คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ความในใจ
น้ำหวานมองไปยังตึกหลังเล็กที่ปิดไฟสนิทอยู่อย่างอาวรณ์
พรุ่งนี้แล้วสินะ ที่เธอจะต้องจากบ้านหลังนี้ไปตลอดกาล และต้องจากพี่ชายที่เธอ รัก มากที่สุดคนนี้ไป
หญิงสาวรู้ดีว่า ทั้งบิดาและมารดาต่างรู้ดีว่าความรู้สึกของเธอที่มีต่อ พี่ชาย ต่างสายเลือดคนนี้คืออะไร หัวใจของเด็กสาวอย่างเธอที่ไม่มีใครเชื่อถือ ว่ามันคือความรัก
และมันก็เป็นรักครั้งแรกที่เจ็บปวดเหลือเกิน
เจ็บเสียจนไม่สามารถที่จะบอกใครๆ ได้ว่า เธอกำลังจะต้องสูญเสียหัวใจไป หัวใจที่ภักดีกับความรักครั้งแรก ที่ทุกคนมองว่า เป็นเพียงความหลงเท่านั้น
"ยังไม่นอนอีกหรือลูก นี่มันดึกมาแล้วนะ พรุ่งนี้หนูจะต้องเดินทางแต่เช้า แม่ว่าหนูไปนอนก่อนดีกว่านะจ๊ะ"
น้ำหวานมองหน้ามารดา ก่อนจะยอมรับว่าพรุ่งนี้เธอจะต้องไปจากที่นี่โดยไม่สามารถทำได้แม้กระทั่งกล่าวลา พี่ชาย คนสำคัญของเธอ
แต่หลังจากที่คล้อยหลังไปอีกพักใหญ่ น้ำหวานที่นอนอยู่บนเตียงก็ได้ยินเสียงรถที่เพิ่งเข้ามาจอดหลังจากที่เธอเฝ้ารอมาตลอดคืน
แต่พอร่างบางสลัดผ้าห่มออกจากตัวเพื่อที่จะหวังว่าเธอจะได้พบกับพี่ชายเป็นครั้งสุดท้าย ก็ต้องชะงักฝ่าเท้าบอบบาง เมื่อเห็นร่างแบบบางสูงระหงของหญิงสาวที่มีนามว่าศจี กำลังอยู่ในอ้อมกอดของพี่ชายที่เธอรอคอยเขามาตลอดหลายวัน
พี่ธี น้ำหวานคงไม่มีความมายสำหรับพี่ธีแล้วสินะคะ....
ความเงียบสงัดของกลางดึกกลับไม่ได้ทำให้ร่างแบบบางของเด็กสาวสามารถข่มตาลงได้เลยแม้แต่น้อย น้ำหวานนอนกระสับกระส่ายอยู่บนที่นอน ก่อนจะตัดสินใจทำในสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต
ดวงตากลมโตมองตึกหลังเล็กที่เธอเคยมาเดินเล่น นอนเล่น และทำการบ้านที่นี่ตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่คฤหาสน์หลังนี้ แต่ตอนนี้มันกลายเป็นที่ต้องห้าม ที่แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่สามารถเข้าออกได้ตามอำเภอใจเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
"เมื่อไหร่ที่น้ำหวานจะไปหาพี่ที่ตึกเล็ก น้ำหวานต้องบอกพวกพี่ๆ การ์ดที่อยู่ด้านนอกให้เข้ามาบอกพี่ก่อนนะคะ"
ร่างบางในวัย 14 ปี เดินเข้ามายังห้องรับแขกที่มีบอดี้การ์ดอยู่ในห้องนั้น
ทุกคนเมื่อเห็นน้องสาวนอกสายเลือดของเจ้านายเดินมาถึงที่นี่ต่างก็ลุกขึ้นก่อนที่หัวหน้าทีม ที่คุ้นเคยดีกับบิดาของเธอก็ก้าวเข้ามาหาเธอเป็นคนแรก
"หนูน้ำหวานทำไมมาถึงที่นี่ได้ล่ะ? ปรกติไม่เคยเห็นมาที่นี่แต่เช้าตั้งนานแล้วนี่นา"
พันชิต คนสนิทของกนธีรีบมารับหน้าสาวน้อยร่างบางที่เป็นน้องสาวคนสำคัญของเจ้านายเอาไว้ก่อน นานมาแล้ว ที่เขาได้รับคำสั่งให้คอยระแวดระวัง ไม่ให้น้องสาวนอกสายเลือดของเจ้านายเขาคนนี้ มีเห็นภาพที่ไม่ควรระหว่างเจ้านายของเขากับคู่ควงทุกคน
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่เขาทำพลาดไป ตอนนั้นสาวน้อยคนนี้ดันไปเห็นตอนที่เจ้านายกำลังจูบกับคู่ควงคนล่าสุดอยู่ในสวน เดือนนั้นทั้งเดือนเขาถูกหักเบี้ยเลี้ยง แถมยังโดนคำสั่งพิเศษให้ไปขัดห้องส้วมในบ้านเป็นเวลาเกือบเดือน
เรื่องนี้ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น คู่ควงของเจ้านายในตอนนั้นก็พลอยดวงซวยไปด้วย เพราะเจ้านายของเขา สั่งให้คนเอาเช็คไปให้ เพื่อที่จะเลิกติดต่อกับเจ้าหล่อนโดยเด็ดขาดโทษฐานที่เจ้าหล่อนทำอะไรประเจิดประเจ้อจนทำให้น้องสาวคนสำคัญของเจ้านายได้เห็นในสิ่งที่ไม่สมควร....
