คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5 แก้แค้น
ไม่ห่างจากตรงที่พวกของแพมนั่งอยู่ สายตาอาฆาตแค้นของใครบางคนที่อยู่ไม่ไกลนัก
“ฮึ้มมม....ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่นังเด็กน้อย!”
น้ำเสียงอาฆาตแค้นแสดงให้เห็นชัด จากมุมที่มองอยู่สายตามุ่งร้ายที่มองไปรอบๆ กลับไปสะดุดอยู่ที่สระน้ำที่ปลูกดอกบัวหลากสีเอาไว้มากมาย
“ป้าฟาเรทคะ ดูดอกบัวพวกนั้นสิคะ สวยจริงๆ เลย แพมเก็บไปได้ไหมคะ?”
เสียงนางข้าหลวงวัยสาว กับเสียงของแพมทำให้อุทยานหลวงที่เคยเงียบสนิทกลับมีชีวิตชีวามากขึ้น แพมสั่งให้นางข้าหลวงบางคนลงไปเก็บดอกบัวที่บานอยู่เต็มสระน้ำ สีสันต่างๆ ของมันทำให้มองไปราวกับเป็นภาพศิลปะที่อยู่บนน้ำ หญิงสาวขยับตัวเข้าไปใกล้ๆ กับสระน้ำหลังจากที่เหล่านางข้าหลวงขึ้นจากสระเพื่อที่จะนำเอาดอกบัวที่เก็บได้ไปจัดใส่ในแจกัน ทำให้ระหว่างนั้นมีเพียงฟาเรทและยาเรฟเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อนกับหญิงสาว
มือของใครบางคนที่ยื่นออกมาช้าๆ แต่กลับไม่มีใครมองเห็น เพราะมุมที่มือนั่นยื่นออกมาถูกบดบังไปด้วยต้นไม้
“องค์หญิงเพคะ ทรงลองชิมขนมที่หม่อมฉันลองทำดูไหมเพคะ?”
แพมได้ยินพร้อมกับทำหูกระดิก เอ๊ย หูผึ่ง เรื่องขนมนี่เป็นของชอบสุดๆ พอๆ กับยัยนิดเพื่อนสาวที่ชอบกะละแมไม่มีผิด
ว้าว! ได้กินของอร่อยอีกแล้วเรา....
“เอ๊ะ?”
“ตูมมมม!”
“กรี๊ดดดดดดด องค์หญิง”
อะไรกัน? เกิดอะไรขึ้น นี่เรากำลังอยู่ในน้ำอย่างนั้นหรือ? หายใจไม่ออก!
ชุดองค์หญิงที่แพมสวมใส่ทำให้การขยับตัวในน้ำของหญิงสาวไม่สามารถทำได้ ยิ่งเครื่องประดับที่เป็นทองคำ กลับยิ่งถ่วงน้ำหนักให้ร่างของเธอจมลงไวขึ้น
“ช่วยด้วย! ช่วยองค์หญิงด้วย!”
ฟาเรทและยาเรฟที่ว่ายน้ำไม่เป็นได้แต่ตะโกนร้องอยู่ริมสระ ก่อนที่ร่างสูงแข็งแรงของชายคนหนึ่งจะพุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
“เกิดอะไรขึ้น องค์หญิงเป็นอะไรไป”
ราเมสได้ยินเสียงร้องให้ช่วยระหว่างที่จะเดินมาหานางในดวงใจ หลังจากได้ยินเสียงตะโกนของอดีตพี่เลี้ยงทำให้หัวใจของชายหนุ่มไหววูบจนแทบจะสิ้นสติ
“องค์หญิงตกลงไปในสระเพคะฝ่า....”
ยังไม่ทันที่ฟาเรทจะกล่าวจบ ราเมสก็กระโดดลงไปตรงจุดที่นางชี้ให้ดูทันที
อึดอัดจัง! หายใจไม่ออก! นี่เราจะต้องตายจริงๆ หรือนี่?
ฟองอากาศเฮือกสุดท้ายออกมาจากปากของแพม ก่อนที่สติจะหมดลงแพมก็เห็นเงาดำใหญ่ที่เข้ามาใกล้ แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็ดับวูบไป
ท่ามกลางหมอกควันมากมายที่อยู่รอบตัว แพมมองหาทางออกไปรอบๆ แต่กลับมองไม่เห็นอะไรเลย ร่างของแพมที่อยู่ในร่างจริง กำลังวิ่งไปมาเพื่อที่จะออกไปจากหมอกควันนี้ให้จงได้
“เฮ้.....มีใครอยู่ไหม? ใครก็ได้ช่วยตอบที”
หลังจากที่ลองตะโกนอีกหลายครั้งก็ยังไม่มีเสียงตอบกลับมา ร่างบางค่อยๆ ทรุดตัวลงก่อนจะเริ่มมองไปรอบๆ อย่างใช้ความคิด
ที่นี่มันที่ไหนกันนะ? แล้วเราจะติดอยู่ที่นี่ไปอีกนานสักแค่ไหนกันนะ?
ระหว่างที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั่นเอง จู่ๆ แพมก็ได้ยินเสียงที่ดังขึ้นภายในจิตใจของตัวเธอเอง
“กำลังหลงทางหรือแม่หนู?”
ใครน่ะ? เสียงใครกัน?
แพมมองไปมารอบๆ ตัว ก่อนจะได้ยินเสียงที่ดังขึ้นอีกครั้ง ราวกับเขากำลังพูดอยู่ในสมองของเธอโดยตรง
“ใครคะ? ใครเป็นคนพูดน่ะ?”
