คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : The Magic Night Chapter 2 100%
The Magic NighT Chapter 2
สายเลือดผสม
........ว่างเปล่า.......
“เมื่อกี้มีใครได้ยินเหมือนยุนไหม”
ยุนอาหันมาถามพี่น้องและยูริที่ยังคงยืนมองไปทิศทางที่มีเสียงปริศนานั้น ทั้งหมดพยักหน้าขึ้นลง หากแต่ไม่มีใครเอื้อนเอ่ยอะไรออกมา สายลมที่ไม่น่าจะมีในอาคารปิดแบบนี้ได้เสียดสีดังหวิวไปมาทำให้บรรยากาศรอบข้างดูน่าขนหัวลุก
คิ้วของสาวน้อยตระกูลคิมิเรสขมวด เสียงที่เธอได้ยินเป็นเสียงเดียวกับเมื่อตอนกลางวัน แต่คราวนี้ไม่ใช่มีเพียงเธอเท่านั้นที่ได้ยิน ทั้งอูยอง ยุนอาและแทคยอน ทุกคนล้วนได้ยินเสียงนั้นทั้งสิ้น
“ข้าว่าเรารีบกลับบ้านกันเถอะค่ะ”
“ฉันก็อยากกลับแล้วเหมือนกัน”
ทั้งหมดพากันเดินออกจากพิพิธภัณฑ์ที่กลายเป็นสถานที่ที่ดูน่ากลัวอย่างไรก็ไม่รู้ แต่ยังไม่ทันที่จะเดินออกห่างจากแท่นศิลาได้ไกลนัก
“เจ้าคิดว่า ข้าจะปล่อยโอกาสงามขนาดนี้ไปได้หรือ”
คราวนี้เสียงที่ดังนั้นชัดเจนในโสตประสาทของทุกคน ยูริรู้สึกได้ว่าต้นกำเนิดของเสียงมาจากทางศิลานั้น หญิงสาวหยุดก่อนจะหันไปบอกคนทั้งหมดให้รีบออกไปโดยเร็ว เธอสังหรณ์ว่านี่เป็นฝีมือของคนจากโลกเธอ
“เอาล่ะ ข้าปล่อยพวกเจ้าให้เดินเอ้อระเหยพอควรแล้ว ทีนี้...ได้เวลาเสียที”
สิ้นเสียงสายลมกรรโชกแรงที่ไม่ควรมีในสถานที่นี้กลับตีซัดเข้ามาจนคนทั้งสี่ต้องยกแขนขึ้นบัง สายลมที่คมดั่งมีดบาดผิวจนแสบร้อนไปหมด ยุนอาถึงกับทรุดลงไปกองที่พื้นเพราะความเจ็บปวดที่แล่นไปทั่วร่าง ยูริที่มองคนทั้งหมดอย่างจนใจช่วย หากเธอใช้พลังจิตได้ เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้
“นี่มันเรื่องอะไรกัน!!!”
แทคยอนตะโกนฝ่าสายลมที่ยังคงกรรโชกแรง กระจกของตู้โชว์ที่มีอยู่ในพิพิธภัณฑ์ถูกลมตีจนแตกกระจาย ข้าวของทางประวัติศาสตร์ล้วนพังเสียหายจากพายุขนาดย่อมที่ยังคงหมุนวนในห้องจนสภาพพิพิธภัณฑ์ตอนนี้ย่อยยับไม่มีชิ้นดี
คนทั้งสามค่อย ๆ ทรุดลงไปกองที่พื้นในสภาพที่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล ผิดกับยูริที่แม้จะใช้พลังจิตไม่ได้แต่ร่างกายที่ถูกฝึกมานั้นทนทานกว่ามนุษย์หลายเท่านัก หญิงสาวค่อย ๆ เอื้อมมีไปหยิบหอกเหล็กที่หล่นลงมาจากตู้โชว์ที่แตกกระจาย ก่อนจะรวบรวมแรงเขวี้ยงไปในใจกลางพายุหรือตรงแท่นศิลา
...................พายุลมกรรโชกแรงจึงได้หายไป................
“พวกท่านเป็นอะไรกันมากไหม”
ยูริวิ่งเข้ามาดูทั้งสามที่นอนหอบอยู่ที่พื้น แทคยอนที่คุ้นชินกับการวิวาทพยุงตัวขึ้นมามองยูริอย่างไม่ไว้ใจก่อนจะเปิดปากทันทีเมื่อเริ่มมีแรง
“มันเรื่องอะไรของเธอ ยัยบ้า”
“คราวนี้จะเห็นได้รึยังว่า ข้าไม่ได้บ้า”
“ยูลคิน่า เจ้าไม่น่าไปต่อปากกับมนุษย์แสนโง่งมพวกนั้น”
เสียงหญิงสาวคนเดิมลอยมาขัดขณะที่ทั้งคู่คุยกัน ทั้งหมดหันไปมองที่แท่นศิลา คราวนี้ไม่ได้มีลมพายุอีกแล้วแต่กลับเป็นร่างบางของหญิงสาวในชุดรุ่มร่ามขาดวิ่นสีดำสนิท ผมยาวรุงรังราวไม้กวาดแห้ง ๆ แต่กลับยาวสยายจนเกือบถึงพื้น ริมฝีปากที่แดงดั่งเลือดเผยรอยยิ้มที่ยูริคิดว่ามันน่ากลัว ใบหน้าที่โดนผมปิดไปกว่าครึ่งนั้นดูลึกลับแต่กลิ่นไอบางอย่างที่ทำให้คิดว่าคนคนนี้ต้องมีใบหน้าที่งดงามแน่นอน
“เจ้าเป็นคนของโลกคู่ขนานใช่ไหม ทำไมถึงรู้จักชื่อข้า!!!”
