คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่2 แหวนแทนใจ
“ยัยแพม!...,มาทางนี้ๆ นั่นคุณพ่อรออยู่นั่นแล้ว”
สองสาววันนี้นัดกันว่าจะไปดูสุสานที่บิดาของนิดเพิ่งขุดเจอ ทั่งคู่เดินทางออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืดกว่าจะมาถึงที่ไซด์งานเวลาก็ล่วงเลยเข้าไปเกือบเที่ยงวัน
ที่ตรงหน้าสองสาว มีชายสองคนยืนรอรับอยู่ คนแรกก็คือศาสตราจารย์เอดิสันบิดาของนิด แต่อีกคนเม้กระทั่งตัวนิดเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เขาเป็นหนุ่มผมทองนัยน์ตาสีฟ้าที่หล่อมากๆ (นิดและแพมแอบหลิ่วตาให้แก่กันก่อนจะหันไปมองพ่อรูปหล่อพร้อมๆ กัน หุหุ)
“ยัยนิด คนนั้นใครกันน่ะหล่อซะด้วย?”
แพมแอบกระซิบถามก่อนที่ทั้งคู่จะเดินไปถึง
“ไม่รู้เหมือนกัน ฉันก็ไม่รู้จักไม่รู้ว่าเป็นลูกศิษย์พ่อฉันหรือเปล่าหรือว่าเป็นคนในทีมก็ไม่รู้”
นิดยักไหล่ด้วยความเคยชินก่อนที่ทั้งคู่จะเดินไปถึง
“สวัสดีค่ะ!!!”
สองสาวพูดขึ้นมาพร้อมกันพร้อมกับกระพุ่มมือไหว้แบบไทย ทำให้อเล็กซ์มองด้วยความทึ่ง เขาเคยได้ข่าวว่าลูกสาวของศาสตราจารย์เดินทางไปศึกษาต่อที่เมืองไทยเพราะตัวศาสตราจารย์เองเป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษ แต่เขาไม่คิดว่าลูกสาวของอาจารย์ที่เขานับถือจะซึมซับความเป็นไทยเอาไว้อย่างเต็มตัว ซึ่งไม่เหมือนกับลูกครึ่งคนอื่นๆ ที่เขาเคยพบมาก่อน
และที่สำคัญ...เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่า ศาสตราจารย์ของเขามีลูกสาวที่สวยจนยากจะถอนสายตาแบบนี้ แต่แล้วเมื่อสายตาของชายหนุ่มมองไปยังเพื่อนลูกสาวของอาจารย์อย่างที่ได้รู้ข่าวมาว่าจะมาเที่ยวที่สุสานด้วย ก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง เมื่อดวงหน้าสว่างสดใสแจ่มชัดอยู่ในมโนภาพ ดวงหน้าหวานละมุนหันมายิ้มให้เขา อเล็กซ์ก็ถึงกับพูดไม่ออก และไม่ได้ยินเสียงศาสตราจารย์เอดิสันเรียกเขา
“อเล็กซ์ๆ”
ชายหนุ่มสะดุ้งออกจากภวังค์เมื่อมือของศาสตราจารย์แตะโดนบ่าของเขาเพื่อให้เขารู้สึกตัว
แพมกับนิดหันมายิ้มให้แก่กัน ก่อนจะมองหน้าชายหนุ่มที่แดงขึ้นเล็กน้อยเพราะกำลังเขินที่มองพวกเธอจนลืมตัว
“ขะ...ขอโทษครับ!...”
ฮิๆ....
เสียงหัวเราะของสองสาวลอยลมมาทำให้อเล็กซ์ถึงกับหน้าแดงจัดอีกครั้ง เขามองทั้งคู่ด้วยสายตาเลื่อนลอยจนทำให้ศาสตราจารย์เอดิสันต้องคิดในใจว่า
สงสัยจะพึ่งพาไม่ได้ซะล่ะมั้ง?
“เอาล่ะสองสาว ทานอะไรกันมาหรือยังจ๊ะ?”