เรือนร่างคุ้นตาค่อยๆ ปรากฏกายขึ้นจากร่างควันเป็นร่างของหญิงสาวสูงศักดิ์ เทพีแห่งไนล์ รอยยิ้มเมตตาถูกส่งให้แพมที่กำลังมองอยู่อย่างตกใจ แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าที่เธอจะอยู่ที่นี่คนเดียว
“อีกเดี๋ยวเจ้าจะได้กลับไป แต่ข้ามีเรื่องจะมาแจ้งให้เจ้าได้รู้”
สายพระเนตรอบอุ่นมองตรงมายังหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า สาวงามที่อ่อนเยาว์ และเป็นที่รักของสมติเทพ ฟาโรห์ราเมสป่านนี้สมติเทพพระองค์นั้นคงร้อนพระทัยจนไม่มีความสุขก็เป็นได้
“เป็นเรื่องอันใดกันหรือเจ้าคะ แต่ถ้าท่านเมตตาหนูสักนิดหนูอยากจะกลับบ้านเจ้าค่ะ”
มุมพระโอษฐ์ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ก่อนจะถามด้วยความเอื้อเอ็นดู
“อะไรกันแม่หนู ไม่อยากเที่ยวเล่นอยู่ที่นั่นอีกแล้วอย่างนั้นหรือ? ขอเพียงเจ้าออกปาก เจ้าจะไปที่ใดก็ได้ตราบเท่าที่บุตรแห่งข้าจะสามารถทำให้เจ้าได้”
“แค่นี้หนูก็แทบเอาชีวิตไม่รอดแล้วนะเจ้าคะ! ขืนอยู่ต่อนานกว่านี้คงไม่รอดแน่ๆ”
แพมจำได้ดีตอนที่จะตกลงมา เธอรู้สึกได้ถึงแรงผลักที่หนักหน่วงอยู่ทางด้านหลัง แสดงว่าเธอไม่ได้พลาดลื่นตกลงมาเอง แต่มีคนจงใจที่จะสังหารเธอ
“คนพวกนั้นเป็นเพียงแค่อุปสรรคเล็กน้อยเท่านั้น ต่อไปเจ้าจะต้องเจอสิ่งที่ร้ายแรงกว่านี้ แต่ไม่ว่าเจ้าจะต้องพบเจอกับอะไร เหล่าทวยเทพทั้งหลายจะปกป้องเจ้าเสมอ ข้าขอให้สัจจา”
“แต่หนูอยากกลับบ้าน ที่บ้านคงเป็นห่วง ทั้งคุณพ่อคุณแม่ พวกพี่ๆ”
พอพูดถึงตรงนี้แล้วผู้พูดก็ทำตาแดงๆ ราวกับจะร้องไห้
“ชายที่เจ้าจากมาก็เช่นกัน ฟาโรห์ราเมส เขาไม่อาจไม่มีเจ้าได้ งั้นข้าจะให้ทางเลือกกับเจ้า กระจกที่เจ้าจากมานั้นสามารถพาเจ้ากลับบ้านได้ทุกคืนเพ็ญ เพียงแต่....มันจะใช้ได้แค่สามครั้งเท่านั้น หลังจากเจ้าผ่านครั้งที่สามไปแล้ว เจ้าจะไม่มีโอกาสที่จะไปหรือกลับมาได้อีก หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”
“ 3 ครั้ง?.....อย่างงั้นหรือเจ้าคะ!”
สีหน้าของหญิงสาวกลับยิ่งดูครุ่นคิดเข้าไปอีก
งั้นถ้านับจากตอนที่ข้ามมาเราก็มีโอกาสอีกแค่ 2 ครั้งเท่านั้นสินะ! อะไรกันๆ ทำไมถึงคิดว่า ”แค่” กันล่ะ? ต้องคิดว่าตั้ง 2 ครั้งไม่ใช่เหรอ?
“เรื่องนี้เจ้าต้องเป็นผู้ที่ตัดสินใจเอง แต่ทุกอย่างเป็นเรื่องของชะตากรรม ข้าจะให้เจ้าดูอะไรบางอย่าง”
ฝ่ามือบอบบางตวัดเบาๆ ในอากาศที่ว่างเปล่า แต่กลับมีกลุ่มควันบางๆ เกิดขึ้น ในกลุ่มควันนั้น แพมมองเห็นสีหน้าร้อนรนของชายคนหนึ่ง ฟาโรห์ราเมส!
สีหน้าร้อนรนและดวงตาแดงก่ำของชายหนุ่มกระแทกเข้าไปในหัวใจของเธออย่างรุนแรง ก่อนที่ภาพจะหายไป
“ตอนนี้เจ้าก็ได้เห็นแล้วสินะ ว่าเจ้ามีความสำคัญขนาดไหนกับบุตรของเรา เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าควรจะกลับไปได้แล้ว เวลาผ่านมาถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าเจ้าอยู่ที่นี่นานกว่านี้เจ้าอาจจะไม่ได้กลับไปจริงๆ แล้ว”
ยังไม่ทันได้กล่าวอะไร แพมก็รู้สึกว่าร่างของเธอเริ่มเลือนราง ก่อนจะหมดความรู้สึกไปอีกครั้ง
เอ๊ะ! ทำไมรู้สึกว่าปากอุ่นๆ นะ?
“แพม! ตื่นขึ้นเดี๋ยวนี้นะ!”
เจ็บนะ! ใครน่ะ?เขย่าตัวซะแรงเลย จะตื่นอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว จะตื่นแล้วๆ
เสียงใครเรียกน่ะ? ฟังดูกังวลจังเลยแฮะ
“ฟื้นแล้วๆ ฮือๆ องค์หญิงทรงเป็นเช่นไรบ้างเพคะ?”
หลังจากที่ลืมตาขึ้น แพมก็มองเห็นฟาเรทที่ร้องไห้น้ำตานองหน้าอยู่เหนือหัว หลังจากนั้นก็มองเห็นราเมส แต่ยังไม่ทันได้กล่าวอะไรออกมา ร่างเล็กๆ ของเธอก็ตกอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่มเสียแล้ว
“เอ่อ...คือ ข้าไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกเจ้าค่ะ แล้วนี่ท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“อย่าพูด”
“หืม?”
“อย่าเพิ่งพูดอะไรออกมา เจ้าอยู่นิ่งๆ สักพักเถอะนะ”
ใจของราเมสที่ปลิดปลิวไปกับสายลมกำลังเริ่มก่อตัวขึ้นหลังจากที่หญิงสาวฟื้น ลำพังตัวเขาเองนึกว่าต้องสูญเสียนางไปตลอดกาลเสียแล้วหลังจากที่พยายามช่วยเหลือนางอยู่นานมาก
อา....เหล่าทวยเทพทั้งหลายข้าขอบูชาท่าน ด้วยหัวใจทั้งหมดที่ข้ามี ล้วนมอบแด่ท่านที่ช่วยเหลือให้นางกลับมาหาข้าอีกครั้ง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในอุทยานทำให้ฟาโรห์ราเมสทรงพิโรธอย่างหนัก เพียงไม่นานนักหลังจากที่พาองค์หญิงแพมกลับไปยังพระตำหนักให้หมอหลวงตรวจอาการแล้ว ฟาโรห์หนุ่มก็มุ่งหน้าไปยังห้องว่าราชการที่มีทหารที่ทำหน้าที่เฝ้ายามภายในอุทยานรออยู่
“พวกเจ้าจะกล่าวว่าไม่มีใครเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นหรือ?”