“พี่ชายตื่นหรือยังคะ?”
ไม่ต้องบอกก็รู้ สีหน้าอึกอักของชายร่างสูงตรงหน้า พี่ชายคงกำลังนอนอยู่กระมัง แต่ที่ข้างๆ คงมีผู้หญิงคนนั้นอยู่ด้วย แต่ตอนนี้ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องเข้าไปลาพี่ชายเสียก่อน ไม่อย่างนั้นคราวหน้า กว่าจะได้พบกันอีกครั้ง จะกินเวลาอีกนานสักแค่ไหนก็ยังไม่มีใครตอบเธอได้ แม้แต่ตัวเธอเอง
ถ้าจำไม่ผิด วันนี้พี่ชาย มีงานสำคัญที่จะต้องเดินทางไปฝรั่งเศส ตามที่ได้รู้มาจากปากของบิดา นับว่าเป็นเรื่องดี อย่างน้อยตอนที่พวกเธอออกเดินทางไปแล้วก็มั่นใจได้ว่าจะไม่มีคนติดตามพาพวกเธอกลับมาที่นี่อีก
“น้ำหวานมีอะไรให้พี่ช่วยหรือเปล่าจ๊ะ? เดี๋ยวพี่ไปจัดการให้ นายสั่งเอาไว้ว่าถ้าน้ำหวานต้องการความช่วยเหลือก็ให้พวกเราทุกคนช่วยอย่างเต็มที”
ไม่เพียงแต่พันชิตเท่านั้นที่รับรู้คำสั่งนี้ดี ทุกคนในที่นั่นต่างพยักหน้า และพร้อมที่จะช่วยหญิงสาวในทุกๆ เรื่องที่เธอต้องการ
ความจริงแล้วเรื่องของคำสั่งก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่แท้จริงแล้ว ครอบครัวของผไท นับว่าเป็นที่รักของทุกคนที่อยู่ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นตัวผไทเองที่มีน้ำใจช่วยเหลือพี่น้องทุกคนที่ทำงานอยู่ด้วยกันเสมอ คุณรินรดา ภรรยาสาวสวยที่แสนจะอ่อนโยนและทำอาหารอร่อยๆ และชอบนำมาเผื่อแผ่วงเหล้าของทุกคนเสมอ และเด็กสาวตรงหน้าที่มีนิสัยน่ารักและคอยเป็นห่วงเป็นใยทุกคน ไม่ได้ทำตัวเป็นคุณหนูหรือแม้แต่ใช้อำนาจเรียกใช้คนอื่นทั้งที่ตนเองนับได้ว่าเป็นที่รักของนายทั้งสอง
“คือ...อันที่จริงแล้วน้ำหวานจะมาลาพี่ชายน่ะค่ะ” น้ำหวานตัดสินใจบอกความจริงออกไป แต่เธอคิดอยู่แล้วว่าทุกคนที่นี่จะต้องทำตามคำของร้องของเธอถ้าจะขอให้เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ
“ลาหรือ?...หนูหวานจะไปไหนหรือ?”
หนูหวานเป็นชื่อที่คนสนิทสนมในครอบครัวเท่านั้นถึงจะรู้ และตอนนี้ลองถ้าพันชิตเรียกชื่อนี้ออกมาแสดงว่าต้องการที่จะรู้ให้ได้ว่าเธอกำลังจะไปไหน
“ครอบครัวของน้ำหวานกำลังจะย้ายออกไปจากที่นี่วันนี้แล้วค่ะ และตอนนี้พ่อกับแม่ก็กำลังรอน้ำหวานอยู่ ขอให้น้ำหวานได้มีโอกาสขึ้นไปลาพี่ธีสักหน่อยเถอะนะคะ”
พันชิตทำหน้าตาเหมือนไม่อยากเชื่อก่อนจะละล้ำละลักถาม
“จะเป็นไปได้ยังไงกัน? แล้วพี่ผไทบอกนายใหญ่กับนายแล้วหรือเรื่องที่จะย้ายออกน่ะ?”