ศาสตราจารย์เอดิสันหันมาถามลูกสาวสุดที่รัก กับเพื่อนสนิทที่เขาเองก็รู้จักดีเพราะเมื่อตอนที่นิดไปเรียนที่เมืองไทยนั้น ลูกสาวของเขาติดเพื่อนคนนี้มาก ถึงขนาดเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟังทุกวันอย่างยิ้มแย้ม
“ยังเลยค่ะคุณลุง ก็ยัยนิดน่ะไม่ยอมแวะให้แพมทานอะไรเลยค่ะหิวจะแย่”
นี่แน่ได้โอกาสก็เผาซะเลย หุหุ
แพมถือโอกาสฌาปนกิจกิจเพื่อนสนิทเสียเลย อาศัยที่ว่าหญิงสาวคุ้นเคยกับบิดาของนิดพอสมควร จึงได้สนิทใจที่จะพูดด้วยอย่างวางใจ
“แหม!...พอมาถึงก็เผากันเลยนะ แล้วใครกันล่ะที่บอกว่าอยากจะมาถึงไวๆ น่ะ ฉันก็เลยสนองนโยบายให้น่ะสิ”
เอดิสันเห็นสองสาวหันไปเถียงกันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขันกับความสนิทสนมของทั้งคู่ ช่างเป็นคู่หูคู่กัดกันจริงๆ
“ฮะๆๆ ไม่ต้องเถียงกันๆ งั้นจะทานอะไรกันก่อนจะลงไปไหมล่ะ? หรือว่าจะไปเที่ยวชมก่อน แต่นี่ก็เที่ยงแล้วนะพ่อว่าทั้งสองคนไปทานอะไรกันก่อนจะดีกว่า เดี๋ยวเกิดเป็นลมขึ้นมาจะลำบาก ข้างในนั่นอากาศน้อยมากหายใจก็ลำบาก”
เมื่อตกลงกันได้ เอดิสันก็รับหน้าที่เป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารให้กับสองสาวผู้มาเยือนพร้อมกับอเล็กซ์ที่เอาแต่บริการสองสาวอย่างออกหน้าออกตา จนแม้แต่เอดิสันเองก็ยังอดรู้สึกหมั่นไส้ไม่ได้ แต่ก็พอจะเข้าใจ เขามองไปยังสองสาวที่อยู่ตรงหน้า ลูกสาวของเขารวมความงดงามของทั้งสามประเทศไว้ได้อย่างลงตัว แต่ที่ยิ่งกว่าก็คือสาวน้อยที่อยู่ข้างๆ แม้ว่าตามประสาของผู้เป็นบิดาจะอดเข้าข้างลูกสาวตัวเองไม่ได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเพื่อนของบุตรสาวของเขาคนนี้เป็นผู้หญิงที่สวยมาก จนราวกับรู้สึกไปว่านี่เป็นความงามที่ไม่อาจแตะต้องได้
“เฮ้ออออ.....ค่อยยังชั่วหน่อย”
แพมแอบไปพูดกับนิดตอนที่เข้าห้องน้ำกันสองคน ทั้งคู่เพิ่งรับประทานอาหารเสร็จ แต่ในระหว่างที่เดินออกจากห้องน้ำนั่นเอง สายตาของแพมก็มองเห็นบางสิ่งบางอย่างเข้า
“ยัยนิด นั่นมันคืออะไรน่ะ?”
สิ่งที่เป็นหินชิ้นใหญ่สี่เหลี่ยมมองดูแล้วน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของสุสาน เพียงแต่ว่ามันคืออะไรกันแน่เพราะแพมมองจากในที่ไกลๆ จึงไม่สามารถเห็นได้ว่า ด้านหน้าของหินชิ้นใหญ่ก้อนนี้ก็คือภาพของชายผู้หนึ่ง
“เอ....น่าจะเป็นโลงศพนะ! แต่น่าจะเป็นของคนอื่นน่ะเพราะคุณพ่อยังไม่ได้เอาพระศพขององค์ฟาโรห์ออกจากสุสานเลย งั้นโลงนี้ก็น่าจะเป็นของคนอื่นน่ะ”
“งั้นเหรอ! งั้นพวกเราแวะไปที่เต็นท์นั้นกันก่อนได้หรือเปล่า? ฉันอยากรู้น่ะว่ามันเป็นโลงของใคร”
“อย่าเพิ่งดีกว่ายัยแพม เห็นคุณพ่อบอกว่าช่วงเย็นๆ พวกเจ้าของทุนทั้งหลายจะมาที่นี่กัน ฉันว่าพวกเราเข้าไปดูด้านในกันก่อนจะดีกว่า”
แพมอดเสียดายไม่ได้ แต่ก็ยอมตัดใจ ในใจคิดว่าเดี๋ยวพอสำรวจด้านในเสร็จ ก็จะวกกลับมาดูโลงศพโลงนี้อีกครั้งตอนขากลับให้ได้
หลังจากนั้นสองสาวก็มุ่งหน้าตรงไปยังเต็นท์ของศาสตราจารย์เอดิสันทันที เพื่อที่จะมุ่งหน้าลงไปยังสุสานอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ โดยมีอเล็กซ์ หนุ่มผมทองทำหน้าที่เป็นไกด์ในครั้งนี้.......
ทางที่ทั้งสามคนเดินลงไปนั้นเป็นทางลาดชัน ที่มองดูแล้วเหมือนกำลังเดินลงไปที่ชั้นใต้ดิน นับว่าเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ ที่มนุษย์เมื่อหลายพันปีก่อน สามารถสร้างสิ่งที่เรียกได้ว่ามหัศจรรย์สำหรับการทำเช่นนี้โดยไม่มีเครื่องมือทันสมัย ความโอ่อ่าภายในแสดงให้เห็นว่าฟาโรห์พระองค์นี้ทรงมีพระปรีชาสามารถและมีอำนาจเพียงไร
“ระวังหน่อยนะครับ ทางยังลื่นอยู่ เพราะที่นี่ถูกปิดตายมานาน ความชื้นเลยทำให้ทางเดินไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก”
อเล็กซ์หันไปบอกสองสาวที่เดินตามหลังมาด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่จะได้รับรอยยิ้มที่ทำให้เขาตาพร่าจากทั้งคู่
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เอ...แล้วเราจะไปทางไหนกันต่อคะนี่?”