เสียงของแม่ทัพใหญ่คาอูลที่กำลังสอบสวนเรื่องนี้ดังออกมาให้ได้ยิน
“พวกข้าน้อยยืนยามตามจุดต่างๆ แต่ไม่พบใครที่เล็ดลอดเข้าไปจริงๆ ขอรับท่านแม่ทัพ”
สีหน้าของทุกคนซีดขาวไปหมด เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นอาจทำให้ชีวิตน้อยๆ ของพวกเขาต้องปลิดปลิวไปก็เป็นได้ เพราะผู้ที่โดนทำร้ายนั้นเป็นถึงรัชทายาทที่องค์ฟาโรห์ทรงโปรดปรานเป็นที่สุด
“แล้วข้าจะมีพวกเจ้าไว้ทำไมกัน”
เสียงของฟาโรห์ราเมสที่กล่าวออกมาทำให้ผู้คนภายในห้องต่างพากันสะท้านใจ เพราะมันเป็นน้ำเสียงที่เยียบเย็นและเต็มไปด้วยไฟโทสะที่ครุกรุ่น
หลังจากที่ถูกช่วยขึ้นมาได้ แพมก็เล่าให้ชายหนุ่มฟังว่าเธอถูกใครสักคนผลักให้ตกลงไปในสระอย่างแน่นอน เพราะตัวเธอนั้นรู้สึกได้ถึงแรงผลักอย่างรุนแรง ถึงแม้ว่าจะว่ายน้ำได้ แต่ด้วยชุดที่รุ่มร่ามและเครื่องประดับทองทั้งหลายประกอบกับที่ร่างของเธอที่ไม่สามารถต้านทานเอาไว้ได้ จึงทำให้การเคลื่อนไหวในน้ำกลับยิ่งแย่ลงและจมลงไปเรื่อยๆ
“เอ่อ....ฝ่าบาทกระหม่อมเห็นๆ”
ทหารยามคนหนึ่งทำท่าอึกอัก เขากำลังคิดอยู่ว่าเรื่องที่จะพูดออกไปนั้นจะทำให้เขาตายเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิมหรือไม่
เห็นท่าทีของทหารยามผู้นั้นแล้ว ฟาโรห์หนุ่มกลับพยักหน้าให้แม่ทัพคาอูลเป็นผู้จัดการต่อแทน
“มีอะไรก็รีบพูด ก่อนที่จะไม่มีชีวิตได้กล่าวอะไรต่อไป” แม่ทัพใหญ่คาอูลตะคอกด้วยเสียงอันดัง ทำให้นายทหารผู้นั้นลนลานกล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว
“กระ....กระหม่อมเห็น เอ่อ..เห็นพระสนมเอกมิเนร่าทรงเดินออกจากอุทยานอย่างเร่งร้อนพะย่ะค่ะ แต่กระหม่อมไม่แน่ใจว่าจะเกี่ยวพันกับเรื่องนี้หรือไม่พะย่ะค่ะ”
เอาล่ะ! ไหนๆ ก็ไม่มีคนนอก อย่างน้อยเขาก็ดิ้นรนจนเฮือกสุดท้ายแล้ว เพราะโทษของการละเลยหน้าที่จนทำให้รัชทายาทเกือบสิ้นพระชนม์คงไม่พ้นถูกประหารเป็นแน่
“มิเนร่าหรือ?”
ฟาโรห์หนุ่มหันมาทางทหารยามอย่างรวดเร็ว พระพักตร์บึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะเสด็จออกจากห้องว่าราชการอย่างรวดเร็วและมุ่งหน้าไปยังตำหนักหลัง
มิเนร่ารีบเร่งกลับมายังห้องของนางภายในตำหนักหลัง ก่อนจะนั่งสงบสติหลังจากที่นางได้ทำเรื่องร้ายแรงบางเรื่องไปเมื่อครู่
ใจเย็นๆ มิเนร่า เจ้าเป็นถึงองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ จะทำตัวเป็นพวกไพร่ที่เอาแต่เกรงกลัวได้อย่างไร อีกอย่างเมื่อครู่ก็ไม่มีใครเห็นสักหน่อยว่าเจ้าเข้าไปในอุทยาน
หลังจากปลอบใจตัวเองได้สักพัก มือที่สั่นเทากับหัวใจที่เต้นรัวแรงเมื่อครู่ก็หยุดลง ร่างบางเยื้องย่างมองออกไปยังสวนดอกไม้ที่ติดอยู่กับห้องนอน
ชิ...ดวงแข็งนักนังเด็กน้อย คอยดูเถอะ! ข้าจะไม่มีวันยอมให้เจ้ารอดมือข้าไปได้แน่!
“ป้ง!!”
เสียงประตูที่ดังจากด้านหลังทำให้หญิงสาวถึงกับสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะหันกลับไปมองหน้าคนที่บังอาจทำเช่นนี้แต่แล้ว ชายที่กล้าล่วงเกินนางผู้ซึ่งมีตำแหน่งพระสนมเอกก็คือ ฟาโรห์ราเมส ที่ตอนนี้ยืนจังก้าพร้อมด้วยสีหน้าเยียบเย็นอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน ยกเว้นตอนที่สั่งประหารบิดาของนาง แต่ตอนนั้นนางไม่ได้ไปยังลานประหารด้วย ความที่นางเป็นองค์หญิงลำดับที่ 41 ความรู้สึกของนางที่มีต่อกษัตริย์ซีเรียนั้นแทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้ ดังนั้นนางจึงไม่รู้สึกอะไรมากนักที่จะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ในฐานะพระสนมเอกของฟาโรห์หนุ่มผู้ยิ่งใหญ่แห่งจักรวรรษอียิปต์
“ฝ่าบาท! ทรงมาหาหม่อมฉันแล้วหรือเพคะ”
น้ำเสียงยินดีจนปิดไม่มิด แต่พอนางจะเข้าไปกอดประทับรับขวัญ ชายหนุ่มกลับจับนางเอาไว้ด้วยแรงไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว
“เมื่อครู่เจ้าไปที่ใดมา?”
“ไปไหน? หม่อมฉันไม่ได้ไปที่ใดเลยนะเพคะ หม่อมฉันก็เดินเล่นอยู่ในบริเวณของตำหนักหลังนี่เองเพคะ”
สีหน้าของนางปกปิดความตระหนกเอาไว้อย่างแนบเนียน หากนางพลาดแม้สักนิด ชีวิตของนางคงไม่เหลือดีเป็นแน่
หรือว่าจะมีใครเห็นนางกันนะ!?
