คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : The Magic Night Chapter 1 100%
The Magic NighT Chapter 1
..ท่องโลกมนุษย์..
“โครม ยูริ!!!!”
น้ำเสียงร้อนรนของหญิงสาวตะโกนหาน้องของตนก่อนจะเบิกตากว้างตกใจกับสภาพบ้านที่กระดาษเอกสารมากมายปลิวว่อนตกไปทั่วห้อง ข้าวของที่เมื่อเช้าเป็นระเบียบเรียบร้อยกลับกระจัดกระจายไปทั่ว เป็นเพราะแรงลมจากประตูเชื่อมมิติที่ยูริเปิดไปโลกมนุษย์ทำให้บ้านกลายสภาพเป็นอย่างที่เห็น
หญิงสาวร่างเล็กทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรงพลางกำมือจนซีดขาว น้องชายของหล่อนรีบเข้ามาประคองพี่ตัวเองลุกขึ้นก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“ท่านพี่เราจักทำเยี่ยงไร ข้าจะไปตามน้อง”
“ใจเย็นนิชชา ไปจัดการคนขับรถม้าให้กลับไปแจ้งว่าวันนี้ข้าและเจ้าติดธุระเข้ากรมไม่ได้เสียก่อน...”
“แต่ว่าท่านพี่ ข้าจะไปตามยูริกลับมา!!”
“นิชชา เจ้าอย่าวู่วามทำตามที่พี่สั่ง!!”
น้ำเสียงของหญิงสาวเข้มขึ้นเมื่อความใจร้อนของน้องชายกำลังเพิ่มสูง นิชชาจำต้องพยักหน้ารับแล้วกลับออกไปจัดการตามที่พี่สาวบอกทั้ง ๆ ที่ในใจร้อนรนราวกับน้ำเดือด
“ไม่มีไอการใช้พลังจิต ยูริคงพรางมันไว้สินะ”
แทยอนพึมพำ สมองของเธอกำลังประมวลผลเพื่อหาทางจัดการเรื่องทั้งหมด ร่างบางตรงเข้าไปที่หนังสือเล่มหนาที่วางกองไว้หากปรากฏว่ามันกลับถูกลมตีจนเกือบจะขาดกระจุย
“ท่านพี่ เราไปตามยูริกันเถอะ”
“ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้เรื่องที่ยูริทำผิดกฏของโลกนี้เพราะยูริใช้มนต์อำพรางการใช้พลังจิต นิชชาเราจะให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นยูริจะต้อง.....”
..........มีเพียงความตายเท่านั้นสำหรับผู้ที่ทำผิดกฎของโลกนี้..........
“แล้วเราจะทำเยี่ยงไร ท่านพี่”
“เจ้าไปเตรียมตัวตรวจดูรอบบ้านให้พร้อม พี่จะไปทำเรื่องขอลาหยุดงานที่กรม ต้องหาเหตุผลที่แนบเนียนพอ ทำเรื่องเสร็จเราจะไปโลกมนุษย์กัน”
“ชักช้าไม่ได้นะท่านพี่ ยูริ จะเป็นเยี่ยงไรบ้างก็ไม่รู้”
“พี่ห่วงยูลไม่แพ้เจ้า แต่หากไม่ทำเยี่ยงนี้ น้องเราอาจจะโดนลงโทษอย่างแน่นอน”
แทยอนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบลงกว่าเดิมก่อนจะเดินไปจัดการเรื่องให้เรียบร้อยด้วยความร้อนรน น้องสาวของเธอจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ นิชชามองตามร่างเล็กของพี่สาวแล้วจำใจลุกขึ้นตามคำสั่ง พี่ของเขารู้ว่าควรทำอย่างไรและนั่นทำให้เขาต้องทำตาม
“เจ้าจะรู้ไหมนะ ยูล ว่าเจ้ากำลังทำผิดกฎร้ายแรงที่สุดของโลกนี้เพียงเพราะความสนุกของตนเอง”
“ตุ้บ!!!”
เสียงของหล่นลงมาตรงกองกล่องกระดาษด้านหลังทำให้ชายหนุ่มกลุ่มใหญ่ที่อาศัยแถวนี้เป็นแหล่งรวมตัวหันกลับไปมอง ชายที่เป็นหัวหน้าใหญ่กระดิกนิ้วสั่งลูกน้องให้ไปดูว่ามีอะไรร่วงหล่นลงมาในที่ของพวกเขา
“ลูกพี่!!! ผู้หญิงครับลูกพี่”
“อะไรนะ เอาตัวมาตรงนี้สิ”
คนที่เป็นลูกน้องรีบช้อนตัวหญิงสาวที่ยังคงสลบไสลมาวางไว้หน้าลูกพี่ตน เสียงฮือฮาดังขึ้นรอบทิศเมื่อพิจารณาหญิงสาวที่นิ่งสนิท โดยเฉพาะคนที่เป็นหัวหน้าใหญ่ที่นี่ถึงกับแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างหื่นกระหาย
“แม่เจ้าโว้ย สวยยังกับนางฟ้าแถมยังแต่งคอสเพลย์อีก เสียดายน่าจะเป็นสีขาว”
มือใหญ่หยาบกระด้างลูบที่หน้าเนียนสวยก่อนจะจับชายกระโปรงหญิงสาวที่รุ่มร่ามคล้ายชุดแนวโกธิคสมัยนี้ แต่มันก็ดูเหมาะกับหญิงสาวไม่น้อย การกระทำหยาบจ้วงชะงักเมื่อเห็นร่างบางเริ่มขยับ เปลือกตาของหญิงสาวกระพริบถี่ ๆ เมื่อเจ้าของร่างเริ่มได้สติ
“...ที่นี่มันที่ไหนกัน..”