นิดกล่าวถามพร้อมกับมองไปยังกำแพงทั้งสี่ด้าน ที่มองแล้วไม่น่าจะทางไปได้อีกนอกจากทางตัน แต่แล้วอเล็กซ์ก็หันมายิ้มให้สองสาวก่อนจับเชิงเทียนที่อยู่ใกล้ๆ โยกลง พร้อมกับที่พื้นก็มีเสียงดังขึ้นและกำแพงที่เห็นเมื่อครู่ก็เปิดออกทำให้มองเห็นทางเข้าไปอีกด้าน
“โอ้โห! อย่างกับอยู่ในหนังเลย” แพมเปรยออกมาก่อนจะเดินตามไปติดๆ
ภาพวาดสีที่มองไม่ค่อยชัดนัก แต่ก็สามารถรับรู้ได้ว่า ฟาโรห์พระองค์นี้ทรงเป็นที่รักใคร่ของประชาชนยิ่งนัก
แต่ใครจะรู้ ว่าเรื่องจริงเป็นเช่นไร ในเมื่อไม่มีใครสามารถรู้จริงๆ ได้ นอกจาก.....
ได้ไปสัมผัสด้วยตัวเอง!
แพมมองไปรอบตัว ราวกับว่ารู้สึกโหยหาสถานที่นี่แปลกๆ ชายหนุ่มที่เดินนำหน้า พาพวกเธอทั้งคู่มาที่ห้องเก็บพระศพ ที่เธอมองปราดเดียวก็รู้ เพราะยังไม่มีการเคลื่อนย้ายสิ่งใดออกไปจากที่นี่แม้แต่อย่างเดียว
โลงพระศพที่ตั้งอยู่ตรงหน้า กลับทำให้เธอรู้สึกเศร้าอยู่ลึกๆ ราวกับว่าเคยรู้จักคนที่นอนอยู่ในนี้เมื่อนานแสนนานมาแล้ว
“เป็นอะไรหรือเปล่าแพม? หน้าเธอดูซีดๆ นะ!” นิดถามด้วยความเป็นห่วงก่อนที่แพมจะส่ายหน้า พร้อมกับพูดว่า
“ไม่เป็นไรหรอก อาจเพราะที่นี่อากาศน้อยมาก เลยหายใจไม่ค่อยสะดวกน่ะ”
“ตายจริง!...จะเป็นลมหรือเปล่า? ออกไปข้างนอกกันดีไหม?”
แพมแกล้งทำเป็นหัวเราะ เพราะนิดทำหน้าจริงจังมาก แต่เธอยังไม่อยากออกไปจากที่นี่เวลานี้
“บ้า ฉันไม่ได้เป็นอะไรขนาดนั้นเสียหน่อย แค่ยืนนิ่งๆ เดี๋ยวก็ปรับตัวได้แล้ว”
“แน่ใจนะ?” นิดถามอีกครั้งก่อนจะหรี่ตามองอย่างจับผิด
ตอนนี้ทั้งสามคนกำลังยืนอยู่ในห้องพระศพ ที่ผ่านมาหลายพันปีก็ยังไม่บุบสลายไป
แพมพยักหน้าอีกครั้งเพื่อให้นิดวางใจ ก่อนที่จะทำเป็นแยกตัวมองไปทางอื่นเรื่อยๆ หูก็ได้ยินเสียงเพื่อนสาวถามชายหนุ่มเกี่ยวกับฟาโรห์พระองค์นี้ และนั่นทำให้แพม พยายามฟังทั้งที่ทำเป็นมองสิ่งของที่อยู่ในห้องอย่างสนใจแทน
“ฟาโรห์พระองค์นี้ได้ชื่อว่าเป็นบุตรของเทพเจ้าอานูบิส เทพแห่งความตาย ตอนที่พระองค์ยังทรงมีพระชนม์ชีพนั้น พระองค์ทรงเป็นฟาโรห์ ที่ชนะสงครามทุกครั้ง ไม่ว่าพระองค์จะเจอศึกหนักขนาดไหน ตามที่กระดาษปาปิรุสกล่าว พระองค์ยังทรงเป็นฟาโรห์พระองค์เดียวที่สามารถล้มชนชาติซีเรียได้ โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น”
ชายหนุ่มหยุดเล่าก่อนจะมองหน้าลูกสาวศาสตราจารย์ที่กำลังมองอย่างสนใจจนดูน่ารักมากๆ ในสายตาของเขา
“ตามที่ผมได้อ่านคำจากรึก พระองค์ทรงยกทัพไปที่นั่นเพื่อแก้แค้นให้กับพระขนิษฐา ซึ่งปลงพระชนม์ตัวเองเพราะถูกจับเป็นเชลยในแคว้นซีเรีย เลยทำให้พระองค์ซึ่งในตอนนั้นเป็นเจ้าชายรัชทายาทอยู่ในขณะนั้น ยกทัพไปแก้แค้น และนั่นเองที่เป็นเหตุให้ทางฮิปไทน์ส่งมือสังหารมาลอบปลงพระชนม์พระบิดาของพระองค์ในสนามรบ จึงทำให้หลังเสร็จศึกนี้ พระองค์จึงกลายเป็นฟาโรห์พระองค์ต่อมาแทนพระบิดา และพระนามของพระองค์ก็คือ ฟาโรห์ราเมสที่