ไม่ว่ายังไงนางจะต้องยืนกรานปฏิเสธอย่างเดียว หากไม่มีหลักฐานแม้แต่องค์ฟาโรห์ก็ทำอะไรนางไม่ได้แน่...มิเนร่าคิดในใจ
“เจ้าไม่ได้ไปที่อุทยานหลวงของข้าเมื่อครู่นี้จริงๆ หรือ? ข้ามีพยานว่าเจ้าไปที่นั่นและผลักองค์หญิงรัชทายาทตกลงไปในสระน้ำด้วยความจงใจ เจ้าจะปฏิเสธอย่างนั้นหรือ?”
“ตายจริง! ใครกันเพคะที่ใส่ร้ายหม่อมฉันเช่นนี้? คนผู้นั้นต้องไม่หวังดีต่อหม่อมฉันแน่นอนเพคะฝ่าบาท พระองค์ต้องให้ความเป็นธรรมกับหม่อมฉันนะเพคะ ถึงแม้ว่าองค์หญิงจะเคยสั่งลงโทษหม่อมฉัน แต่ไหนเลยหม่อมฉันจะอาจหาญที่จะไปกระทำการบังอาจเช่นนั้นได้”
“นั่นสินะ! ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็คงอธิบายข้าได้ว่าขอบกระโปรงของเจ้าที่เปื้อนดินนั่นได้มาเช่นไร อีกอย่างใบไม้ที่ติดกับกระโปรงของเจ้าดูเหมือนว่าจะเป็นต้นเดียวกันกับที่ปลูกอยู่ในอุทยานของข้าเท่านั้นไม่ใช่หรือ....มิเนร่า”
พระหัตถ์แกร่งจับข้อมือบางไว้มั่นจนมิเนร่ารู้สึกเจ็บจนต้องแสดงทางสีหน้าออกมา
“ฝ่าบาทหม่อมฉันเจ็บเพคะ ทรงปล่อยหม่อมฉันก่อน”
“ข้าถามว่าเจ้าจะตอบข้าเช่นไร กับสิ่งที่ข้าถามเมื่อครู่”
ฟาโรห์หนุ่มในยามนี้น่ากลัวยิ่งนัก เหล่านางสนมและทหารที่ติดตามมาล้วนแต่ทราบดีว่าพระองค์จะตัดสินพระทัยเช่นไรต่อไป โดยเฉพาะสนมเอกดาเน่และพระสนมเอกเฟรเซีย ถึงกับยินดีจนปิดไม่มิด ที่คู่แข่งของพวกนางนั้นจะต้องถูกประหารอย่างแน่นอน
ทำอะไรโง่ๆ หากเป็นข้าล่ะก็จะไม่มีวันเหลือหลักฐานให้จับได้เช่นนี้เป็นแน่ ดาเน่คิด
ตายเสียได้ก็ดี.....ข้าจะได้มีคู่แข่งน้อยลง เฟรเซียยิ้มอย่างยินดีด้านหลังพัดขนนกด้ามทองคำอันโปรดของนาง
“มะ...หม่อมฉัน”
“เจ้าตอบข้าไม่ได้สินะ งั้นข้าจะบอกเจ้าให้รู้ว่าข้าจะทำเช่นไรกับคนที่คิดทำร้ายรัชทายาทแห่งอียิปต์”
น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมกับสีพระพักตร์ที่เข้มขึ้นทำให้ทุกคนที่เห็นล้วนแต่สะท้านใจ ก่อนที่พระโอษฐ์งดงามจะกล่าวออกมา
“ทหาร! เอาตัวนางออกไปขังไว้ที่คุกใต้ดิน ไม่ต้องให้น้ำและอาหาร อีกสามวันนางจะต้องถูกประหารเช่นเดียวกันกับบิดาของนาง”
หลังจากออกคำสั่งเสร็จ ทหารหลายนายที่ตามเสด็จมาก็เข้ามาพาตัวมิเนร่าออกไป ท่ามกลางเสียงร้องไห้และสีหน้าไม่ยินยอมของนาง
“ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ ยกโทษให้หม่อมฉันด้วย หม่อมฉันรักพระองค์เพคะฝ่าบาท.....”
ทหารลากตัวนางออกไป ท่ามกลางสายตาของเหล่านางสนมและนางข้าหลวงทั้งหลาย บางคนทนดูไม่ได้ถึงกับต้องหันหน้าหนี พระสนมเอกที่เคยงดงามเย่อหยิ่งในตอนนี้กลับยอมทิ้งตัวลงเพื่อที่จะถ่วงเวลาให้นางได้มีโอกาสอ้อนวอนเจ้าชีวิตของนางสักครั้ง เผื่อว่าฟาโรห์หนุ่มอาจยังมีเยื่อใยให้กับนางบ้าง
“ฝ่าบาทเพคะ”
“หุบปาก!” เสียงตวาดก้องของฟาโรห์หนุ่มทำให้ทุกคนในที่นั้นต่างสะดุ้งตกใจกลัว ชายหนุ่มมองไปยังหญิงสาวที่ครั้งหนึ่งตัวเขาเคยให้โอกาสในการมีชีวิตอยู่กับนาง แต่นางกลับละทิ้งมันไปและเป็นผู้เลือกทางนี้เองแล้วนางจะยังหวังให้เขาละเว้นชีวิตนางอีกเช่นนั้นหรือ?
“ข้าจะบอกอะไรให้เจ้ารับรู้เอาไว้ก่อนตาย ที่ข้าไว้ชีวิตเจ้าจนถึงตอนนี้เพราะว่าเจ้าคือบุตรสาวของคนที่ทำให้ข้าต้องสูญเสียผู้ที่ข้ารักที่สุดไปถึง 3 คน เจ้าเป็นสิ่งเดียวที่จะตอกย้ำความผิดพลาดในครั้งนั้นของข้านั่นก็คือเหตุผลที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่”
ความเงียบสงบคือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่ออดีตพระสนมเอกมิเนร่าถูกลากตัวออกไปด้วยแววตาหมดอาลัย
“อย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ไม่ใช่นั้นใครก็ตามที่คิดร้ายกับองค์หญิงรัชทายาทจะต้องมีจุดจบที่น่าอนาถกว่านาง”
ฟาโรห์หนุ่มสะบัดพระพักตร์จากไปเมื่อกล่าวจบ ชายพระภูษาปลิวไสวไปกับสายลม พระบาทที่เร่งรีบดำเนินไปตามทางเดินอย่างรวดเร็ว พระทัยร้อนรนของพระองค์เริ่มสงบลงหลังจากที่ได้แก้แค้นให้กับนางอันเป็นที่รัก
“องค์หญิงเป็นอย่างไรบ้าง?”