“บอกแล้วค่ะ...คุณลุงเป็นคนบอกว่าจะช่วยจัดการทุกอย่างเอง”
น้ำหวานขยับตัวเดินผ่านพันชิตที่ยืนขวางอยู่ตรงบันได ชายหนุ่มไม่ได้ขัดขวางแม้แต่น้อย ตั้งแต่ได้ยินว่านายใหญ่เป็นผู้ที่ให้การช่วยเหลือในการย้ายออกครั้งนี้ เพราะนั่นหมายความว่า ไม่ว่าเจ้านายของเขาจะทำอย่างไรก็ตาม คงจะไม่มีวันได้ร่องรอยของครอบครัวนี้อีกเลย
เพียงแต่ ทำไมผไทถึงได้ทำเช่นนี้ในเมื่อการอยู่ที่นี่ก็สามารถรับประกันได้ว่าลูกสาวที่ผไทรักที่สุดจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการ
“เอ่อ...พี่พันชิตค่ะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงหนูหวาน พี่จะไม่บอกเรื่องนี้กับเจ้านายแน่ ทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็ด้วย”
ในเมื่อชายหนุ่มรับปากแล้ว น้ำหวานก็คลายใจ เพราะเธอรู้ดีว่า พันชิตเป็นคนที่รักษาสัญญาเหนือสิ่งอื่นใด
หลังจากคล้อยหลังหญิงสาวไปแล้ว พันชิตหันไปมองลูกน้องที่ยืนอยู่ตรงนั้น ก่อนจะกล่าวออกมาสั้นๆ
“ถ้าเรื่องเมื่อครู่รู้ถึงหูขอนาย คงรู้ใช่ไหม?....ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
ทุกคนพยักหน้ารับ เพราะรู้ดีว่าคำพูดของพันชิต ตรง และจริงจังแค่ไหน
ขาทั้งสองข้างของน้ำหวานมาหยุดอยู่ตรงประตูห้อง ที่ครั้งหนึ่งเธอเคยวิ่งเข้าออกเป็นว่าเล่น แต่ตอนนี้มันกลายเป็นห้องต้องห้ามสำหรับเธอเสียแล้ว
“ก๊อกๆๆ”
น้ำหวานยืนเคาะประตูอยู่หน้าห้องชั่วครู่ก่อนจะมีน้ำเสียงที่บอกให้รู้ว่าไม่สบอารมณ์นักของบุรุษดังออกมาจากห้อง และเธอก็จำได้ว่ามันเป็นเสียงของพี่ธีของเธอนั่นเอง
“ใครน่ะ?...มีเรื่องอะไรมาเคาะประตูป่านนี้ เข้ามาๆ ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญนะ ฉันจะตัดเงินเดือนพวกแก”
น้ำหวานรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินเสียง ที่ไม่ได้ยินมานานเกือบครึ่งเดือน เพียงแต่เจ้าของห้องจะรู้ไหมหนอ ว่าเธอจะต้องทำใจสักเพียงใดที่จะมายืนอยู่ที่นี่เวลานี้
“น้ำหวานจะต้องเข้มแข็งนะจ๊ะ ไม่ว่าเรื่องอะไร เมื่อทุกอย่างผ่านไป เวลาที่เรามองย้อนกลับไป เราอาจเห็นว่ามันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเวลานั้นมันอาจดูเป็นเรื่องที่ใหญ่โตมากจนเราคิดว่าไม่สามารถผ่านมันไปได้ ก็เป็นได้นะลูก”
คุณรินรดามักพูดกับน้ำหวานแบบนี้เสมอ และตอนนี้น้ำหวานจะทำในสิ่งที่น้ำหวานอยากทำที่สุด และจะไม่มีวันคิดเสียใจที่ได้ทำในสิ่งที่จะทำต่อไปนี้
“แกร๊ก”
ร่างบางเปิดประตูเข้าไปภายในห้องที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหราพอๆ กับคฤหาสน์หลังใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลนัก
“กรี๊ดดด!....”
“เฮ้ย!”
