คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่3 เจ้าหญิงน้อยจอมป่วน
งดงามจริงๆ....
เมื่อเปิดประตูเข้ามาแพมก็พบกับสิ่งที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นระรัว กระจกสูงทำจากทองคำและสำริดสะท้อนร่างอรชรของหญิงสาวผมดำสนิท เมื่อมายืนตรงหน้าตัวกระจก
ฝ่ามือบอบบางค่อยๆ สัมผัสไปยังความเรียบรื่นของกรอบที่ทำมาจากทองคำ ผิวของมันเรียบลื่นและเย็น ไม่มีร่องรอยขรุขระแม้แต่น้อย
หลังจากที่กำลังชื่นชมกระจกอยู่พักใหญ่ แพมก็เริ่มง่วงจึงตัดสินใจไปอาบน้ำ แต่ในขณะที่หญิงสาวกำลังสบายกับการแช่น้ำอยู่นั่นเอง เธอจึงไม่ได้สังเกตเห็นว่า แหวนทองคำที่ติดอยู่ที่นิ้วของเธอกำลังเปล่งประกาย ราวกับกำลังเรียกหาบางสิ่งบางอย่าง.....
“อืมมมม......”
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?.....อา...ทำไมที่นี่หมอกหนาจัง เธอกำลังนอนอยู่ในบ้านของยัยนิดไม่ใช่เหรอ? แล้วที่นี่มันที่ไหนกันแน่
เอ๋.....นั่นมันอะไรน่ะ?
แพมมองฝ่าหมอกเข้าไป หญิงสาวกลับมองเห็นแสงเรืองรองอยู่รอบตัวชายคนหนึ่งและหญิงสาวอีกคนที่อยู่ข้างๆ ทั้งคู่รูปงามเสียจนทำให้เธออดใจสั่นไม่ได้
สงสัยจะกินมากไปเรา ฝันเป็นตุเป็นตะเลยยัยแพมเอ๋ย!......
“เจ้าไม่ได้ฝันไปหรอก นางผู้มาจากโลกหน้า”
เสียงไพเราะของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าทำให้แพมสะดุ้ง เมื่อกี้เธอคิดในใจไม่ใช่หรือ?
“คุณได้ยินที่ฉันพูดในใจด้วยเหรอคะ?”
ทั้งสองคนยิ้ม ก่อนจะกล่าวต่อว่า
“พวกเราคือเทพเจ้าแห่งอียิปต์ไม่มีสิ่งใดที่สามารถปกปิดพวกเราได้ หัวใจของเจ้าได้ถูกชั่งแล้วสาวน้อย เจ้าคือผู้ที่เหมาะสมที่เรา เทพีแห่งไนล์เป็นผู้เลือกเอง”
ชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ยิ้มอย่างใจดีก่อนจะกล่าวขึ้นอีกประโยค
“เราต้องการให้เจ้าช่วยเหลือบุตรแห่งเรา”
ตอนนี้หมอกหายไปหมดแล้ว แพมซึ่งอยู่ในชุดนอนรัดกุมยืนประจันหน้ากับชายหญิงคู่หนึ่งซึ่งแต่ตัวราวกับเป็นชาวอียิปต์โบราณ เหมือนอย่างที่เธอเคยเห็นตามกำแพงสุสาน เพียงแต่ว่าตอนนี้พวกเขาทั้งคู่กำลังขอร้องเธอและอยากให้เธอทำอะไรให้สักอย่าง
“จะให้ฉันช่วยอะไรหรือคะ?”
ทั้งคู่ยิ้มให้แก่กัน ก่อนจะนึกในใจว่าเลือกคนไม่ผิดจริงๆ
“ดวงชะตาของเจ้ากับบุตรของเราเป็นเนื้อคู่กัน หากแต่กาลเวลาเท่านั้นที่ขวางกั้นเจ้าทั้งสองเอาไว้ เราอยากให้เจ้าไปยังที่ๆ บุตรแห่งเราอยู่ และช่วยเหลือเขา ทำให้เขามีความสุขเสียที”
“ลูกของพวกท่านเป็นอะไรไปหรือคะ? อีกอย่างพวกท่านเป็นเทพ ทำไมถึงต้องให้ฉันช่วยด้วยล่ะคะ?”
แพมถามอย่างสงสัย ในเมื่อเธอเป็นแค่หญิงสาวธรรมดา ไม่ได้มีเวทย์มนต์อะไร จะไปช่วยเหลือใครได้ยังไงกัน?
“ได้สิ มันเป็นเรื่องของชะตากรรม พวกเราไม่สามารถที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ ดังนั้นพวกเราจึงต้องการเจ้า สาวน้อย”
แสงเรืองรองที่เปล่งประกายขึ้น ทำให้ร่างทั้งสองร่างยิ่งดูสูงส่งเกินเอื้อมเข้าไปอีก
“เดี๋ยวสิคะ แล้วท่านจะให้ฉันทำอะไรให้เหรอคะ?”
เทพเจ้าแห่งไนล์ ส่งรอยยิ้มหวานมาให้ ก่อนจะกล่าวว่า
“แค่ไปอยู่ข้างๆ ในฐานะราชินีก็เพียงพอแล้วสำหรับเจ้า”
คราวนี้เป็นแพมที่อ้าปากกว้าง ก่อนจะนึกได้ (ดีนะที่ไม่มีแมลงวัน)
“เรื่องนี้คงไม่ได้หรอกค่ะ ฉันคงทำไม่ได้แน่”
ทั้งคู่ เริ่มเลือนหายไป พร้อมกับเสียงหัวเราะและประโยคต่อมาที่ทำให้เธอถึงกับขนลุกเกรียว
“ต้องได้สิ ก็เจ้ากำลังจะไปอยู่แล้วนี่นา เพื่อเป็นการตอบแทนเจ้า เราจะให้พรแก่เจ้า เมื่อใดก็ตามที่เจ้าถอดแหวนวงนั้นออก เจ้าจะกลายเป็นเด็กหญิงตัวน้อยที่มีทั้งโชคและผู้คนต่างรักใคร่ หากแต่เมื่อใดก็ตามที่เจ้าสวมแหวนวงนั้นกลับไป เจ้าก็จะกลายร่างเป็นตัวตนที่แท้จริงของเจ้า จำไว้ให้ดีละ! สาวน้อย”
เมื่อกล่าวจบ แสงสว่างทั้งหลายก็หายไป จนแพมต้องหลับตาลง ก่อนที่จะได้ยินเสียงบางอย่าง
“กริ๋งๆๆๆ”
พอลืมตาขึ้น หญิงสาวก็พบกับห้องกว้าง ที่พอมองเห็นลางๆ ว่ามันถูกประดับประดาไปด้วยทองคำ มองไปทางไหนก็มีแต่ทองคำ นั่นก็ทองคำ นี่ก็ทองคำ แม้แต่ผ้าก็ยังทำมาจากเส้นทองคำ (มองเห็นขนาดนั้นเชียว)
“นี่มันที่ไหนเนี่ย?”
ลักษณะเหมือนงานจะเข้าแล้วเรา......(ง่ะ)
จะไม่ให้คิดอย่างนั้นได้ยังไง ในเมื่อหลังจากมองไปรอบๆ แล้วมันเหมือนในนิยายที่เคยอ่านไม่มีผิด
อ๊ากกกกกกกกก นี่เรามาได้ยังไงเนี่ย?