เสียงพึมพำแผ่วหวานหากฟังแล้วไม่สามารถเข้าใจได้ ราวกับเธอใช้ภาษาที่ไม่ใช่ภาษามนุษย์
“น้องสาวเจ็บตรงไหนไหมจ๊ะ หึหึ”
เสียงที่เรียกสติของหญิงสาวให้ตื่นเต็มที่ เธอผุดลุกขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงห้าวที่ไม่อาจเข้าใจได้ ดวงตากลมมองรอบข้างอย่างหวาดระแวงก่อนจะหาทางหนีทีไล่ให้แก่ตัวเองเมื่อพบว่าเธออยู่ในวงล้อมของชายหนุ่มนับสิบคน
“อย่ากลัวไปเลยหนูน้อย มาเล่นสนุกกับพวกพี่ดีกว่า”
เหงื่อไหลลงมาตามใบหน้านวล ในใจกำลังคิดว่าทำไมมนต์อำพรางที่ใช้พลังจิตร่ายมาก่อนเข้าประตูลมถึงไม่ได้ผล แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมานั่งคิดเรื่องนั้น มือเล็กถูกยกขึ้นมาด้านหน้าก่อนจะชี้ไปที่กองลังกระดาษ หญิงสาวเค้นพลังจิตที่รู้สึกได้ว่ามันแทบจะไม่มีเหลือไหลเวียนในกายเฮือกสุดท้ายก่อนที่ลังทั้งหมดจะลอยขึ้นแล้วหล่นลงมาทับชายหนุ่มที่ยืนล้อมเธอเกือบหมด เหลือแต่หัวหน้าใหญ่ของมันที่มองเธอมาอย่างอึ้ง ๆ แล้วรีบพุ่งเข้ามาหมายจะไม่ให้เธอทำแบบนั้นได้อีกเป็นครั้งที่สอง
ร่างในชุดเดรสรุ่มร่ามสีดำสนิทเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วโดยที่ชุดไม่เป็นอุปสรรคเลยสักนิด เธอสไลด์ตัวหลบชายหนุ่มที่ร่างหนากว่าตนเท่าตัวแล้วออกวิ่งทันที การที่เรียนรู้วิธีเอาตัวรอดมาตลอดสอนให้รู้ว่าตอนนี้ต้องหลบไปตั้งหลักก่อน จะดีกว่าสุ่มสี่สุ่มห้าสู้โดยไม่รู้อะไรเลย
หญิงสาวที่ออกแรงวิ่งสุดฤทธิ์ได้ยินเสียงฝีเท้าหลายคู่ที่ตามมาติด ๆ ทำไมตอนนี้เธอถึงรู้สึกไม่มีแรงเอาเสียเลยนะ แต่ในเมื่อพวกนั้นจะตามมาทันเธอจึงพยายามวิ่งให้เร็วขึ้นอีกทั้ง ๆ ที่แทบจะไม่มีแรงแล้วก็ตาม
“ตามจับให้ได้เร็วเข้า!!”
เสียงตะโกนที่เป็นเสียงเดียวที่พูดกับเธอทำให้หญิงสาวตกใจ มันตามกันมาเร็วขนาดนี้เชียว ร่างบางตัดสินใจวิ่งเข้าไปในร้านหนึ่งทันที ดีที่มันไม่ได้ล็อคแม้จะแขวนป้ายว่า Close อยู่
เสียงประตูร้านทำให้ชายหนุ่มที่กำลังกวาดพื้นเงยหน้ามามองอย่างแปลกใจ หญิงสาวที่อุกอาจเข้ามาในร้าน เธอรีบวิ่งไปหลบหลังเคาท์เตอร์ที่มีชายหนุ่มอีกคนกำลังนั่งเช็ดแก้ว เขามองเธออย่างตกใจเมื่อหญิงสาวล้มฟุบลงไปทันที
“เฮ้ย ผู้หญิงที่วิ่งเข้ามาในนี้ไปไหนแล้ววะ”
เสียงห้าวที่ตะโกนเข้ามาทำให้สองหนุ่มที่อยู่ในร้านเข้าใจสถานการณ์ทันที คนที่กำลังเช็ดแก้วค่อย ๆ วางแก้วค็อกเทลอย่างบรรจงแล้วเอ่ยปากบอกอีกคนที่กำไม้กวาดสะบัดไปมา
“จัดการหน้าร้านที่สิ เดี๋ยวจะได้เวลาเปิดร้านแล้ว”
“ได้เลยครับพี่ ผมจะกวาดพวกมันให้ไปไกล ๆ เลย”
ร่างสูงเดินออกไปหน้าร้านที่เต็มไปด้วยเสียงโหวกเหวกโวยวาย ก่อนเสียงนั้นจะหายไปแล้วแทนที่เสียงร้องโอดโอยที่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ
หญิงสาวส่งเสียงครางเมื่อรู้สึกถึงอะไรเย็น ๆ ข้างแก้มทำให้คนพยาบาลยิ้มอย่างดีใจเมื่อคนที่เธอกำลังดูแลอยู่ฟื้นแล้ว ร่างบางที่นอนอยู่ทะลึ่งพรวดทันทีเมื่อนึกไว้ว่าเธอกำลังหนีพวกอันธพาลอยู่
“ไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ”
เสียงหวานของคนที่ในมือมีผ้าที่เป็นตัวการทำให้เธอรู้สึกเย็นเรียกให้หญิงสาวหันไปมอง เธอเป็นคนที่ดูสวยสง่าผมยาวตรงถึงกลางหลัง ดวงตาสุกใสสกาว ผิวขาวเนียนน่าสัมผัสต่างกับเธอที่ผิวของเธอออกจะดูคล้ำกว่าคนตรงหน้า
“ยุนอา ผู้หญิงคนนั้นเป็น...อ้าว ฟื้นแล้วเหรอ”
ดวงตากลมกวาดมองสองผู้มาใหม่ คนแรกที่เป็นผู้พูดสูงน้อยกว่าอีกคนที่เดินเข้ามาด้วย ใบหน้าที่ติดจะตี๋ดูน่ารักแต่ก็สมชาย ผิดกับอีกคนที่สูงสง่าและมีใบหน้าหล่อเหลา
“พี่อูยองคะ อย่าส่งเสียงดังนักสิ เห็นไหมน้องเขาดูตกใจแล้ว”
“ผมว่าดูเธอจะสติฟั่นเฟือนจนดูเหมือนไม่เข้าใจที่เราพูดมากกว่ามั้ง พี่ยุนอา”
“แทคยอน!!”
ชายหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดในบรรดาสามคนนี้ยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนป่วยเพื่อสังเกตว่าหญิงสาวเป็นอะไรทำไมถึงทำท่างงว่าเขาพูดอะไรกัน
หญิงสาวที่เพิ่งฟื้นไข้ไม่สามารถเข้าใจภาษาที่คนทั้งสามใช้พูดได้ นี่งั้นหรือภาษามนุษย์ รอยยิ้มจุดที่มุมปากของสาวน้อยผู้แสนซุกซน วิธีที่จะเข้าใจภาษาของพวกมนุษย์นี่ง่ายนิดเดียว ชายหนุ่มผู้ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ตกใจกับรอยยิ้มที่เสริมให้ใบหน้านั้นดูสดใสขึ้นโดยไม่รู้ตัวเลยว่ากลายเป็นเป้าหมายของหญิงสาวเสียแล้ว
ใบหน้าของแทคยอนถูกยึดด้วยมือน้อยของคนป่วย ก่อนที่ริมฝีปากบางจะทาบที่ริมฝีปากของชายหนุ่ม ความอบอุ่นแผ่ซ่านจนคนที่ถูกจูบที่หน้าผากหน้าแดง ไม่ต่างกับอีกสองคนที่มองอย่างตกใจ ชายหนุ่มจึงรีบผละออกทันที
“ทำบ้าอะไรของเธอน่ะ ยัยบ้า!!”
“อย่ามาเรียกข้าอย่างนั้นนะ”
ในเมื่อเข้าใจภาษาของมนุษย์แล้วริมฝีปากก็เปิดการตอบโต้ทันที ก่อนหันไปยิ้มให้อย่างน่ารักกับหญิงสาวที่พยาบาลเธอ
“ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยข้าไว้”
“เอ่อจ้ะ แล้วเธอ....”
“ข้าชื่อ ยูลคิน่า ยูริ คิมิเรส เรียกสั้น ๆ ว่ายูริก็ได้”
ยุนอาและอูยองฟังชื่อของหญิงสาวด้วยความฉงน ชื่อของเธอแปลกหนำซ้ำยังมีชื่อกลางเหมือนไม่ใช่คนเกาหลี ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้เอ่ยถามอะไร แทคยอนที่ไม่สนใจฟังชื่อของเธอสักนิดเพราะมัวแต่โมโหการกระทำอุกอาจของหญิงสาวตรงหน้ากลับสวนคำพูดใส่หญิงสาวทันที
“ไม่ให้ฉันเรียกเธอว่า ยัยบ้า จะให้เรียกว่าอะไร ยัยหน้าด้านเหรอ เธอมาจูบฉันได้ยังไงห๊ะ!!!”
ยูริหน้าแดงก่ำด้วยความโมโหทันทีที่ถูกว่า ร่างบางสะบัดตัวลุกขึ้นมาประจันหน้ากับชายหนุ่มแล้วเปิดปากโต้คารมอย่างไม่น้อยหน้า
“หากไม่จำเป็น ข้าก็ไม่อยากใช้ริมฝีปากอันสูงส่งของข้าแตะปากเน่า ๆ ของเจ้าหรอก!!!”
“จะแก้ตัวเหรอ ยัยหน้าด้าน!!”
“อย่ามาเรียกข้าด้วยคำหยาบแบบนั้นนะ”
“มีสิทธิ์ห้ามฉันด้วยเหรอ คนไร้ยางอาย”
“พอทั้งคู่นั่นแหละ!!!”
อูยองส่งเสียงห้ามสงครามน้ำลายของน้องชายและหญิงสาวปริศนา ยูริที่เริ่มรู้สึกตัวว่าเสียมารยาทกับผู้ที่ช่วยเธอไว้จึงทิ้งสายตาจิกกัดให้แทคยอนแล้วหันมาสนทนากับอูยองและยุนอาแทน
“ข้าขอขอบคุณท่านทั้งสองมากที่ช่วยข้าไว้ ท่าน...”
“ฉันชื่อยุนอา ส่วนนี่พี่อูยองและที่เธอทะเลาะด้วยนั่นแทคยอน น้องชายของฉันจ้ะ เธอหนีออกจากบ้านมาเหรอยูริ”
“ไม่ใช่ค่ะ ข้ามาจากอีกโลกหนึ่งต่างหาก”
“ห๋า!! ยัยนี่ท่าทางจะสติฟั่นเฟือนจริง ๆ อย่าไปพูดกับยัยนี่เลย พี่ยุนอา”
แทคยอนเอ่ยขัดบทสนทนาของยูริและยุนอาจนได้สายตากินเลือดกินเนื้อของหญิงสาวไปเป็นการตอบแทน ยุนอาส่ายหน้าไม้เบื่อไม้เมาทั้งคู่ก่อนจะกลับมาให้ความสนใจกับเรื่องของหญิงสาวตรงหน้าต่อแทน
“ไม่ต้องโกหกก็ได้นะยูริ เราไม่บอกทางบ้านเธอหรอกจ้ะ”
“ข้าเปล่านะ ข้า....จะพิสูจน์ให้ดู...”