แพมสะดุ้งเฮือก เมื่อได้ยินพระนามขององค์ฟาโรห์ ก่อนจะเดินไปยังโลงพระศพ ที่ตั้งอยู่กลางห้องโดยที่นิดและ อเล็กซ์อยู่อีกฟากหนึ่งทั้งคู่กำลังสนใจกับกระดาษปาปิรุสที่บันทึกเรื่องราวต่างๆ ของฟาโรห์พระองค์นี้
“แต่ที่น่าสงสารก็คือ พระมารดาของพระองค์ซึ่งเป็นราชินี ทรงประชวรตั้งแต่พระองค์ได้ข่าวเรื่องพระธิดา อ้อ....ผมบอกคุณนิดหรือยังครับว่าพระขนิษฐาพระองค์นี้ทรงเป็นเพียงพระขนิษฐาต่างมารดา ที่ราชินีทรงรับเลี้ยงเอาไว้ เพราะพระมารดาของพระองค์ซึ่งเป็นพระสนมทรงสิ้นใจหลังจากคลอดพระธิดาพระองค์นี้เพียงไม่กี่วัน”
“เอ่!...จริงเหรอคะ! งั้นแสดงว่าราชินีพระองค์นี้ทรงพระทัยดีจริงๆ นะคะ ที่รับพระธิดาพระองค์นี้ไว้ดูแลเอง” เสียงของหญิงสาวทำให้คนฟังรู้ได้เลยว่าเธอกำลังชื่นชมอย่างจริงใจ นั่นทำให้ความชื่นชอบในตัวหญิงสาวคนนี้เพิ่มขึ้นอีกมากในสายตาของอเล็กซ์
“ครับ...พระองค์ยังทรงรักพระธิดาบุญธรรมพระองค์นี้มากทีเดียว แต่พอหลังจากที่ได้รับข่าวเรื่องที่พระธิดาสิ้นพระชนม์ พระองค์ก็ทรงประชวร แต่ที่แย่ยิ่งกว่านั้นหลังจากเสร็จศึกและพระองค์ได้รับข่าวเรื่องพระสวามีทำให้พระองค์ทรงเจ็บหนัก และทรงสิ้นพระชนม์ตามไปติดๆ ทำให้ฟาโรห์ ราเมส ในขณะนั้น ต้องทรงทำพระศพให้กับพระบิดา พระมารดา และพระขนิษฐาพร้อมกันทั้งสามคนเลยทีเดียว”
“โห!...น่าสงสารจังเลยนะคะ ต้องทำศพของคนในครอบครัวพร้อมกันแบบนี้”
นิดร้องออกมา แต่หญิงสาวไม่ได้สังเกตว่าเพื่อนสาวของเธอที่ยืนอยู่ด้านหลังในตอนนี้กำลังน้ำตาไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
ทำไมเธอถึงได้เศร้าขนาดนี้นะ?.....แพมถามตัวเองก่อนจะรีบปาดน้ำตาทิ้ง
ตายจริง!....น้ำตาหยดลงไปโดนโลงพระศพด้วย...
แพมลนลานเอื้อมมือไปหมายจะเช็ดออก แต่ก่อนที่จะเอื้อมไปถึงแพมกลับได้ยินเสียง
ขอบใจนะ!
แพมรู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวของลมหายใจ ใครบางคนที่แก้มบางใสของเธอ
ใครกัน!?
หญิงสาวมองไปรอบๆ ตัวก่อนจะหันไปมองเพื่อนสาวที่กำลังสนใจอยู่กับกระดาษปาปิรุสที่บันทึกเรื่องราวต่างๆ ของฟาโรห์พระองค์นี้อย่างสนใจ
หรือว่าเราจะคิดไปเองนะ?
ราวกับว่าแพมได้ยินเสียงหัวเราะมาจากที่ไกลแสนไกล ก่อนจะเงียบไป หญิงสาวส่ายหน้าไปมาราวกับกำลังขับไล่ความมึนงงให้ออกไปจากหัว
สงสัยจะหูฝาด.....แพมยักไหล่ให้กับตัวเองตามความเคยชินก่อนจะเอื้อมมือไปตรงหน้าอีกครั้งหมายที่จะทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้อีกครั้งแต่ปลายนิ้วกลับสัมผัสไปโดนอะไรบางอย่างที่ติดอยู่ข้างโลงพระศพที่ซ้อนกันอยู่สองชั้นแทน
แหวน!?
สิ่งที่ติดกับนิ้วเรียวงามของแพมขึ้นมากลับกลายเป็นแหวนทองวงเล็กวงหนึ่ง ซึ่งดูแล้วเป็นแหวนของผู้หญิงอย่างแน่นอน ด้วยตัวเรือนที่ถูกแกะเป็นลวดลายอ่อนช้อย และเนื้อแหวนที่บอบบาง
ใครมาทำแหวนหล่นอยู่ที่นี่กันนะ!? หรือว่าจะเป็นของในห้องสมบัติของฟาโรห์พระองค์นี้?
แต่เอ....แล้วทำไมมาตกอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ?
ราวกับมีอะไรบางอย่าง ทำให้แพมรู้สึกสนใจแหวนวงนี้เป็นพิเศษ จนถึงขนาดอยากลองสวมมันดู
ลองสวมดูสิ มันน่าจะเหมาะกับเจ้านะ!