หลังจากที่สติแตกไปชั่วครู่ แพมก็สังเกตเห็นแหวนที่ตกอยู่ข้างตัว
“หืม? มันหลุดออกมาได้ยังไงกัน เมื่อตอนเย็นดึงยังไงก็ไม่ออก”
แพมพึมพำกับตัวเองก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแหวนวงนั้นจากพื้นที่ปูด้วยขนสัตว์อย่างดี
เอ๋.....นี่เราตาฝาดหรือว่าแขนเรามันเล็กลงหว่า?
หลังจากพยายามตั้งสติอยู่ชั่วครู่ หญิงสาวก็หยิบแหวนขึ้นมาได้ ก่อนจะหันไปมองรอบตัว ที่เริ่มรู้สึกตัวว่า อะไรๆ ในห้องนี้ ทำไมมันถึงได้ใหญ่โตเกินปรกติไปได้นะ แต่พอหมุนครบรอบแล้วเมื่อหันไปยังด้านหลัง แพมก็ต้องตกใจ เมื่อเธอพบกับกระจก
นี่มันกระจกที่อยู่ที่บ้านยัยนิดนี่นา!
ถึงแม้ว่าจะมีเพียงแสงสลัวๆ แต่ก็สามารถมองเห็นสีเหลืองของทองคำที่เป็นกรอบของกระจกได้
นี่มัน?....หรือว่า?
“นั่นใครน่ะ!”
เสียงตวาดอันกราดเกรี้ยวดังขึ้นผ่านผ้าม่านหลายชั้นที่กั้นขวางอยู่ แต่มันก็ทำให้แพมถึงกับต้องอุดหู เพราะกลัวว่าแก้วหูของเธอจะแตก เพราะเสียงของชายคนนั้นดังราวกับฟ้าผ่าก็ไม่ปาน มือที่ย่อขนาดเล็กลงกำแหวนไว้แน่ขึ้น ก่อนที่ร่างใหญ่โตของใครคนหนึ่งจะมายืนหยุดอยู่ตรงหน้า พร้อมกับดาบเล่มยักษ์ที่เตรียมพร้อมจะฟาดฟันทุกคนที่หลุดเข้ามาที่ห้องนี้
“ว๊าย!”
เมื่อเห็นผู้บุกรุกถนัดตา แม่ทัพใหญ่แห่งอียิปต์กลับลดดาบลง ในเมื่อตรงหน้าเป็นเพียงแค่เด็กหญิงตัวน้อยวัยไม่น่าเกิน 6 ขวบ ซึ่งหน้าตางดงามน่ารัก เกินกว่าที่จะพบเห็นได้ในอียิปต์นี้ เพราะเด็กน้อยคนนี้มีผิวที่ขาวเรืองรองเป็นสีทอง เมื่อกระทบกับแสงไฟ ที่เหล่าทหารยามถือเข้ามาด้วย
“เจ้ามาจากไหนกันเด็กน้อย?”
คาอูลมองเด็กหญิงที่ยืนมองทำตาแป๋ว(พยายามทำสุดฤทธิ์เพื่อให้รอดตัว)อยู่ตรงหน้า ก่อนที่เขาจะอุ้มเด็กหญิงเอาไว้ในอ้อมแขน
เฮ้ย!....ตายแล้วเรา อ๊ากกก!โดนชายหนุ่มหล่อล่ำอุ้มด้วย แต่ทำไมจะต้องตัวเล็กเป็นเด็กน้อยแบบนี้ด้วยน้า ฮือๆๆๆ กระซิกๆ
“เจ้าไม่ต้องกลัวข้าหรอกนะ เจ้าเป็นบุตรของผู้ใดกัน ทำไมถึงได้หลงมาอยู่ที่ในห้องขององค์ราชินีได้ล่ะ?”
เหล่าทหารหน้าตาขึงขังที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลังของแม่ทัพใหญ่ ต่างก็มองเด็กหญิงเป็นตาเดียว พวกเขายืนเฝ้ายามอยู่หน้าห้องบรรทมของราชินี แล้วเด็กคนนี้เข้ามาที่นี่ได้ยังไงกัน ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากัน และคิดเหมือนกันอย่างน่าแปลกใจ
หรือว่าเด็กคนนี้เทพเจ้าจะส่งมาเพื่อจักรวรรษอียิปต์อันยิ่งใหญ่กันนะ?
หลังจากวันที่ฟาโรห์ของพวกเขาประหารกษัตริย์แห่งซีเรีย เวลาก็ผ่านมาหลายปี จนกระทั่งตอนนี้ ฟาโรห์ของพวกเขาก็ยังไม่มีรัชทายาทไว้สืบทอดบัลลังก์กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่เสียที แม้แต่ตำแหน่งราชินี ไม่ว่าจะเป็นหญิงใดก็ตามที่ถูกคัดเลือกเอาไว้ว่าจะได้รับเลือกก็ล้วนตายอย่างมีปริศนาทุกรายไป
“ท่านแม่ทัพ ข้าว่าเด็กคนนี้อาจเป็นผู้ที่เทพเจ้าส่งมาให้พวกเราก็ได้นะขอรับ ดูผิวพรรณของนางสิขอรับ ผิดแผกจากเด็กทั่วไป อีกทั้งการที่นางเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะพวกข้าเฝ้ายามอยู่ด้านนอก แล้วนางจะเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร”
นับว่านายทหารคนนี้กล่าวมามีเหตุผล ห้องนี้เป็นห้องที่สูงที่สุดในวังหลัง ถัดจากตรงนี้ไปก็เป็นระเบียงที่ไม่สามารถกระโดดขึ้นมาได้อย่างแน่นอน เพราะความสูงของมันไม่ว่าใครที่ตกลงไปคงไม่อาจมีชีวิตรอดไปได้
“พวกเจ้าอย่าเพิ่งอึงไป ข้าจะพานางไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเสียก่อน แล้วพระองค์จะทรงทำเช่นไรค่อยว่ากันอีกที”
แพมทำหน้าตาเหรอหรา หญิงสาวไม่กล้ากล่าวอะไรออกมาแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะถูกจับได้ว่าตนเองไม่ใช่เด็ก อย่างน้อยตอนนี้ อ้อมแขนแข็งแรงและอกอบอุ่นของท่านแม่ทัพก็ทำให้เธออุ่นใจไปได้อีกหลาย อิอิ.......
แม่ทัพใหญ่คาอูลอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยหน้าตางดงามมายังห้องบรรทมขององค์ฟาโรห์ซึ่งอยู่ข้างๆ ห้องราชินี เขารู้ดีว่าหากรบกวนเวลาของพระองค์ในตอนนี้จะต้องได้รับโทษ เพียงแต่เขารู้สึกว่าเด็กหญิงคนนี้อาจมีที่มา ที่ไม่อาจจะมองข้ามไปได้
เสียงของคาอูล ปลุกราเมสที่กำลังนอนอยู่บนแท่นบรรทมให้ตื่นขึ้น ชายหนุ่มมองไปรอบห้องบรรทมเพื่อปรับสายตาก่อนจะหันไปมองร่างอวบอิ่มของสนมเอกดาเน่ ที่กำลังนอนหลับโดยไม่ได้ยินเสียงใดๆ ทั้งสิ้น เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและใช้เพียงผ้าผืนบางพันเอาไว้รอบเอวสอบแข็งแรงเท่านั้นก่อนจะเดินไปเปิดประตู
ทันทีที่เห็นเด็กสาวในอ้อมแขนของคาอูล หัวใจของราเมสฟาโรห์หนุ่มแห่งอียิปต์ก็ถึงกับสะท้านสะเทือน ดวงตาคมกริบจ้องมองร่างเล็กบางอย่างไม่วางตา
ไม่น่าเชื่อ เด็กคนนี้ช่างเหมือนกับนางในฝันของเขาเมื่อหลายปีก่อนยิ่งนัก เพียงแต่นางเป็นเพียงแค่เด็กหญิงไม่ใช่สาวงามนางนั้นที่เขาฝันเห็น
“เจ้าเจอเด็กคนนี้ที่ไหนกัน?”