“เด็กน้อย เจ้าควรจะมีมารยาทกับผู้ใหญ่มากกว่านี้นะ”
“ตอบคำถามข้า!!!!”
“หึหึ ตระกูลคิมิเรสยังหยิ่งถือดีเหมือนเดิม”
พริบตาเดียว ร่างที่นั่งอยู่บนแท่นศิลากลับมาปรากฏตรงหน้าหญิงสาว มือขาวซีดทว่าเล็บกลับแดงดั่งโลหิตจับใบหน้าของยูริ สาวน้อยขนลุกซู่เมื่อเธอไม่สามารถขยับหนีมือที่แกร่งราวคีมเหล็กนี้ได้
“ถ้าเจ้าไม่ใช่คิมิเรสที่มีพลังจิตเยอะขนาดนี้ ข้าจะฆ่าเจ้าซะ”
“ข้าไม่กลัวเจ้า”
“ฮ่ะ ๆ สาวน้อยเจ้าเก่งมากที่ไม่กลัวข้า แต่รู้อะไรไหมที่ข้าเก็บเจ้าไว้...”
“....................”
“เพื่อที่จะได้สูบเอาพลังจิตและวิญญาณของเจ้ามาเป็นของข้าอย่างไรล่ะ”
หญิงสาวในชุดดำใช้ดวงตาสีดั่งเลือดจ้องเข้าไปในดวงตาสีนิลของสาวน้อยสายเลือดคิมิเรส ยูริรู้สึกขนลุกซู่ไปทั่วร่าง ดวงตาของคนตรงหน้าทั้งเต็มไปด้วยความแค้นและความสะใจ ตอนนี้เธอไม่มีอะไรสู้คนตรงหน้าได้เลยซักอย่าง เหงื่อเริ่มไหลลงมาเมื่อมือของหญิงสาวในชุดดำเปลี่ยนมาใช้นิ้วลูบที่ใบหน้าซีดของเธอ
“จะ...เจ้าเป็นใครกันแน่”
“ข้าเป็นใครงั้นเหรอ เจ้ามาถามอะไรตอนนี้ คิมิเรส”
“โครม!!!!”
แจกันขนาดใหญ่ถูกสายลมตีกลับออกไปก่อนจะถึงตัวหญิงสาวชุดดำ ดวงตาสีแดงจ้องไปทิศทางที่แจกันถูกโยนมา แทคยอนกำลังถืออาวุธในมือชิ้นต่อไป ส่วนอูยองกำลังกันไม่ให้ทำอันตรายยุนอา
“แรงดีจริง ๆ สายเลือดผสม แต่ยังไม่ดีพอฆ่าข้าได้หรอกนะ”
“หนีไป ทุกคน หนีไป!!!”
ยูริคว้าข้อมือของคนที่กำลังใช้พลังจิตควบคุมข้าวของให้ลอยขึ้นอยู่ แรงยื้อที่ข้อมือทำให้ทิศทางของสิ่งต่าง ๆ เบนออกไปไม่โดนคนทั้งสาม แทคยอนฉุดมือยุนอาให้ลุกขึ้นก่อนจะวิ่งออกไปพร้อม ๆ กับอูยอง แต่แรงลมกรรโชกแรงทำให้ทั้งสามต้องยกแขนขึ้นมาบังไม่สามารถวิ่งออกไปไหนได้
พลัน!!! สายลมที่เคยกรรโชกแรงกลับสลายหายไป ดวงตาสีเลือดจับจ้องอย่างโมโหไปที่เงาร่างทั้งสองหลังพายุที่ค่อย ๆ สลายตัว
“พวกเจ้า!!!!”
