คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : The Magic Night Chapter 4 100%
The Magic Night Chapter 4
จับตัว
ดวงตาคมกริบประสานกับดวงตากลมโตที่มีแววกระอักกระอ่วนทอประกายอยู่ หญิงสาวผลักชายหนุ่มออกเบา ๆ แล้วลุกขึ้นยืนก่อนที่คนอื่น ๆ ที่กำลังมุ่งมั่นกับการฝึกจะหันมาสนใจคนทั้งคู่
“เจ้ามองข้าแบบนั้นทำไม”
“ทำไมเธอถึงชะงักไป”
คิ้วของหญิงสาวที่กำลังถือดาบแกว่งไปมาในมือเลิกถามอย่างไม่เข้าใจความหมายของคนถามเท่าไหร่นัก จนแทคยอนทนไม่ไหวเดินเข้ามาเขย่าตัวคาดคั้นคำตอบจากหญิงสาว
“เธอไม่เตะฉัน เพราะฉันบาดเจ็บใช่ไหม!!!!”
ยูริเผยอริมฝีปากเล็กน้อยเมื่อเข้าใจเรื่องที่ชายหนุ่มเอ่ยถึงก่อนจะหรี่ตาลง มือน้อยจับมือของชายหนุ่มที่กุมแขนทั้งสองข้างของเธอออกด้วยแรงที่ไม่น่าจะมีในร่างบอบบางนี้ได้เลย
“แล้วจะทำไม ข้าทำแบบนั่นแล้วเจ้าจะทำไม”
“บัดซบ เธอจะดูถูกฉันมากไปแล้ว!!!!”
แทคยอนสบถออกมาเสียงดัง เขาไม่ต้องการความเห็นใจเรื่องบาดแผลของเขาจากใครทั้งนั้น โดยเฉพาะหญิงสาวที่มีกริยาน่าหมั่นไส้ที่สุดคนนี้
“เจ้าอย่าเข้าใจผิดไป ข้าไม่อยากซ้ำแผลของเจ้าเพราะมันจะได้หายเร็ว ๆ ไม่ถ่วงแข้งถ่วงขาเจ้า แล้วข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่ายามที่เจ้ามิบาดเจ็บ เจ้าก็เอาชนะข้าไม่ได้”
คำพูดหยิ่งยโสและถือดีไหลออกมาจากปากของร่างบางที่ยืนกอดอกจ้องเขาด้วยแววตาเหนือกว่าอยู่ แทคยอนมองหญิงสาวอวดเก่งตรงหน้าด้วยความโมโหก่อนจะก่นด่าสาปแช่งคนตรงหน้าให้ได้ยินกันจะ ๆ
“ข้าว่าเจ้ามาเรียนรู้การใช้พลังจิตเสียจะดีกว่า แผลจะได้หายเร็ว ๆ”
“ให้เธอสอนงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ”
“หึ เจ้ากลัวว่าจะไม่อาจสู้ข้าได้อีกล่ะสิ นี่หรือสายเลือดผสมช่างอ่อนแอเสียจริง”
หากไม่ติดว่าคนตรงหน้าเป็นผู้หญิง เขาอยากจะลองต่อยหน้าตายียวนนั้นสักเปรี้ยงจริง ๆ ชายหนุ่มจำใจยอมฝึกกับหญิงสาวเพราะเมื่อไตร่ตรองดูแล้วเห็นจะเป็นการดีที่สุด หากบาดแผลของเขาหายสนิทแต่มันก็เป็นเลวร้ายที่สุดเช่นกันที่ต้องฝึกกับหญิงสาวคนนี้ แม้จะมีคำเอ่ยอ้างจากเธอว่าเธอสามารถใช้พลังจิตได้เก่งที่สุดของตระกูลก็ตาม
“พี่อูยองคะ พักก่อนเถอะค่ะ”
“ตะ..แต่....”
“ข้าก็ว่าเจ้าควรจะพักก่อน การฝึกน่ะไม่สามารถเก่งขึ้นได้ภายในวันสองวันหรอกนะ”
นิชชาที่ยืนพิงกำแพงเอ่ยกับอูยองที่ยังคงจุกอยู่กับการต่อสู้เมื่อกี้ ร่างสูงพยักหน้าเมื่อไม่อาจหักล้างเหตุผลของชายหนึ่งเดียวในตระกูลคิมิเรสได้ ยุนอาจึงยิ้มอย่างพอใจเมื่อพี่ชายของตนยอมรามือแต่โดยดี
“ส่วนเจ้า ตามข้ามานี่”
“เอ๋”
“ไม่ได้บาดเจ็บไม่ใช่เหรอไง แค่วิธีจับดาบเจ้ายังทำไม่ถูกเลย นับอะไรกับการที่จะใช้มันฟาดฟันให้ถูกวิธี”
หญิงสาวมองชายหนุ่มด้วยแววตาโมโหเล็กน้อย ฟันขบริมฝีปากร่างอย่างยอมจำนนเมื่อไม่สามารถเถียงเขาได้ ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเธอไม่เคยจะแตะต้องสิ่งที่เรียกว่าอาวุธสักครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอจำเป็นต้องจับมันเพื่อฝึกต่อสู้
ยุนอาบอกให้อูยองนั่งพักอยู่ที่เดิมไปก่อน ส่วนตัวเธอเดินตามร่างแข็งแกร่งมา หุ่นฟางสภาพไม่ดีนักสามตัวปรากฏสู่สายตา ชายหนุ่มหยุดชะงักโดยไม่ทันบอกให้เธอรู้ตัว ร่างบางจึงชนเข้ากับร่างสูงอย่างจังจนล้มลงไปกองกับพื้น
นิชชามองร่างของยุนอาที่ลงไปคลุกฝุ่นที่พื้นแล้วถอนหายใจพลางยื่นมือหมายจะช่วยดึงหญิงสาวให้ลุกขึ้น แต่คำตอบรับที่ได้คือเสียงปฏิเสธแข็ง ๆ และปัดมือเขาทิ้งอย่างไม่ไยดี
“แค่นี้ฉันลุกเองได้ ไม่ต้องการความช่วยเหลือ”
“ผู้หญิงอะไร ไม่น่ารักเลยจริงๆ”
“มันเรื่องของฉัน!!!!!”
ยุนอามองนิชชาด้วยดวงตาวาวทอประกายขุ่นเคือง เธอเดินหนีจากเขาแล้วมายืนกอดอกตรงหน้าหุ่นฟาง ดวงตากลมมองจิกชายหนุ่มเร่งให้ทะไรก็ทำ เพราะไม่อยากจะใช้เวลากับชายหนุ่มตรงหน้านานนัก
“การจับดาบที่ถูกวิธีนั้น......”
นิชชาที่ไม่อยากจะต่อความกับหญิงสาวมากนักเริ่มอธิบายวิธัการจับดาบที่ถูกต้องและใช้มันฟันลงบนตัวหุ่นฟางให้หญิงสาวดู ฟางที่ถูกมัดรวมเป็นหุ่นแน่นหนาขาดเป็นสองท่อนอย่างง่ายดาย ยุนอามองตามการสอนของชายหนุ่มอย่างตั้งใจแม้จะไม่ชอบคนสอนเท่าไหร่ก็ตาม
“เจ้ายังจับไม่ถูก”
“ยังไม่ถูกอีกเหรอ ก็นายสอนฉันแบบนี้”
หญิงสาวเถียงชายหนุ่มเมื่อเขาบอกว่าเธอยังไม่สามารถจับดาบได้อย่างถูกต้อง นิชชามองร่างบางที่ไม่ยอมรับในเรื่องที่เธอคิดว่าถูก นิสัยของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มผู้จริงจังอยู่เป็นนิจหงุดหงิดไม่น้อย ดังนั้นที่เขาจะสั่งสอนหญิงสาวได้มีเพียงแสดงให้เห็นว่าเธอทำผิดเท่านั้น
ร่างสูงเดินเข้ามาซ้อนหลังหญิงสาวก่อนจะจับมือเล็กให้ผ่อนแรงกำดาบลงแล้วปรับนิ้วให้วางในที่ที่ถูกต้อง ยุนอาตกใจกับการกระทำของเขาและความใกล้ชิดที่ลำตัวแทบจะแนบติดกัน ใจจริงอยากจะสะบัดออกแต่เมื่อเห็นว่านิชชาตั้งใจทำเพียงสอนจับดาบไม่มีอะมากไปกว่านั้น เธอจึงยอมอยู่เฉย ๆ ไม่สะบัดเขาออกไปเพราะไม่อยากจะให้เขาว่าอะไรเธอได้อีก สายตาทอดมองมือหนาที่จับมือเธอกำดาบอย่างอุกอาจ อยากจะตะโกนออกไปเหลือว่าแบบนี้เธอเรียนไม่รู้เรื่องสักนิด
“หวังว่าเจ้าคงไม่โง่เกินไปนัก ทำแค่นี้เจ้าคงพอจะเข้าใจ”
“อย่ามาดูถูกกันให้มากนัก”
“งั้นหรือ งั้นเจ้าลองฟันหุ่นตัวนั้นให้ขาดแบบที่ข้าทำก็แล้วกัน”
สายตาของหญิงสาวมองร่างสูงที่เหยียดรอยยิ้มที่มุมปากเป็นการยั่วเย้า ยุนอาพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดก่อนจะเดินเข้ามายืนตรงหน้าหุ่นฟางที่สภาพดีมากกว่าตัวอื่น ๆ มือบางกำดาบตามวิธีที่ชายหนุ่มสอนแล้วฟันลงไปที่หุ่นฟาง ดวงตากลมราวกวางสาวเบิกกว้างเมื่อเธอไม่สามารถกดคมดาบฟันหุ่นฟางให้ขาดเป็นสองท่อนได้
“หึ ไม่แปลกหรอกที่เจ้าจะฟันไม่ขาด แรงแขนเช่นเจ้าฟันแค่ฟางเส้นเดียวอาจจะยังมิขาดเลย”
“ถ้ารู้อยู่แล้วจะยังให้ฉันฟันให้ขาดทำไม”
“เพื่อให้เจ้ารู้ไงว่าระดับของเจ้า ฝีมือยังไม่มีแม้เพียงนิด”
นิชชาเดินเข้ามาใกล้หญิงสาว นิ้วเรียวยื่นมาชี้หน้าหญิงสาวก่อนจะเบนไปยังทิศทางที่มีหุ่นฟางตั้งเรียงรายอยู่แล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราวกับเป็นคำสั่งที่หญิงสาวต้องปฏิบัติเท่านั้น
“หากยังฟันหุ่นฟางให้ขาดมิได้ เจ้าก็ยังไปฝึกขั้นต่อไปมิได้แน่นอน ฉะนั้นไปฟันให้ขาดให้ได้ซะ”
“นายมีสิทธิอะไรมาสั่งฉัน!!!!”