ถึงแม้ว่าพยายามทำใจแล้ว ที่จะต้องเห็นภาพที่ไม่ดีนัก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าตอนนี้น้ำตาที่กลั้นเอาไว้กำลังจะหยดลงมาอยู่รอมร่อแล้ว
ภาพที่น้ำหวานเห็นก็คือ ชายหญิง....ที่นอนอยู่บนเตียงในสภาพที่ปราศจากเสื้อผ้าติดกายแม้แต่ชิ้นเดียว แต่นั่นหากเป็นคนอื่น ก็คงไม่ทำให้เธอเสียใจเท่ากับผู้ชายคนนั้นก็คือพี่ธีของเธอนั่นเอง....
“น้ำหวาน!...เข้ามาที่นี่ได้ยังไงกันคะ?”
ทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนเดิม น้ำเสียงอ่อนโยนที่เรียกเธอทุกครั้ง แต่มันกลับทำร้ายความรู้สึกของเธอทุกครั้งที่ได้ยินเสียมากกว่า เพราะมันแสดงให้เห็นว่าในสายตาของเขา เธอเป็นเพียงแค่เด็กหญิงเล็กๆ และเป็นแค่น้องสาวของเขาตลอดกาลก็เท่านั้น
“คุณธีคะ! คุณทำไมไม่ไล่เด็กนี่ออกไปเสียทีล่ะค่ะ ดูสิน่ะเข้ามาทำไมก็ไม่รู้....ไม่มีมารยาท” ศจีเอ่ยขึ้นด้วยความริษยาเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มที่เธอหมายปอง กลับเรียกนังเด็กในบ้านนั่นด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานมากเพียงใด
“หุบปากซะ!ถ้าไม่มีใครถามก็อย่าพูด! ไม่มีใครเขาหาว่าเธอเป็นใบ้หรอก”
ชายหนุ่มหันไปตวาดก่อนจะพยายามลุกจากเตียงโดยกำลังมองหาเสื้อคลุม ที่เมื่อคืนเขารีบร้อนถอดมันออก
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ธี น้ำหวานแค่จะมาพูดบางอย่างก็จะไปแล้วค่ะ”
ชายหนุ่มหยุดชะงักก่อนมองใบหน้าหวานใส
“น้ำหวานมีเรื่องอะไรหรือคะ? ถึงได้รีบร้อนมาหาพี่ถึงที่นี่ หรือว่ามีใครรังแกน้ำหวาน? บอกพี่มา...พี่จะจัดการให้” กนธีพูดเสียงเครียด เมื่อนึกถึงน้องสาวตัวน้อยของเขากำลังถูกคนอื่นรังแก
“ไม่มีหรอกค่ะ ถ้าจะให้มีก็คงจะเป็นผู้หญิงที่นอนอยู่ข้างๆ พี่ธีนั่นแหละค่ะ”
ศจีถึงกับเบิกตาโต เมื่อได้ยินว่านังเด็กที่เธอจิกหัวใช้ตอนที่เธอมาหาเขาแล้วเขาไม่อยู่ กลับฟ้องเรื่องที่เธอใช้มันต่อหน้าชายหนุ่ม
“แก...โกหก คุณธีคะ นังเด็กนี่ใส่ร้ายศจีค่ะ คุณธีอย่าไปเชื่อนะคะ”
ร่างอวบอัดด้วยวัยสาวใช้หน้าอกอวบอิ่ม ถูกไถแขนแข็งแรงอยู่ภายใต้ผ้านวม หวังให้ความเก่งกาจในเรื่องบนเตียงเบี่ยงเบนชายหนุ่มให้เชื่อเธอ มากกว่าเด็กในบ้านที่บังอาจทำตัวตีเสมอหญิงสาวที่อนาคตกำลังจะมาเป็นนายหญิงของบ้านนี้
“ออกไป...”
น้ำหวานยืนนิ่ง เธอไม่คิดว่าพี่ชายจะกล้าไล่เธอให้ออกไปจากห้องได้ เห็นทีความรักที่เขาเคยมีให้ คงจะหมดลงตั้งแต่มีผู้หญิงคนนั้นเข้ามาแล้วกระมัง
“ฉันบอกให้ออกไปยังล่ะ! หูแตกหรือไง?”