พระสุรเสียงสั่นไหวขององค์ฟาโรห์ทำให้คาอูลรู้ได้ทันทีว่าเขาทำถูกแล้วที่พาตัวนางมาให้องค์ฟาโรห์ตัดสินพระทัย
“กระหม่อมเจอเด็กคนนี้ที่ห้องของราชินีพะย่ะค่ะ กระหม่อมเลยพานางมาให้พระองค์ตัดสิน”
ราเมสมองดวงตากลมโตที่จ้องเขาอย่างไม่วางตาก่อนจะยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มที่หาได้ยาก
“ส่งนางมาให้ข้าซิ”
ระหว่างที่ชายสองคนกำลังคุยกันอยู่ แพมก็ได้แต่มองชายหนุ่มสุดหล่อที่เมื่อคืนเธอเพิ่งฝันเห็นเขา ชายคนนี้ก็คือฟาโรห์ที่เมื่อคืนสั่งประหารผู้ชายคนนั้นนี่นา.....
แต่พอแม่ทัพคาอูลทำท่าจะส่งเธอให้ผู้ชายอีกคน แพมก็ขืนตัวเอาไว้ ก็เธอไม่อยากอยู่กับผู้ชายที่ใจร้ายฆ่าคนเป็นผักปลา เกิดเขาไม่พอใจเธอขึ้นมาสั่งประหารเธอเข้า เธอก็แย่น่ะสิ...ชิ ไม่เอาด้วยหรอก
ทันทีที่แพมทำกิริยาเช่นนั้น รอยยิ้มเมื่อครู่ก็หายวับไปกับตาทันที
“เจ้าอย่าดื้อกับข้านะ ข้าไม่ใช่คนใจเย็นนัก”
อาจเป็นเพราะน้ำเสียงข่มขู่นั่นกระมัง เมื่อเขายื่นมือมาอีก แพมจึงจำใจต้องเข้าไปในอ้อมแขนของเขาอย่างไม่เต็มใจนัก ดวงตากลมโตจึงเต็มไปด้วยรอยตัดพ้อต่อว่าโดยที่คนภายนอกมองแล้วกิริยาเช่นนี้ช่างน่ารักน่าชังยิ่งนัก
“เจ้าชื่ออะไร?”
ทันทีที่เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของราเมส ชายหนุ่มก็ถามสิ่งที่ต้องการรู้ในทันที
เอาล่ะสิ! ทำยังไงดีล่ะทีนี้ ชื่อของเรามันก็ไม่เหมือนกับคนที่นี่ซะด้วย เอายังไงดีหว่า?
ระหว่างที่ครุ่นคิดอยู่นั้น ราเมสก็ไม่รอฟังคำตอบ เขาจึงชิงพาเธอเดินเข้ามาในห้องบรรทม ทิ้งให้เหล่าทหารและท่านแม่ทัพคาอูลยืนอยู่หน้าประตู
“เจ้าจะตอบข้าได้หรือยัง ว่าเจ้าชื่ออะไร?”
น้ำเสียงแข็งกระด้างเมื่อครู่เปลี่ยนไปเป็นน้ำเสียงที่อ่อนโยน จนแม้แต่ตัวเขาเองยังแปลกใจ เมื่อชายหนุ่มเดินมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าแท่นบรรทม แพมก็สังเกตเห็นหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งภายใต้แสงเทียน เธอมีหน้าตาที่งดงามเหมือนางเอกหนังอินเดียที่หญิงสาวเคยดู
ว่าแต่ทำไมนางถึงได้นอนเปลือยอยู่ล่ะ!
ไม่ต้องบอกก็รู้ ว่าก่อนที่เธอจะมาที่นี่เกิดอะไรขึ้น ผิวแก้มใสๆ ของแพมร้อนผ่าว และเธอเชื่อว่ามันจะต้องแดงก่ำขึ้นมาอย่างแน่นอน
ชิ....อีตาบ้า ลามกที่สุดเลย อุ้มเด็กมาดูผู้หญิงนอนเปลือยเนี่ยนะ!
ราเมสเห็นสายตากราดเกรี้ยวของเด็กน้อยก็รู้สึกอารมณ์ดียิ่งนัก เขาเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าทำไมเมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของเด็กน้อยคนนี้แล้วรู้สึกดียิ่งนัก
“ดาเน่! เจ้าออกไปได้แล้ว”
เสียงออกคำสั่งของชายหนุ่มที่ไม่เบานัก ปลุกให้หญิงสาวที่เหนื่อยอ่อนจากการปรนนิบัติเมื่อหัวค่ำต้องตื่นขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้นเพคะฝ่าบาท?...อุ๊ย!...เด็กคนนั้น”
สนมเอกดาเน่ใช้ผ้าผืนบางพันทรวงอกเอาไว้ เมื่อเห็นว่าตอนนี้ตนเองไม่ได้อยู่เพียงลำพังกับชายหนุ่มผู้ทรงอำนาจเสียแล้ว
“ข้าบอกให้เจ้าออกไป!”
พระสุรเสียงที่เข้มขึ้นแสดงให้เห็นพระอารมณ์ที่เริ่มไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ทำให้พระสนมเอกไม่กล้าที่จะซักถามอะไรอีก หญิงสาวรีบแต่งตัวโดยไว ก่อนจะออกจากห้องบรรทมไปในเวลาไม่นานนัก
ราเมสพาเด็กน้อยนั่งลงบนตักเมื่อเขานั่งลงบนแท่นบรรทม ก่อนจะมองอย่างพินิจ เหมือนจริงๆ ไม่ว่ามองยังไงก็เหมือน
“เจ้ามาจากที่ใดกัน?”
อาจเป็นน้ำเสียงที่อ่อนโยน เลยทำให้แพมเผลอตัวพูดออกมา
“ไม่รู้ค่ะ”
“เจ้าไม่รู้หรือ? แล้วเจ้าไปอยู่ที่ห้องของเสด็จแม่ของข้าได้อย่างไรกันแม่หนู!”
แพมไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี หญิงสาวจึงตัดสินใจว่าจะไม่ยอมบอกอะไรทั้งสิ้น หวังว่าเขาคงไม่คิดฆ่าเด็กอายุ 6 ขวบเพราะความโมโหกระมัง (หรือเปล่าหว่า?)
บรรยากาศในห้องเริ่มกดดัน ราวกับกำลังอยู่ในห้องสอบเทอมสุดท้ายของการเรียน (เว่อร์จริงๆ) กว่าแพมจะคิดออก ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์เสียแล้ว
“เอ่อคือ หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แล้วที่นี่มันคือที่ไหนล่ะคะ?”