หญิงสาวร่างบางแทบจะกระแทกด้ามดาบใส่หน้าชายหนุ่มที่เลิกคิ้วรับคำพูดของเธอ มือหนาจับมือของเธอที่กุมดาบไว้แน่นจนเธอต้องเบิกตาอย่างตกใจเมื่อมือของเธอมิอาจขยับเขยื้อนได้แม้เพียงนิด หญิงสาวเงยหน้ามองคนตรึงมือเธอไว้อย่างขุ่นเคืองใจ หากแต่ต้องนิ่งไปเมื่อเจอคำพูดด้วยน้ำเสียงดูแคลนของเขา
“เจ้าคงไม่อยากเป็นตัวถ่วงใครนะ แม้แต่พี่น้องของเจ้า ฉะนั้นก้มหน้าก้มตาฝึกไปเถอะแม่นาง”
นิชชาสะบัดมือของหญิงสาวออกแล้วเดินกลับไปยังสถานที่ที่น้องของเขากำลังฝึกพลังจิตให้กับแทคยอน ยุนอามองแผ่นหลังกว้างด้วยแววตาแค้นเคืองหากเมื่อมองความอ่อนแอที่ตนมีอยู่ตอนนี้ ความรู้สึกร้อนผ่าวก็เกาะกุมรอบดวงตา แต่เธอกล้ำกลืนมันไว้ก่อนจะจับดาบฟาดใส่หุ่นฟางไม่ยั้งโดยนึกว่าหุ่นนี่เป็นร่างของคนที่เดินจากไป แม้ตอนนี้เธอไม่อาจฟันหุ่นนี่ให้ขาดเป็นสองท่อนได้แต่ไม่นานแน่ เธอไม่ยอมให้ใครมาดูถูกเธอเด็ดขาด
เธอไม่สามารถอ่อนแอไปมากกว่านี้ได้แล้ว จางยุนอาต้องเข้มแข็งเท่านั้น เพราะไม่อย่างนั้นพี่น้องของเธอจะต้องมาพะวงเพื่อปกป้องเธอตลอด แม้เกิดมาเป็นหญิงแต่ชะตาชีวิตกำหนดให้เธอก้าวเดินสู่ดงขวากหนาม หน้ากากแสนเข้มแข็งต้องถูกหยิบขึ้นมาสวมใส่ให้ได้ตลอดเวลาเท่านั้น!!!
ท้องนภากว้างใหญ่ถูกฉาบไปด้วยสีดำสนิทมือมิดไปทั่วทุกหนแห่ง เสียงแมลงหรีดริ่งดังระงมไปทั่วหากฟังดี ๆ กลับเพลินคล้ายเสียงดนตรีขับกล่อมให้ผู้ที่เพิ่งเสร็จจากอาหารมื้อเย็นลิ้มรสเสียงแมลงแปลกประหลาด สายลมเอื่อยเฉื่อยหากแต่เย็นเยียบบาดผิวกายของคนที่เลือกออกมารับลมหลังรับประทานอาหารเช่นนี้
“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะพี่อูยอง ทั้ง ๆ ที่แทบไม่ต่างอะไรกับโลกมนุษย์เลย”
“ใช่ ไม่น่าเชื่อ”
ร่างกายที่เหนื่อยอ่อนจนแทบจะยืนไม่ไหวของหญิงสาวยืนอยู่เป็นเพื่อนพี่ชายที่เธอคิดว่าอาการคงไม่ได้ต่างจากเธอเท่าไหร่ ผิดกับแทคยอนที่เข้านอนไปตั้งแต่รับประทานอาหารเย็นเสร็จ รสชาติของอาหารที่โลกนี้ดีมากแทบไม่ต่างอะไรกับโลกมนุษย์ มีเพียงแค่ทำมาจากเนื้อสัตว์ต่างชนิดกันเท่านั้น ซึ่งเธอขอไม่รู้ดีกว่าว่าทำมาจากตัวอะไร
“ไปนอนเถอะยุนอา พี่ว่าเธอเหนื่อยมากแล้ว”
“แล้วพี่อูยองล่ะคะ”
“ไปเถอะ อีกเดี๋ยวพี่ก็จะไปนอนแล้ว”
ยุนอาพยักหน้ารับเมื่อเริ่มรู้สึกเปลือกตาหนักอึ้งแล้วเช่นกัน ร่างแบบบางเดินกลับไปที่ห้องตัวเอง ไม่ได้หันกลับมามองเลยว่าพี่ชายของตนไม่ได้เดินกลับไปที่ห้องของเขา มีเพียงชายหนุ่มหนึ่งในเจ้าของบ้านเท่านั้นที่มองร่างสูงเดินออกไป..และเขาพอจะรู้ว่าสายเลือดผสมคนนั้นจะไปที่ไหน..แต่เขาไม่คิดจะตามไปหรือห้ามหรอก
“เดี๋ยวก่อนเจ้า..”
เสียงเรียบที่ดังมาจากด้านหลังเรียกให้หญิงสาวที่อยากจะกลับห้องเต็มแก่ผินตัวกลับมามอง คิ้วโก่งราวคันสรยกขึ้นเล็กน้อยเมื่อสงสัยว่าชายหนุ่มจะเรียกเธอไว้ทำไม
“นี่ยาสมานแผลปรุงจากสมุนไพร เอาไปให้น้องชายเจ้าซะ”
ยุนอาเงยหน้ามองนิชชาที่ยื่นด้วยกลม ๆ มาให้ ภายในมีน้ำเหนียวข้นสีเขียวกลิ่นไม่พึงประสงค์อยู่ หญิงสาวยอมรับถ้วยยามาแต่โดยดีเพราะแน่ใจว่าคนตระกูลนี้ไม่มีวันทำร้ายพวกเธอแน่แล้วอีกอย่างตอนนี้เธอก็ง่วงจะตายอยู่แล้วด้วย
“แผลที่มือของเจ้าก็ทาซะ ยูริบอกข้าว่าเป็นหญิงไม่ควรให้มือมีแผล”
ชายหนุ่มยังพูดไม่จบประโยคเสียด้วยมั้ง ร่างแข็งแกร่งก็เดินออกไปจากที่ยืนอยู่กับเธอเสียก่อน ยุนอายกมือข้างที่ว่างขึ้นมามองรอยแดงและบาดแผลที่เกิดจากการจับดาบแน่นและใช้ฟาดฟันจนมือพุพอง
เขารู้ได้อย่างไรกันนะว่ามือของเธอมีบาดแผล
เสียงดาบตัดอากาศดังฉับดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของสถานที่ฝึกตระกูลคิมิเรส ในเงามืดนั้นมีร่างสูงของบุคคลที่กำลังวาดดาบผ่านอากาศไม่หยุดหย่อน ใบหน้าหล่อเริ่มมีเหงื่อกาฬไหลเต็มใบหน้า ยัง...ยังควบคุมดาบได้ไม่ดีพอ
“ผ่อนแรงจากมือที่กุมดาบซะ เจ้าจับมันแน่นเกินไป”
ชายหนุ่มหันขวับไปตามเสียงแนะนำ ความมืดแทบจะกลืนไปกับชุดรุ่มร่ามสีดำที่ร่างบอบบางสวมใส่แต่ผิวที่ขาวเป็นประกายกลับสว่างชัดในความมืด ใบหน้าที่เขาเริ่มคุ้นชินไร้รอยยิ้มเช่นเคย หญิงสาวเดินเข้ามาหาเขาอย่างเงียบกริบไร้ซึ่งเสียงฝีเท้าทำให้เขาไม่สงสัยเลยว่าทำไมเขาถึงไม่รู้ตัวว่าเธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่
“คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เจ้าไม่ควรออกมายามวิกาลแบบนี้ อันตราย”
หญิงสาวไม่ได้ตอบคำถามของเขาทำเพียงเอ่ยตำหนิด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยเช่นเดิม ร่างเล็กหยุดเดินในระยะห่างที่เหลือไว้อย่างเหมาะสมก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมองเขา
“ขอโทษด้วยครับ ผมอยากจะฝึกอีกหน่อย”
“ถึงอย่างนั้นก็ควรจะให้ใครมาเป็นเพื่อนมิใช่หรือ”
“................”
“เจ้าจะฝึกไปทำไมหรือคิดว่าตระกูลขอลข้าไม่สามารถปกป้องเจ้าได้”
“ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ!!!!”