ศจียิ้มเยาะ กับหน้าที่ซีดลงทันตาของน้ำหวาน อย่างน้อยตอนนี้เธอก็สามารถเขี่ยคู่แข่งคนสำคัญออกไปได้ เพราะเธอมองออก ว่านังเด็กน้ำหวานนี่คิดยังไงกับคุณธีของเธอ นับว่ายังเป็นโชค ที่นังเด็กนี่ยังไม่โต ไม่อย่างนั้นหลังจากทีมองจากสายตาของผู้หญิงด้วยกันแล้ว เธอกล้าพูดได้เลยว่า นังเด็กนี่โตขึ้นต้องเป็นหญิงสาวที่สวยมากๆ แน่
“คุณธีบอกให้เธอออกไปแล้วไงล่ะ ยังยืนโง่อยู่อีก”
“หุบปาก! ฉันไม่ได้หมายถึงน้ำหวาน ฉันหมายถึงเธอต่างหากล่ะ จากนี้ไปห้ามมาให้ฉันเห็นหน้าอีกนะ”
ชายหนุ่มสะบัดแขนที่ถูกหน้าอกอวบใหญ่เสียดสีอยู่อย่างรังเกียจ ก่อนจะขยับตัวหมายจะลุกขึ้นจากเตียง
“กรี๊ดดดด...คุณธี คุณจะทำกับศจีอย่างนี้ไม่ได้นะคะ นี่คุณเห็นนังเด็กนี่ดีกว่าศจีหรือคะ ไหนคุณบอกว่าศจีสำคัญที่สุดยังไงล่ะคะ!”
ชายหนุ่มมองร่างอวบอิ่มที่เมื่อคืนร้อนแรงเสียจนเขาเองก็เสียดายไม่น้อยที่จะสลัดผู้หญิงคนนี้ให้ออกไปจากชีวิต แต่ผู้หญิงคนนี้ทำ ในสิ่งที่ต้องห้ามที่สุดก็คือ...
กล้าทำร้ายจิตใจน้องสาวที่เขารักมากกว่าผู้หญิงคนไหนในโลก
“ไม่ต้องเถียงกันแล้วค่ะ น้ำหวานแค่จะมาบอกว่า น้ำหวานรักพี่ธีค่ะ รักมากที่สุดในโลก แต่ความรักของน้ำหวาน ไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว” เด็กสาวมองพี่ชายที่เธอรัก ก่อนจะกล่าวต่อ “แต่มันเป็นความรักในแบบที่ ผู้หญิงคนหนึ่งจะรักผู้ชายสักคนในชีวิต หวังว่าพี่ธีคงเข้าใจนะคะ ว่าน้ำหวานหมายถึงอะไร เอาล่ะค่ะ เรื่องที่น้ำหวานจะพูดก็มีแค่นี้ล่ะค่ะ”
น้ำหวานทำท่าจะเดินออกไปจากห้องแต่แล้วก็นึกเรื่องอะไรบางอย่างออก
“อ้อ...ถ้าพี่ธีไม่รีบเดี๋ยวนี้ อีกชั่วโมงเครื่องที่พี่จะไปฝรั่งเศสจะออกแล้วนะคะ คราวนี้เป็นการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งสำคัญไม่ใช่หรือคะ?”
ราวกับมีฟ้าผ่าลงมากลางห้อง กนธีตื่นจากอาการตกตะลึงจากคำพูดเมื่อครู่ ก่อนจะคว้าเสื้อคลุมที่เขาโยนเอาไว้ข้างเตียงเมื่อคืนขึ้นมาสวมโดยหันหลังให้น้องสาว แต่ก่อนที่จะวิ่งเข้าห้องน้ำไปนั้น ชายหนุ่มกลับหันมาพูดกับน้ำหวานว่า
“หนูหวาน เดี๋ยวถ้าพี่กลับจากฝรั่งเศสแล้วเรามีเรื่องจะต้องพูดกันอีกมาก ตอนนี้หนูหวานลงไปเรียกพันชิตมาให้พี่ชายก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่ชายจะให้เขาทำงานให้หน่อยนะคะ”
พอพูดจบกนธีก็วิ่งเข้าห้องน้ำไป โดยไม่ทันสังเกตว่า สีหน้าของน้ำหวานนั้นดูเหมือนจะเศร้าสร้อยผิดไปจากทุกวัน หากแต่ไม่นานนัก ชายหนุ่มก็ถึงกับสาบานกับตัวเองว่า ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะยอมปล่อยให้น้ำหวานเดินจากเขาไปโดยที่เขาไม่สามารถรั้งเอาไว้ได้อีก
น้ำหวานไม่ได้สนใจศจีที่กำลังนอนอยู่บนเตียงโดยส่งสายตากินเลือดกินเนื้อ
หลังจากลงมาเรียกพันชิตให้พี่ชายแล้ว น้ำหวานก็หันไปมองตึกเล็กอีกครั้งด้วยสายตาอาวรณ์ แต่เธอคงต้องรีบไปแล้ว เพราะตอนนี้รถของบิดาร มารดามารอรับเธออยู่แล้ว ข้าวของเครื่องใช้ก็ถูกส่งไปตั้งแต่เมื่อวาน ป่านนี้บ้านใหม่ก็คงเสร็จเรียบร้อยพร้อมกับรอให้พวกเธอไปเริ่มต้นใหม่ที่นั่น
ฝรั่งเศส......