เอาอีกแล้ว เสียงกระซิบที่จู่ๆ ก็ดังขึ้น
ดวงตาแววหวานของแพมมองไปรอบๆ ห้องพระศพ แต่ก็ไม่พบอะไรผิดสังเกต
หรือว่าจะมีคนอยู่ในนี้กันนะ?
“เป็นอะไรไปเหรอยัยแพม?”
นิดหันมาถาม หลังจากที่ฟังชายหนุ่มอธิบายเรื่องราวต่างๆ จบแล้วรู้สึกว่าเพื่อนสาวเงียบไปได้สักพักแล้ว
“ไม่เป็นอะไรหรอก ว่าแต่ทำไมไม่เห็นสุสานของราชินีของฟาโรห์พระองค์นี้เลยล่ะคะคุณอเล็กซ์?”
แพมกลับหันไปถามอเล็กซ์ที่ยืนทำหน้าตาฝันค้างถึงเพื่อนสาวของเธอแทน
“อ้อ...เอ่อ คืออย่างนี้ครับ ฟาโรห์พระองค์นี้ทรงไม่มีราชินีหรอกครับ”
นิดกับแพมมองหน้ากันก่อนจะพูดออกมาพร้อมๆ กัน
“ไม่มีราชินี!!?”
นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ ในเมื่อดูจากสุสานอันใหญ่โตนี้แล้ว นับว่าฟาโรห์พระองค์นี้ทรงเป็นฟาโรห์ที่มีอำนาจมาก เรื่องการส่งเครื่องบรรณาการเป็นหญิงสาวนั้นน่าจะมีเยอะเสียยิ่งกว่าดวงดาวบนท้องฟ้าเสียอีก และการจะเลือกหนึ่งในจำนวนนั้นมาเป็นราชินีนั้นก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก
“ครับ!...มันเป็นเรื่องที่พวกเราเองก็ยังหาคำตอบอยู่เช่นกัน แต่กลับไม่มีใครหาแผ่นการบันทึกพบเลยแม้แต่คนเดียว ไม่มีแม้กระทั้งคำเล่าขาน ศิลาจารึก หรือแม้แต่กระดาษปาปิรุส”
ช่างเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ แพมหมุนแหวนในมือของเธอก่อนจะเผลอตัวสวมมันเข้าไปด้วยความไม่ทันระวังตัว เพราะกำลังคิดถึงเรื่องอื่นๆ อยู่ในหัวเต็มไปหมด
ตายจริงเผลอใส่ไปได้ยังไงกันเนี่ย?
แพมเริ่มรู้สึกตัว และพยายามที่จะถอดแหวนออกจากนิ้ว
ตายล่ะ!...ทำไมถอดไม่ออกล่ะทีนี้?
แพมพยายามจนเหงื่อซึมออกมาจากขมับทั้งสองข้าง ก่อนจะหันไปหานิดเพื่อขอความช่วยเหลือ
“ยัยนิด มาช่วยฉันหน่อยเร็ว!”
นิดหันมาตามเสียงเรียก ก่อนจะรีบเข้ามาหา พอได้ฟังเรื่องเจอแหวนของแพมแล้วเผลอสวมเข้าไป นิดกลับหัวเราะร่า ก่อนจะพูดเยาะเย้ยเล็กๆ ให้เพื่อนสาวที่ตอนนี้อเล็กซ์กำลังหาวิธีช่วยอยู่
“ผมว่าไม่น่าจะใช่ของในสุสานนะครับ ดูจากลายของแหวนแล้วถึงจะเก่าแต่ก็เป็นของผู้หญิง อีกอย่างตอนที่พวกเราเข้ามา บริเวณที่คุณแพมยืนอยู่นั่นพวกเราก็ตรวจทุกอย่างจนหมดแล้วนะครับ มันจึงไม่น่าจะเป็นของในสุสานนี้ไปได้ แต่ว่าถ้ามันติดนิ้วขนาดนี้ คุณแพมก็น่าจะให้ใครดูเสียหน่อยนะครับ”
ในเมื่อได้รับการยืนยันจากอเล็กซ์เรียบร้อยแล้ว แพมก็วางใจ อย่างน้อยตอนนี้ถ้าถอดแหวนวงนี้ไม่ออก การเอามันกลับไปด้วยก็ไม่ใช่เรื่องผิดระเบียบที่อาจทำให้คุณลุง บิดาของเพื่อนสาวต้องลำบากใจ
แหวนที่ส่องประกายอยู่บนมือของแพมทำให้หญิงสาวต้องมองมันอีกครั้งอย่างพินิจ วันนี้หลังจากกลับมาถึงบ้าน หญิงสาวพยายามอีกหลายครั้งที่จะถอดมันออก ราวกับว่ามันกำลังจะยึดตัวเธอให้เป็นเจ้าของมันอย่างถาวรหยั่งไงหยั่งงั้น
“อยากมาอยู่กับฉันอย่างนั้นเหรอ? เจ้าแหวน!”