น้ำคำปฏิเสธหนักแน่นทำให้แทยอนมองหน้าชายหนุ่มราวกับหาอะไรบางอย่างจากเขาแต่เมื่อไม่พบอะไรนอกจากความหนักแน่นของคำพูดนั้นหญิงสาวจึงถอนสายตามองขึ้นไปบนท้องฟ้า
“ผมรบกวนพวกคุณมามากเกินไป ผมไม่อยากเป็นตัวถ่วงไปมากกว่านี้”
ไร้คำตอบรับจากหญิงสาวร่างบางที่อยู่ในชุดรุ่มร่ามสีดำสนิทไม่เกรงต่ออากาศหนาวเย็นที่กำลังประสบ ใบหน้าเย็นชามองกลับมาที่ชายหนุ่มอีกครั้งก่อนจะบอกให้ชายหนุ่มจับดาบ ร่างเล็กเดินไปหยิบดาบเล่มบางจากแถวนั้นแล้วเดินกลับมาหยุดตรงหน้า
“ถ้าเจ้ายืนยันเช่นนั้น ข้าก็จะสอนให้”
“ตะ..แต่ว่า....”
“ที่ข้าช่วยเจ้าเพราะอย่างที่บอก เจ้าจะนึกเสียใจถ้าเจอเหตุการณ์เลวร้ายจากนี้ต่อไปต่างหากและต้นเหตุคือพวกข้า”
ประโยคยาว ๆ ที่น้อยครั้งหญิงสาวจะเอ่ยพูดหากแต่น้ำเสียงที่ใช้ก็ยังราบเรียบเช่นเคย อูยองมองหญิงสาวที่ยืนตรงสง่างามแต่สันชาตญาณบางอย่างกลับทำให้เขาแทบจะไม่กล้าขยับตัว แทยอนยืนอยู่นิ่งเฉยไม่ขยับเขยื้อนใด ๆ จนเขาเป็นฝ่ายวิ่งเข้าไปหาเอง
ดาบถูกเสือกแทงเข้าหาร่างบางที่หลบอย่างสวยงาม ชุดรุ่มร่ามไม่เป็นอุปสรรคสักนิดยามที่หญิงสาวเคลื่อนไหว ดาบเล่มบางสวนแทงกลับมาอย่างรวดเร็วจนชายหนุ่มทำได้เพียงยกดาบขึ้นมากัน แรงกดที่มากเกินคาดทำให้ดาบถูกกดเกือบชิดอกเขาแต่ด้วยแรงชายยังไงก็มากกว่าดาบของหญิงสาวจึงถูกดันออกก่อนที่ร่างสูงจะถอยมาตั้งหลัก ใบหน้าของอูยองชื้นเหงื่อนี่แค่เพียงเริ่มเท่านั้นเขาเองก็แย่แล้ว สภาพของหญิงสาวคู่ต่อสู้ยิ่งทำให้เขาคิดหนักเพราะร่างบางแสดงให้เห็นชัดว่าเมื่อกี้เธอยังใช้แรงไม่เต็มที่และยังไม่เอาจริง!!
“เจ้ายังดึงแรงออกมาใช้ได้ไม่ดีพอและการลงดาบของเจ้าก็ยังไม่มั่นคงพอ”
ร่างบางเดินเข้ามาช้า ๆ ก่อนที่จะพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ดาบเพรียวบางกระหน่ำฟาดฟันลงมาอย่างรวดเร็ว ดาบเล่มบางที่ดูเหมือนจะฟาดแผ่วเบาหากมันกลับหนักหน่วงจนเขาทำได้เพียงยกดาบรับเพลงดาบของหญิงสาวที่ยังคงรุกอย่างต่อเนื่อง แทยอนมองชายหนุ่มตรงหน้าก่อนจะแทงดาบให้อูยองเห็นจะ ๆ ว่าเธอจะฟันไปทางขวา ชายหนุ่มยกดาบขึ้นรับเปิดโอกาสให้หญิงสาวใช้ดาบเขาเป็นฐานกดน้ำหนักดาบของเธอลงเพื่อส่งแรงยกตัวตวัดขาเตะใบหน้าของชายหนุ่มจนกระเด็นไปไกลคนล่ะฝั่งกับดาบที่หลุดมือ
ร่างเล็กเดินมาทรุดตังลงมองดูอาการของชายหนุ่มที่นอนแผ่หลา สายตาสำรวจร่างสูงที่ไม่ร่องรอยบาดเจ็บนอกจากรอยแตกบริเวณศีรษะที่โดนลูกเตะของเธอไป
“เจ้าอย่าใช้แต่ดาบเท่านั้น ทุกส่วนบนร่างกายของศัตรูคืออาวุธ”
“ครับ”
“ข้าว่าวันนี้พอเถอะ ร่างกายเจ้ารับไม่ไหว”
ร่างเล็กลุกขึ้นยืนก่อนจะหันหลังเพื่อเดินกลับสู่บ้านพักของตนหากไม่ติดว่ามือหนายื่นมารั้งเธอไว้เสียก่อน ดวงตากลมมองมือแกร่งที่ดึงมือเธอไว้แล้วปรายตาเย็นเยียบมองหน้าเขา
“เอ่อขอโทษครับ คือผมอยากจะขอร้องให้ช่วยฝึกให้ผมอีกได้ไหม”
“สุดแล้วแต่โอกาส”
เสียงราบเรียบเอ่ยตอบ ถ้าเขาสังเกตไม่ผิดมุมปากของหญิงสาวยกขึ้นมานิดนึง ร่างสูงรีบลุกขึ้นเดินตามร่างเล็กในชุดสีเดียวกับราตรีที่เคลื่อนไหวนำไปก่อนอย่างรวดเร็ว อูยองมองมือตัวเองที่อุกอาจจับมือของหญิงสาวหนึ่งในเจ้าของที่นี่
มือนั้นช่างเล็กเหลือเกิน เล็กกว่าที่จะเป็นของร่างที่เพิ่งทำเขาลงไปนอนเจ็บจริง ๆ
---------------------
เป็นเวลากว่าหลายวันแล้วที่พวกเธอมาอาศัยอยู่ที่นี่ ดวงตากลมโตราวแม่กวางสาวกวาดมองบุคคลบนโต๊ะอาหาร น่าแปลกที่เช้าวันนี้ทุกคนร่วมทานอาหารพร้อมหน้าและที่แปลกตาไปมากกว่านั้นคือชายหนุ่มหนึ่งเดียวในตระกูลคิมิเรสที่อยู่ในชุดทางการแบบเดียวกับพี่สาวของตน ยุนอาตักอาหารเช้าเข้าปาก...อาหารที่นี่เลิศรสเสียจริง....
“ท่านพี่นิชชา วันนี้จะเข้ากรมหรือคะ”
“อืม พี่ขาดงานมาหลายวันแล้วยูริ”
หากในความเป็นจริงคือช่วงหลายวันที่ผ่านมาเขาอยู่ดูลาดเลาสายเลือดผสมต่างหาก เผื่อมีใครบุกรุกเข้ามายังมีเขาคอยรับมือ ปล่อยให้แทยอนออกไปหาข่าวว่ามีใครล่วงรู้ถึงการมีอยู่ของทั้งสามหรือไม่ แน่นอน ไม่มีใครล่วงรู้ด้วยซ้ำว่ามีการเปิดประตูสู่โลกมนุษย์ เช่นนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลต่อไปสามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติ
เพราะหากมีคนล่วงรู้ หัวใจของสายเลือดผสมไม่มีทางปลอดภัยเด็ดขาด
“ยูริ พี่ฝากดูแลที่บ้านด้วย พี่กับนิชชาจะไปเข้ากรม”
แทยอนที่ยกผ้าเช็ดริมฝีปากหลังเสร็จจากอาหารเช้าเอ่ยกับน้องสาวของตัวเองพลางใช้สายตาติดจะดุมองสำทับไม่ให้น้องตนไปก่อเรื่องอะไรอีก
“ค่ะ ท่านพี่”
“ดี พี่กับนิชชาจะกลับมาตอนเย็น”
ทั้งหมดมองตามสองร่างในชุดราชการเดินออกไป บรรยากาศเยือกเย็นบนโต๊ะอาหารจึงค่อย ๆ จางไปเมื่อหญิงสาวคนสุดท้ายของตระกูลเป็นคนช่างพูดและยิ้มเก่ง
“วันนี้ท่านพี่ไม่อยู่ พวกท่านอยากไปเล่นน้ำที่ลำธารไหมคะ”
“ลำธาร”
ยุนอาเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ ทวนคำของหญิงสาวซึ่งยูริก็พยักหน้าให้แล้วเอ่ยต่อ
“ค่ะ ลำธารที่อยู่ถัดไปจากลานฝึก ตรงนั้นอยู่ลึกหน่อยแต่น้ำใสน่าเล่นมากเลยนะคะ”
เสียงเจื้อยแจ้วยังคงพูดต่อเชิญชวนต่อไปทำเอายุนอามองสาวน้อยอย่างเอ็นดู เธอเองในตอนแรกก็สงสัยเช่นกันว่าทำไมยูริถึงไม่ออกไปทำงานแบบแทยอนและนิชชา แต่คำตอบที่ได้รับคือหญิงสาวยังอายุไม่ถึง เธอจึงได้รู้ว่ายูริเด็กกว่าเธอหลายปี ความรู้สึกที่เหมือนได้น้องสาวเพิ่มขึ้นมาทำให้เธอพอใจลึก ๆ เมื่อตนเป็นผู้หญิงคนเดียวในสามพี่น้อง
“ก็ดีเหมือนกัน เหนื่อยจากการฝึกมาหลายวันแล้ว”
“เจ้าไม่เห็นทำอะไรเช่นคนอื่นเลย ยังจะมาบ่นอีกหรือ”
“ลองดูเลยไหมล่ะ ยัยบ้า”
สงครามฝีปากของยูริและแทคยอนกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง ซึ่งนับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่ชายหนุ่มมาอยู่ที่นี่ โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ยุนอามองน้องชายของตัวเองเริ่มหาเรื่องหญิงสาวอีกครั้งแล้วส่ายหน้า ก่อนจะเอ่ยขึ้นหยุดการทะเลาะที่ต่อไปอาจจะลามถึงขั้นหยิบดาบมาฟาดฟันกันได้
“เราไปกันเลยเถอะ เดี๋ยวแดดจะร้อนกันพอดี ไปค่ะพี่อูยอง”
“ไปเถอะยุนอา พี่ขอพักที่บ้านเฉย ๆ ดีกว่า”
“งั้นเหรอคะ ตามใจแล้วกัน”
ยุนอา ยูริและแทคยอนพากันไปหยิบของจำเป็นแล้วออกเดินทางไปที่ลำธารในสวนของตระกูลคิมิเรส อูยองมองทั้งหมดที่ค่อย ๆ หายลับไปก่อนจะพาตัวเองมาหยุดที่ลานฝึก น้องเขาไม่มีใครรู้ว่าเขามาฝึกดาบที่นี่เกือบทุกคืน แต่สำหรับเจ้าบ้าน เขาคิดว่าน่าจะรู้แต่ไม่มีใครห้ามปราม มือที่แม้จะหยาบเพราะทำงานหนักกลับกร้านขึ้นเพราะจับดาบเสยผมที่ปลิวตามลม อากาศวันนี้ช่างดีเหลือเกิน .....หวังว่าจะไม่มีเรื่องร้าย ๆ อะไรเกิดขึ้นในเร็ววันนี้หรอกนะ......