กนธีเดินวนไปเวียนมาอยู่ในห้องพักขนาดใหญ่ในโรงแรมหรู ชายหนุ่มอยู่ที่นี่มาสี่วัน ชายหนุ่มมองนาฬิกาก่อนจะถอนหายใจ ตอนนี้ที่โน่นคงกำลังตั้งโต๊ะอาหารเช้ากันแล้ว เขากำลังนึกถึงเรื่องน้ำหวาน นึกถึงคำพูดที่ออกมาจากปากของน้องสาวที่เขารักมาก แววตาของน้ำหวานในตอนนั้นไม่ได้โกหก หรือหวั่นไหวตามประสาวัยรุ่นเหมือนอย่างเด็กวัยเดียวกัน
แล้วนี่เขาจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี!?
ชายหนุ่มตัดสินใจ ไม่รอให้กลับไปก่อนเหมือนตอนแรก เขายกโทรศัพท์กดหมายเลขประเทศไทยทันทีที่ตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด ถึงแม้ว่าจะต้องคุยเรื่องสำคัญนี้ผ่านโทรศัพท์ก็ตาม หลังจากรอสัญญาณอยู่สักพัก ก็มีคนรับสาย
“ไปตามคุณน้ำหวานมารับสายฉันทีซิ”
เด็กรับใช้ที่รับโทรศัพท์ ส่งเสียงอึกอักจนชายหนุ่มแปลกใจ
“ทำไม? เกิดอะไรขึ้น? คุณน้ำหวานเป็นอะไรทำไมไม่ไปตามมารับสายฉัน?”
คราวนี้ความเป็นห่วงของเขากำลังล้นทะลักขึ้นมาจุกอก น้องสาวคนสำคัญของเขาเป็นอะไรไป?
“เอ่อ...คุณน้ำหวานไม่ได้เป็นอะไรค่ะ แต่เธอ...เธอไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วน่ะค่ะ!” เด็กรับใช้บอกอย่างกล้าๆ กลัวๆ กำลังคิดอยู่ในใจว่า ตนเองโชคไม่ดีเอาเสียเลย ที่ต้องรับหน้าที่เป็นคนบอกเรื่องนี้ให้นายได้รับรู้เป็นคนแรก
“ว่ายังไงนะ!?” เสียงตวาดก้องดังจนบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่หน้าห้องได้ยิน จึงรีบวิ่งเข้ามาดู และหนึ่งในนั้นก็คือ....พันชิต
“น้ำหวานไปไหน? ตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมไม่มีใครโทรบอกฉัน!?”
“คุณ...คุณน้ำหวานไปวันเดียวกันกับที่นายไปฝรั่งเศสนั่นล่ะค่ะ เธอย้ายออกไปพร้อมๆ กับครอบครัวน่ะค่ะ นายใหญ่เองก็ยังมายืนส่ง ตอนนั้นนายยังอยู่บนตึกเล็กอยู่เลยค่ะ” เสียงของเด็กรับใช้สั่นจนรู้สึกได้
จากคำบอกเล่าของเด็กรับใช้ ชายหนุ่มถึงได้รู้ว่า ตอนที่เขากำลังเซ็นเช็คให้ศจี เพื่อไม่ให้มายุ่งกับเขาอีก บิดาของเขากลับกำลังยืนส่งน้องสาวคนสำคัญ เดินทางไปที่ไหนก็ทราบและยังไม่ยอมบอกเขาให้รู้เรื่องด้วยซ้ำ
มิน่าล่ะ?วันนั้นคุณพ่อถึงได้มาส่งเรา ที่แท้ก็มายืนส่งหนูหวานแต่ไม่ยอมบอกนี่เอง....
“ไปเรียกคุณพ่อมารับสายฉันซิ”
เด็กรับใช้ยังไม่ทันไปตาม ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงผู้ชายพูดเข้ามาให้ได้ยินในโทรศัพท์ ก่อนจะได้ยินเสียงคุ้นเคยดังขึ้น
“พ่อเองเจ้าลูกชาย”
ชายหนุ่มไม่รอให้บิดาพูดต่อเขาชิงถามคำถามที่คาใจออกมา
“น้ำหวานไปไหนครับคุณพ่อ? แล้วทำไมคุณพ่อถึงยอมให้น้องไปล่ะครับ?”