“ที่ๆ เจ้าอยู่ก็คือ จักรวรรษอียิปต์ที่ยิ่งใหญ่ และข้าก็คือเจ้าของดินแดนนี้ ข้าคือฟาโรห์ราเมสที่ 1 แห่งจักรวรรษอียิปต์”
พระเจ้าช่วยกล้วยทอด!...ผู้ชายคนนี้ก็คือฟาโรห์คนที่เธอไปดูสุสานเขามานี่นา! พอนึกถึงตอนนั้นแล้ว ความเศร้าที่ไม่รู้มาจากไหนก็ท่วมท้นหัวใจของแพม จนดวงตากลมโตของเด็กหญิงถึงกับมีน้ำตาคลออยู่
“เจ้าเป็นอะไรไปแม่หนู ข้าไม่ได้จะว่าอะไรเจ้าสักหน่อย เอาล่ะ! เจ้าจะบอกข้าได้หรือยังว่าเจ้าชื่ออะไรกันแน่”
อาจเป็นเพราะยังไม่หายรู้สึกเศร้ากระมัง หญิงสาวจึงไม่อยากโกหกชายตรงหน้าอีก ดังนั้นจึงตัดสินใจ
“ชื่อแพมค่ะ หนู...เอ๋ย! ข้า...ชื่อแพมค่ะ”
เอาล่ะ เห็นทีคงต้องลองใช้ชีวิตในสมัยโบราณดูสักตั้งล่ะมั้งเรา ก็ในเมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันเป็นเรื่องจริงนี่นา อีกอย่างอยู่ในร่างนี้ คงไม่น่ามีอันตรายกระมัง
เพียงแต่แพมไม่ทันได้สังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของชายหนุ่มตรงหน้าเมื่อได้ยินชื่อของเธอ ไม่เช่นนั้นแพมคงต้องวิ่งกลับยังห้องข้างๆ เพื่อของให้เทพเจ้าแห่งไนล์รีบส่งเธอกลับไปที่บ้านอย่างเร่งด่วน ไม่เช่นนั้นล่ะก็ เธออาจไม่รอดมือชายหนุ่มตรงหน้านี้เป็นแน่
ว่าแต่...ทำไมท่านเทพเจ้าไม่ยอมบอกทางกลับบ้านมาให้ด้วยล่ะค้า.. อ๊ากกกก แล้วจะทำยังไงกันล่ะทีนี้ โฮกกกกกกก
“เอาล่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว เจ้านอนกับข้าก็แล้วกันคืนนี้”
ราเมสรีบเปลี่ยนสีหน้า ก่อนจะกล่าวออกมาและอุ้มเด็กหญิงขึ้นไปยังแท่นบรรทมอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวก่อน! เดี๋ยว!”
เสียงร้องเอะอะทำให้ฟาโรห์ราเมสถึงกับเลิกพระขนงขึ้น ก่อนที่จะหันมาถามร่างเล็กในอ้อมแขนของเขา
“มีอะไรอีกล่ะ ข้าง่วงเต็มทีแล้วนะ”
จะไม่ให้มีอะไรได้ยังไง ก็เตียงนี้น่ะ เมื่อกี้เขากับผู้หญิงคนนั้น ทำ เอ่อ....อี้ ยังไงเราก็ไม่ยอมนอนที่นี่แน่ ชิ
“ข้าไม่นอนที่นี่นะ”
ชายหนุ่มพอจะนึกอะไรออก เขาถึงกับอมยิ้มอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ทำไมล่ะ ถ้าเจ้าไม่นอนที่นี่ ข้าจะส่งเจ้าให้ไปนอนในคุกแทน อย่ามาดื้อกับข้านะ”
เผด็จการ! แพมทำหน้าตาหน้าสงสารกับน้ำตาที่เริ่มคลอหน่วย ทำให้ราเมสที่มองอยู่ชักใจไม่ค่อยดี เขาไม่ชอบเลยที่จะเห็นเด็กน้อยคนนี้ร้องไห้
“เอาล่ะ ไม่ต้องร้องแล้ว เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปนอนที่ห้องเสด็จแม่ก็แล้วกัน”
เย่!....สีหน้าของเด็กหญิงดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนรามสเองไม่อยากทำให้สีหน้าเบิกบานนี้หายไป เขาจึงอุ้มเด็กหญิงด้วยมือเพียงข้างเดียวราวกับไม่ได้เสียแรงอะไรนัก แพมจึงได้แต่กอดคอของเขาไว้แน่น ระหว่างที่ทั้งคู่เดินผ่านทหารยามหน้าห้อง ที่กำลังทำหน้าไม่เชื่อตา กับภาพที่เห็น ฟาโรห์ของพวกเขากำลังอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยหน้าตางดงามด้วยสีหน้าสำราญยิ่งนัก
ดวงตากลมโตกระพริบตาปริบๆ เพื่อไล่ความง่วงงุนให้ออกไป เมื่อมองไปยังรอบตัวสีหน้าที่ดูเหมือนจะดีใจเล็กน้อยก็กลับไปสลดดั่งเช่นเมื่อครู่
นี่เธอยังไม่ได้กลับไปบ้านยัยนิดอีกหรือเนี่ย!
เพราะภาพตรงหน้ายังคงเป็นห้องที่เต็มไปด้วยทองคำ ซึ่งมันก็คือห้องของราชินี ที่เมื่อคืนเธอถูกชายหนุ่มที่บอกว่าเขาคือฟาโรห์ราเมสที่ 1 พามานอนด้วย( อะๆอย่าคิดลึกนะ) อาจเป็นเพราะว่าเธออยู่ในร่างของเด็กหญิง ชายหนุ่มจึงได้แต่กอดเธออย่างหวงแหนและหลับไปด้วยกันทั้งคู่
ช่างน่าแปลก ความรู้สึกที่ได้นอนร่วมกับผู้อื่น เมื่อก่อนนอกจากเพื่อนสนิทที่มีอยู่แค่ไม่กี่คนที่เคยนอนด้วยกันสมัยเมื่อไปออกค่าย เธอก็ไม่เคยมีความรู้สึกชอบกับการที่จะมีคนมานอนด้วย ซึ่งแม้แต่ยัยนิดเพื่อนสนิทของเธอเอง แต่พอเทียบกับความรู้สึกที่ได้นอนกับผู้ชายคนเมื่อคืนนี้ช่างแตกต่างกันนัก ราวกับเหมือนมีกำแพงที่แน่นหนาห่อหุ้มเธอเอาไว้เพื่อป้องกันความหนาวเหน็บหรือปกป้องเธอจากใครก็ตามที่คิดจะทำร้าย ร่างเล็กๆ ของเธอถูกอ้อมแขนนั้นพันธนาการเอาไว้อย่างหวงแหน เขาทำราวกับว่าเธอเป็นสิ่งมีค่าที่ไม่อาจทิ้งไว้ให้ห่างกายได้ เมื่อเช้าตอนที่เธอกำลังอยู่ในห้วงแห่งความฝัน หญิงสาวรู้สึกถึงความอบอุ่นที่บริเวณหน้าผากมน ก่อนที่ชายหนุ่มจะออกไปว่าราชการ
“ท่านหญิงเจ้าคะ ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ?”
หญิงสูงวัยที่เพิ่งเดินเข้ามาทักขึ้น หลังจากที่นางเดินออกมาจากห้องๆ หนึ่งข้างๆ กัน ซึ่งแพมมารู้ที่หลังว่าห้องนั้นก็คือห้องอาบน้ำ
“ค่ะ....เอ่อ แล้วผู้ชายคนเมื่อคืนไปไหนแล้วล่ะคะ?”