หลังจากที่ออกไปจัดการเรื่องราวต่างๆ ชั่วครู่ เมื่อฟาโรห์หนุ่มเปิดเข้าไปในห้องบรรทมของราชินีที่ตอนนี้มีร่างเล็กๆ กำลังนอนอยู่เพียงลำพัง แวดล้อมด้วยนางข้าหลวงที่คอยเฝ้าดูอยู่อย่างกังวล ฟาเรททำหน้าที่เป็นผู้ตอบเมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลของชายหนุ่ม
“ยังไม่ทรงฟื้นเพคะ เมื่อครู่หมอหลวงเข้ามาตรวจดูพระอาการ คิดว่าคืนนี้องค์หญิงคงจะทรงจับไข้ จึงได้เจียดยาแก้ไข้ไว้ให้เพคะ เมื่อครู่หม่อมฉันให้นางพวกนี้ไปจัดการแล้วเพคะ”
“จากนี้ไปพวกเจ้าต้องเฝ้าระวังนางมากขึ้นกว่านี้ คราวนี้ข้าจะยกโทษให้ ไม่เช่นนั้นหากเกิดอะไรขึ้นกับองค์หญิงอีก ข้าจะประหารพวกเจ้าซะ”
นางข้าหลวงทั้งหลายที่เตรียมรับโทษเอาไว้ต่างพากันโล่งอก เมื่อคราวนี้องค์ฟาโรห์ไม่ทรงติดใจเอาความ ไม่เช่นนั้น ชีวิตไร้ค่าอย่างพวกนางไม่ว่ามีกี่ชีวิตคงไม่พอให้พระองค์สั่งประหารเป็นแน่
“เพคะ”
ทั้งหมดออกไปจากห้องบรรทมอย่างว่องไว ทิ้งให้ฟาโรห์หนุ่มอยู่กับองค์หญิงพระองค์น้อยเพียงลำพัง
ร่างสูงค่อยๆ เอนกายลงไปบนแท่นบรรทม ชายหนุ่มค่อยๆ ขยับกายเข้าไปไกลๆ เพื่อไม่ให้ร่างเล็กที่กำลังนอนอยู่รู้สึกตัวตื่นขึ้น
“อย่าจากข้าไปไหนเลยนะ! ข้ายินดีที่จะทำทุกอย่างเพื่อเจ้า”
ฝ่ามือกร้านที่จับดาบต่อสู้ฟาดฟันศัตรูค่อยๆ บรรจงไล้แก้มใสบอบบางของแพมในร่างของเด็กหญิงอย่างเบามือ ชายหนุ่มค่อยๆ ล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อเพื่อหยิบแหวนวงน้อยออกมาก่อนจะสวมมันไว้ที่นิ้วนางของหญิงสาว จากนั้นแสงสีขาวก็เปล่งประกายออกมาล้อมรอบตัวแพมเอาไว้ หลังจากนั้นปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น
ร่างงามที่ปรากฏตรงหน้าทำให้ฟาโรห์หนุ่มต้องผ่อนลมหายใจออกมาเพื่อให้หัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อครู่กลับสู่สภาพเดิม ใบหน้าหวานขณะที่กำลังหลับตาพริ้มเรียกให้ชายหนุ่มต้องขยับเข้าไปใกล้ก่อนจะประทับจุมพิตเบาๆ ที่ริมฝีปากบางเช่นเดียวกับตอนที่เขาทำเมื่อคิดว่าเขาไม่สามารถช่วยนางได้แล้วตอนที่พานางขึ้นมาจากน้ำ
“จากนี้ไป เจ้าจะกลายเป็นผู้ที่สูงศักดิ์ที่สุดในแผ่นดินนี้ เพราะเจ้าคือดวงใจข้าผู้เป็นสมติเทพแห่งจักรวรรษอียิปต์อันเกรียงไกร”
ชายหนุ่มมองร่างบางอย่างหวงแหนและรักใคร่ คิ้วน้อยๆ ของนางกำลังขมวดมุ่น
นางกำลังฝันถึงอะไรอยู่น่ะ? แล้วนางจะมีเขาในความฝันหรือเปล่า? ดั่งเช่นที่เขามีนางในความฝันทุกคืนตั้งแต่เขาเจอนางเป็นครั้งแรกในสุสานนั่นเป็นต้นมา
ริมฝีปากเข้มก้มลงอีกครั้งเพื่อที่จะจุมพิตหน้าผากมน ก่อนจะค่อยๆ ประคองร่างบางให้หลับไปด้วยกันทั้งที่ยังปรากฏตัวอยู่ในร่างจริงเช่นนั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นความต้องการของเขาเองแต่การที่ต้องหลับไปพร้อมกับนางผู้งดงามซึ่งเป็นเจ้าของหัวใจโดยที่ไม่สามารถแตะต้องนางได้ ช่างไม่สมกับเป็นเขาเลยจริงๆ
เห็นทีคืนนี้คงเป็นคืนที่เขาต้องจำไปจนตราบสิ้นอายุขัยจริงๆ...ชายหนุ่มคิดในใจก่อนจะฝืนใจหลับตาลงด้วยความขมขื่น (น่าฉงฉาน)
“โอ๊ย! ปวดหัวจัง....ทำไมห้องมันหมุนขนาดนี้เนี่ย?”
แพมค่อยๆ ลืมตาที่หนักอึ้งขึ้น แต่หลังจากลืมตาแล้วกลับต้องหลับตาลงไปใหม่ เพราะรู้สึกว่าห้องทั้งห้องมันกำลังขยับได้
สงสัยเธอคงจะจับไข้เสียแล้วกระมัง?.....
เป็นเพราะความหนักอึ้งที่ทำให้แพมยังไม่รู้สึกตัวว่า ร่างของเธอไม่ได้เป็นเด็กอีกแล้ว และยิ่งกว่านั้น ร่างของชายหนุ่มที่กำลังเบียดเธออยู่นั้นตื่นขึ้นนานแล้ว และเขากำลังมองการกระทำของเธออยู่ด้วยสายตาที่ถ้าแพมเห็นเข้าคงร้อนไปทั้งตัว เพราะเปลวไฟเสน่ห์หาที่อยู่ในดวงตาของเขาคงสามารถหลอมละลายเธอได้
“อย่าเพิ่งขยับ เจ้ากำลังจับไข้ อีกสักครู่ข้าจะให้คนเอายามาให้เจ้า”
“จับไข้? นั่นสินะเมื่อวานนี้ข้าตกน้ำไปนี่นา”
เอ๊ะ! เมื่อกี้เสียงของเธอดูเปลี่ยนๆ ไปหรือเปล่านะ?