“ใจเย็นๆ เจ้าลูกชาย น้ำหวานน่ะไม่ได้ไปคนเดียวนะ เขาไปกับครอบครัวของเขา ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ที่ตึกเล็กหลังสวนอีกแล้ว”
ถึงแม้ว่าคนพูดจะพยายามทำให้ดูเป็นเรื่องธรรมดาในการจากไปสักแค่ไหน ก็กนธีก็ยังจับได้ถึงน้ำเสียงสั่นเครือของบิดา
“ผมจะกลับเมืองไทยเดี๋ยวนี้ เรามีเรื่องต้องสะสางกันอีกมากครับ ผมจะไปตามน้องด้วยตัวของผมเอง”
ชายหนุ่มตัดบท ก่อนจะวางสายไป
“เฮ้ย!...เดี๋ยวๆ แล้วเรื่องงานล่ะ? อ้าว วางสายไปซะแล้ว เจ้าลูกคนนี้นี่”
พรต มองหูโทรศัพท์ที่ถือค้างอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะส่งให้เด็กรับใช้ แล้วพาตัวเองไปยังห้องพักผ่อนเพื่อรอเวลาให้เจ้าบุตรชายกลับมา
ระเบียงบ้านหลังหนึ่งในเชียงใหม่มีสาวน้อยเรือนร่างบอบบางกำลังยืนมองดวงจันทร์ เพียงแต่ความคิดของเธอนั้นกลับลอยไปไกลถึงฝรั่งเศสเสียแล้ว
ป่านนี้พี่ธีจะเป็นยังไงบ้างนะ? จะรู้เรื่องที่น้ำหวานออกมาจากบ้านแล้วหรือยังนะ?
คำถามมากมายไหลวนเวียนอยู่ในสมองเล็กๆ หากแต่น้ำหวานไม่มีทางได้รู้ว่าตอนนี้ คนที่เธอกำลังคิดถึงอยู่นั้นกำลังขึ้นเครื่องบินลัดฟ้า เพื่อที่จะมาตามหาเธออยู่ตอนนี้แล้ว
ผ่านไปหลายชั่วโมงสำหรับการนั่งเครื่องบินด้วยความกระวนกระวายใจ กนธีก็มาถึงคฤหาสน์ธนผไทไพศาล ชายหนุ่มก้าวลงจากรถโดยไม่รอให้ลูกน้องเปิดให้เหมือนทุกครั้ง แสดงให้เห็นถึงความร้อนใจที่มีมากมายของชายหนุ่มในตอนนี้
“คุณพ่อล่ะ?”
ทันทีที่เด็กรับใช้นำน้ำมาให้ กนธีก็ไม่รอช้าถามหาผู้เป็นบิดาทันที
“นายใหญ่อยู่ในห้องพักผ่อนค่ะ”
ยังไม่ทันได้ฟังจนจบอารามร้อนใจขาแข็งแรงก็ก้าวไปจากตรงนั้นเสียแล้ว
“มาเร็วดีนี่เจ้าลูกชาย”
คุณพรตนั่งอยู่ในห้อง พักผ่อน ที่เต็มไปด้วยเครื่องให้ความบันเทิงทุกประเภท ไม่ว่าจะบาร์ขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยเหล้านาๆ ชนิด ล้วนแต่เป็นยี่ห้อดังราคาแพงจากที่ต่างๆ ชุดเครื่องเสียงที่กำลังทำงานอย่างมีประสิทธิ์ภาพ โดยมีลำโพงเล็กๆ ซ่อนอยู่ตามมุมต่างๆ ของบ้าน จอพาสม่าขนาดใหญ่ ที่มองแล้วเหมือนโรงหนังขนาดย่อม หรือมุมโปรดของน้ำหวาน ชั้นวีดีโอและซีดีต่างๆ มากมายที่อยู่ในตู้ฝังลงไปในผนังสีน้ำเงินเข้ม และอีกมุมหนึ่งที่ขาดไม่ได้ เห็นจะเป็นตู้เก็บขนมขนาดเล็กและตู้เย็นที่มักจะมีขนมที่คุณน้ำหวานชอบเอามาใส่อยู่เสมอมิได้ขาด
“น้ำหวานไปไหนครับคุณพ่อ?”