แพมนอนมองแหวนที่ติดนิ้วเธออยู่บนที่นอน ก่อนจะนึกครึ้ม ใช้ริมฝีปากอวบอิ่มจุมพิตเบาๆ ที่ตัวแหวนครั้งหนึ่ง ราวกับว่ากำลังปลอบใจมันที่ต้องพลัดพรากจากเจ้าของ มาอยู่ในมือเธอตอนนี้
หลังจากนั้นหญิงสาวก็หลับไป พร้อมกับเสียงกระซิบบางอย่างที่ลอยลมมา
เจ้าควรจะให้รางวัลข้าจึงจะถูกสาวน้อย เพราะข้าตั้งใจจะให้แหวนวงนั้นกับเจ้า!....หึหึ
ราเมสลืมตาตื่นขึ้น หลังจากความฝันอันแสนหวานของเขา ชายหนุ่มได้พบกับหญิงสาวแสนงามคนหนึ่งในสุสานของเขา และเขาก็ยังได้ไปยังสถานที่ๆ ไม่เคยรู้จักมาก่อน อีกทั้งยังได้มอบแหวนวงสำคัญให้กับนางตอนที่อยู่ในความฝันอีกด้วย
“ฝ่าบาทเพคะ
จะไม่บรรทมต่ออีกหน่อยหรือเพคะ? ฟ้ายังไม่สว่างดีเลย”
สนมเอกคนโปรดดาเน่ ขยับร่างอวบอิ่มเข้ามาใกล้ ก่อนจะใช้ฝ่ามือบอบบางขาวซีดของนางสัมผัสไปยังชายหนุ่มตรงหน้า ด้วยอาการยั่วยวน
ร่างเปลือยล่ำสันกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนแท่นบรรทมที่เต็มไปด้วยสาวงามสามนาง ทำให้มองดูแล้วราวกับเป็นสวรรค์ของชายหนุ่มทุกคนที่ใฝ่ฝัน แต่ชายที่อยู่ตรงนี้ก็คือฟาโรห์ราเมสที่ 1 ซึ่งจะเข้าพิธีอย่างเป็นทางการในอีก 10 วันข้างหน้า
“นั่นสิเพคะ บรรทมต่ออีกนิดเถอะนะเพคะ”
สนมอีกนางที่ราเมสเพิ่งได้มาหลังจากที่บุกเข้าไปในวังของซีเรีย นางคือเจ้าหญิงมิเนร่า ธิดาของกษัตริย์ซีเรียที่ยอมสวามิภักดิ์
“หากฝ่าบาททรงบรรทมไม่หลับ ให้หม่อมฉันรินน้ำจัณฑ์ถวายให้นะเพคะ!”
สนมเอกเฟรเซีย หญิงงามที่มาจากเผ่าในทะเลทรายอีกคนกล่าวขึ้น นางขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะใช้ลำแขนเรียวบางสีน้ำผึ้งสวมกอดบั้นพระองค์เอาไว้อย่างแผ่วเบา
ทั้งสามนางถูกเรียกตัวมาเพื่อปรนนิบัติให้กับว่าที่ฟาโรห์พระองค์ใหม่ ที่ยังไร้ราชินีเคียงข้าง ในตอนนี้ตำหนักหลังของฟาโรห์ราเมสเต็มไปด้วยหญิงงามมากมายที่ต่างหมายตาตำแหน่งนี้จนกระทั้ง พวกนางทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้มันมาครอง
“ไม่มีอะไร พวกเจ้ากลับไปได้แล้ว ข้าอยากอยู่คนเดียว”
หลังจากที่ตื่นจากความฝันอันแสนหวานนั้น ราเมสมองหญิงสาวทั้งสามนางด้วยแววตาแปลกออกไป ความงามของทั้งสามคนนับได้ว่าเป็นที่เลื่องลือ หากแต่เมื่อเทียบกับหญิงสาวในความฝันที่เขาเพิ่งจากมานั้น กลับไม่สามารถเทียบเคียงกับนางได้ ผิวพรรณของนางไม่ได้ขาวซีดอย่างพระสนมเอกคนโปรด หากแต่มันกลับดูผุดผ่องและเรืองรองดังทองคำ ผมของนางเงางามและน่าจะนุ่มมือเมื่อได้สัมผัส คิ้วเรียวน่าลูบไล้จรดดวงตากลมโตดูร่าเริงอ่อนหวาน ริมฝีปากอวบอิ่มจนเขาอยากจุมพิตนางจนนางสลบในอ้อมแขนของเขาเลยทีเดียว
ทั้งเมื่อยามที่นางเอนกายลงนอน เรือนร่างอวบอิ่มของนางที่มองเห็นด้วยตาของเขา ชายหนุ่มถึงกับคอแห้งผากเมื่อนึกถึงยามที่ได้ลูบไล้ด้วยอารมณ์เสน่ห์หาทั้งมวลที่เขามีต่อนาง
แต่ทุกอย่างก็เป็นเพียงฝัน.....แต่เป็นฝันที่เขาจะจดจำไปทั้งชีวิต
พระหัตถ์ที่ยกขึ้นจับพระพักตร์ทำให้ฟาโรห์หนุ่มสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่ขาดหายไป....
“เป็นไปไม่ได้!......”