สีหน้าเอ็นดูของหญิงสูงวัยเปลี่ยนเป็นตกใจขึ้นมาทีเดียว เมื่อเธอกล่าวถึงชายคนที่นอนกับเธออยู่เมื่อคืน
ก็เธอไม่รู้ว่าจะเรียกเขาว่าอะไรนี่นา.....
“ตายจริง! ไปเรียกองค์ฟาโรห์อย่างนั้นได้ยังไงกันเจ้าคะท่านหญิง! เดี๋ยวถ้าพระองค์ทรงได้ยินเข้าจะถูกลงโทษนะเจ้าคะ”
แพมแอบหันไปด้านหลังก่อนจะแอบแลบลิ้นออกมาเล็กน้อยตามความเคยชิน
ชิ...ตาคนเรื่องมาก
“เอาล่ะเจ้าค่ะ ท่านหญิงเรียกข้าว่าฟาเรทก็ได้นะเจ้าคะ ข้าเป็นหัวหน้านางข้าหลวงในวังแห่งนี้เพคะ เดี๋ยวท่านหญิงไปอาบน้ำเสียก่อน แล้วข้าจะพาท่านหญิงไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทที่ตำหนักหน้าเจ้าค่ะ”
แต่พอเจ้าตัวกำลังจะขยับลงจากเตียงก็สังเกตเห็นรอยบุ๋มที่อยู่ข้างๆ แพมถึงกับหน้าแดง เมื่อนึกถึงว่าเมื่อคืนนี้ชายคนนี้นอนเตียงเดียวกับเธอแบบสนิทแนบแน่นเพียงใด แต่พอดูจากรอยที่ยุบลงไปแล้ว ก็ต้องยอมรับว่า ผู้ชายคนนี้มีรูปร่างใหญ่โต จนแม้แต่ตอนที่ตัวเธอในอีกร่างก็อาจสูงถึงแค่หน้าอกของเขาเท่านั้น
แพมโดนจับขัดสีฉวีวรรณเสียจนเอี่ยมอ่องไปทั้งตัว ตอนนี้หญิงสาวถูกจับให้แต่งตัวในชุดประจำชาติของอียิปต์ ซึ่งเป็นชุดทรงของเจ้าหญิง เพียงแต่ขนาดของมันเล็กเหมาะกับตัวเธอตอนนี้ที่มองดูขาอ้วนป้อมของตัวเองแล้วรู้สึกขัดใจยิ่งนัก
แต่พอเดินมาถึงห้องโถงใหญ่ที่เต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ไม่ว่ามองไปทางใดหญิงสาวก็กลายเป็นคนตัวเล็กที่อยู่ในหมู่ยักษ์ทั้งสิ้น ในเมื่อผู้คนที่อยู่ที่นี่ยกเว้นพวกผู้หญิงที่ดูจะรูปร่างใหญ่ไม่แพ้กัน แพมจึงดูเป็นเพียงเด็กหญิงตัวเล็กซึ่งน่าทนุถนอมภายในพริบตา
“มาหาข้า”
ราเมสสั่งเสียงเข้มเมื่อเห็นเด็กหญิงที่เขารออยู่มาถึง
คนในห้องว่าราชการต่างมองเด็กหญิงแสนงามที่เพิ่งก้าวเข้ามา แม่ทัพใหญ่คาอูล และเหล่าเสนาผู้เฒ่า ท่านมหาอำมาตย์ ซึ่งทำหน้าที่ดูแลราชกิจภายในเมืองหลวง
แพมเดินลากขาอย่างหวาดๆ เข้าไปหาชายร่างยักษ์
ยี้...อีตาบ้า แค่ตัวโตกว่าแค่ห้าหกเท่า ( เอ๋ ) ทำเป็นหญ่ายยยยย (แต่ก็ใหญ่จริงๆ นะ)
เมื่อเดินเข้าไปถึงราเมสก็อุ้มเธอขึ้นในวงแขน ก่อนจะให้เธอนั่งบนตักของเขาซึ่งมันแข็งกระด้างจนเธอรู้สึกเจ็บไปหมด
“ข้าขอประกาศว่า จากนี้ไปเด็กคนนี้ก็คือเจ้าหญิงแห่งอียิปต์ นางจะมีศักดิ์และสิทธิ์เสมอเสมือนราชวงศ์ทุกประการ และนางก็จะเป็นรัชทายาทลำดับที่ 1 ของข้าอีกด้วย”
เสียงฮือฮาดังไปรอบทิศ ทุกคนหันหน้าเข้าหากันราวกับกำลังปรึกษาอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะมีชายคนหนึ่งซึ่งแพมมองแล้วเขาช่างเหมือนกับหลวงจีนที่เคยเห็นเพราะเขาโกนหัวจนโล้นเลี่ยนมองไม่แน่ว่าถ้าเธอลองเข้าไปมองใกล้ๆ เธออาจมองเห็นหน้าตัวเองบนศีรษะของเขาก็ได้
“ฝ่าบาทเรื่องนี้กระหม่อมว่า บางทีเอ่อ....เรื่องที่มาของท่านหญิงผู้นี้อาจต้องมีการตรวจสอบพะย่ะค่ะ”
เห็นได้ชัดว่าพ่อตัวโตของเธอ (ราเมส) ดูไม่ค่อยชอบให้ใครขัดใจเท่าไหร่นัก เขาทำหน้านิ่วก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงอันดังก้องว่า
“เรื่องนี้ข้าตัดสินใจดีแล้ว จากนี้ไป พวกเจ้าต้องเรียกนางว่าองค์หญิง และข้าคือฟาโรห์ จ้าวชีวิตของพวกเจ้า เพราะฉะนั้นคำของข้าคือประกาศิต”
เหล่าขุนนางทั้งหลายต่างคุกเข่าลงด้วยความหวาดหวั่นโดยพร้อมเพรียงกัน
“พะย่ะค่ะ”
“อร่อยจัง!...ข้าขอเพิ่มอีกได้ไหมเจ้าคะ?”
แพมกำลังกินอะไรบางอย่างที่เหมือนกับแป้งที่มีๆไส้อยู่ข้างใน โดยมีชายหนุ่มหน้าตาคมนามว่าราเมสนั่งมองอยู่อย่างไม่เชื่อสายตา ก็ในเมื่อเด็กหญิง ที่ดูแล้วน่าจะเรียบร้อยน่ารักช่างกินจุอย่างไม่น่าเชื่อนัก กิริยาน่ารักของเธอเรียกรอยยิ้มให้กับนางข้าหลวงทั้งหลายที่ทำหน้าที่ปรนนิบัติอย่างไม่ยากเย็นนัก
“ได้สิเพคะ องค์หญิงน้อย อีกอย่าง พระองค์ก็ไม่ต้องพูดลงท้ายว่าเจ้าคะกับพวกข้า อีกนะเพคะ ในเมื่อพระองค์ทรงเป็นถึงองค์หญิงแห่งจักรวรรษอียิปต์ที่ยิ่งใหญ่ มีเพียงฟาโรห์พระองค์เดียวเท่านั้นที่พระองค์จะต้องพูดเช่นนั้นด้วยนะเพคะ”
ฟาเรทผู้ที่ซึ่งกำลังตื่นเต้นดีใจกับองค์หญิงตัวน้อยกำลังสอนมารยาทในวังให้กับแพมอย่างอดทน โดยเริ่มจากการทานอาหารเป็นอย่างแรก โดยมีราเมสที่นั่งจิบเหล้าอยู่ข้างๆ อย่างไม่แสดงสีหน้า
“ฝ่าบาท พระสนมเอกดาเน่ขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ”
ทหารยามที่เฝ้าอยู่หน้าห้องเข้ามารายงาน ด้านหลังของเขาเมื่อแพมแอบมองออกไป หญิงสาวก็เห็นผู้หญิงอกโตที่อยู่กับอีตาราเมสเมื่อคืนนี้ตอนที่เธอเพิ่งมาถึง
“ให้เข้ามาได้”
ราเมสกล่าวพร้อมกับขยับตัวเล็กน้อย เมื่อสนมเอกดาเน่เข้ามาในห้อง ก็ทำความเคารพพร้อมกับปรายตาไปยังเด็กสาวที่นั่งร่วมสำรับอยู่กับชายที่มีอำนาจที่สุดในอียิปต์
“หม่อมฉันถวายพระพรเพคะ”
“เจ้ามีเรื่องอะไรหรือดาเน่?”