“ว้าว ที่นี่สวยจังเลย”
“ใช่ไหมละคะ”
ลำธารสายยาวเต็มไปด้วยน้ำใสราวคริสตัลที่ไหลเอื่อย ๆ จนสามารถมองลงไปเห็นพื้นข้างใต้ได้ รอบข้างเต็มไปด้วยไม้พรรณนานาชนิดทั้งไม้ดอกและไม้ประดับ สร้างความร่มรื่นให้รอบด้านลำธารนี้กลายเป็นสีเขียวชอุ่มแซมด้วยสีสันต่าง ๆ ของดอกไม้ ยูริเดินมาหยุดริมลำธารก่อนจะใช้มือจุ่มลงไปในน้ำแล้วยกขึ้นมา สายน้ำใสบริสุทธิ์ไหลลงจากมือสีน้ำผึ้งของคนตรงหน้า
“เดินย้อนขึ้นไปก็จะเป็นต้นน้ำแล้วล่ะค่ะ ที่นี่แปลกตรงที่รอบข้างมีต้นไม้ขึ้นเยอะมาก ไม่เป็นที่โล่งเหมือนลำธารทั่วไป แล้วน้ำยังสะอาดจนสามารถดื่มกินได้เลย”
“นี่ น้ำเล่นได้ไหม!!!”
“เล่นได้สิ”
แทคยอนยิ้มร่าเมื่อหญิงสาวเอ่ยปากบอกว่าน้ำใสที่เล่นได้ เขาไม่เคยเจอสายน้ำที่ไหนสวยและสะอาดเท่านี้มาก่อน เพราะโลกมนุษย์ยามนี้แหล่งน้ำมักเต็มไปด้วยสิ่งเจือปนต่าง ๆ ชายหนุ่มถอดเสื้อโชว์แผงอกแข็งแกร่งมีรอยแผลจาง ๆ ก่อนจะวิ่งไปกระโดดลงน้ำจนเปียกหญิงสาวทั้งสองที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก ยูริที่อยู่ใกล้ที่สุดเปียกไปทั้งตัวแต่หญิงสาวกลับเบนหน้าหนีคนต้นเรื่องเหตุเพราะชายหนุ่มเปลือยท่อนบนแบบไม่อายใคร
“แทคยอน!! อายยูริมั่งได้ไหม”
“โธ่ พี่ยุนอา ยัยบ้านี่หน้าทนจะตาย”
“เจ้าว่าข้าเหรอ!!!”
ดวงหน้าของหญิงสาวหันกลับมาหาเขา สายน้ำรอบ ๆ ตัวหมุนวนไปรอบ ๆ กลายเป็นน้ำวนขนาดย่อม ๆ เรียกสายตาของชายหนุ่มให้เบิกกว้าง
“เฮ้ย ยัยบ้าหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!”
“หึหึ พลังจิตเจ้าก็เรียนมาแล้ว ควบคุมและเร่งให้เกิด ลองสลายน้ำวนเองดูหน่อยเป็นไร”
ยุนอามองน้องชายและยูริที่เริ่มทะเลาะกันอีกแล้วและคราวนี้หญิงสาวเล่นแรงเสียด้วย หญิงสาวพี่คนรองทำท่าจะเดินเข้าไปห้ามปราม ถ้าไม่ติดว่าน้องชายของเธอสามารถสลายน้ำวนได้อย่างรวดเร็วท่ามกลางความพอใจของยูริ
...น้องของเธอก้าวหน้าขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่...
“เธอจะฆ่าฉันเหรอไง!!”
“น้ำวนสลายไปแล้วไม่ใช่เหรอ ถ้าของแค่นี้ทำให้เจ้าเกือบตายก็บ้าไปแล้วล่ะ”
น้ำคำประชดของหญิงสาวตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มที่ลอยคออยู่ในน้ำมองอย่างหมั่นไส้ น้ำใสสะอาดถูกสาดใส่คนตรงหน้าเพื่อคลายอารมณ์หงุดหงิดกลับกลายเป็นชนวนให้สงครามกลางน้ำเริ่มขึ้นจริง ๆ เมื่อร่างบางโดดลงไปวักน้ำสาดใส่ชายหนุ่มกลับ มีหรือที่เขาจะยอม
ยุนอามองทั้งสองที่สาดน้ำใส่กันเป็นเด็ก ๆ แล้วหัวเราะ แม้ไม่สมวัยแต่ภาพที่เห็นก็สามารถทำให้หญิงสาวยิ้มอย่างเอ็นดูได้ หญิงสาวเดินหลีกออกมาเพื่อไม่ให้โดนลูกหลงแล้วนั่งหย่อนขาลงไปในน้ำ บรรยากาศสบาย ๆ ทำให้ความเหนื่อยล้าที่ผ่านมาค่อย ๆ มลายหายไปตามกระแสธารที่ไหลเอื่อยไปเรื่อย
ร่างบางที่กำลังจมอยู่กับความรู้สึกของตัวเองไม่ทันได้สังเกต กระแสที่ไหลเอื่อย ๆ ในตอนแรกค่อย ๆ ย้อนกลับไปมาแล้วเริ่มหมุนวนอย่างรวดเร็ว กว่าที่เจ้าตัวจะรู้สึกกระแสน้ำที่ไหววนเบาบางในตอนแรกกลับกลายเป็นน้ำวนขนาดใหญ่ไปเสียแล้ว!!!
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด”
“พี่ยุนอา!!!”
แทคยอนและยูริตะโกนชื่อหญิงสาวเจ้าของเสียงกรีดร้องพร้อมกัน มือที่กำลังสาดน้ำใส่อีกฝ่ายหยุดการกระทำ ดวงตาสองคู่มองไปทางต้นเสียงอย่างพร้อมเพียงจนเจอกับ..
ภาพหญิงสาวกำลังจะจมลงไปกับน้ำวนขนาดใหญ่!!
“โธ่เว้ย อะไรกันเนี่ย!!!”
แทคยอนกระโจนเข้าไปหาพี่สาวอย่างรวดเร็ว ร่างบางตะเกียกตะกายโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำแต่ไม่สามารถต้านทานความรุนแรงของสายน้ำที่กำลังดูดร่างเธอให้จมดิ่งลงสู่เบื้องล่างได้ แขนเรียวไขว่คว้าหาที่พึ่งอย่างดิ้นรน แต่กลับคว้าได้เพียงอากาศว่างเปล่า
“พี่ยุนอา!!”
ชายหนุ่มตะโกนร้องเรียกพี่สาวสุดเสียงกระทั่งได้ยินไปไกลจนถึงใครอีกคนที่กำลังอยู่ตรงลานฝึก เรียกให้เขาวิ่งมาจุดเกิดเหตุอย่างรวดเร็ว แทคยอนฝืนกระแสน้ำยื่นแขนไปจับมือพี่สาวไว้ก่อนที่จะหายไปกับสายน้ำ แต่กลับกลายเป็นว่าเขากำลังจะถูกน้ำวนนี่ดูดลงให้ดำดิ่งสู่ก้นบึ้งอย่างรวดเร็ว แม้ลำธารจะไม่ได้ลึกมากแต่ทำไมครานี้กลับดูราวกลับไร้ก้นบึ้งอย่างไรก็ไม่รู้
“เจ้าโง่เอ๊ย!!!!!”
ยูริพึมพำเมื่อเห็นทั้งคู่กำลังจะจมไปต่อหน้าต่อตา หญิงสาวยืนนิ่งเพ่งสมาธิเพื่อใช้พลังจิตควบคุมกระแสน้ำให้สงบลง แต่กลับมีกระแสพลังบางอย่างต่อต้านไว้ ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้างเมื่อเธอรู้สึกได้ถึงพลังจิตที่แข็งแกร่งกำลังควบคุมน้ำวนอยู่ เปลือกตาค่อย ๆ ปิดลงเพื่อเพิ่มสมาธิ เธอจะสอนให้รู้ว่ากำลังต่อกรกับใครอยู่ เรื่องอื่นเธออาจจะไม่สู้ดีนัก แต่ถ้าเป็นเรื่องพลังจิตแล้ว คนที่มีพลังจิตมากที่สุดในสายเลือดคิมิเรสแบบเธอไม่ยอมแพ้ใครแน่นอน!!!