“ปล่อยมือของเจ้าออกจากน้องของข้า”
เสียงกังวานทว่าราบเรียบเอ่ยอย่างเฉยชาก่อนที่พริบตาร่างเล็กจะมาปรากฏอยู่ที่หน้าของหญิงสาวในชุดดำ ชุดสีดำรุ่มร่ามไม่เป็นอุปสรรคของคนที่ถนัดการต่อสู้ด้วยมือเปล่าสักนิด หมัดถูกส่งออกไปสู่เป้าหมายที่กระโดดหลบฉากออกไป แต่ร่างบางกลับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วตามติด ลูกเตะถูกส่งออกไปสูงเกินตัวเมื่อศัตรูหลบได้ หญิงสาวรีบตวัดขาอีกข้างเตะร่างในชุดขาดขาดวิ่นกระเด็นออกไปทั้ง ๆ ที่ขาอีกข้างยังลงไม่ถึงพื้น
“ท่านพี่แทยอน ท่านพี่นิชชา”
ยูริครางอย่างยินดีเมื่อนิชชาเดินเข้ามาตรวจหาอาการบาดเจ็บที่ร่างของน้องสาว ชายหนุ่มถอนหายใจเมื่อน้องของตนปลอดภัยดี ก่อนจะเดินเข้าไปสมทบพี่สาวเพื่อจัดการศัตรู
“ทาร์เรลล่า วันนี้วันรวมญาติของคิมิเรสหรือไง”
ริมฝีปากสีชาดสบถอย่างหงุดหงิด ถึงแม้เธอจะมีพลังจิตมากมายแค่ไหนแต่การที่ให้รับมือคนทั้งสองจากคิมิเรสพร้อม ๆ กัน เป็นเรื่องที่โง่พอควร คนที่นอกจากจะใช้พลังจิตได้อย่างชำนาญแล้วยังถนัดการต่อสู้ทางกายภาพ นางไม่มีวันชนะหากทั้งสามจากตระกูลอันสูงส่งอยู่พร้อมหน้ากันแบบนี้
“เจ้ากำลังฝ่าฝืนกฎอยู่”
“เจ้าสนหรือไง สมบัติล้ำค่าอยู่ตรงหน้าแท้ ๆ หรือเจ้าจะปฏิเสธ ทาร์เรลล่า ว่าเจ้าไม่รู้ว่าพวกนี้ คือ สายเลือดผสม”
ดวงตาของแทยอนปราดมองมนุษย์ทั้งสามก่อนจะกลับมาจ้องศัตรูที่ไม่สามารถเอาชนะได้ ก่อนที่น้องชายจะเดินเข้ามาสมทบพลางชักดาบประจำตัวที่แขวนอยู่ที่เอวออกมา
“ท่านพี่ เจ้านี่เป็นใคร”
“นิชชา อย่าละสมาธิจากนาง นางอันตรายเกินไป”
รอยยิ้มเย้ยหยันจากหญิงสาวในชุดขาดวิ่นเผยบนใบหน้าที่ถูกผมปิดไปมากกว่าครึ่ง มือขาวซีดยื่นมาตรงหน้าก่อนจะเอ่ยเชื้อเชิญคนทั้งสอง
“มาร่วมมือกับข้าดีกว่า ข้าชอบเจ้า ทาร์เรลล่า แทยอน คิมิเรส เจ้าเก่ง เยือกเย็น แถมยังฉลาด เจ้าไม่อยากได้อำนาจล้นพ้นและความเป็นอมตะอย่างนั้นหรือ”
ไร้เสียงตอบรับจากร่างบางมีแต่การชักดาบประจำตัวออกมาเท่านั้น เสียงหัวเราะบาดหูจึงลอยขึ้นมาให้ได้ยินกันทั่ว สายลมเริ่มก่อตัวอย่างรุนแรงอีกครั้ง แต่เป้าหมายไม่ได้อยู่ที่คนที่ยืนถือดาบทั้งคู่ แต่เป็นคนทั้งสี่ที่แทบจะไร้เรี่ยวแรงต่างหาก
“ยูริ!!!!”
นิชชาร้องอย่างตระหนก หากร่างบางไวกว่านั้น แทยอนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วมาขวางหน้าคนทั้งหมดนั้น พลังจิตถูกรวบรวมอย่างรวดเร็วแม้การเปิดประตูมิติจะกินพลังจิตในกายจนเกือบหมด แต่การที่เธอสามารถควบคุมได้อย่างเชี่ยวชาญมากกว่ายูรินั้นทำให้พลังจิตเธอยังหลงเหลืออยู่บ้าง พายุสายลมขนาดย่อมค่อย ๆ สลายไปก่อนจะเข้าถึงตัวคนทั้งหมด
คราวนี้ชายหนุ่มไม่มีการรอให้พายุลูกต่อไปเกิด ดาบถูกเสือกแทงเข้าหาร่างในชุดดำขาดวิ่นที่หมุนตัวหลบได้อย่างสวยงาม แต่อยู่ดี ๆ หญิงสาวก็รู้สึกเจ็บแปลบที่แขนข้างขวา ชุดที่ขาดอยู่แล้วกลับขาดเพิ่มเป็นรอยฟันพร้อม ๆ กับเลือดสีแดงสดไหลรินออกมา
“นี่เจ้า!!!!!!!!!”
“ถ้าเพลงดาบแค่นี้ยังมองไม่ออก ก็ขอชีวิตล่ะนะ”
นิชชาเอ่ยลอดไรฟันก่อนจะถลาเข้าหาศัตรูอีกครั้ง คราวนี้คนที่เอาแต่เล่นมาตลอดเริ่มโกรธขึ้นมาบ้างแล้ว ร่างแบบบางหมุนตัวหลบเพลงดาบของชายหนุ่มพลางใช้พลังจิตควบคุมสายลมอีกครั้ง แต่คราวนี้ใหญ่กว่าทุกครั้งที่ผ่านมา!!!
“ท่านพี่นิชชาหลบออกมา!!!!!”
ยูริตะโกนอย่างเสียขวัญเมื่อเห็นขนาดของพายุ ชายหนุ่มกัดริมฝีปากร่างอย่างขัดใจ หากเป็นปกติเขาคงใช้พลังจิตสลายมันไปได้ แต่คราวนี้เขาต้องเก็บพลังจิตไว้ใช้ในการเปิดประตูกลับโลกคู่ขนาน
“ยูริ นิชชา มานี่!!!”