หญิงสาวไม่ตอบ หากแต่มองเด็กหญิงที่ทำไม่รู้ไม่ชี้กัดแป้งขนมปังอย่างเอร็ดอร่อย
“หม่อมฉันได้ยินข่าวเรื่องขององค์หญิงพระองค์ใหม่เพคะ หม่อมฉันก็เลยมาขอเข้าเฝ้า”
ที่แท้ข่าวเมื่อเช้าก็ไปถึงยังตำหนักหลัง ทำให้เหล่าสนมทั้งหลายที่หวังจะได้ตำแหน่งราชินีต่างก็คิดใช้องค์หญิงตัวน้อยเป็นเครื่องมือ เพื่อให้องค์ฟาโรห์ทรงพอพระทัย ดังนั้นจึงทำให้ดาเน่มาเข้าเฝ้าในตอนนี้
“หม่อมฉันสนมเอกดาเน่ ถวายพระพรเพคะองค์หญิง”
แพมมองหญิงสาวร่างอวบอัดตรงหน้า อุ...แม่เจ้า ตอนนี้เธอกลายเป็นเจ้าหญิงแล้วนี่นา แต่ยัยนี่ท่าทางจะคิดไม่ดีแฮะ มองดูแล้วเหมือนจะต้องการอะไรบางอย่างจากเธอแน่ๆ
นี่น่ะเหรอเด็กที่องค์ฟาโรห์ทรงแต่งตั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะตำแหน่งราชินีล่ะก็ ข้าจะไม่มีวันเข้าใกล้เด็กบ้าพวกนี้เด็ดขาด....ดาเน่คิดในใจ
ฟาเรทมองกิริยาที่ดาเน่แสดงออกมาก็พอจะรู้ว่าหญิงสาวต้องการอะไร นางปรายตาไปยังองค์หญิงตัวน้อยที่ไร้เดียงสา(หืม?) ที่กำลังเล็มขนมท่าทางอร่อยอย่างน่าสงสาร ที่เด็กตัวแค่นี้ต้องกลายเป็นเครื่องมือให้เหล่านางสนมทั้งหลายนำมาเป็นเครื่องมือในวันข้างหน้า
“เอ่อ...ไม่เป็นไร”
ดาเน่ลุกขึ้น ก่อนจะพาร่างอวบอิ่มของนางไปยังที่ว่างข้างๆ ราเมส
“แหม! องค์หญิงน้อยพระองค์นี้งดงามจริงๆ นะเพคะฝ่าบาท”
แหวะ! มองแล้วเหมือนกำลังดูละครน้ำเน่าอยู่เลย ตอนที่นางร้ายกำลังจะทำคะแนนกับพระเอก
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอเหมือนกัน แพมจึงได้วางขนมปังที่กำลังโซ้ยอยู่ลง ก่อนจะเดินต้วมเตี้ยมไปหาราเมสที่ตอนนี้มีดาเน่กระแซะอยู่ข้างๆ
“เจ้าเป็นอะไรไปเหรอ?”
ชายหนุ่มยังมีแก่ใจหันมาถาม เมื่อร่างเล็กป้อมปีนขึ้นไปนั่งบนตักเขาอย่างว่องไว
“ข้าจะออกไปเล่นข้างนอก ไปได้หรือเปล่า?”
อันที่จริงตั้งใจที่จะจับสองคนนี้แยกจากกันมากกว่า แต่อย่างว่าถ้าได้ไปคนเดียวจะได้ไปหาลู่ทางหนีไปเที่ยวได้ หุๆ อย่างน้อยการมาครั้งนี้จะได้ไม่เสียเปล่า
ดวงตากลมโตที่เงยหน้าขึ้นมองทำให้หลายๆ คนในที่นั้นต้องถอนหายใจ เพราะมันเป็นกิริยาที่น่ารักเท่าที่เด็กวัยไม่กี่ขวบเท่านั้นที่จะทำได้
“ได้สิ ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”
หมด! หมดกัน โถ่การเที่ยวของฉัน อุตส่าห์นึกว่าจะได้ทำอะไรแบบที่ไม่ต้องระวังตัวแล้วเชียว ว่าแต่อีตานี่ไม่มีงานทำหรือยังไงนะ?
“ข้าจะทำหรือไม่ทำก็เป็นเรื่องของข้า เจ้าจะไปได้หรือยัง?”
แพมถึงกับสะดุ้ง เมื่อราเมสยื่นหน้าเข้ามาใกล้ แถมยังตอบในสิ่งที่ใจเธอถามเมื่อครู่ได้อีก
หมอนี่เลี้ยงกุมารทองไว้หรือไงเนี่ย?
เมืองหลวงอาณาจักรฮิปไทน์
“พวกเจ้าว่ายังไงนะ? ล้มเหลวอีกแล้วอย่างนั้นหรือ? เจ้าพวกโง่!”
ร่างอวบท้วมที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ถึงกับถลันลงมาเมื่อนักฆ่าที่ส่งไปทั้งหมดถูกสังหาร แม้แต่ตัวคนแจ้งข่าวเองก็นับว่าสาหัสไม่น้อยเช่นกัน
“เจ้ามันไร้ความสามารถ ทหาร!”
แทนที่จะได้รับการรักษา เมื่อทหารที่รับคำสั่งก้าวออกมากลับลากตัวชายคนนั้นออกไปประหาร ตามรับสั่งของกษัตริย์ฮิปไทน์
“ข้าอุตส่าห์นึกว่าจัดการเจ้าซิมเซซุสไปได้แล้ว แต่กลับยังมีเจ้าราเมสอีกคน แต่ก็เหลือมันอีกเพียงผู้เดียวเท่านั้น ข้าก็จะได้ครองอียิปต์สมกับที่ใจปรารถนาเสียที ฮะๆๆๆๆ”
เหล่าแม่ทัพและขุนนางทั้งหลายที่อยู่ในห้องประชุมต่างมองหน้ากันอย่างไม่เห็นด้วยเท่าไหร่นักกับความคิดของกษัตริย์ เพียงแต่ใครเล่าจะหาญกล้าคัดค้าน เพราะอย่างน้อยก็ควรรักษาชีวิตเอาไว้ก่อน
ร่างเล็กๆ วิ่งผ่านสวนอย่างรวดเร็วจนผู้ที่เดินตามมาด้านหลังต้องมองหาเพราะกลัวว่าจะหลงทางไปไกลจากจุดที่เขาจะสามารถมองเห็นได้
“อย่าวิ่งสิ!.เดี๋ยวล้มไปหรอก”
แต่มีหรือจะห้ามได้ แพมวิ่งลัดเลาะไปตามทางเดินที่ตัดผ่านพุ่มไม้อย่างสวยงาม ด้านหลังมีราเมสที่เดินตามมาเรื่อยๆ อย่างไม่รีบร้อนนัก กับเหล่านางข้าหลวงและทหารอีกหลายนาย หญิงสาวแอบยิ้ม เมื่อนึกถึงสนมเอกดาเน่ที่โดนสั่งห้ามไม่ให้ตามมาเมื่อครู่
ทำยังกับขบวนแห่!....แพมคิดในใจก่อนจะยักไหล่อย่างเคยชิน
“เจ้าจะไปไหนน่ะ?”