สายน้ำที่หมุนวนอย่างเกรี้ยวดกราดค่อย ๆ สงบลงสลับกับรุนแรงแบบเดิมซ้ำไปซ้ำมา เหงื่อกาฬเริ่มไหลลงตามใบหน้าของหญิงสาวที่แม้จะตัวเปียกโชกแต่ก็สังเกตเห็นได้ชัดเจนจากใบหน้าที่ดูนิ่งสงบแต่แฝงกระแสเคร่งเครียดไว้ คนในน้ำสองคนดิ้นรนอย่างทรมานเมื่อกระแสน้ำไม่คงที่เช่นนี้ แทคยอนฝืนตัวขึ้นมามองยูริที่ยืนนิ่งชิดขอบลำธาร
มัวทำอะไรอยู่นะยัยบ้า!!!
สมาธิแน่วแน่ทำให้สามารถควบคุมพลังจิตได้อย่างแม่นยำมากขึ้น กระแสน้ำที่หมุนวนเบาสลับแรงค่อย ๆ สงบลงในที่สุด ยุนอาที่เกาะแขนแทคยอนลืมตามองรอบ ๆ ก่อนโดนน้องชายลากร่างกายที่อ่อนแรงขึ้นฝั่ง แทคยอนมองพี่สาวของตนนอนหมดแรง เขาและเธอเกือบจะตายเพราะกระแสน้ำวนบ้า ๆ นี่ ฝีมือของใครกัน!!!
“ใครกัน ออกมานะ!!”
เสียงของยูริตะโกนก้องไปทั่วพื้นที่ของตระกูลคิมิเรส หากแต่ไร้สรรพเสียงใดตอบกลับมีเพียงเสียงลมหวีดวิวเท่านั้น หญิงสาวหลับตาลงอีกครั้งเพื่อหาต้นตอของกระแสพลังจิตแต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ตรวจหา เสียงหัวเราะบาดหูก็ดังขึ้นแผ่วเบาลอยมาตามกระแสลมก่อนจะชัดเจนขึ้นในโสตประสาทของทุกคน
เสียงหัวเราะที่พวกเธอยังจำได้ดี ผู้หญิงในคนชุดดำคนนั้น!!!
“ยอดเยี่ยมที่สุด เจ้าทำลายพลังของข้าได้”
“เจ้า!!!!!!”
ร่างในชุดขาดวิ่นแบบเดิมเริ่มปรากฏกายขึ้นช้า ๆ จากการสลายมนต์อำพรางกาย ยูริเผยรอยยิ้มเครียด คิดแล้วไม่มีผิดฝีมือของผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว
“ข้ารอเวลาที่พี่ของเจ้าไม่อยู่ขวาง แล้วเวลานี้ก็มาถึงเร็วกว่าที่ข้าคิด เจ้ารู้ใช่ไหมว่าข้าต้องการอะไร ยูลคิน่า ยูริ คิมิเรส”
“ไม่มีวันที่เจ้าจะได้หัวใจของสายเลือดผสมไปหรอก”
“หึ!! สาวน้อย เจ้าก็ลองดูว่าจะขวางข้าได้ไหม!!”
สิ้นคำกระแสน้ำในลำธารเริ่มหมุนวนอีกครั้งก่อนจะพุ่งขึ้นมาเป็นสายยาวอัดเข้าหาร่างหญิงสาว ยูริมองกระแสน้ำอย่างตกใจก่อนจะกระโดดหลบเพี้ยงเสี้ยววินาที ต้นไม้ผู้โชคร้ายด้านหลังหญิงสาวหักเป็นสองท่อนเมื่อโดนกระแสน้ำอัดเข้าไป ดวงตากรุ่นหันกลับมามองหญิงสาวชุดดำ ผู้หญิงคนนี้ควบคุมพลังจิตได้เชี่ยวชาญเหนือความคาดคิดของเธอเสียอีก!!
สิ่งที่เธอทำได้ตอนนี้มีเพียงถ่วงเวลาเท่านั้น ยูริส่งกระแสจิตถึงพี่สาวอย่างรวดเร็วแล้วกลับมาตั้งรับหญิงสาวตรงหน้า
“ส่งข่าวบอกพี่ของเจ้าหรือ ข้าไม่รอเวลาให้กลับมาทันหรอกนะ”
“เจ้า!!!”
ยูริมองคนที่ยืนอยู่บนต้นไม้อย่างตกใจเมื่อหญิงสาวสามารถแทรกแซงเข้ามาอ่านกระแสจิตของเธอได้ มันไม่เพียงแต่เป็นการควบคุมพลังจิตชั้นสูงเท่านั้นแต่ยังต้องใช้พลังจิตมหาศาลในการแทรกแซง ผู้หญิงคนนี้อันตรายเกินไป!!!!
“คราวนี้ ข้าไม่พลาดหรอกนะ ซันนี่ ฮโยยอน!!!”
เงาร่างสองร่างที่อาศัยพรรณไม้เป็นที่ซ่อนตัวก้าวออกมา ร่างบอบบางของหญิงสาวคนแรกในชุดเกราะมีดาบเล่มโตสะพายอยู่ที่เอวเดินเข้ามาหาร่างที่นั่งอยู่บนกิ่งไม้ ใบหน้าถูกปิดไปด้วยหน้ากากมากกว่าครึ่ง ส่วนอีกร่างที่ตัวเล็กกว่าอยู่ในชุดนักเดินทางพอดีตัวในมือถือแส้สีดำสนิทที่ม้วนไว้เรียบร้อย ใบหน้าถูกปกปิดด้วยหน้ากากเช่นเดียวกัน
“ข้าต้องการสายเลือดผสม”
“รับทราบค่ะ นายท่าน!!!!!”
สองเสียงรับคำจากเจ้านายตนที่นั่งอยู่บนกิ่งไม้ ริมฝีปากสีสดแย้มรอยยิ้มอย่างพอใจผิดกับยูริที่มองลูกน้องของหญิงสาวด้วยแววตาเคร่งเครียด เธอรับมือทั้งสามในเวลาเดียวกันไม่ไหวหรอกนะ!!!
ท่านพี่ ได้โปรดกลับมาเร็ว ๆ เถิด!!!
ยูรินึกภาวนาในใจตนเองก่อนจะยกมือขึ้นมาชี้ไปที่ลำธาร กระแสธารที่นิ่งสงบเริ่มหมุนวนอีกครั้งอย่างรุนแรงแล้วจึงค่อย ๆ พุ่งขึ้นเป็นเสาน้ำตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางลำธาร ละอองน้ำโปรยลงมาแตะที่ผิวกายของคนทั่วบริเวณจนรู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบไปถึงขั้วหัวใจ
“นี่หรือพลังของคิมิเรส ยอดเยี่ยม..ยอดเยี่ยมจริงๆ!!!”
หญิงสาวในชุดดำพึมพำอย่างยินดีเมื่อเห็นต้นเสาน้ำขนาดใหญ่พลางมองเลยไปที่หญิงสาวเจ้าของพลังนั้น พลังจิตปริมาณมหาศาลที่ใช้ควบคุมกระแสน้ำทำให้ขนในกายของเธอลุกชัน หากไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เป็นเพราะความอยากได้…อยากได้พลังจิตขนาดนี้มาไว้ในมือ!!!
ซันนี่มองคู่หูของตนแล้วพยักหน้าให้กัน สองสาวพุ่งเข้าหาร่างที่ยืนเป็นเป้านิ่งของยูริแต่กลับถูกขัดขวางด้วยละอองน้ำที่ตกลงมา น้ำหยดใสเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นลิ่มน้ำแข็งตกใส่หญิงสาวทั้งคู่ที่เบิกตามองอย่างตกใจ
“หลบเร็ว ฮโย!!!”
หญิงสาวผู้ถือแส้ตะโกนแล้วผลักเพื่อนให้หลุดออกไปจากบริเวณที่มีลิ่มน้ำแข็งตกลงมา ยูริเหยียดรอยยิ้มมองทั้งคู่ก่อนจะตวัดฝ่ามือให้เสาน้ำเริ่มขยับ น้ำวนที่พันขึ้นเป็นต้นเสาสูงค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงรูปร่างจากการกระทำของหญิงสาวตระกูลคิมิเรส พลังจิตถูกนำมาใช้ในการบังคับกระแสน้ำให้กลายเป็นมีรูปร่างคล้ายสิ่งมีชีวิตบางชนิด
มังกรวารี!!!!!
พลังที่เหนือล้ำทำให้คนเป็นเจ้านายรู้สึกร้อนรุ่มในกาย ลูกน้องของเธอไม่อาจสู้หญิงสาวตรงหน้าได้สักนิด ถ้านั่นหมายความว่าหนึ่งต่อหนึ่งแล้วก็นะ ริมฝีปากสีชาดคลี่ออกเป็นรอยยิ้ม ตระกูลสุนัขรับใช้ของสภาทมิฬเก่งกาจขนาดนี้เชียวหรือ
“รอก่อนเถอะสภาทมิฬ ข้าจะเอามาไม่ให้เหลือทั้งหัวใจเลือดผสม ทั้งคนของเจ้า ข้าจะรอวันที่ข้าทำให้เจ้าพินาศย่อยยับ!!”
มังกรวารีพวยพุ่งออกจากลำธารตรงเข้าหาหญิงสาวทั้งคู่ ฮโยยอนพยักหน้าให้คู่หูก่อนจะปักดาบลงพื้นแล้วเพ่งสมาธิเพื่อคลายพลังจิตที่ควบคุมน้ำของคู่ต่อสู้ ยูริเหยียดรอยยิ้มเมื่อคนตรงหน้าหันมาสู้กับเธอด้วยพลังจิต แต่ของแบบนี้ไม่มีวันเอาชนะเธอได้หรอก มังกรวารีที่ถูกพลังจิตของคนทั้งคู่ยึดเยื้อกันไปมาเคลื่อนไหวชะงักติดขัดเล็กน้อยก่อนจะพุ่งเข้าหาร่างในชุดเกราะเช่นเดิมแม้ร่างนั้นจะมีรอยยิ้มก็ตาม
ขอแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น ดึงเอาความสนใจของหญิงสาวมาได้แล้ว!!