นิชชารีบเข้ามาอุ้มน้องสาวเข้ามาอยู่ด้านหลังของพี่สาว พลังจิตถูกรวบรวมอีกครั้งแต่คราวนี้หญิงสาวรีดเร้นจนหมด ใบหน้าที่ขาวอยู่แล้วยิ่งซีดลงอย่างเห็นได้ชัด พายุขนาดใหญ่ที่พุ่งเข้ามาทำให้แทยอนที่ใช้พลังจิตสลายเหงื่อไหลออกตามใบหน้า ในขณะที่มือน้อยสั่นระริก
สุดท้าย หญิงสาวก็สามารถสลายพายุลูกใหญ่ไปได้ ร่างน้อยล้มลงไปกองกับพื้นทันที แต่คนที่อยู่ใกล้ที่สุดกลับรับไว้ได้ก่อน
อูยองมองคนที่ล้มลงในวงแขน เขาไม่ต้องตามหาคำตอบนานเลยว่าเธอเป็นใคร พี่สาวของยูริ ใบหน้าขาวจัดที่ตอนนี้ซีดลงอย่างเห็นได้ชัดพร้อมกับเลือดที่ไหลตามแขนที่ยื่นออกไปใช้พลังจิตสลายพายุ หญิงสาวขืนตัวออกจากอ้อมแขนของเขา เขาจึงปล่อยออกไปท่ามกลางสายตาไม่พอใจของนิชชา
“นางหนีไปแล้ว ท่านพี่”
“เราเอาชนะนางไม่ได้ นิชชา”
“ทำไม!!”
“นางยังไม่ใช้ฝีมือจริง หากเราทั้งสองช่วยกันแม้นางจะไม่ชนะ หากแต่นางก็ไม่ได้แพ้”
“นางเป็นใครหรือท่านพี่แทยอน”
“พี่ไม่แน่ใจ แต่รู้แค่ว่านางต้องการ สายเลือดผสม”
……………ทำไมพระเจ้าไม่ฟังคำขอของข้าบ้างเลย................
ยูรินั่งก้มหน้ามองพี่ทั้งสองที่มองมาอย่างคาดโทษก่อนจะรีบหันไปสนใจคนอื่น ๆ แทนที่จะต้องนั่งรีบสายตาของคนเป็นพี่
“พวกท่านไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ไม่เป็นไรจ้ะ”
ยุนอาตอบสาวรุ่นน้องแต่แทคยอนกลับขัดคนพี่ตัวเอง พลางลุกขึ้นชี้หน้ายูริ
“ไม่เป็นไรที่ไหนเล่า นี่มีนอะไรกัน ยัยบ้า!!”
“ขะ...ข้าก็ไม่รู้”
“โถ่เว้ย!!! เกือบจะตายอยู่แล้วยังไม่รู้เรื่องอีกเหรอไง”
“พอเถอะ แทคยอน”
อูยองปรามน้องของตนพลางหันมามองคนสองคนที่มาช่วยพวกเขาไว้ นิชชากำลังพยุงแทยอนที่แทบจะไร้แรงยืน อีกทั้งยังมีเลือดที่ไหลตามแขนลงมาหยดพื้นจนเริ่มเป็นกองเลือด
“ยูริ สองคนนี้...”
“ท่านพี่ของข้าเองค่ะ”
อูยองเดินเข้ามาใกล้คนทั้งคู่ที่พูดคุยกันด้วยภาษาที่เขาไม่เข้าใจ แทยอนกระซิบบอกให้นิชชาปล่อยเธอแล้วเข้าไปดูยูริและคนอื่น ๆ ว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนไหม
“ขอบคุณมากนะครับที่ช่วย แต่ว่า....”
“..................”
“ผมต้องการคำอธิบายจะได้ไหม”
แทยอนขมวดคิ้วมองอูยองที่พูดภาษามนุษย์และเธอไม่อาจเข้าใจได้ ร่างบางเดินช้า ๆ เข้ามาปะจันหน้าร่างสูงก่อนจะใช้แขนที่ไม่บาดเจ็บดึงคอเสื้อชายหนุ่มเข้ามาประทับริมฝีปากลงบนปากของอีกฝ่ายเบา ๆ
อูยองมองร่างบางแสนใกล้ชิดอย่างตกใจ ใบหน้าที่แนบชิดติดกันแทบจะนับขนตาได้ทุกเส้น กลิ่นหอมบางเบาผสมกับกลิ่นคาวเลือดลอยเข้ามาจนเผลอสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด เพียงชั่วครู่ร่างแน่งน้อยก็ถอนริมฝีปากออกไป ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยภาษาเดียวกับเขาว่า
“ไปจากที่นี่ ถ้าต้องการคำอธิบายทั้งหมด!!!”
--------------------------
นิชชาพยุงร่างแทยอนเข้ามานั่งลงบนโซฟาในบ้านของอูยอง ยุนอาเดินตามเข้ามาพร้อมกล่องปฐมพยาบาล หญิงสาวเอ่ยขออนุญาตทำแผลซึ่งแทยอนก็พยักหน้าให้ ร่างบางจึงลงมือทำแผลให้อย่างชำนาญเพราะแทคยอนนั้นชอบไปมีเรื่องกลับมาให้เธอทำแผลให้บ่อย ๆ เลือดที่เริ่มแห้งกรังตามแขนถูกเช็ดออกอย่างเบามือแล้วตามด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ปิดท้ายด้วยยาใส่แผลแล้วพันด้วยผ้าก็อซขาวสะอาด
“ขอบคุณ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ยุนอายิ้มให้หญิงสาวร่างเล็กหากแต่งดงามหมดจด ดวงตาสุกใสเหลือบไปมองคนที่นั่งข้าง ๆ หญิงสาว ชายหนุ่มผู้ที่มีใบหน้าหล่อเหลาติดไปทางสวยเช่นกันแต่ชอบทำหน้าถมึงทึงตลอดเวลา ร่างกายของชายหนุ่มมีเพียงบาดแผลเล็กน้อยเท่านั้น แต่ปล่อยทิ้งไว้ก็คงจะไม่ดี
“คุณคะ ฉันทำแผลให้นะคะ”
นิชชามองยุนอาอย่างไม่เข้าใจว่าหญิงสาวพูดอะไร ร่างบางเดินเข้ามาหาก่อนจะนำผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ดตามบาดแผลเล็ก ๆ นั้น เขาจึงได้เข้าใจ ดวงหน้างามที่อยู่ใกล้ชิดจนเห็นผิวขาวนวลและดวงตากลมโตทำให้ชายหนุ่มเหยียดรอยยิ้มที่ริมฝีปาก
............เสน่ห์ของสายเลือดผสมอย่างงั้นเหรอ..........