ยูริที่พยายามหาคำอธิบายแต่ฉุกคิดได้ว่าแสดงให้เห็นเลยน่าจะดีกว่า นิ้วมือเรียวยาวถูกยกขึ้นมาชี้ไปที่กะละมังเพื่อใช้พลังจิตบังคับให้ลอยขึ้นแต่กะละมังที่ว่านั่นไม่มีท่าทีจะขยับแม้แต่น้อย
“ทะ...ทำไมข้าถึงใช้พลังจิตไม่ได้ล่ะ...”
พี่น้องทั้งสามมองหญิงสาวที่ก้มลงมองมือตัวเองอย่างกังวลใจ เธออาจจะเป็นคนไข้ที่หนีออกมาจากโรงพยาบาลหรือวัยรุ่นที่หนีออกจากบ้านมาเพราะพ่อแม่ไม่ยอมรับในเรื่องที่ตนชอบก็เป็นได้
หญิงสาวผู้มีดวงตาสุกใสทอดมองสาวน้อยในชุดรุ่มร่ามสีดำอย่างสงสาร เธอไม่สามารถปล่อยคนตรงหน้าให้ไปตกระกำลำบากที่ไหนเองได้ อาจจะเป็นเพราะเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เด็กทำให้เข้าใจรสชาติของความโดดเดี่ยวไร้ซึ่งที่พึ่งให้ยึดล่ะมั้ง
“ช่างเถอะยูริ เธอจะพักที่นี่ให้สบายใจก่อนก็ได้ เรามีห้องว่างอีกตั้งหลายห้อง ได้ใช่ไหมคะพี่อูยอง”
“อืม ก็ดีกว่าปล่อยให้โดนวิ่งไล่แบบเมื่อกี้”
“พี่ยุนอาไม่ได้นะ ผู้หญิงคนนี้เป็นใครก็ไม่รู้เมื่อกี้ก็โดนอันธพาลวิ่งไล่มา เธออาจจะป็นคนไม่ดีก็ได้”
“แล้วนายจะปล่อยให้ผู้หญิงคนเดียวออกไปตอนมืด ๆ ค่ำ ๆ แบบนี้เหรอ”
“........ไม่รู้ ผมไม่สนแล้ว จะทำอะไรกันก็เชิญ”
ยุนอาแย้มรอยยิ้ม สุดท้ายน้องชายของเธอก็ไม่กล้าปล่อยให้ผู้หญิงคนเดียวไปเผชิญโลกกว้างยามดึกคนเดียวหรอก
“เอาเป็นว่าพักผ่อนเถอะจ้ะ พักที่นี่ก่อนแล้วค่อยว่ากันใหม่ พวกฉันต้องไปเปิดร้านแล้วล่ะ”
ทั้งสามเดินออกจากห้องไป โดยแทคยอนไม่วายส่งสายตาล้อเลียนและคำพูดที่ว่าเธอบ้าทิ้งท้าย ยูริหาได้สนใจคำพูดเหล่านั้นไม่ หญิงสาวเอาแต่มองมือตนเองแล้วพึมพำแผ่วเบา
“ทำไมข้าถึงใช้พลังจิตที่โลกมนุษย์ไม่ได้”
“นิชชา เจ้าพร้อมรึยัง”
“พร้อมแล้วท่านพี่”
“จำไว้นะ ถ้าเราใช้พลังจิตจนหมดเราจะไม่สามรถฟื้นฟูพลังจิตได้ที่โลกมนุษย์ ฉะนั้นพี่จะเป็นคนเปิดประตู เจ้าต้องเก็บพลังจิตของเจ้าไว้เปิดประตูตอนกลับ”
“มันกินพลังเยอะขนาดนั้นเลยเหรอท่านพี่”
“หึ เนิ่นนานมาแล้วไม่มีใครสามารถเปิดประตูเชื่อมมิติได้เพราะพลังจิตไม่กล้าแข็งพอ ต้องขอบคุณสายเลือดที่ไหวเวียนในกายล่ะมั้งที่ทำให้เราเพียงคนเดียวสามารถเปิดประตูเองได้ โดยเฉพาะยูริ”
น้ำเสียงขมขื่นทำให้นิชชารู้ตัวว่าได้ไปสะกิดแผลของพี่สาวเข้าเสียแล้ว แต่เขาเองก็มีแผลนี้เช่นกัน ตระกูลแสนสูงส่ง คิมิเรส มันก็แค่คำเรียกสวยหรู หากคนที่ต้องมาแบกรับตระกูลนี้ไว้บนบ่าเท่านั้นถึงจะรับรู้ได้ถึงความเกลียดชังทั้งจากคนอื่นและจากตัวเองที่มีต่อสายเลือดของตน สายเลือดที่เปรียบเสมือนสุนัขรับใช้ของสภา
“พี่จะเปิดประตูแล้วนะ!!”
บริบทเดียวกับที่ยูริเคยท่องไหลออกจากปากของหญิงสาวก่อนประตูลมขนาดใหญ่จะบังเกิดขึ้นตรงหน้าทั้งสอง ภาพภายในกระตุ้นความรู้สึกของคนทั้งคู่ให้ก้าวเข้าไปในนั้นก่อนสติทั้งหลายจะดับวูบไป
แสงแดดที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่างเรียกให้หญิงสาวฟื้นขึ้นจากนิทรา ยูริบิดกายไปมาก่อนจะนึกได้ว่าตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ที่โลกของตัวเอง หญิงสาวลุกจากเตียงก่อนจะเดินมาหยุดที่หน้าต่างบานใหญ่ ดวงตาคู่งามไหวระริกเมื่อมองออกไปภายนอก ตึกราบ้านช่องระฟ้าสร้างความตระการตาให้เธอ โลกของเธอมีเพียงบ้านอิฐแดง กระท่อมไม้เท่านั้น ช่างต่างกับโลกมนุษย์โดนสิ้นเชิง
“ตื่นแล้วเหรอยูริ”
“ค่ะ ท่านยุนอา”
ยุนอาขมวดคิ้วกับคำเรียกขานแปลก ๆ ของยูริ ท่าทางของเธอนั้นเหมือนไม่ใช่คนในโลกนี้จริง ๆ โดยเฉพาะการพูดการจา
“เรียกฉันว่า พี่ยุนอา เถอะ นี่ชุดไปอาบน้ำเถอะจ้ะ พี่อูยองกำลังทำอาหารเช้าอยู่”
“ขอบคุณมากนะคะ”
ยูริที่กำลังตื่นตาตื่นใจกับสิ่งต่าง ๆ กระดี้กระด๊ารับเสื้อผ้าจากยุนอาแล้วเข้าห้องน้ำไป ยุนอามองร่างโปร่งที่สูงพอ ๆ กับเธอแต่นิสัยเด็กแล้วส่ายหน้า ยูริเหมือนเด็กไร้พิษภัย เหมือนเธอได้น้องสาวมาเพิ่มคนหนึ่ง
“ปัง โครม!!!”