ยูริมองคู่ต่อสู้อย่างสงสัยก่อนที่สัญชาตญาณจะทำให้เธอรู้สึกตัว หากแต่ก็ไม่เร็วเท่าแส้สีดำที่ฟาดลงมากลางร่างของเธอ ร่างบางปลิวลอยไปไกลพร้อมความรู้สึกเจ็บซ่านที่บาดแผล แส้สีดำที่น่าจะทำได้เพียงแผลช้ำกลับมีหนามแหลมติดอยู่ทั่วแส้ทำให้หญิงสาวผู้ถูกฟาดนอนกุมบาดแผลกลางร่างที่เริ่มมีเลือดสีแดงไหลริน
“ยัยบ้า!!!!!”
แทคยอนมองการต่อสู้ที่ตอนแรกฝ่ายเขาได้เปรียบแต่สถานการณ์กลับตาลปัตรเมื่อยูริลงไปนอนกองอยู่กับพื้น ของเหลวสีแดงที่ไหลออกจากปากแผลที่ท้องหลังของหญิงสาวทำให้อารมณ์ของชายหนุ่มพุ่งสูง
“แบบนี้มันหมาหมู่ชัด ๆ ไอ้พวกสารเลว”
“เงียบนะ แทคยอน”
ยุนอารีบปิดปากแทคยอน แม้ในใจจะห่วงร่างบางนั้นเช่นกันแต่มันไม่เป็นการดีเอาเสียเลยที่จะทำให้พวกนั้นกรุ่นโกรธขึ้นมา เสียงก่นด่าของแทคยอนทำให้ยูริที่รีบใช้พลังจิตควบคุมการสมานของปากแผลเม้มริมฝีปากแน่น
เจ้าโง่เอ๊ย!!!!!
“งั้นข้าขอหัวใจเจ้าคนแรกเลยแล้วกัน”
หญิงสาวในชุดเกราะแค่นยิ้มแล้วก้าวสามขุมเข้ามาหาร่างมนุษย์ทั้งสอง ยูริมองอย่างตกใจก่อนจะรีบลุกขึ้นมาทันทีไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตนเอง ร่างบางวาดมือเพื่อจะควบคุมกระแสน้ำอีกครั้งแต่ก็ถูกขัดขวางด้วยน้ำมือของผู้ถือแส้ที่สร้างบาดแผลให้แก่เธอ ยูริก้มตัวหลบแส้ที่ฟาดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หากก็พลาดพลั้งด้วยร่างกายที่ไม่เอื้ออวย แส้สีดำเริ่มฝากบาดแผลไว้ทั่งร่างกายเมื่ออาการเหนื่อยหอบจากการเสียเลือดมาเยือนหญิงสาว ดวงตาจับจ้องไปที่สายเลือดผสมทั้งคู่ เธอจะทำอย่างไรดี!!!
แทคยอนทำได้เพียงบังร่างยุนอาไว้เท่านั้น เมื่อเขาไม่มีอาวุธอะไรสักอย่าง ร่างกายที่เหนื่อยอ่อนจากการสู้กับกระแสน้ำทำให้รู้ตัวดีว่าไม่สามารถหนีได้เลยหรือแม้แต่เพียงฝีมือก็อาจจะไม่สามารถเอาชนะผู้หญิงตรงหน้าได้สักนิด ดาบที่เงื้อสูงเพื่อเตรียมฟันร่างทำให้ยุนอาอยากจะกรีดร้องแต่เสียงกลับหายลงไปในลำคอหมด ดวงตาหลุบต่ำพลางหันหน้าเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป
“เคร้ง!!!!!!”
เสียงโลหะกระทบกันดังสนั่นทำให้ยุนอาลืมตาขึ้นมาดู ดาบของหญิงสาวในชุดเกาะไม่ได้ฟันลงมาที่เธอแต่กลับถูกใช้รับดาบที่พุ่งเข้ามาหา ...ฝีมือใคร...
“พี่อูยอง!!!”
เจ้าของชื่อมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจแต่รู้สึกถึงอันตรายที่กำลังคุกคามได้เป็นอย่างดี สถานการณ์ที่เลวร้ายได้เกือบถึงขีดสุดเมื่อเขาไร้อาวุธในมือ
จำเอาไว้ ทุกสิ่งบนร่างกายสามารถใช้เป็นอาวุธได้หมดขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเอง
สิ่งที่เรียนรู้จากใครบางคนแวบเข้ามาในสมอง มือหนากำหมัดแน่นเพื่อเตรียมต่อสู้ แต่สรรพสิ่งทั้งหลายพลันหยุดนิ่งเมื่อเสียงหัวเราะคุ้นหูดังก้องไปทั่วท้องนภา
“มาแล้วสินะ ครบแล้วสายเลือดผสมทั้งสาม ทีนี้ก็มอบหัวใจให้ข้าเสียโดยดี!!”
-----------------------------
….ไร้เสียงของสรรพสิ่งหลังเสียงบาดหูของหญิงในชุดดำ….
….ไม่มีผู้ใดเคลื่อนไหว…..
บรรยากาศโดยรอบประสบสภาวะตึงเครียด ขนาดที่ได้ยินเสียงลมหายใจของแต่ละคน อูยองมองไปรอบ ๆ ยูริที่บาดเจ็บจากการรับมือหญิงสาวผู้สวมหน้ากากทั้งสอง แทคยอนและยุนอาที่ตัวเปียกโชกไร้เรี่ยวแรง มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่ยังสามารถต่อสู้ได้ สายตาของชายหนุ่มจับจ้องไปที่หญิงสาวในชุดดำขาดวิ่น ผมยาวรกรุงรังยังคงปิดหน้าหล่อนเช่นเดิม แต่ใบหน้านั้นต้องกำลังปรากฏรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมอยู่แน่นอน
“ฮโยยอน ข้าอยากได้หัวใจของเจ้านั่น เป็นคนแรก”
นิ้วเรียวขาวซีดชี้มาที่อูยองอย่างหมายมาดตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะบาดหูเช่นเคย คำสั่งจากร่างที่นั่งอยู่บนต้นไม้ทำให้เจ้าของร่างสวมชุดเกราะเดินย่างสามขุมเข้ามาหาชายหนุ่มที่ใช้ร่างกำบังน้องทั้งสองไว้
อูยองมองร่างตรงหน้าที่กำลังเดินเข้ามา ร่างสูงลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปประจันหน้าช้า ๆ ฮโยยอนมองคู่ต่อสู้แล้วเหยียดรอยยิ้ม แต่มันช่างเป็นรอยยิ้มที่อ่านไม่ออกเสียจริง
ทุกสายตาจับจ้องร่างสองร่างที่ประจันหน้ากันอยู่ โดยเฉพาะแทคยอนและยุนอา เขาอยากจะออกไปห้ามพี่ชายตน อยากจะขอสู้แทน อยากจะเป็นคนปกป้อง นึกโกรธตัวเองที่ต้องมองแผ่นหลังของคนเป็นพี่อยู่เสมอ เขารู้ว่าอูยองนั้นเป็นคนรักสงบ พี่เขาไม่ชอบการใช้กำลัง แต่กลับต้องมาทำเพียงเพื่อปกป้องเขาและพี่สาว
“รับมือ!!!”
เสียงของฮโยยอนเปรียบดั่งสัญญาณเริ่มการต้อสู้ ร่างในชุดเกราะเคลื่อนไหวรวดเร็วเข้าหาร่างของชายหนุ่ม ดาบเล่มงามถูกเงื้อขึ้นฟาดฟันสะพายแล่งแต่กลับสัมผัสได้เพียงอากาศว่างเปล่า อูยองเบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็ว ภาพของใครบางคนซ้อนทับศัตรู ภาพของใครที่ยอมซ้อมดาบให้เขา ทำให้สามารถหลบคมดาบได้อย่างง่ายดาย
“จำเอาไว้ ยิ่งนายโดนโจมตีจนบาดเจ็บมากเท่าไหร่ โอกาสชนะก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น”
ดวงตาทั้งสามคู่ของหนึ่งนายและสองบ่าวมองสายเลือดผสมอย่างไม่คาดคิด ไม่คาดคิดจริง ๆ ว่าชายหนุ่มจะสามารถหลบคมดาบได้ เสียงหัวเราะดังก้องไปทั่วนภาอีกครั้ง คราวนี้เต็มไปด้วยความสนุกเหลือจะทน
“ข้าไม่คิดว่าสายเลือดผสมจะน่าสนุกถึงเพียงนี้ ฮโยยอน ซันนี่ เลิกเล่นแล้วจัดการได้เลย ข้าอยากเห็นสีหน้าทรมานของสายเลือดเน่า ๆ พวกนี้!!!”
ลูกน้องทั้งสองพยักหน้ารับนายสาวแล้วพุ่งเข้าหาร่างของชายหนุ่มอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ดาบวาดตัดอากาศมีเป้าหมายที่หัวใจทำให้ชายหนุ่มเบี่ยงตัวหลบอีกครั้ง แต่ครานี้แส้สีดำที่ตามมาติด ๆ ฟาดเข้าที่ต้นแขนของชายหนุ่มเมื่อเขาเสียหลักจากการหลบดาบแล้วไม่สามารถหลบแส้ได้ทันท่วงที
“จบเสียทีสายเลือดผสม!!!”
“พี่อูยอง!!!!”
เสียงของแทคยอนและยุนอาประสานกันเรียกพี่ชายคนอย่างตระหนก ดวงตาของคนทั้งสองเบิกกว้างสะท้อนภาพของพี่ชายที่กำลังจะถูกดาบในมือศัตรูเงื้อสูงปลิดชีวิต!!!