มือหนาหยุดการกระทำของร่างบางแล้วเลื่อนมารั้งดวงหน้าขาวนวลให้เชิดขึ้น ก่อนจะประทับริมฝีลงไปอย่างหนักหน่วง ยุนอาเบิกตากว้างอย่างตกใจ ในขณะที่แทยอนนั่งมองการกระทำนั้นเฉย ๆ
แทคยอนมองคนที่บังอาจจูบพี่สาวเขาแล้วปราดเข้ามากระชากหญิงสาวออก หมัดถูกส่งเข้าหาชายหนุ่มที่กระทำอุกอาจ แต่กลับถูกรับไว้ด้วยมือข้างเดียว นิชชาสะบัดแทคยอนออกไปจนชายหนุ่มกระเด็นออกมาแต่ยุนอารับไว้ได้ทัน
“ไอ้บัดซบ นายมาจูบพี่ฉันได้ยังไง!!!”
“พอเถอะค่ะ!!”
ยูริเดินเข้ามาขวางพี่ชายของตัวเองและแทคยอนไว้ พลางอธิบายว่าการที่จะเข้าใจภาษาของมนุษย์ได้นั้นต้องใช้พลังจิตในการดึงเอาข้อมูลความเข้าใจนั้นมา ซึ่งสื่อกลางที่ดีที่สุดและจะได้ผลมากที่สุดคือริมฝีปากนั่นเอง
อูยองมองไปที่คนที่นั่งเงียบมาตลอด ที่เธอจูบเขาหรือที่ยูริจูบแทคยอนก็เหตุผลเดียวกันสินะ ยุนอายื่นมือมาแตะที่ไหล่แทคยอนให้ใจเย็นลง ส่วนตัวเองก็เดินเข้ามาใกล้นิชชาก่อนจะตบฉาดลงไปที่ใบหน้าหล่อ ๆ นั่น!!
“เพียะ!!!”
“เจ้า!!!!!”
นิชชาลุกขึ้นพลางสาวเท้าเข้ามาประชิดตัวยุนอา ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ได้ถอยหนีแต่อย่างใดกลับยืนประจันหน้ากับชายหนุ่ม ใบหน้างามเหยียดรอยยิ้มก่อนจะแค่นเสียงเอ่ยอย่างเย็นชา
“ฉันเข้าใจเหตุผลที่คุณทำ แต่ไปทำกับคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน!!”
“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาตบหน้าข้า”
“เรียกคืนค่าจูบของฉันไง”
“พอเถอะ นิชชา”
เสียงเรียบจากพี่สาวที่นั่งอยู่ทำให้น้องชายที่ยังไม่คลายอารมณ์โกรธยอมหันหลังกลับมานั่งแต่สายตาคมก็ยังคาดโทษหญิงสาวที่บังอาจตบหน้าเขาไว้ แทยอนมองยูริที่ยืนก้มหน้าอยู่ก่อนจะเรียกให้มานั่งอีกคน
“คุณจะช่วยอธิบายได้ไหมครับ”
อูยองเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบเมื่อทุกคนไม่มีใครพูดอะไรออกมา สายตานิ่งเฉยของแทยอนมองขึ้นมาสบกับชายหนุ่มก่อนจะยอมเปิดปากอธิบายเรื่องราวทั้งหมด
“พวกข้าเป็นคนจากโลกคู่ขนาน เดิมทีโลกทั้งสองไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันทั้งสิ้น แม้พวกข้าจะรู้ว่ามีโลกมนุษย์แต่กฎของโลกข้าคือห้ามยุ่งเกี่ยวใด ๆ ทั้งสิ้น”
เสียงกังวานทว่าราบเรียบเอ่ยช้า ๆ หากชัดเจนตอกย้ำในโสตประสาทของทุกคน นี่มันจะเหลือเชื่อเกินไปแล้ว แต่สิ่งที่ได้สัมผัสมากับตัวทำให้ไม่มีใครสามารถเอ่ยแย้งหรือปฏิเสธได้ว่าสิ่งที่หญิงสาวพูดมาไม่ใช่เรื่องจริง
“ตำนานที่พี่ยุนอาอ่านนั่นคือเรื่องจริงค่ะ อักษรที่จารึกไว้เป็นอักษรของโลกข้าเอง”
ยูริเอ่ยสำทับยิ่งทำให้ทั้งสามยิ่งนิ่งอึ้งเข้าไปใหญ่ ใจหนึ่งไม่อยากจะเชื่อ อีกใจหนึ่งก็ปฏิเสธไม่ลง แต่สิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจอูยองจนต้องเอ่ยถามออกมาไม่ใช่เรื่องพวกนี้
“แล้วที่ผู้หญิงคนนั้นเรียกเราว่า สายเลือดผสม คืออะไร”
แทยอนเหยียดรอยยิ้ม นึกสังเวชในโชคชะตาของพวกเธอเหลือเกิน การทำผิดกฎบทลงโทษคือชีวิตนั่นยังไม่พอ ตอนนี้ยังต้องมาข้องเกี่ยวกับ “สายเลือดผสม” อีกต่างหาก
“พวกเจ้าคือทายาทของสายเลือดผสม ระหว่างคนจากโลกทั้งสอง”
ดวงตาของทั้งสามเบิกกว้างขึ้นก่อนจะมองสบกันเองอย่างไม่แน่ใจ โดยเฉพาะน้องคนสุดท้องที่มีท่าทีต่อต้านตั้งแต่แรก
“คุณจะมารู้ได้ไง ไหนหลักฐาน ผมไม่เชื่อหรอก!!!”