หลังจากความคิด แพมยกแขนสองข้างของเธอขึ้น ก่อนจะเห็นว่ามันไม่ได้เล็กดั่งเดิมอีกต่อไปแล้ว แต่มันกลับเป็นแขนของเธอตอนที่สวมแหวนไว้ต่างหาก ที่สำคัญเมื่อมองไปยังนิ้วนางข้างซ้าย แหวนที่เธอมักจะสวมติดคอเอาไว้ กลับสวมใส่อยู่ตรงนั้น
แล้วใครล่ะที่เป็นคนใส่ให้เธอกัน?....หรือว่า?
เมื่อหันไปมองข้างๆ ชายหนุ่มที่หุ่นเซ็กซี่ทรมานใจสาวกำลังนอนเปลือยอก(หืม?) อยู่บนแท่นบรรทมข้างๆ ตัวเธอพร้อมกับส่งสายตาเร่าร้อนมาให้ จนแพมต้องรีบมองตัวเธออย่างเร่งด่วนว่ามีส่วนใดที่บุบสลายไปบ้างหรือไม่จากสายตาของเขา
“ข้ายังไม่ได้ทำอะไร เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก หึๆ”
อ๊ากกกกก! ทำไมถึงได้พูดแบบนั้นออกมาตาบ้า! (อุตส่าห์ดีใจ...ชิ)
“ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้า?....”
“อย่าเพิ่งกล่าวอะไรเลย เดี๋ยวข้าจะเรียกนางข้าหลวงให้นำยามาให้เจ้าก่อน อย่างไรเสียวันนี้เจ้าคงต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้ข้าฟังอย่างละเอียดแน่นอน”
หลังจากที่ราเมสกล่าวจบ เขาก็ลุกขึ้นไปจากแท่นบรรทมโดยมีเพียงผ้าพันท่อนล่างเอาไว้อย่างหมิ่นแหม่ ก่อนจะเดินไปยังประตูห้องแล้วร้องเรียกให้เหล่านางข้าหลวงเข้ามา
เมื่อฟาเรทเข้ามาในห้องตามรับสั่งขององค์ฟาโรห์ ทันทีที่นางเห็นร่างที่นอนอยู่บนแท่นบรรทม อดีตพระพี่เลี้ยงก็แทบจะเป็นลมเมื่อเห็นว่าความลับนั้นไม่อาจจะเป็นความลับได้อีกต่อไปเสียแล้ว
“ข้าคงต้องให้เจ้าอธิบายเรื่องต่างๆ ให้ข้าฟังอย่างละเอียดฟาเรท”
“พะ....เพคะ”
สีหน้าของฟาเรทแพมมองแล้วรู้สึกสงสาร หญิงสาวจึงได้ส่งเสียงออกมาทั้งที่รู้สึกคอแห้งเป็นผงเพื่อที่จะยับยั้งสิ่งที่จะเกิดขึ้น
“ไม่ต้องไปโทษป้าฟาเรทหรอกเพคะ หม่อมฉันเป็นคนขอร้องเอาไว้เอง หากพระองค์จะลงโทษนางหม่อมฉันจะรับผิดชอบเองเพคะ”
แพมพูดทั้งๆ ที่ตัวเองยังนอนไข้ขึ้นอยู่บนที่นอน ทำให้ชายหนุ่มต้องหันหน้ามามอง พร้อมกับกล่าวในสิ่งที่ทำให้อาการไข้ของแพมหนักขึ้นไปอีก
“เจ้าต้องโดนข้าลงโทษแน่....คืนนี้”
คืนนี้? คืนนี้! คืนนนนนี้ๆๆๆๆ
อ๊ากกกกก! ทำไมช่างเป็นคำพูดที่สยิ๊วกิ้วขนาดนี้นะ โดยเฉพาะเมื่อออกมาจากปากของชายหนุ่มหุ่นล่ำบึกแผงอกสีทองแดง แถมยังหน้าตาหล่อล้ำขนาดนี้
หลังจากนั้นแพมก็ไข้ขึ้นสูงจนไม่รู้สึกตัวอีกเลย ไม่รู้ว่าที่ทำให้หญิงสาวเป็นหนักขึ้นเป็นเพราะพิษไข้ หรือว่าเป็นเพราะคำพูดของฟาโรห์หนุ่มกันแน่ แต่หลังจากนั้นอีกสามวัน แพมจึงลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้งโดยไม่รู้สึกปวดหัวหรือ สะลึมสะลือเหมือนอย่างวันแรกๆ
“เป็นเช่นไรบ้าง เจ้าทำให้ข้าเป็นห่วงจนไม่อยากทำอะไรทีเดียว”
เสียงทุ้มดังขึ้นใกล้ๆ สายตาที่ไม่พร่าเลือนของหญิงสาวมองตามเสียงไป ก็พบกับฟาโรห์หนุ่มที่กำลังนั่งทำอะไรซักอย่างอยู่กับกระดาษปาปิรุส
ฟาโรห์หนุ่มลุกขึ้นจากจุดที่นั่งอยู่ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ๆ แท่นบรรทม และใช้ฝ่ามือแข็งแรงลูบไล้เบาๆ ที่ใบหน้าที่ดูอ่อนเพลียเล็กน้อย
“หม่อมฉันหลับไปนานเท่าไหร่เพคะ?”
“3 วัน เจ้าหลับไปนาน 3 วัน ทำเอาข้าแทบใจสลายเมื่อนึกว่าเจ้าอาจไม่ยอมลืมตาขึ้นมามองหน้าข้าได้อีก”
แพมหน้าตาแดงก่ำ เมื่อได้ยินการจีบที่โจ่งแจ้งที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา
“แล้วทุกคนไปไหนกันหมดเพคะ?”
ดวงตาอ่อนโยนจากใบหน้าคร้ามกลับทำให้หญิงสาวที่มีบุคลิกมาดมั่นอย่างแพมถึงกับเขินจนพูดไม่ออก
“ข้าสั่งให้ฟาเรทไปเตรียมอาหารให้เจ้า ส่วนพวกนางข้าหลวงทั้งหลายที่อยู่เกะกะลูกตา ข้าเลยสั่งให้พวกนางไปต้มยาให้เจ้าดื่ม แม่พวกนั้นคอยเป็นตัวขัดขวางข้าอยู่เรื่อยไม่ยอมให้ข้าอยู่กับเจ้าเพียงลำพัง อีกไม่นานหรอก ข้าจะสั่งประหารพวกนางให้หมด จะได้ไม่มีใครกล้าเสนอหน้ามาขัดขวางข้าได้อีก”
แพมตกใจจนหน้าซีด ทำไมคนยุคนี้ถึงได้พูดเกี่ยวกับการฆ่ากันด้วยสีหน้าที่ไม่รู้สึกอะไรเลยนะ? ชักจะน่ากลัวเกินไปแล้ว
“ฝ่าบาทคงไม่ทำดั่งเช่นที่กล่าวมาจริงๆ นะเพคะ”
ฟาโรห์หนุ่มเห็นใบหน้าซีดขาวกับดวงตาตื่นตระหนกของนางก็เข้าใจ ว่าหญิงสาวตรงหน้ารู้สึกแย่กับคำกล่าวของเขาสักเพียงใด
“ข้าเป็นเจ้าชีวิตของทุกคนที่อยู่ที่นี่ แม้แต่เจ้าเองก็เช่นกัน หากใครคิดขัดคำสั่งข้า เมื่อข้าสั่งให้มันตาย....มันก็ต้องตาย”
“พระองค์คงไม่คิดที่จะประหารพวกนางจริงๆใช่ไหมเพคะ?”