เคร้ง!!!
เปลือกตาของยูริค่อย ๆ ลืมขึ้นมามองภาพเหตุการณ์ต่อจากนั้นที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มค่อย ๆ ปรากฏบนดวงหน้าซีดของเธอที่พยุงตัวนั่งขึ้น พลังจิตถูกรวบรวมสมานบาดแผลในกายเพื่อเตรียมตัวรับมือศัตรูต่อไป
เขาคิดว่าเขาจะตายเสียแล้ว เลือดในกายพลันเย็นเยียบไปหมด ลมหายใจหยุดชะงักเมื่อคมดาบอยู่เหนือตัว สมองของเขาขาวโพลนคิดอะไรไม่ออกจริง ๆ จนกระทั่งภาพสุดท้ายฉายภาพเจ้าของเงาที่ทอดทับร่างของเขาอยู่ตอนนี้
…เจ้าของเรือนผมและดวงตานิ่งสงบสีน้ำตาล ใบหน้างดงามยังคงเย็นชาอยู่เป็นนิจแม้ในเวลาสถานการณ์แบบนี้…
“ชิ!!! ตามมาเร็วจริงนะ คิมิเรส ข้าไม่น่าเล่นมากเกินไปสินะ”
“เจ้าคิดแม้แต่กระทำเรื่องอุกอาจในโลกนี้เลยหรือ”
“ฮ่า ฮ่า ทาร์เรลลา แทยอน คิมิเรส ข้าให้โอกาสเจ้าแล้วนะ ข้าเสียดายคนเก่งเช่นเจ้าจริง ๆ แต่ตอนนี้คงต้องฆ่าเสี้ยนหนามทิ้งเสียก่อนสินะ”
มือเรียวสีขาวซีดยกขึ้นวาดตัดอากาศ กระแสลมรอบข้างหมุนวนกรรโชกอย่างรุนแรง แรงเสียจนต้นไม้ใหญ่รอบข้างโงนเงนไปตามแรงนั้น ลูกน้องทั้งสองของหญิงสาวกระโดดเข้าหาผู้มาใหม่ทั้งสองเพื่อที่จะเป็นโล่ให้นายผู้กำลังรวบรวมพลังจิตควบคุมกระแสลม
ดาบในฝักถูกชักออกมาอย่างรวดเร็วเพื่อรับมือคมดาบที่ฟาดฟันลงมา ร่างบางในชุดราชการสีกรมสะบัดดาบของคู่ต่อสู้ในชุดเกราะออกไป แล้วฟาดดาบกลับอย่างรวดเร็วซึ่งอีกฝ่ายก็รับไว้ได้เช่นกัน การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วไร้ช่องว่างของทั้งสองฝ่ายทำให้การต่อสู้ตรงหน้าเห็นเพียงแค่เงาราง ๆ และแสงที่สะท้อนออกมาจากคมดาบเท่านั้น
อูยองมองการต่อสู้ของแทยอนและฮโยยอน เขารีบถอยออกมาเพื่อไม่เป็นการเกะกะหญิงสาวพลางมองไปยังอีกคู่หนึ่ง นิชชากำลังใช้มือดึงแส้ของคู่ต่อสู่เพื่อยึดไว้ไม่ให้หล่อนใช้ฟาดต่อได้ ในมือของชายหนุ่มไร้ซึ่งอาวุธ ซึ่งน่าจะเป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงหรือไม่ก็ไม่จำเป็นต้องใช้กระมัง
“พี่อูยอง”
เสียงเรียกจากยุนอาดึงสติของชายหนุ่มจากภาพการต่อสู้ทั้งหมดตรงหน้า ร่างสูงของชายหนุ่มรีบวิ่งเข้าไปหาน้องทั้งสองที่กำลังพยุงตัวลุกขึ้น เขารีบรับร่างยุนอาจากแทคยอนที่พยายามพยุงตัวพี่สาว แต่ตนก็ไร้ซึ่งเรียวแรงเช่นกัน
“พวกท่านรีบหนีไปค่ะ”
เสียงของยูริเรียกให้ทั้งสามหันไปมอง หญิงสาวสายเลือดคิมิเรสในสภาพเสื้อผ้าขาดวิ่นเต็มไปด้วยเลือดแห้งกรัง แต่บาดแผลเกือบทั้งหมดปิดแล้ว เลือดที่เห็นจึงเป็นเพียงเลือดสีคล้ำแห้ง ๆ ติดตามเสื้อเท่านั้น
“แต่ว่า ยูริ เธอเองก็ไม่ไหวแล้วนะ”
“ข้าไม่เป็นไรค่ะพี่ยุนอา ได้โปรด หนีไปเถิด”
“พี่รีบพี่ยุนอาไปก่อนเถอะครับ พี่ยุนอาไม่ไหวแล้ว”
“แต่ว่า….”
“ไปสิครับพี่อูยอง ก่อนที่มันจะแย่กว่านี้!!!”
อูยองสบตากับแทคยอน แววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของน้องชายทำให้เขายอมพยักหน้าแล้วช้อนตัวยุนอาวิ่งหนีออกจากสมรภูมิที่กำลังคุกรุ่นตอนนี้
“เจ้าบ้า!!! เจ้ายังไหวไหม”
“ไหว ขอให้พี่อูยองกับพี่ยุนอาปลอดภัยก็พอ”
ยูริมองแววตาของชายหนุ่มคู่สนทนา ริมฝีปากบางค่อย ๆ ถูกกัดจนช้ำเมื่อเห็นความเจ็บปวดทอประกายชัดเจน ความรู้สึกผิดพลันแล่นไปทั่วกายที่หายเจ็บจากบาดแผลแต่กลับยิ่งเจ็บปวดหนักจากความรู้สึกผิด เรื่องทั้งหมดเกิดเพียงเพราะเธอแท้ ๆ หมัดน้อยถูกกำแน่นแล้วคลายออกเพราะนี่ไม่ใช่เวลามาสำนึกผิด แต่เป็นเวลาชดใช้ความผิดต่างหาก เธอไม่ยอมให้เขาเป็นอะไรหรอก!!!!
“เจ้าบ้า ข้าจะพาเจ้าหนี”
“ตัวเธอเองยังจะเอาไม่รอดแล้ว”
“ถึงยังไง ข้าก็ต้องทำให้เจ้าปลอดภัยให้ได้”
รอยยิ้มหวานถูกส่งให้ชายหนุ่มเพื่อสำทับความมั่นใจ แทคยอนมองรอยยิ้มของหญิงสาวที่ไร้เจตนาร้ายเคลือบแฝงก่อนจะคลี่รอยยิ้มตอบ ร่างบางดึงมือของร่างสูงให้วิ่งตาม เท้าก้าวพาร่างทั้งสองฝ่ากระแสลมอย่างรวดเร็วถ้าไม่ติดว่าต้นไม้ใหญ่จะล้มลงมาขวางทางไว้เสียก่อนด้วยฝีมือของร่างในชุดดำขาดวิ่น
“เจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอก ยูลคิน่า สายเลือดผสม เอาหัวใจของเจ้ามาซะ!!!”
ท้องฟ้ารอบข้างมืดครึ้มกอปรกับกระแสลมที่กำลังหมุนแรงอย่างบ้าคลั่งทำให้บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัว สายลมที่รุนแรงตีพัดผมยาวรุงรังของเจ้าของพลังจิต ใบหน้างดงามชวนฝันแม้จะเต็มไปด้วยกระแสเหี้ยมเกรียมทำให้สายเลือดทั้งสองของคิมิเรสมองอย่างตะลึง!!!!
“เจสสิก้า ซูยอน แคร์โรไลน์”
เสียงพึมพำลอดออกมาจากริมฝีปากของแทยอนและนิชชา คนคนนี้มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร คนที่น่าจะตายไปแล้วตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน!!!!!!
“อย่าละสายตาจากศัตรูสิ”
เสียงของฮโยยอนดังขึ้นแทบกระซิบพร้อมๆกับดาบที่ถูกเสือกแทงเข้ามา แทยอนเบนสายตากลับมามองคู่ต่อสู้ สายตานิ่งสงบปรากฏกระแสบางอย่างก่อนที่การเคลื่อนไหวจะเร็วขึ้นเท่าตัว ฮโยยอนมองร่างบางตรงหน้าอย่างตกใจ นี่ ขนาดเธอทุ่มสุดฝีมือ หญิงสาวตรงหน้ายังเก็บซ่อนฝีมือไว้อีกหรือนี่ คมดาบถูกยกขึ้นรับดาบจากแทยอนแต่กลับถูกเจ้าตัวพลิกข้อมือสะบัดดาบของเธอออกไปแล้วตามด้วยลูกเตะที่อัดเข้าท้องจนจุกเสียดไปทั่วร่าง ร่างของฮโยยอนปลิวหวือไปไกลก่อนจะตกกระทบพื้นอย่างรุนแรง
ทางด้านนิชชา ชายหนุ่มมองแส้หนามในมือก่อนจะกระตุกอย่างแรงแล้วดึงแส้นั้นเหวี่ยงร่างบางที่ลอยตามแส้ขึ้น ซันนี่กัดฟันเมื่อดึงแส้จนร่างของเธอลอยในอากาศ สายลมที่กำลังพัดอย่างบ้าคลั่งจึงบาดผิวของเธอจนแสบร้อนไปหมด เธอพยายามใช้แรงทั้งหมดดึงแส้กลับเข้ามาควบคุมแต่ก็ไร้ผลเมื่อแรงของเธอมิอาจสู้ชายหนุ่มได้ สุดท้ายเขากลับเหวี่ยงแส้ออกไป จนร่างที่เริ่มมีเลือดซึมของซันนี่กลิ้งกระทบพื้น
“หมดเวลาแล้ว สายเลือดผสม พวกเจ้าหนีข้าไม่รอดหรอก!!!”