เสียงดังมาจากในห้องน้ำเรียกให้ยุนอาวิ่งไปที่ประตูก่อนจะเคาะถามคนข้างในอย่างเป็นห่วง ยูริเปิดประตูออกมาในสภาพเปียกโชกก่อนจะเบะปากเอ่ยกับยุนอา
“ข้าไม่รู้จะหาน้ำจากไหน ข้าเลยลองทุบไอ้ที่คล้าย ๆ ลูกบิดดู น้ำมันเลยพุ่งออกมาจากไอ้แท่ง ๆ นี่ ทำให้ข้าลื่นล้ม ไอ้ของพวกนี้มันอะไรกันเหรอคะพี่ยุนอา”
ยุนอาอ้าปากค้าง ยูริไม่รู้จักทั้งก๊อกน้ำแบบกดเปิดและฝักบัว ท่าทางของหญิงสาวนั้นไม่รู้จริง ๆ หรือถ้าจะแสร้งทำมันก็จะเหมือนไปหน่อยแล้ว
“งั้นเดี๋ยวพี่บอกให้ละกัน”
.....วันนี้จะอาบน้ำเสร็จไหมละเนี่ย......
“นี่อะไรเหรอคะ ข้ากินเจ้านี่ได้หรือเปล่า”
ยูริใช้ส้อมเขี่ยไส้กรอกในจานไปมา ตอนนี้หญิงสาวอยู่ในชุดเสื้อยืดพอดีตัวและกางเกงขาสั้นเหนือเข่า ทำให้เธอดูสบาย ๆ หากแต่ต้องยอมรับว่ายูริในชุดรุ่มร่ามสีดำนั้นเหมาะสมกว่าด้วยเหตุอะไรก็ไม่สามารถบอกได้ แทคยอนสบตากับอูยองแล้วหันมาใช้สายตาถามยุนอา ซึ่งหญิงสาวทำเพียงยักไหล่
“นั่นเรียกว่า ไส้กรอกจ้ะ ยูริลองกินดูสิ”
“รสชาติแปลกดีนะคะ อร่อยจัง”
ยุนอาถอนหายใจก่อนจะลากพี่และน้องมาอธิบายเรื่องราวตอนอาบน้ำของยูริ นั่นทำให้อูยองและแทคยอนเลิกคิ้วอย่างแปลกใจก่อนจะมองไปที่หญิงสาวที่สนุกสนานกับการกินอาหารอย่างสงสัย
“ถ้าไม่ติดว่าเธอพูดภาษาเรานะ ฉันเชื่อว่าเธอคงมาจากที่อื่นจริง ๆ”
ยุนอาบอกกับพี่น้องของเธอ ก่อนที่อูยองจะทำท่าครุ่นคิด มีเพียงแทคยอนเท่านั้นที่โบกมือไปมาแล้วพูดอย่างหงุดหงิด
“จะบ้าเหรอพี่ มีที่ไหนอีกโลก ผมว่ายัยนั่นเสแสร้งเพราะไม่อยากกลับบ้านมากกว่า”
“ทำไมนายอคติกับยูริจังนะ แทคยอน”
“พี่ยุนอาลองมาเป็นผมไหมล่ะ อยู่ดี ๆ ก็โดนลากไปจูบซะงั้น ใครจะไม่โกรธมั่ง”
สามคนที่กำลังคุยกันอยู่หยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงวางช้อนส้อมของหญิงสาว นัยน์ตาใสซื่อถูกส่งมาสบกับสามพี่น้องก่อนน้ำเสียงสดใสร่าเริงจะกล่าวออกมา
“ข้าอยากเที่ยวโลกมนุษย์ ช่วยพาไปหน่อยได้ไหมคะ!!”
-----------------------------
“แล้วทำไมฉันถึงต้องเป็นคนพาเธอมาเที่ยวด้วยเล่า!!”
“เพราะพี่ยุนอาและพี่อูยองไม่ว่างไง เจ้าโง่”
“ยัยบ้าแบบเธอว่าฉันได้ด้วยเหรอ”
“นี่เจ้า ข้าไม่ได้บ้านะ พูดให้มันดี ๆ หน่อย”
“คนอย่างเธอฉันไม่อยากจะพูดดีด้วยหรอก”
“ถ้าพี่ยุนอาว่างคงจะดี ไม่ต้องมากับคนแบบเจ้า”
“ฉันก็มากับเธอเพราะโดนสั่งนั่นแหละ”
แทคยอนและยูริยืนหอบหลังจากใช้พลังไปกับการโต้คารมกัน หญิงสาวใช้สายตามองชายหนุ่มอย่างหาเรื่อง เมื่อเขาหาว่าเธอเป็นคนสติไม่สมประกอบ ทำไมไม่มีใครเชื่อเรื่องที่เธอมาอีกโลกหนึ่งเลย
....นี่แหละนะ มนุษย์ผู้โง่เขลาที่ถูกปิดกั้นความจริงมานานแสนนาน...
