


               
    ชีวิตตายแค่ครั้งเดียว กังวลอะไรมากมาย


               
    เพราะอาจไม่ตายครั้งเดียว จึงต้องกังวล


           
    ออเรียลตอบรับอย่างนุ่มนวล แฝงความหมายบางอย่างเอาไว้ในคำพูด


               
    คนกล้ามักมากตายครั้งเดียว คนขลาดจึงตายหลายครั้ง


               
    การตายบางครั้งเป็นการหนี การมีชีวิตอยู่จึงถือเป็นความกล้า


           
    คาเรนยิ้มหยันอย่างที่หากเป็นคนอื่น คงไม่นึกอยากเสวนาด้วย แต่นี่เป็นออเรียลที่กินอยู่ด้วยกันมาตลอดห้าปี เจ้าหญิงที่อยากเป็นเจ้าชายคนนี้ มีจุดอ่อนจุดแข็งตรงไหน ย่อมรู้อยู่แก่ใจ


               
    หากอยู่อย่างไม่มีศักดิ์ศรี สู้ตายดีกว่า


           
    แล้วหากศักดิ์ศรีต้องแลกกับบุคคลที่รักล่ะ คาเรน


               
    ประโยคสุดท้ายของเพื่อนรักแย้งถามอย่างนุ่มนวล ทำเอาดวงหน้าคมคายค่อนไปทางสวยมากกว่าหล่อขรึมลง และมีความเงียบแทนคำตอบ

                หากถามว่าระหว่างชีวิตกับบุคคลที่รัก จะเลือกอะไร....อาจตอบง่ายดายกว่า โดยไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ

                ไม่ว่าเขาหรือคาร์ซาร์ กระทั่งออเรียลเอง ต่อให้เห็นว่าชีวิตมีค่าแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องเลือกให้คนที่รักมีชีวิตอยู่ต่อไปนั่นเอง

                แต่สำหรับศักดิ์ศรีกับบุคคลที่รัก

                ช่างเป็นการเลือกที่ลำบากเหลือเกิน


               
    ไงล่ะ เจ้าชายคนเก่ง ออเรียลถามขึ้น ดวงตาสีเขียวทอประกายระยับระยับด้วยความมั่นใจว่าตนเองได้ชัยชนะแล้ว ถ้าเป็นนาย นายจะเลือกอะไร


               
    ระหว่างศักดิ์ศรีของฉัน กับท่านพ่อ ท่านแม่ และคลาเอน่า เสียงของคนตอบหนักแน่นเช่นเคย ฉันต้องเลือกบุคคลที่รักก่อนศักดิ์ศรีของตัวเอง


               
    ดวงตาสีมรกตทอแสงอ่อนลง คำตอบของคาเรนเป็นเครื่องพิสูจน์เป็นอย่างดีว่าที่เขาพยายามเป็นเจ้าชายที่ดีอย่างในทุกวันนี้เป็นเพราะอะไร


               
    แล้วถ้าระหว่างท่านพ่อ ท่านแม่ และคลาเอน่าของนายกับศักดิ์ศรีแห่งราชวงศ์หรือคาโนวาล


               
    คำเปรยถาม ทำให้ดวงตาสีน้ำตาลโชนแสงกล้า ความโกรธฉายวาบเข้ามาในความคิดอย่างไม่มีสาเหตุ ก่อนร่างสูงโปร่ง ทว่าบอบบางเช่นสตรีวัยกำดัดทั่วไปจึงยืนขึ้น


               
    ออเรียล


               
    เสียงเรียกเพื่อนรักเริ่มเปลี่ยนเป็นวางอำนาจอย่างเคยนิสัย ก่อนจะให้คำตอบแล้วก้าวออกจากห้องไป


               
    จำไว้ ไม่มีสิ่งใดมีค่าพอที่จะให้ฉันเอาครอบครัวหรือราชวงศ์และคาโนวาลไปแลก


               
    ดวงตาสีสวยมองตามเพื่อนรักไปจนลับประตู แล้วถอนหายใจเฮือก


               
    มีสิ คาเรน เมื่อนายตีความคำว่าบุคคลที่รักได้นอกเหนือไปจากท่านพ่อ ท่านแม่ และคลาเอน่าของนายนั่นแหละ นายจึงรู้ว่าคำตอบของนายในวันนี้ไม่สามารถตอบในวันที่นายจะต้องเลือกจริงๆได้เลย

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×