ท่ามกลางความตกตะลึง ราเมสไล่หญิงสาวทั้งหมดที่อยู่ในห้องบรรทมให้ออกไป วรองค์สูงใหญ่เปล่าเปลือยยืนมองแท่นบรรทมที่เมื่อครู่ยังเต็มไปด้วยสาวงาม และแหวนที่ตอนนี้ไม่อยู่ที่นิ้วก้อยของเขาเสียแล้ว
นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เมื่อก่อนหน้านี้ ตอนที่เขากำลังหาความสำราญอยู่กับพวกนาง แหวนยังถูกสวมอยู่ที่นิ้วของเขาอยู่เลย?
หรือว่าพวกนางจะขโมยไป?
เป็นไปไม่ได้! อย่างพวกนางจะทำไปเพื่ออะไร? เพราะโทษของการขโมยก็สามารถตัดมือของผู้กระทำผิดได้แล้ว และยิ่งเป็นของๆ เขาด้วย มันต้องได้รับโทษประหารชีวิตอย่างแน่นอน
ความฝันนั่น!....ไม่น่าจะเป็นไปได้
ราเมสได้แต่หงุดหงิดเมื่อไม่พบกับคำตอบที่ชายหนุ่มต้องการ ร่างสูงจึงได้ตะโกนเรียกทหารยามให้ไปตามท่านอาจารย์ที่เป็นนักบวชในมหาวิหารมาพบ
เช้าวันนี้เขาจะทำการประหารกษัตริย์ซีเรีย เพื่อแก้แค้นให้กับน้องสาว แต่ความฝันเมื่อคืนทำให้เขาถึงกับกระวนกระวายใจได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือนี่?
“ถวายพระพรฝ่าบาท”
หลังจากให้นางข้าหลวงปรนนิบัติเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็ไปพบกับท่านอาจารย์ที่รออยู่ในห้องทรงพระอักษร
“สบายดีหรือท่านอาจารย์”
ชายชราที่ถูกเรียกว่า ”ท่านอาจารย์” ส่งรอยยิ้มอันอ่อนโยนให้กับศิษย์ที่ไม่ค่อยได้พบกันเท่าไหร่นัก หลังจากที่เจ้าชายน้อยถูกส่งไปให้เขาดูและยังมหาวิหารหลวงเมื่อนับสิบปีมาแล้ว
“กระหม่อมก็อยู่ดีตามอัตภาพ พระองค์เล่าเป็นเช่นไรบ้าง?”
ดวงพระเนตรหม่นหมองไปชั่วขณะ แต่ก็เปลี่ยนกลับคืนได้โดยไว ฟาโรห์แห่งจักรวรรษอียิปต์ผู้ยิ่งใหญ่จะอ่อนแอมิได้
“เวลาแห่งความสูญเสียไม่สามารถทำให้ความเข้มแข็งของข้าลดลงไปได้ แต่คราวนี้ข้ามีเรื่องอยากให้ท่านอาจารย์ช่วย”
ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของอดีตลูกศิษย์จะเข้มแข็งสักปานใด แต่มีหรือความโศกเศร้าเพียงชั่วขณะจะทำให้อาจารย์เช่นเขามองข้ามไปได้
“ขอเพียงพระองค์ต้องการ ไม่ว่าสิ่งใดกระหม่อมก็พร้อมที่จะถวายงานให้ลุล่วง”
วรองค์สูงใหญ่ที่ประทับอยู่บนบัลลังก์ทองคำ มีสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะมีรอยยิ้มเล็กน้อยประดับขึ้นมาที่ริมฝีปากกระด้าง
“เมื่อคืนข้าฝัน” ราเมสเริ่มเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในฝันของเขาอย่างไม่อำพราง ก่อนจะจบเรื่องลงตรงที่แหวนในมือขวาของเขาหายไปเหมือนอย่างในความฝัน
“ข้าไม่เข้าใจท่านอาจารย์ ในเมื่อมันคือความฝัน เหตุใดแหวนที่เสด็จแม่ให้ข้าเอาไว้ถึงได้หายไป”
ชายชราพยักหน้าเล็กน้อย เมื่อคืนนี้เขาเองก็ใช้วิธีการทำนายจากดวงดาว ตรวจดูดวงชะตาของของจักรวรรษอียิปต์ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น และฟาโรห์พระองค์ใหม่จะมีดวงชะตาเป็นเช่นไรต่อไป
การทำนายดวงดาว เป็นสิ่งที่นักบวชผู้ซึ่งประจำอยู่ในวิหารต่างๆ ต้องทำหน้าที่นี้ และในมหาวิหารหลวงผู้ที่จะรับหน้าที่นี้ก็คือ นักบวชผู้ที่ฝึกตนมานานที่สุดอย่างท่านอาจารย์ของฟาโรห์ราเมส ท่านนี้เป็นต้น
“เมื่อคืน กระหม่อมได้ทำนายดวงดาวแล้วพบว่า อีกไม่นาน อียิปต์จะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นสองประการ ประการแรกก็คือการขึ้นครองบัลลังก์ของฟาโรห์พระองค์ใหม่ก็คือพระองค์ ประการที่สองคือจะปรากฏผู้ที่จะทำให้ชะตาของจักรวรรษอียิปต์ที่ยิ่งใหญ่ต้องเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล”
ราเมสถึงกับขยับตัว เมื่อได้ยินผลของการทำนาย
“การเปลี่ยนแปลงนี้จะดีหรือร้ายท่านอาจารย์?”