พลัน สายลมทั้งหมดถูกรวมไว้เป็นก้อนเดียวแล้วผลักออกไปสู่คนทั้งสี่ที่กำลังวิ่งหนีจากสมรภูมิรบครั้งนี้ แทยอนและนิชชามองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างตกใจก่อนจะกระโจนเข้าหาทิศทางที่บอลลมนั้นวิ่งไปทันที
ตูม!!!
สภาพโดยรอบเต็มไปด้วยฝุ่นคลุ้งจากแรงระเบิดของสายลม ละอองน้ำจากลำธารกระจายล่วงหล่นลงมาเป็นฝนจนไม่สามารถมองภาพตรงหน้าได้ชัดเจน เห็นเพียงสีแดงสดของเลือดและร่างที่นอนจมอยู่เท่านั้น
“ท่านพี่ ยูริ!!!!!!”
นิชชาตะโกนสุดเสียงเมื่อเห็นว่าร่างสองร่างนั้นเป็นใคร เขาดึงแส้ที่พันรอบตัวทำให้เขาไม่สามารถเข้าไปช่วยคนอื่นได้จนเจ้าของแส้ปลิวตามมา มือหนาบีบที่คอของหญิงสาวราวกับจะให้แหลกคามือ จนเมื่อซันนี่สลบแต่ยังไม่ไร้ลมหายใจไป เขาจึงเหวี่ยงร่างบางทิ้งแล้วตรงเข้าไปหาพี่น้องของเขาและสายเลือดผสม แต่ร่างกายกลับขยับไม่ได้อย่างใจถึงได้รู้ว่าร่างกายนบาดเจ็บหนักจากการรับแรงจากการระเบิดเมื่อกี้ ถึงกระนั้นเขาก็ยังเคลื่อนไหวไปหาร่างที่นอนจมกองเลือดอยู่
“พี่อูยอง เรายังไม่ตาย”
“ใช่ เรา….คุณแทยอน!!!!”
เมื่อคลายจากอาการตกใจ ชายหนุ่มรีบตรงเข้ามาร่างที่นอนจมกองเลือดอยู่ แต่ดวงตาที่ยังคงเปิดและการเคลื่อนไหวของร่างบาง แทยอนค่อย ๆ พยุงตัวลุกขึ้น แขนขวาของหญิงสาวห้อยต่องแต่งเป็นสัญญาณว่ากระดูกหัก หญิงสาวนึกสบถในใจเมื่อตัวเองใช้แขนข้างขวาเพียงข้างเดียวรับแรงระเบิดจากบอลลมนั้น จนแขนขวาบาดเจ็บเลือดไหลออกมาเป็นสายน้ำแบบนี้
อูยองและยุนอาปราดเข้ามาดูอาการหญิงสาว แต่ต้องหยุดไปจากดวงตาคุกรุ่นของเธอ ร่างบางของหญิงสาวยังคงยืนตรงหยิ่งทะนงขัดกับดวงหน้าซีด ๆ นั่นเต็มทน
ดวงตาของหญิงสาวผู้ที่บาดเจ็บหนักมองปราดไปที่ร่างที่นอนจมกองเลือดกองใหญ่ไม่ไกลนักจากเธอ เท้าก้าวพาร่างเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว แต่คงไม่เอื้ออำ นวยนักถ้าเลือดที่แขนขวาและตามส่วนอื่นที่โดนแรงระเบิดจะยังคงไหลอยู่เมื่อเธอเข้าปกป้องสายเลือดผสมทั้งสอง แต่เธอกลับไม่สามารถช่วยได้ถึงคนสำคัญของเธอที่นอนจมกองเลือดอยู่ตรงนั้น
…ร่างเล็กบางค่อย ๆ ร่วงหล่นลงกับพื้น…
ถ้าไม่ติดว่าวงแขนแข็งแกร่งของใครบางคนช้อนตัวเธอไว้ก่อน แทยอนช้อนสายตามองอูยองที่รับร่างของเธอไว้ก่อนที่แววตาเจ็บปวดจะจางหายไปทิ้งไว้แต่ดวงตานิ่งสนิทตามเดิม อูยองพร้อมร่างในอ้อมแขนและยุนอารีบเข้าไปวิ่งเข้าไปหาร่างที่จมอยู่ในกองเลือดที่อยู่ไม่ไกลนัก โดยหวังว่าจะไม่สายเกินไป
แทคยอนมองภาพยูริที่นอนจมกองเลือด มือของชายหนุ่มสั่นเมื่อยื่นไปแตะร่างบางของคนที่ปกป้องเขา ภาพที่หญิงสาวดึงเขาเข้ามาแล้วใช้ร่างบังเขาไว้ แม้เขาจะรับรู้ได้ว่าหญิงสาวพยายามใช้พลังจิตสลายบอลลมนั้น แต่ก็สัมผัสมพลังจิตได้เจือจางเต็มทน
“ยัยบ้า!!!!!!!!!!!!!!!!”
เสียงของชายหนุ่มร้องอย่างโหยหวนแล้วเขย่าร่างบางที่เต็มไปด้วยบาดแผล แม้ร่างนั้นจะยังมีลมหายใจแต่มันรวยรินเสียเหลือเกิน
หญิงสาวในชุดขาดวิ่นนามเจสสิก้ามองภาพทั้งหมดอย่างพอใจ เธอค่อย ๆ เดินเข้ามาหาแทคยอนที่ขาดสติและร่างที่มีเพียงลมหายใจรวยรินของยูริ นิ้วเรียววาดเป็นวงกลมก่อนจะขังทั้งคู่ด้วยพลังจิตที่ควบคุมสายลมพันธนาการร่างทั้งสองไว้แล้วยกให้ลอยขึ้น
“หยุดนะ!!!!!”
นิชชาปราดเข้ามาห้ามการกระทำของเจสสิก้าไว้ หญิงสาวเพียงยิ้มแล้วขยับหลบดาบของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว ขาเรียวยาวที่โผล่พ้นชุดดำขาดวิ่นเตะไปที่สีข้างของชายหนุ่มจนกระเด็นไปไกล!!!!
บัดซบ!!! เพราะร่างกายที่บาดเจ็บไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างใจ
“ฮโยยอน หิ้วร่างซันนี่กลับไปด้วย ข้าจะนำไปเพียงสองคนนี้ก่อนแล้วกัน”
“แต่ว่า นายท่านทำไม…”
“อย่าโง่ไปหน่อยเลย เจ้าไม่อาจเอาชนะคิมิเรสได้หรอกนะ อีกอย่างข้าใช้พลังจิตมากไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าแค่ “หัวใจ” ของเลือดผสมจะต้องทำให้ข้าเหนื่อยขนาดนี้”
ร่างของเจสสิก้าและฮโยยอนค่อย ๆ ลอยขึ้นด้วยพลังจิตที่ควบคุมสายลมพร้อมกับร่างของแทคยอนและยูริที่ถูกพันธนาการไว้
“แทคยอน!!!!”
เสียงของยุนอาตะโกนก้องพร้อมกับร่างของแทยอนที่สะบัดตัวหลุดจากอ้อมแขนชายหนุ่ม กระโจนเข้าหาร่างที่ลอยสูงขึ้นช้า ๆ พลังจิตที่เค้นจากในกายควบคุมกระแสลมเข้าโจมตีแต่กลับถูกสลายไป เจสสิก้าตวัดสายลมที่คมดั่งมีดกระแทกเข้ากับร่างบางที่บาดเจ็บหนัก
“พี่แทยอน!!!!!”
นิชชาเข้ามารับร่างของแทยอนพร้อมมองขึ้นไปด้วยความห่วงหาร่างของน้องสาวแล้วเบนไปหาเจสสิก้าด้วยความเคียดแค้น
“อย่ามาลองดีกับข้า คิมิเรส วันนี้ข้าขอสองคนนี้แล้ววันหน้า ข้าจักต้องได้หัวใจครบ!!”
สายลมกรรโชกแรงอีกครั้งจนคนทั้งหมดต้องก้มหน้าหลบลมที่บาดผิวกาย เมื่อมองขึ้นมาอีกที ร่างของเจสสิก้าและน้องของพวกเขาก็อันธานหายไปพร้อมสายลมเสียแล้ว
ก่อนอื่นขอโทษนะคะที่อัพช้ามากกกกกกกกกก
แต่ขอยืนยันนะคะว่าจะแต่งเรื่องนี้จนจบ ขอบคุณทุกคนที่รออ่านจริงๆ ค่ะ เราซึ้งมาก
จบตอน 100% ยาวเว่อร์มากค่ะ จริง ๆ แล้วควรจะตัดเป็นสองตอน
ทีนี้ทราบแล้วสิคะว่าหญิงสาวตัวร้ายเป็นใคร แต่ยังไม่รู้ใช่ไหมล่ะว่าทำไมถึงต้องการทำลายสภาพทมิฬ ปริศนาในเรื่องนี้เยอะจริง ๆ แต่ค่อย ๆ ติดตามคลายไปทีละปมกับเรานะคะ
ขอบคุณทุกคนที่คอยเม้นตามหรือรอคอยเรามาอัพอีกทีนะคะ
ปล. ถ้าใกล้เปิดเทอมจะมาแจ้งกำหนดการอัพให้แน่นอนอีกทีนะคะ
ปล.2. ใครน้ำท่วมมั่ง!!!!!! ประเด็นสำคัญเลยล่ะค่ะ ใครท่วมก็อย่าท้อนะคะ คนไทยทุกคนช่วยกัน เราเป็นกำลังใจให้ค่ะ เราคิดว่าเราก็ใกล้แล้ว 555
ความคิดเห็น