“ต้องการหลักฐานจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ”
ดวงตาเย็นชาเชยขึ้นมาสบทำเอาแทคยอนหนาวไปถึงสันหลัง แต่หากความสงสัยในใจมีมากกว่าทำให้เขาเอ่ยท้าทายหญิงสาวอย่างไม่เกรงกลัว
“ใช่!!!!”
“ฉวก!!!”
ดาบประจำตัวที่ร่างบางหยิบออกมาจากฝักเมื่อไหร่ไม่รู้แทงทะลุช่องท้องของชายหนุ่ม ยุนอาและอูยองมองอย่างตกใจ โดยเฉพาะหญิงสาวที่กรีดร้องออกมาแทบสิ้นสติ เลือดสีแดงฉานพุ่งทะลักออกมาเปรอะเปื้อนร่างบางพร้อม ๆ กับร่างสูงที่ทรุดลงลมหายใจหอบรวยริน
แทยอนกระชากดาบออกอย่างแรงจนเลือดทะลักออกมาอีกรอบ อูยองรีบเข้ามารับร่างแทคยอนไว้ก่อนที่น้องชายจะล้มลงฟาดพื้น ยุนอามองแทยอนอย่างโกรธเกี้ยว
“คุณทำอะไรน้องชายฉัน!!!”
“พิสูจน์ให้เห็นไงว่าคุณเป็นสายเลือดผสม”
“ด้วยการแทงน้องชายฉันงั้นเหรอ”
“ถ้าเขาเป็นสายเลือดผสมจริง เขาจะไม่ตาย”
สีหน้าเย็นชาของหญิงสาวที่ปกติใครมองต้องเสียวสันหลังกลับไม่มีผลกับยุนอาที่เคียดแค้นร่างบางตอนนี้ มือบางยกขึ้นมาหมายจะทำร้ายหญิงสาวหากคนที่ห้ามเอาไว้คือ ยูริ
“พี่ยุนอา ใจเย็น ๆ นะคะ ท่านพี่แทยอนพูดจริง ข้าอาจจะไม่รู้ว่าพวกท่านเป็นสายเลือดผสมจริงหรือไม่ แต่หากเป็นจริง ๆ เจ้าโง่...เอ้ย แทคยอนไม่มีทางตายค่ะ”
“หมายความว่ายังไง”
“การที่สายเลือดของสองเผ่าพันธุ์ผสมกันก่อให้เกิดสายเลือดพิเศษ สายเลือดผสมเฉกเช่นเจ้าสามารถใช้พลังจิตได้เช่นกัน หากพวกเจ้าเป็นสายเลือดผสมจริง ๆ บาดแผลแค่นั้นไม่มีทางฆ่าเจ้าได้ พลังจิตคืออำนาจการควบคุมและก่อให้เกิด รักษาบาดแผลด้วยการเร่งให้เซลล์สมานกันซะ แล้วนั่นจะพิสูจน์ให้เห็นว่าเจ้าคือสายพันธุ์พิเศษ”
คำอธิบายยาวเหยียดไหลออกมาจากริมฝีปากบางเฉียบของสาวสวยหมดจดที่เช็ดเลือดออกจากดาบหากแต่ไม่สนใจเลือดที่เปรอะตามกาย มือขาวเก็บดาบเข้าฝักก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้าคนที่หายใจรวยรินเชยตามองเธอ
“แต่คุณไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้”
ยุนอาที่เข้าใจเหตุผลยังไม่ยอมรับอยู่ดีการเอาดาบเข้ามาแทงน้องชายของเธอแบบนี้ จะให้ยอมรับได้อย่างไร หากพวกเธอไม่ใช่สายเลือดที่ว่าเล่าจะทำอย่างไร
“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ปล่อยให้คนที่มีพระคุณกับน้องข้าตายหรอก”
ดวงตาที่มีแววเฉยชาของคนตรงหน้าสบกับยุนอาอย่างไม่มีการหลบสายตาเพื่อยืนยันว่าหล่อนพูดจริง พี่สาวของคนที่ถูกแทงจึงได้เงียบไป อูยองมองเหตุการณ์ทั้งหมดเงียบ ๆ แม้ในใจจะแทบเดือดกับการกระทำของร่างบางแต่เขาก็ทำเพียงแค่นิ่งเฉย
“แล้วอีกอย่าง พวกเจ้าไม่มีวันเชื่อข้าหากไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเองหรอก”
แทยอนเดินกลับมาทิ้งตัวลงนั่งข้างนิชชา ถ้อยคำสั้น ๆ ที่แทงใจคนฟังทั้งสาม ใช่ หญิงสาวพูดถูก ไม่มีใครสามารถเชื่อเรื่องพวกนี้ได้หากไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเองมาแล้วจริง ๆ ชายหนุ่มพี่คนโตเจ้าของบ้านมองร่างเล็ก หญิงสาวคนนี้เยือกเย็นและดูเย็นชา หากแต่ทุกการกระทำของเธอล้วนมีเหตุผลเหนืออารมณ์ในการตัดสินใจทั้งสิ้น
“เจ้าโง่ พยายามนึกว่ามีกระแสอะไรบางอย่างไหลเวียนในกายแล้วพยามเพ่งสมาธิรวบรวมมันไปเร่งการสมานบาดแผล”
“ละ...แล้วมันทำยังไงล่ะ ยัยบ้า!!”