แพมค่อยๆ ขยับตัวออกจากชายหนุ่มที่เธอเริ่มรู้สึกกลัวเขา ทั้งที่ครั้งหนึ่ง ชายคนเดียวกันนี้ทำให้เธอรู้สึกลังเลใจที่จะจากไปจากที่นี่
ราเมสเห็นทีท่าของหญิงสาวก็รู้ดีว่านางกำลังจะเริ่มตีตัวออกห่าง แขนแข็งแรงตวัดออกในคราเดียว ร่างบอบบางอ่อนนุ่มก็เข้ามาอยู่ในอ้อมแขน
“ตราบใดที่เจ้าอยู่ที่นี่ ข้าจะไม่ทำอะไรกับพวกนาง จากนี้ไปเจ้าห้ามให้ผู้ใดเห็นเจ้าในสภาพหญิงสาว เจ้าจะต้องเป็นองค์หญิงน้อยรัชทายาทไปจนกว่าข้าจะจัดการเรื่องราวต่างๆ ให้เรียบร้อยเสียก่อน เมื่อใดก็ตามที่เจ้าจากไป เมื่อนั้นจะเป็นวันตายของพวกนาง ถ้าเจ้าไม่เชื่อว่าข้าจะทำได้จริงอย่างที่กล่าว ข้ายินดีจะประหารนางข้าหลวงของเจ้าคนใดก็ได้เพื่อพิสูจน์”
ร่างเล็กถูกปลอกเหล็กล็อคเอาไว้อย่างแน่นหนา อ้อมอกแข็งแรงที่เคยอบอุ่นยามหนุนนอนกลับไม่ได้ให้ความสุขใจอย่างที่เคยเป็นเสียแล้ว หากแต่เวลานี้ ครอบครัว คือสิ่งเดียวที่ทำให้แพมยังตั้งสติอยู่ได้
หวังเพียงแค่มีโอกาสเท่านั้น....โอกาสอีกสองครั้ง
“สัญญา...ไม่สิ หม่อมฉันต้องการคำสัจ ว่าพระองค์จะไม่ประหารใครก็ตามหากหม่อมฉันยังอยู่ที่นี่”
ราเมสมองหน้าหญิงสาวในอ้อมแขน ก่อนจะยิ้มเยือนออกมาอย่างเยือกเย็น
“ข้าตกลง ขอเพียงเจ้าอยู่ที่นี่ พวกนางก็จะไม่ต้องตาย”
เขารู้ดีว่านาง
ถึงแม้ว่าเขาจะต้องใช้เวลาหลอกนางทั้งชีวิตก็ตาม.....
ด้านหน้า...มีเสียงตะโกนของแม่ทัพใหญ่คาอูล ทำให้แพมที่ชักจะเริ่มจนมุมกลับมีความหวังขึ้นมาเล็กน้อย แต่อ้อมแขนที่กำลังกอดเธอแนบอกนี่สิ จะทำอย่างไร? ดูเหมือนว่าชายตรงหน้าจะไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อยหากใครจะเข้ามาเห็นเธอกับเขาในสภาพนี้
“เข้ามาได้!”
แม่ทัพคาอูลในชุดผ้าคลุมผืนใหญ่ ย่างก้าวอย่างมั่นคงเข้ามาในห้องบรรทมอย่างรวดเร็ว พร้อมกับรายงานสิ่งที่แพมได้ยินแล้วตกใจจนตั้งสติไม่อยู่ไปชั่วครู่
“เมื่อครู่กระหม่อมได้ทำการประหาร องค์หญิงมิเนร่าตามพระบัญชาแล้วพะย่ะค่ะ”
สีหน้าแตกตื่นของแพมแสดงออกมาทันทีที่ฟังจบ หญิงสาวออกแรงผลักร่างสูงเต็มแรง ก่อนจะล้มลงไปบนแท่นบรรทม อาจเป็นเพราะชายหนุ่มไม่คิดว่านางจะมีปฏิกิริยามากขนาดนี้เมื่อได้ยินเรื่องนี้จึงไม่ได้ออกแรงรั้งตัวนางเอาไว้ดั่งเช่นตอนแรก
“ทำไมพระองค์ต้องสั่งประหารนางเพคะ? หรือว่านางทำสิ่งใดให้พระองค์ไม่พอพระทัยกัน!”
“หึ! นางทำร้ายคนสำคัญของข้า สมควรแล้วที่จะต้องตาย”
“พระองค์ช่างโหดร้ายนัก นางเคยเป็นที่รักของพระองค์ไม่ใช่หรือ? หรือว่าสิ่งที่นางเคยทำให้กับพระองค์นั้นยังไม่เพียงพอ.....พระองค์ช่างแล้งน้ำใจยิ่งนัก!”
“เรื่องของข้า!! เจ้าไม่จำเป็นต้องมายุ่งเกี่ยว”
ราเมสสะบัดหน้าลุกขึ้นจากแท่นบรรทม ก่อนจะเดินออกไปจากห้องบรรทมอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงเรียกประชุมเหล่าแม่ทัพทั้งหลายดังลั่นและค่อยๆ หายไปเมื่อชายหนุ่มเดินจากไปไกลแล้ว
“ฮือๆๆ”
แพมยกมือขึ้นปิดหน้า ก่อนจะร้องไห้ออกมา
เมื่อครู่.....หากเขาไม่พอใจเธอขึ้นมา เธอคงต้องมีจุดจบอย่างอดีตพระสนมของเขากระมัง....
ภายในห้องผู้ที่ได้ยินการสนทนาของทั้งสองคนยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม แม่ทัพคาอูล.....