เสียงที่แว่วเข้ามาในโสตประสาททำให้ยูริเบิกตากว้างแล้วหันรีหันขวางหาต้นเสียงนั้นแต่ก็ไม่พบใครนอกจากเธอและแทคยอนที่ยืนอยู่กลางสวนสาธารณะ เสียงของใครกัน
“เจ้า เจ้าได้ยินเสียงผู้หญิงไหม”
“เสียงอะไรอีกล่ะ เธอนี่ถ้าจะบ้าก็พอเถอะ ไปได้แล้ว ฉันไม่อยากเสียเวลากับเธอทั้งวันหรอกนะ”
“นี่ข้าหูแว่วไปเองงั้นเหรอ”
ยูริพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะละความสนใจเมื่อนึกว่าตนหูฝาดไปจริง ๆ หญิงสาวรีบวิ่งตามร่างสูงที่เดินลิ่วไปก่อนแบบไม่มีการรอ โดยไม่ทันสังเกตต้นไม้ใกล้ ๆ ที่จุดที่เธอยืน ต้นไม้ที่ไร้สิ่งใดบนนั้นกลับปรากฏร่างของหญิงสาวในชุดรุ่มร่ามสีดำราวมัจจุราช ผมรุงรังยาวสยายปลิวไปตามแรงลม ริมฝีปากสีดั่งโลหิตแย้มรอยยิ้มอย่างโหดเหี้ยมก่อนร่างนั้นจะค่อย ๆ หายไปกับสายลม
“หูยยย นี่อะไรเหรอ กินได้หรือป่าวเจ้าโง่”
“เธอ เบา ๆ หน่อยได้ไหม ฉันอายคนอื่น”
เสียงของหญิงสาวที่ดังไม่น้อยเมื่อยืนอยู่หน้าตู้ขายไอศกรีม แทคยอนแทบจะเอาหน้ามุดดินหนีเมื่อคนรอบข้างรวมถึงคนขายหันมามองเขาและเธอแปลก ๆ
“ไม่รู้จักไอศกรีมเหรอไง ยัยบ้า แล้วชื่อฉันมีกรุณาเรียกดี ๆ หน่อย”
“ทีเจ้ายังไม่เรียกชื่อข้าเลย”
“เรื่องของฉัน”
“งั้นก็เรื่องของข้า ที่จะเรียกเจ้าว่าเจ้าโง่เหมือนกัน”
เขาและเธอไม่เคยพูดกันดี ๆ ได้เกิน 1 นาทีเลยจริง ๆ ชายหนุ่มพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดแบบนี้มันไม่น่าซื้อให้กินเลยจริง ๆ แต่เมื่อเหลือบไปเห็นแววตาเป็นประกายของคนที่เกาะอยู่หน้าตู้ขายแล้วก็อดใจอ่อนไม่ได้
“เธอจะเอารสอะไร”
“เอ๋ เจ้าจะซื้อให้ข้าเหรอ ใจดีเหมือนกันนี่”
รอยยิ้มดีใจแบบเด็ก ๆ ฉาบบนใบหน้างาม รอยยิ้มที่ทำให้แทคยอนอดพิจารณาคนตรงหน้าไม่ได้ เธอเป็นคนที่สวยแบบหาตัวจับยากเหมือนกันถ้าไม่นับปากเสีย ๆ ของเธอแล้วล่ะก็นะ
“ข้าไม่รู้หรอกเจ้าเลือกให้เข้าอันหนึ่งละกัน”
“เออ งั้นคุณครับผมเอาช็อกโกแลตกับวานิลลาอย่างละแท่งครับ”
ชายหนุ่มรับไอศกรีมจากคนขายแล้วส่งให้หญิงสาวถือก่อนจะจ่ายตังแล้วพากันมาหาที่นั่งทานไอศกรีม
“อ๋า ทำไมมันเย็นแบบนี้ล่ะ”
ยูริที่ใช้ฟันกัดเข้าไปเต็มเปาถึงกับครางออกมา ชายหนุ่มหัวเราะในท่าทีของหญิงสาวจนได้รับค้อนวงงามจากเธอไป
“ถามจริง เธอแกล้งไม่รู้ใช่ไหม”
“ถ้าข้ารู้ข้าจะต้องปวดฟันแบบนี้ไหมเล่า”
ยูริเถียงกลับทันที ตอนนี้เธอรู้จักไอ้แท่ง ๆ สีขาว ๆ นี้แล้วว่ามันเย็นและหวานถูกใจเพียงแต่ต้องกินอย่างถูกวิธีเท่านั้น
“ข้าขอชิมของเจ้าหน่อยสิ น่ากินเหมือนกัน”
“อย่าโลภน่ะ ยัยบ้า กินของตัวเองไป”
“เจ้าเริ่มใจดำอีกแล้ว ข้าแค่ขอชิมเองนะ”
แทคยอนหรี่ตามองหญิงสาวที่ดวงตามีแววออดอ้อนเล็ก ๆ อาจจะเป็นเพราะชอบทำเวลาอยู่กับพี่ทั้งสองตลอดเวลาเลยติดนิสัยจนมาแสดงออกกับชายหนุ่มก็เป็นได้
“เธอนี่ปากมีไว้แค่ด่ากับกินใช่ไหม”
“ใช่!!!”
“เฮ้อ~”
ถึงแม้จะถอนหายใจแต่ชายหนุ่มก็ยอมส่งไอศกรีมให้หญิงสาวลิ้มลอง ยูริรับไอศกรีมรสช็อกโกแลตมาไว้ในมือแล้วกัดไอศกรีมคำโตก่อนส่งคืนให้ชายหนุ่ม
“เฮ้ย ไหนบอกแค่ลองชิมไง ยัยบ้า!!”