“ข้าอยากไปดูรอบๆ เสียหน่อย”
“ไปไม่ได้นะ ตอนนี้ได้เวลาข้าจะไปฝึกดาบแล้ว และเจ้าก็ต้องไปนอนได้แล้ว”
แพมทำสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาทันที หมอนี่เห็นเธอเป็นเด็กหรือยังไงนะ! (ก็ยังเด็กอยู่ไม่ใช่เหรอ)
“ข้าไม่อยากนอน เอาอย่างนี้ให้ข้าไปกับท่านด้วยได้หรือเปล่า?”
แพมเดินเร็วๆ ก่อนจะมาเกาะขาราเมส เลียนแบบเด็กที่เธอเคยเห็นเวลาต้องการให้ผู้ใหญ่สักคนทำอะไรให้
“ไม่ได้หรอก ที่โรงฝึกมันไม่ค่อยปลอดภัย อีกอย่างเจ้าอาจถูกหลงได้”
“ทำไมล่ะๆ ไม่เอานะข้าจะไปด้วย ฮือๆๆๆ”
วะฮะๆๆๆ เรานี่ก็ตีบทแตกเหมือนกันนะเนี่ย!
แพมที่แกล้งทำหน้าแบะและเริ่มร้องไห้ ทำให้ราเมสถึงกับทำหน้าไม่ถูก ในที่สุด บุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยพ่ายแพ้แม้ต้องสู้ศึกที่ยิ่งใหญ่เพียงใดแต่กลับต้องยอมแพ้เด็กหญิงตัวเล็กๆ เพราะนางกำลังจะร้องไห้นั่นเอง
ในที่สุดแพมก็ได้มานั่งทำหน้าเอ๋ออยู่บนที่นั่งที่ถูกจัดเอาไว้ให้อย่างสงบเสงี่ยม และถูกแวดล้อมไปด้วยทหารนับสิบที่ราเมสบอกกับเธอว่าเอาไว้ช่วยดูแลเธอแทนนางข้าหลวงที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในนี้
“ข้าอยากลงไปดูใกล้ๆ”
เหล่าทหารต่างแตกตื่นเมื่อองค์หญิงน้อยกล่าวขึ้นมาเช่นนี้ อย่างน้อยถ้าองค์หญิงเสด็จลงไปจากเก้าอี้ตัวนี้ พวกเขาก็อาจถูกโบยเจียนตายได้แล้ว
“เอ่อ....องค์หญิง กระหม่อมว่าพระองค์ทรงประทับอยู่ที่นี่รอองค์ฟาโรห์ทรงเสด็จมารับจะปลอดภัยกว่านะพะย่ะค่ะ”
“แต่ข้าอยากเข้าไปดูใกล้ๆ นี่นา”
แพมยิ้มอย่างสมใจ หลังจากที่เริ่มทำหน้าจะร้องไห้ เหล่าทหารชาญศึกทั้งหลายต่างร้องกันเสียงหลง ก่อนจะอนุญาตให้เธอเดินตามหลังพวกเขาเข้ามาในลานประลอง และในที่สุดแพมก็เห็นราเมสที่กำลังรับมือแม่ทัพใหญ่คาอูล ชายคนที่เธอเจอเป็นคนแรกตอนที่เดินทางมาที่นี่
“เจ้าพาองค์หญิงมาที่นี่ทำไมกัน?”
น้ำเสียงที่เปล่งออกมาฟังแล้วน่าสะท้านใจนัก แพมจึงออกหน้าให้กับเหล่าทหารที่เริ่มน่าซีดด้วยความเกรงกลัว
“ข้าอยากดูท่านฝึกใกล้ๆ ก็เลยให้พวกเขาพามา เอ๊ะ...ท่านคือคนเมื่อคืนใช่ไหมคะ?”
คาอูลต้องหลบสายตาคมที่ตวัดมองมาทางเขาอย่างว่องไว ดูเหมือนว่าองค์ฟาโรห์จะไม่ทรงโปรด ที่เจ้าหญิงองค์น้อยจะสนใจเขาจนออกนอกหน้า
“กระหม่อมคาอูล แม่ทัพแห่งจักรวรรษอียิปต์พะย่ะค่ะ”
นี่ถ้ายัยนิดมาเห็นอีตาแม่ทัพคนนี้ล่ะก็ ต้องกรี๊ดสลบแน่ๆ เพราะเขาช่างเหมือนกับนายแบบหน้าปกนิตยสารที่ทั้งเธอและเพื่อนชอบที่จะนั่งมองให้ใจแกว่งเล่นบ่อยๆ จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่เธอหายออกจากบ้านของเพื่อนสาวมา ป่านนี้ยัยนิดน่าจะรู้แล้วว่าเธอหายไปจากบ้าน ให้ตายเถอะ แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่เธอจะได้กลับบ้านกันล่ะเนี่ย ยังจะคุณพ่อคุณแม่และก็พวกพี่ๆ อีก ถ้ายัยนิดโทรกลับไปที่บ้านล่ะก็ เมื่อไหร่ที่เธอสามารถกลับไปได้ เมื่อนั้นก็คงจะไม่ได้เดินทางตามลำพังอีกอย่างแน่นอน
ชักไม่สนุกซะแล้วซิ!