“หึ พูดได้แบบนี้ไม่มีทางตายแน่นอน”
ยูริที่นั่งอยู่ข้างคนปางตายอธิบายการควบคุมพลังจิตเบื้องต้น ซึ่งร่างสูงที่เลือดยังคงไม่หยุดไหลก็มีหน้ามาต่อปากต่อคำกับร่างบางทำให้สาวน้อยเผยรอยยิ้มออกมา
แทคยอนนึกถึงคำพูดของยูริก่อนจะค่อย ๆ จินตนาการตาม บางสิ่งที่ไหลเวียนในกายทำให้ร่างสูงรู้สึกสัมผัสถึงมันได้ ร่างกายพลันรุ่มร้อนแปลกประหลาดราวกับเขาค้นพบสิ่งที่หลับไหลในตัวมานาน ชายหนุ่มค่อย ๆ รวบรวมกระแสพลังนั้นไปรวมที่บาดแผลที่ช่องท้อง ก่อนจะรู้สึกร้อนวูบวาบ เลือดค่อย ๆ หยุดไหลก่อนที่แผลจะค่อย ๆ สมานกันทีละน้อย
ยุนอาและอูยองเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของบาดแผลน้องชาย หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาสบตากับดวงตาเฉยชาของหญิงสาวอีกคนที่มองมาอยู่แล้ว ก่อนจะเม้มริมฝีปากเมื่อที่อีกฝ่ายพูดมาทั้งหมดไม่ใช่เรื่องโกหกแม้แต่น้อย อูยองมองน้องสาวตัวเองแล้วแตะที่ไหล่บางเบา ๆ แม้ตอนแรกจะไม่อยากเชื่อ แต่ตอนนี้ไม่มีสิ่งไหนที่จะพิสูจน์ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจริงอีกแล้ว
“แล้วตอนแรกคุณรู้ได้อย่างไรว่าเราเป็น สายเลือดที่ว่านั่น”
อูยองที่ปล่อยให้ยุนอาและยูริดูแทคยอนเดินเข้ามาหาร่างบางแต่ทิ้งระยะห่างไว้อย่างเหมาะสม แทยอนเงยหน้าขึ้นมาสบคนที่ยืนจ้องเธออยู่ก่อนจะยอมเอ่ยตอบ
“กลิ่นไอพลังจิตที่ไม่มีในมนุษย์ ยูริใช้พลังจิตจนหมดเลยไม่สามารถสัมผัสได้”
“งั้นคุณก็รู้อยู่ตั้งแต่แรกว่าพวกเรา คือ สายเลือดผสม”
“อาจใช่ แต่ข้าก็ไม่อาจเชื่อเรื่องที่อาจเป็นแค่ตำนานได้ จนได้เห็นจริง”
“แล้วคุณจะรู้ได้ยังไงว่าเป็นพวกเราจริง ๆ”
แทยอนเปรยตามองชายหนุ่มก่อนจะเหยียดรอยยิ้มเยือกเย็นให้ฉายบนดวงหน้า หญิงสาวลุกขึ้นก่อนจะเดินเข้ามาประชิดชายหนุ่ม อูยองรู้สึกถึงกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของคนตรงหน้า มือขาวดึงคอเสื้อของชายหนุ่มก่อนจะเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“พวกเจ้าไม่มีวันหนีความจริงได้หรอก สายเลือด เป็นสิ่งที่ไหลเวียนในกายไม่มีวันที่จะเปลี่ยนแปลงมันได้”
อูยองเหมือนจะเห็นแววตานิ่งงันนั้นไหววูบแปลกประหลาดชั่วแวบ คำพูดที่ราวกับจะตอกย้ำตนเองมากกว่าชายหนุ่ม ก่อนที่ร่างบางจะยอมปล่อยคอเสื้อชายหนุ่มโดยดี
“แต่พวกเจ้ามีพลังจิตก็พิสูจน์เพียงพอแล้ว หากยังไม่พอยังมีผู้หญิงที่ตามล่าเจ้าพิสูจน์ได้อีกอย่างหนึ่ง”
“หมายความว่ายังไง”
“มนุษย์ไม่เคยรู้สิ่งใดเลย”
นิชชาเอ่ยแทรกขึ้นมาก่อนจะเดินเข้ามาดึงพี่สาวตัวเองให้กลับมานั่ง เขาไม่อยากให้ครอบครัวเขาต้องมายุ่งเกี่ยวกับมนุษย์ไปมากกว่านี้ โดยเฉพาะมนุษย์ที่ว่านั่นคือ สายเลือดผสม
“หัวใจของพวกเจ้าคือพลังมหาศาลและความเป็นอมตะ”
คำพูดที่เอ่ยออกมาทำให้สายเลือดผสมทั้งสามนิ่งงัน ความเงียบเข้าปกคลุมห้องจนได้ยินเพียงเสียงหายใจของแต่ละคนเท่านั้น เนิ่นนานกว่าที่คนถามคำถามจะเอ่ยคำพูดออกมาต่อได้
“ที่ผู้หญิงคนนั้นเล่นงานพวกเราก็เพราะ...ต้องการหัวใจของพวกผมงั้นเหรอ”
“ใช่”
“เรื่องแบบนี้...จะเป็นไปได้ยังไง”