“ก็ลองชิม แต่คำแค่ไหนไม่ได้บอกเจ้านิ”
“ยัยสติฟั่นเฟือน!!! เธอหาเรื่องฉันใช่ไหม”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
เสียงหัวเราะสดใสดังมาจากร่างที่วิ่งหนีไปไกลทำให้ชายหนุ่มต้องวิ่งตามด้วยเพราะต้องการลงโทษหรืออะไรก็ไม่รู้
ชายหนุ่มนั่งอ่านหนังสือรอน้องสาวที่กำลังทำธุระในธนาคาร ใบหน้าหล่อตี๋ดึงดูดความสนใจจากคนรอบข้างแต่เขาหาได้สนใจไม่ ร่างสูงปิดหนังสือที่อ่านเมื่อเขาอ่านรายละเอียดจนหมดทั้งเล่ม ยุนอาก็ยังไม่เสร็จเสียที
สายตาคมกริบกวาดมองไปทั่วก่อนเพื่อหาน้องสาวก่อนจะสะดุดกับร่างบางร่างหนึ่งที่กำลังมองมาทางเขา ผมสีน้ำตาลเข้มยาวสลวยของเธอทำให้ดูเหมือนไม่ใช่คนเอเชีย ดวงตาสีดำลึกล้ำน่าค้นหาดึงดูดความสนใจจากเขา เจ้าหล่อนอยู่ในชุดสีดำสนิททั้งตัว ทั้งจมูกและริมฝีปากบาง ไม่สิ เครื่องหน้าทุกชิ้นที่ประกอบเป็นคนตรงหน้าทำให้เขาไม่อาจถอนสายตาไปจากความงดงามนี้ได้
“พี่อูยอง มองอะไรอยู่เหรอคะ”
เสียงของยุนอาดึงสติของเขากลับมา เขามองมาที่น้องสาวผู้มีสมุดบัญชีเงินฝากอยู่ในมือกำลังขมวดคิ้วอย่างสงสัย ก่อนจะหันกลับไปมองเป้าสายตาที่เขาเผลอจ้องอยู่นาน
..............หญิงสาวไอ้อันตธานหายไปแล้ว..............
“หายไปไหนแล้ว”
“พี่คะ อะไรหาย”
“อ๋อ เปล่า ๆ เรากลับกันเถอะ”
“ดีเลยค่ะ ยุนห่วงยูริจะตายอยู่แล้วให้ไปกับแทคยอนไม่รู้จะทะเลาะกันตายเสียก่อนหรือเปล่า”
“อืม งั้นรีบไปกันเถอะ”
ใช่ เขานึกออกแล้วบางอย่างที่ทำให้เขาถอนสายตาจากร่างคนที่หายไปแล้วไม่ได้ เสน่ห์ที่คล้ายคลึงกับความแปลกประหลาดที่เขาสัมผัสได้จากยูริ
.................เธอเป็นใครกันนะ.................
“เป็นเยี่ยงไรบ้าง ท่านพี่”
ชายหนุ่มเอ่ยถามรัวเร็วเมื่อเห็นพี่ตนเดินกลับมา ใบหน้าเรียบเฉยของพี่สาวทำให้เขาไม่สามารถคาดเดาคำตอบได้
“ยูริ ไม่ได้อยู่กับสองคนนั้น”
“ทำไม ทั้ง ๆ ที่ข้าสัมผัสได้ถึงพลังจิตของยูริจากสองคนนั้น”
“พี่ไม่รู้”
“แล้วเราจะทำอย่างไรต่อดี ท่านพี่”
“สองคนนี้เป็นเป้าหมายที่มีกลิ่นอายของยูริที่ใกล้ที่สุด เราแค่ตามเป้าหมายต่อไปก็พอแล้ว”
“ท่านพี่ไหวหรือเปล่า หน้าของท่านพี่ซีดมาก”
“นิชชา เจ้าไม่ต้องห่วงพี่หรอก ตอนนี้ยูริสำคัญที่สุด”
แทยอนและนิชชาที่ยืนอยู่บนดาดฟ้าของตึกธนาคารมองตามร่างของอูยองและยุนอาไป ลางสังหรณ์บางอย่างทำให้เธอเชื่อว่าหากตามทั้งสองคนนี้ไป เธอจะพบน้องสาวแน่นอน
“ขอให้ข้าเจอน้องก่อนที่เรื่องเลวร้ายจะเกิดขึ้นเท่านั้นก็พอ”
เธอสัมผัสได้ถึงพลังแปลกประหลาดจากบุคคลสองคนนั้น หวังว่าคงไม่ใช่อย่างที่คิดหรอกนะ...พระเจ้าได้โปรดฟังคำขอร้องของข้าด้วย…
“โอ๊ยย เจ้าเล่นซะข้าเหนื่อยเลย เจ้าโง่”
“เธอเป็นคนเริ่มไม่ใช่เร๊อะ!!!”
“เจ้าบ้าจี้วิ่งตามทำไมล่ะ โง่จริง ๆ เลย”
สาวฝีปากกล้าของตระกูลคิมิเรสเริ่มเปิดสงครามน้ำลายอีกครั้งหลังจากหายเหนื่อย แทคยอนมองหญิงสาวร่างสูงแต่สมองเด็กอย่างปลงตกก่อนจะยกข้อมือดูนาฬิกา
“ได้เวลากลับบ้าน ป่านนี้พี่อูยองกับพี่ยุนอาถึงบ้านแล้ว”
“จะกลับแล้วเหรอ เจ้าพาข้าเที่ยวแค่สวนสาธารณะเนี่ยนะ”
“เพราะเธอมัวแต่เล่นไง”
“ฮึ้ย กลับก็กลับ!!”