ราเมสคงสังเกตเห็นสีหน้าท่าทางหงอยๆของเธอออก เขาเดินมาตรงหน้าก่อนจะอุ้มเธอเอาไว้ในวงแขน ก่อนจะกล่าว
“วันนี้ข้าว่าง เดี๋ยวเราจะออกไปเยี่ยมราษฏรกัน เจ้าไปบอกท่านอำมาตย์ว่าให้เขาดูแลเรื่องใหญ่น้อยต่างๆ ไปได้เลยไม่ต้องรอข้า”
ราเมสหันไปบอกกับทหารคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนจะพาแพมเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เสลี่ยงขนาดใหญ่ที่มีม่านกั้นเอาไว้หลายชั้นเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ พร้อมกับทหารมากมายที่ทำหน้าที่อารักขา ด้านในของเสลี่ยงราเมสนั่งมองร่าเล็กๆ ของแพมที่กำลังมองดูผู้คนมากมายที่กำลังจับจ่ายใช้สอยอยู่ในตลาดอย่างครึกครื้น ก่อนที่จะมองไปยังแผงลอยแห่งหนึ่งที่มีผู้คนมุงกันอยู่อย่างเนืองแน่น ด้วยความสงสัยเธอจึงหันไปถามชายที่นั่งทำหน้าเคร่งอยู่ข้างๆ
“พวกเขาทำอะไรกันเหรอเจ้าคะ ทำไมคนมุงกันเยอะจัง”
ราเมสมองช่องเล็กๆ ที่ถูกแหวกออก ก่อนจะตอบคำถามด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย เพียงแต่คำตอบของเขากลับทำให้แพมตกใจยิ่งนัก
“เขากำลังค้าทาสกัน ตรงนั้นเป็นเวทีประมูลตัวทาส พวกนั้นเป็นเชลยสงครามที่ถูกต้อนมาเป็นทาสที่อียิปต์”
ในมือของชายหนุ่มลูบไล้ดาบประจำกายอย่างนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนที่ซีเรีย เหตุการณ์ที่เสด็จพ่อของเขาถูกลอบสังหาร หลังจากกลับมายังอียิปต์เขาพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะสืบให้ได้ว่าใครเป็นผู้ส่งมือสังหารมา แต่หลังจากเวลาผ่านไปหลายปีเขาก็รู้ว่าใครกันเป็นคนส่งมือสังหารมา กษัตริย์ฮิปไทน์ เจ้าหมูอ้วนสกปรกที่ดีแต่ลอบกัด ช่างไม่มีเกียรติของกษัตริย์แม้แต่น้อย
“ฝ่าบาท! องค์หญิง”
เสียงของแม่ทัพคาอูลดังขึ้น เรียกสติของราเมสให้กลับมาอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะสังเกตว่าร่างเล็กของเด็กหญิงไม่อยู่ตรงนั้นเสียแล้ว
ครั้นพอมองออกไปด้านนอกก็เห็นกลุ่มทหารมุ่งหน้าไปยังเวทีประมูลทาสที่เมื่อครู่เป็นที่สนใจของเด็กน้อย
ร่างเล็กๆ มุดเข้าไปในผู้คนที่มุงดูอยู่อย่างง่ายดาย เหล่าทหารที่ติดตามมาด้วยจึงแหวกทางให้ชายร่างสูงที่เดินตามเด็กน้อยมาติดๆ อย่างรวดเร็ว เมื่อแพมเดินมาถึงหน้าเวที ราเมสก็มาถึงตัวเธอเช่นกัน
“ทำไมทำแบบนี้ เจ้าจะทำให้ตัวเองเป็นอันตราย”
น้ำเสียงกระด้างแสดงให้เห็นว่าชายหนุ่มกำลังอารมณ์ไม่ดีอย่างที่สุด แต่แพมก็ไม่ได้สนใจ ตอนนี้ความสนใจทั้งหมดของเธอกลับอยู่ที่ผู้คนที่อยู่บนเวทีต่างหาก
“พวกเขาจะต้องถูกขายอย่างนั้นเหรอ? ราเมส ทำไมท่านปล่อยให้พวกเขาทำถึงขนาดนี้ล่ะ?”
เมื่อมองสภาพของเหล่าทาสแล้ว แต่ละคนทั้งเด็ก ผู้หญิง และชายหนุ่มที่บางคนตัวใหญ่ แต่บางคนผอมเสียจนมองเห็นกระดูกที่โปนออกมานอกเนื้อ เสื้อผ้าของพวกเขาสกปรกและส่งกลิ่นเหม็น หน้าตาแต่ละคนเรียกได้ว่าน่าจะไม่ได้แตะน้ำมาเป็นเดือนแล้วนอกจากน้ำดื่มที่มีเอาไว้ประทังชีวิตเท่านั้น เด็กที่แพมมองเห็นนั้น สภาพแย่กว่าขอทานที่อยู่ในเมืองหลวงที่บ้านของเธอเสียอีก แถมตามตัวของคนพวกนั้นยังมีร่องรอยของการถูกทรมาน ซึ่งนั่นทำให้จมูกของแพมรู้สึกแสบร้อนขึ้นอย่างกะทันหัน
“พวกมันเป็นแค่เชลยที่แพ้สงคราม ข้าจะทำเช่นไรกับพวกมันก็ย่อมได้”
ตอนนี้ด้านหน้าของเวทีประมูลไม่มีชาวบ้านมุงอยู่แม้แต่คนเดียว ทั่วทั้งตลาดที่เมื่อครู่ยังคึกคักกลับเงียบสนิทราวกับไร้สิ่งมีชีวิต ด้านหน้าของลานประมูลมีเพียงแพมและราเมสเท่านั้นที่ยืนอยู่ โดยแวดล้อมด้วยเหล่าทหารทั้งหลายที่ตอนนี้กระจายกันออกไปเพื่อคุ้มครององค์ฟาโรห์และองค์หญิงรัชทายาท
“ราเมสทำไมท่านกล่าวเช่นนี้ มนุษย์ไม่ว่าชนชาติใดย่อมมีค่าด้วยกันทั้งสิ้น หากผู้ที่ยืนอยู่ตรงนี้เป็นญาติพี่น้องของท่านหรือของทหารเหล่านั้น พวกท่านก็คงคิดอยากให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างมีน้ำใจเช่นกัน”
แทนที่ชายหนุ่มจะคล้อยตามคำพูดของเธอ เขากลับยิ้มเยาะออกมาก่อนจะกล่าวอย่างอวดตัวว่า
“ราชวงศ์ของข้า ไม่มีทางตกต่ำถึงขนาดนี้เป็นแน่ เพราะฉะนั้นข้าคงไม่จำเป็นต้องเห็นใจพวกมัน”
เหล่าทหารที่ได้ฟังคำกล่าวของแพมเมื่อครู่ ต่างก็คิดถึงตนเองเช่นกัน หากวันหนึ่งวันใดพวกเขาเกิดพลาดพลั้งโดนจับไปเป็นทาส พวกเขาเองก็คงมีสภาพไม่ต่างจากนี้เท่าไหร่นัก
ทุกอย่างอยู่ในความประสงค์ของทวยเทพทั้งสิ้น
“ราเมส!...ท่านใจร้าย ข้าไม่อยากคุยกับคนใจร้ายอย่างท่านอีกแล้ว”
หลังกล่าวจบแพมก็สะบัดหน้ากลมป้อมของตนก่อนจะก้าวออกไปจากตรงนั้นเพื่อเดินไปยังเสลี่ยง หากแต่ก่อนจะก้าวขึ้นไป เธอก็ได้ยินเสียงห้าวกระด้างของราเมสดังตามหลังมาติดๆ
“ปล่อยพวกมันไป! ข้าไม่อยากเห็นมันอยู่ในแผ่นดินอียิปต์อีก”
เสียงร้องไห้และคำขอบคุณดังระงมไปทั่ว เหล่าทาสทั้งหลายที่ยืนอยู่บนเวทีต่างคุกเข่าและร่ำไห้ พวกเขาไม่คิดว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสได้กลับไปยังบ้านเกิดของตนโดยยังมีชีวิต ดังนั้นคำขอบคุณทั้งหลายที่ออกมาจากปากของทุกคนจึงมาจากใจและฝากลอยลมไปยังร่างเล็กๆ ขององค์หญิงผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารีดังเทพีแห่งความเมตตา
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
เมื่อทั้งคู่นั่งอยู่บนเสลี่ยง แพมก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวคำๆ นี้ออกมา ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจำทำหน้าเรียบเฉยไม่สนใจกับคำขอบคุณของเธอ แต่หญิงสาวรู้ดีว่า ภายใต้ความแข็งกระด้างของเขานั้น มันเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนที่ถูกซ่อนเอาไว้อย่างมิดเม้น
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
อ่านให้จุใจเลยนะคะ (กระซิกๆ ) ต้องขอโทษที่ลงให้ช้าจริงๆ โฮกกกกกกกกกก
ความคิดเห็น