ชายหนุ่มก้าวยาวๆ มานั่งอยู่บนโซฟาตรงกันข้ามกับบิดา ทำราวกับจะสอบสวนผู้ต้องหา แต่นั่นต้องไม่ใช่พรต ชายที่เป็นต้นแบบของทุกสิ่งที่กนธีเป็น
“ไปแล้ว...ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่” พรตกล่าวก่อนจะคลึงแก้วเหล้าในมือเล่น แต่ภายในสมองของเขากำลังครุ่นคิดเรื่องบางอย่าง
เขากำลังคิดว่า อะไรทำให้ผไท ตัดสินใจอย่างรวดเร็วขนาดนี้? และยังดูเหมือนว่าทั้งสามคนพ่อ แม่ ลูก จะมีเรื่องอะไรบางอย่างปิดบังเขาอยู่
“หมายความว่ายังไงครับ? เริ่มต้นชีวิตใหม่? ที่นี่ก็คือบ้าน เป็นครอบครัวที่อยู่กันอย่างมีความสุขดีอยู่แล้วนี่ครับ”
กนธีลืมไปอย่างนึงว่า ความสุขของคนที่เป็นพ่อและแม่ ก็คือการที่ได้เห็นลูกมีความสุข หากแต่ตอนนี้น้ำหวานกำลังมีความทุกข์จากความรักที่มีต่อตัวเขา ผไทกับรินรดาจึงตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เพื่อทำให้ลูกสาวเจ็บปวดน้อยที่สุด.....
คือการออกจากอนาจักร...ที่มีชายหนุ่มเป็นผู้คุมกุญแจเอาไว้นั่นเอง
.
“พ่อเองก็ไม่เข้าใจ แต่พ่อคิดว่าพวกเขา ทำ ในสิ่งที่ดีที่สุดและเพื่อให้พวกเราสบายใจอีกด้วย”
พรตกำลังทดสอบ สิ่งที่เขาสงสัยมานานเรื่องของผู้หญิงคนนั้น ที่ชื่อศจี ว่าเจ้าลูกชายจะสนใจผู้หญิงคนนั้นจนยอมรับเรื่องเหตุผลที่น้ำหวานจากไปได้หรือเปล่า
บางที...สิ่งที่เขาแอบคาดหวังเอาไว้ลึกๆ อาจจะเป็นจริงก็เป็นได้
“เรื่องอะไรครับ?” ชายหนุ่มนิ่งไปก่อนจะกล่าวประโยคต่อมา “เกี่ยวกับเรื่องของศจีหรือเปล่า?”
“พ่อเองก็รู้ว่าลูกพอใจเธอมาก แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ค่อยชอบน้ำหวานสักเท่าไหร่นัก อีกหน่อยถ้าลูกแต่ง...”
“ไม่มีทางครับ! ใครเอาเรื่องอะไรมาเป่าหูน้ำหวาน ผมจะเห็นคนอื่นดีกว่าน้ำหวานได้ยังไง น้ำหวานเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมรักที่สุด คุณพ่ออย่าบอกนะว่าเป็นเพราะน้ำหวานกลัวว่าผมจะแต่งงานกับศจีแล้วน้องก็กลัวว่าผมกับ...ผู้หญิงคนนั้นจะมีปัญหากัน”
กนธีตอนนี้เกลียดศจีเข้ากระดูกดำ จนถึงกับแทบไม่อยากเอ่ยชื่อออกมาด้วยซ้ำ
เป็นเพราะผู้หญิงคนนี้ทำให้น้องต้องจากพี่ไป...มัน.น่าแค้นนัก!
“ไม่ใช่แค่ศจีหรอกลูก ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงคนไหนก็ตามที พ่อคิดว่าทั้งผไทและรินรดาเองก็ลำบากใจ อีกหน่อยเมื่อลูกแต่งงาน ลูกจะบอกผู้หญิงที่ลูกเลือกมาอยู่ด้วย ว่าน้ำหวานอยู่ในฐานะอะไรกัน? แล้วน้องล่ะ...จะเข้ากันได้กับเมียของลูกหรือเปล่าก็ยังไม่รู้”
“งั้นคุณพ่อสบายใจได้เลยครับ”
พรตเริ่มงง เมื่อบุตรชายยิ้มออกมาราวกับตัดสินใจเรื่องอะไรบางอย่างได้
“ผมจะไม่มีวันแต่งงานโดยที่น้ำหวานไม่ชอบผู้หญิงคนนั้น ไม่ว่าใครก็ตามที่จะมาเป็นนายหญิงของบ้าน ธนผไทไพศาล จะต้องได้รับการยินยอมจากน้ำหวานเสียก่อนครับ”
บ่ะ...เจ้าลูกชาย มันรักน้องจริงๆ นะเนี่ย! แต่น่าสงสัยเหมือนกันแฮะว่ามันรักแบบไหนของมัน ถึงกับให้น้องเลือกผู้หญิงที่ตัวเองจะแต่งงานให้ แล้วเขาที่เป็นพ่อจะทำหน้าที่อะไรล่ะเนี่ย? หึหึ
ความคิดเห็น