แทคยอนมองหญิงสาวที่ทำแก้มพองลมอย่างสมเพชก่อนจะทำท่านึกอะไรบางอย่าง มือหนาหยิบโทรศัพท์มากดอย่างรวดเร็วด้วยเบอร์ที่คุ้นเคย
“พี่ยุนอา ตอนนี้อยู่ไหนแล้วครับ”
“ใกล้จะถึงบ้านแล้ว มีอะไรเหรอแทค”
“เลยพิพิธภัณฑ์ไปหรือยังครับ”
“ยัง สี่แยกหน้าก็ถึงแล้ว”
“งั้นดีเลย เดี๋ยวพี่แวะที่พิพิธภัณฑ์นะ เดี๋ยวผมกับยัยบ้าจะไปที่นั่น”
“ได้ แล้วเลิกเรียกยูริว่ายัยบ้าได้แล้วน่า”
“หึ!!!”
แทคยอนวางหูจากพี่สาวตนแล้วหันมาเรียกหญิงสาว แต่ภาพที่เขาเห็นกลับทำให้ละสายตาไม่ได้ ยูริกำลังเหม่อมองไปไกลอย่างไร้จุดหมาย ผมยาวสีดำราวปีกกาสยายเต็มแผ่นหลัง ดวงตาสีนิลชั้นดีไร้แววหากแต่เรียกให้มองลึกลงไปในนั้น ยามที่เธอไม่กระเง้ากระหงอดหรือเปิดปากด่าเขาล่ะก็ หญิงสาวคนนี้มีเสน่ห์บางอย่างลึกล้ำ งดงามจนทำให้คนมองแทบลืมหายใจ
“...เจ้าโง่....”
“หะ..ห๋า”
“ข้าเรียกเจ้าตั้งหลายที นอกจากโง่แล้วยังหูเสื่อมอีกเหรอ”
แทคยอนขอถอนคำพูดที่ว่าเธอสวยทั้งหมด ถ้าไม่หาตระกร้อมาครอบปากหญิงสาวเธอคงไม่มีวันสวยเพราะปากแบบนี้แน่!!!
“ทำคุณบูชาโทษชัด ๆ ไม่ไปใช่ไหมพิพิธภัณฑ์เนี่ย”
“อร่อยไหม”
“มันเป็นที่เก็บของที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ไม่ใช่ของกิน!!”
“เหรอ ไปสิ ไปเร็ว ๆ เจ้าโง่”
ชายหนุ่มเดินเกาหัวตามร่างบางไปทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่รู้แท้ ๆ ว่าไปทางไหนแต่ดันวิ่งนำหน้าไปก่อนเลย
“เออ ใช่เจ้าโง่”
“...................”
“ขอบใจมากนะ เจ้าใจดีมากเลย”
รอยยิ้มจริงใจและคำชมที่ปราศจากความนัย(ในแง่ร้าย)ทำให้ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มตอบกลับก่อนจะพากันไปตามสถานที่นัดกับยุนอาไว้
“อ้ะ นั่นไงมากันแล้ว”
ยุนอาบอกพี่ชายตนเมื่อเห็นแทคยอนและยูริเดินเข้ามาในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ขนาดเล็ก หญิงสาวแย้มรอยยิ้มเมื่อเห็นคนทั้งคู่ปลอดภัยกลับมา ยังไม่ทะเลาะกันตายเสียก่อน
“พี่ยุนอา ดีจัง ข้าเบื่อเจ้าโง่เต็มทีแล้ว”
“ฉันก็เบื่อเธอเหมือนกันนั่นแหละ”
“หยุดทะเลาะกันได้แล้ว ลองไปเดินดูสิยูริ”
อูยองตัดบทแล้วบอกให้หญิงสาวลองเที่ยวชมสิ่งต่าง ๆ ในที่นี้ดู ยูริพยักหน้าก่อนจะเดินดูสิ่งต่าง ๆ อย่างตื่นตาตื่นใจ
“นี่มัน.....”
หญิงสาวเดินมาหยุดที่แท่นศิลาภาษาโบราณอันขนาดเท่ากระดาษเอสี่อันหนึ่ง ในนั้นสลักตัวอักษรประหลาดมากมาย แต่รอยแตกระแหงเพราะความเก่าทำให้ตัวอักษรเลือนไปบ้าง
“สนใจนี่เหรอ ไหนดูซิ เขาเขียนไว้ว่าเป็นศิลาจากตำนาน ๆ หนึ่งที่เล่าขานกันมาเมื่อหลายร้อยปีที่แล้วตำนานที่เล่าว่า.......”
เสียงของยุนอาอ่านตำนานนั้นจากรายละเอียดที่ทางพิพิธภัณฑ์มีไว้ให้ ผิดกับยูริที่มองแท่นนั้น ดวงตากลมมองอย่างเป็นประกาย ตำนานที่พี่เธอเล่าไม่ผิดจากในศิลาแม้แต่น้อย ตัวอักษรประหลาดที่ว่ามันคือ อักษรของโลกเธอ!!!
ตำนานที่พี่แทยอนเล่ามาเป็นเรื่องจริง ถ้าอย่างนั้นเรื่องของสายเลือดผสมก็ต้องเป็นเรื่องจริงด้วยสินะ เรื่องแบบนี้...ไม่น่าเชื่อ
“เจ้าเห็นแล้วสินะว่าตำนานนั่นเป็นเรื่องจริง ยูลคิน่า ยูริ คิมิเรส!!!”
เสียงดังมาจากข้างหลังเรียกสายตาของคนทั้งสี่ให้หันกลับไปมอง!!
ครบ 100% แล้วค่า
ดูแล้วไม่ค่อยมีคนอ่านเลยเน้อ T____T จะลองลงไปอีกสักพัก
ถ้าไม่มีคนอ่านจริง ๆ ก็จะปิดนะคะ
(ไม่ได้ตัดพ้อน้า คือ เรามีฟิคหลายเรื่องน่ะค่ะ ถ้าไม่อ่านกัน เราจะจะไปอัพเรื่องอื่น ๆ แทน)
เราอุตส่าห์ชอบแนวเรื่องแบบนี้ คิคิ
ส่วนใครที่เม้นให้ก็ขอบคุณมากนะคะ >/////< เราจะพยายามต่อไป
ความคิดเห็น