“องค์หญิง...เอ่อ...ขอให้กระหม่อมได้กราบทูลเรื่องบางเรื่องให้พระองค์ทรงทราบได้หรือไม่พะย่ะค่ะ”
เมื่อมองผ่านม่านน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย ภาพของแม่ทัพใหญ่แห่งอียิปต์กลับดูลางเลือน แต่น่าแปลก ที่ตอนนี้หัวใจของแพมกลับลางเลือนยิ่งกว่า มันเจ็บปวดเสียจนผู้หญิงที่ไม่ชอบการหลั่งน้ำตาอย่างเธอแทบจะหมดแรง จะมีใครกันที่จะสามารถอาศัยอยู่กับฆาตรกรที่สังหารคนอย่างเหี้ยมโหดและไร้เหตุผลได้
อยากกลับบ้าน!
ประโยคนี้ผุดขึ้นมาในหัวนับร้อยครั้งนับตั้งแต่ฟาโรห์หนุ่มเดินออกไปจากห้อง.....
“เรื่องอะไรหรือคะท่านแม่ทัพ?”
แม่ทัพใหญ่มองร่างงามที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาตรงหน้า ก่อนจะสูดลมหายใจเพื่อที่จะตั้งสติในความงามของหญิงสาวที่แผ่ออกมาทำให้เขา ซึ่งปรกติไม่ค่อยได้หวั่นไหวอะไรง่ายๆ ต้องสั่นคลอน
“เมื่อครู่ กระหม่อมได้ทำการประหารอดีตพระสนมเอกมิเนร่า หลังจากที่นางได้ทำความผิดร้ายแรง ถึงขนาดไม่สามารถลดโทษลงได้พะย่ะค่ะ”
“ความผิดเรื่องที่ทำร้ายคนสำคัญขององค์ฟาโรห์เช่นนั้นหรือ?.....ขอเพียงมีจิตเมตตาสักเพียงนิด แค่เนรเทศนางก็น่าจะร้ายแรงพอแล้ว ทำไมถึงต้องประหารนางด้วยเล่า”
“เรื่องที่องค์หญิงทรงสงสารหญิงผู้นั้นเป็นเรื่องที่ไม่สมควรยิ่ง เพราะนางถูกประหารด้วยข้อหา คิดปลงพระชนม์องค์หญิงรัชทายาทของจักรวรรษอียิปต์ที่ยิ่งใหญ่ด้วยการผลักพระองค์ลงไปในสระพะย่ะค่ะ”
เป็นเพราะเราเองหรือนี่?
องค์หญิงมิเนร่าต้องตายเพราะเราอย่างนั้นหรือ?แล้วทำไมเขาถึงได้...........
“แล้วทำไม?....เขาถึงได้.....”
แม่ทัพคาอูลถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำน่าฟังว่า
“พระองค์เป็นฟาโรห์ที่ชำนาญศึก ผ่านสงครามมานับไม่ถ้วน อุปนิสัยของพระองค์ร้อนแรงดุจดั่งดวงตะวัน ห้าวหาญดุดันสมกับเป็นนักรบทะเลทราย ตลอดเวลาที่กระหม่อมได้รับใช้พระองค์ ไม่เคยมีวันใดที่กระหม่อมจะได้เห็นสีหน้าเป็นทุกข์และกังวลดั่งวันนั้นมาก่อน วันที่องค์หญิงทรงตกลงไปในสระ หลังจากที่องค์ฟาโรห์ช่วยพระองค์ขึ้นมาได้ สีหน้าของพระองค์ในตอนนั้น ทำให้กระหม่อมนึกถึง.....วันที่พระองค์สูญเสียครอบครัวที่สำคัญยิ่งไป หากแต่เพราะการแสดงออกถึงอารมณ์ สำหรับพระองค์แล้วเรียกได้ว่าเป็นความอ่อนแอ และชี้ให้เห็นถึงจุดบอดที่สำคัญ หากในวันนี้พระองค์ทรงปล่อยอดีตพระสนมไป เมื่อนั้นใครก็ตามที่คิดปองร้ายพระองค์ก็จะยิ่งเหิมเกริมขึ้น เมื่อนั้นหากองค์หญิงทรงเป็นอะไรไปอีก กระหม่อมเชื่อว่าฝ่าบาทคงต้องเสียพระทัยอย่างที่สุด”
หลังจากที่พูดจบ ก็มีทหารนายหนึ่งที่แพมจำได้ว่าเขาเฝ้ายามอยู่หน้าห้องบรรทม ทหารยามเข้ามารายงานว่า ราเมสกำลังเรียกประชุมแม่ทัพเป็นการด่วน และตอนนี้ก็เหลือแต่ท่านแม่ทัพใหญ่เท่านั้นที่ยังไปไม่ถึงห้องประชุม แม่ทัพคาอูลจึงออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วหลังจากทำความเคารพเธอแล้วอย่างนิ่มนวล
ร่างบางที่เพิ่งฟื้นไข้ค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นจากแท่นบรรทมอย่างทุกลักทุเล อาจเป็นเพราะว่านอนมานานหลายวันก็เป็นได้ เมื่อยืนบนพื้นเป็นครั้งแรก แพมถึงกับเซไปข้างหน้าแต่กลับต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องขึ้นเสียก่อน
“ว๊าย! องค์หญิงทำไมถึงได้ทรงฝืนพระวรกายขนาดนี้เพคะ ทำไมไม่เรียกพวกหม่อมฉันล่ะเพคะ?”
เสียงของฟาเรทที่ดังนำมาก่อนตัวทำให้แพมกำลังนึกข้อแก้ตัวดีๆ อยู่ในใจ
“แหมมมมม!ป้าคะ แพมแค่จะลุกขึ้นเสียหน่อย นอนมาหลายวันแล้ว ตอนนี้เมื่อยไปหมดแล้วค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวหม่อมฉันไปหาอะไรให้พระองค์เสวยร้อนๆ นะเพคะ”
หลังจากกล่าวจบ ฟาเรทก็ไม่รอคำตอบนางเดินไปสั่งนางข้าหลวงที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักให้ไปทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็วสมเป็นมืออาชีพอย่างที่แพมเคยแซวเอาไว้ในความคิด
“ป้าคะ....เมื่อกี้แพมได้ยินข่าวเรื่องพระสนม....เอ่อ...นางถูกประหารจริงๆ หรือคะ?”
“ตายจริง! ใครกันเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาทูลเพคะ?”
สีหน้าของนางฟาเรททำให้แพมเดาได้ว่า นางจะต้องรู้เรื่องนี้ดีอย่างแน่นอน
“ป้าคะ....แพมอยากรู้เรื่องนี้น่ะค่ะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ความคิดเห็น