ยุนอากุมหัวพลางส่ายหน้าไปมาอย่างไม่สามารถกรับความจริงได้ ชีวิตที่อยู่อย่างสงบสุขมาตลอดยี่สิบกว่าปีแต่กลับพลิกผันในชั่วข้ามคืน แล้วยิ่งเรื่องหัวใจของเธออีกจะให้ทำใจเชื่อได้อย่างไร
“สิ่งที่จะทำให้เจ้าเชื่อไม่ใช่คำพูดของข้า แต่เป็นเหตุการณ์ที่เจ้าเจอมาแล้วต่างหาก”
ยูริฟังคำพูดพี่สาวตนแล้วยิ่งรู้สึกผิด โลกทั้งสองไม่เคยเกี่ยวข้องใด ๆ กันมากว่าร้อยปีแล้วจนมาถึงวันที่เธอเพียงแค่นึกสนุกเท่านั้น การกระทำที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอและคนทั้งหมดในห้องนี้
“แล้วเราจะทำยังไงต่อไป ผู้หญิงคนนั้นต้องตามล่าเราแน่ ๆ”
“อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยแทค พักผ่อนก่อนเถอะ”
ยุนอาปรามน้องที่บาดแผลเกือบสมานกันดีแล้ว หากแต่เขายังไม่สามารถใช้พลังจิตได้คล่องแคล่วขนาดนั้น ถึงแม้จะบาดเจ็บแต่ร่างสูงกลับฟังบทสนทนาทั้งหมดนั่นโดยตลอด
แทยอนนิ่งไป น้องสาวของเธอจึงรีบลุกขึ้นมาหาคนเป็นพี่ทั้งสองแล้วเอ่ยอย่างรวดเร็วด้วยใจที่ร้อนรน
“ท่านพี่ เราต้องช่วยพวกเขานะคะ”
“ทำไมเราต้องช่วยพวกนี้ด้วยแหละ ยูริ”
“ท่านพี่นิชชา!!!!!!”
“พอทั้งคู่ พวกเจ้าต้องไปโลกคู่ขนานกับพวกข้า”
แทยอนตัดบททะเลาะของน้องทั้งสองก่อนจะหันมาพูดกับอูยองที่รับเรื่องพวกนี้ได้อย่างสงบจนน่าตกใจ
“ทำไมเราต้องไปกับพวกคุณ เราไม่อยากไป”
“งั้นก็เลือกเอาจะตายอยู่ที่นี่หรือจะไปกับเราแล้วมีทางรอด”
“คุณ!!!!!!”
“พอก่อนยุนอา”
อูยองหันมาหยุดน้องสาวที่เตรียมจะลุกขึ้นเอาเรื่องร่างเล็กบางตรงหน้าที่เท่าที่ดูแล้วยุนอาไม่สามารถเอาชนะได้เลย ก่อนจะหันมาเป็นคนเปิดเจรจากับร่างเล็กแทน
“พวกคุณรับรองความปลอดภัยของพวกเราได้เหรอครับ”
“ไม่ใช่แค่พวกข้า แต่เป็นโลกของข้าต่างหาก ที่พวกข้าต้องพาเจ้าไปด้วยเพราะหากปล่อยให้หัวใจของพวกเจ้าอยู่ในมือนาง เท่ากับทำลายทุกสิ่งทุกอย่างชัด ๆ”
คำอธิบายทำให้ทุกคนกระจ่าง หญิงสาวทำเพื่อโลกของตน หากพวกเขายังดึงดันที่จะอยู่ที่นี่ อาจจะตายด้วยน้ำมือผู้ที่ต้องการแย่งชิงหัวใจของพวกเขาและคนผู้นั้นก็จะกลายเป็นอมตะ โลกคู่ขนาน ไม่สิ โลกทั้งสองใบต้องตกอยู่ในอันตรายแน่นอน
“งั้นพวกผมตกลงครับ เข้าใจไหมยุนอา”
“ค่ะ พี่อูยอง”
“ดี เราจะไปโลกคู่ขนานกัน”
แทยอนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนจะปรายตามองทุกคนในห้องที่จมอยู่กับความคิดตนเอง
ไม่ว่าชะตาข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เธอได้แต่ทำใจยอมรับสินะ
ร่างแน่งน้อยหลับตาลง อย่างน้อยถึงแม้พวกเธอจะเป็นต้นเรื่องแต่สภาคงยังไม่สามารถฆ่าพวกเธอได้ก่อนจะหาผู้ที่คิดจะชิงหัวใจของสายเลือดผสมได้ล่ะมั้ง
100% ค่ะ ฟู่ว์~
ครึ่งหลังไม่มีอะไรมาก อธิบายอย่างเดียว
แทยอนดูป่าเถื่อนและเลือดเย็นไปหน่อย แต่ก็มีเหตุผลน้า
ตอนหน้าจะเป็นจุดเริ่มต้นจริง ๆ แล้วค่ะ ทุกคนไปโลกคู่ขนานแล้ว
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะคะ อยากให้มีเม้นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จัง
แล้วจะรีบมาต่อเน้อ~
ความคิดเห็น