หากดูจากสีหน้าของท่านอาจารย์ชายหนุ่มก็ยังเบาใจ เพราะน่าจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีมากกว่าร้าย
“ฝ่าบาทไม่ต้องทรงกังวล การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะยิ่งทำให้อียิปต์ของเราเจริญรุ่งเรืองไปอีกนานแสนนาน”
ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นมารำไร เทพตุมได้เข้ามาทำหน้าที่ให้ความสว่างแก่พื้นดินที่อุดมสมบูรณ์ของอียิปต์หลังจากฤดูน้ำหลาก แม่น้ำไนล์ พระแม่แห่งจักรวรรษอียิปต์ผู้ที่ทำหน้าที่ให้ความสมบูรณ์และความเจริญแก่ชาวอียิปต์ทั้งปวง
ราเมสนั่งอยู่บนยกพื้นสูง ตรงหน้าของเขาก็คือกษัตริย์ซีเรีย ที่ถูกจับฝังเอาไว้ในเนินดิน ตลอดหลายวันที่ถูกจับ เขาถูกทรมานและถูกจำกัดอาหาร จนตอนนี้สภาพของเขาแทบจะไม่มีใครจำได้
การประหารครั้งนี้ทางราชสำนักเปิดโอกาสให้เหล่าราษฏรเข้ามาดูการประหารได้ ทหารประจำเมืองประจำการยังจุดต่างๆ นับร้อยชีวิต ที่ลานหน้าพระราชวังเต็มไปด้วยผู้คนที่มามุงดูเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปอย่างสาสม เมื่อถึงเวลา ราเมสก็ยืนขึ้นพร้อมกับประกาศก้องถึงโทษที่กษัตริย์ซีเรียจะได้รับต่อไป
“พวกเจ้าจงฟัง ชายผู้นี้ก็คือกษัตริย์ซีเรีย ผู้ที่ทำให้เสด็จพ่อ เสด็จแม่ และน้องสาวของข้าต้องสิ้นพระชนม์ เป็นเหตุให้อียิปต์ต้องสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ เพราะฉะนั้นโทษของมันก็คือ ประหารชีวิต!...”
ทุกคนต่างตะโกนด่าทอกษัตริย์ซีเรีย ที่ทำให้พวกเขาต้องสูญเสียกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ และทำให้พวกเขาต้องสูญเสียญาติพี่น้องอีกมากมายที่ต้องตายเพราะสงครามครั้งนี้
ราเมสมองลงไปยังลานเบื้องล่างด้วยสายตาอำมหิต ก่อนจะกล่าวต่อไป
“ข้าจะไม่สั่งให้ทหารสังหารมัน แต่ข้าจะให้พวกเจ้าได้แก้แค้น กับผู้ที่ทำให้ญาติพี่น้องของพวกเจ้าต้องออกรบและบางคนก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย......ดังนั้น ข้าจะประกาศลงโทษประหารด้วยการ....ใช้หินเขวี้ยงมันจนกว่าจะขาดใจตาย!...เพื่อที่จะให้มันไปรับใช้เสด็จพ่อ เสด็จแม่ และน้องสาวของข้าที่โลกหน้า”
หลังจากสิ้นเสียง ผู้คนที่เข้ามาดูการประหารทั้งหลายก็เริ่มการลงทัณฑ์ในทันที หินมากมายก้อนแล้วก้อนเล่า ถูกเขวี้ยงมาจากทุกทิศทาง ชายที่ถูกฝังอยู่ในดินผู้ที่ตกเป็นเป้าหมายตอนนี้กลับเต็มไปด้วยเลือดที่ไหลโทรมกาย ดวงตาแข็งกร้าวจ้องมองราเมสด้วยความอาฆาตแค้น เรี่ยวแรงทั้งหลายเริ่มหมดไป พร้อมกับเลือดที่ไหลออกจากร่างกาย
“จะ...เจ้า ราเมส ขะ....ข้าจะไม่มีวันให้อภัยเจ้า ข้าจะขอสาปแช่งเจ้า ขอให้เจ้าไร้ทายาท อียิปต์จะต้องล่มสลายด้วยมือของเจ้า”
กษัตริย์ซีเรียตะโกนก้อง ก่อนจะสิ้นใจไปพร้อมกับเสียงด่าทอและก้อนหินที่ดับลมหายใจของเขา
ในที่สุดเขาก็ได้แก้แค้นให้กับน้องสาวแล้ว!
“เดี๋ยว!”
ร่างบางลุกพรวดขึ้นมาจากที่นอน หยาดเหงื่อพราวระยับยิ่งขับเน้นให้ใบหน้าของแพมซีดเผือกเข้าไปอีก
เธอฝันร้าย!? เธอฝันเห็นฟาโรห์ราเมสกำลังสั่งประหารชายคนหนึ่งอย่างเหี้ยมโหด ถึงแม้ว่าชายคนนั้นจะทำให้เขาต้องสูญเสียหลายสิ่งหลายอย่างไปมากมาย แพมก็ยังรู้สึกว่าการกระทำเช่นนี้ดูจะโหดเหี้ยมเกินกว่าจะรับได้
“ก๊อกๆๆๆ”
“ยัยแพมๆ ตื่นได้แล้วจะนอนกินบ้านกินอียิปต์หรือไงยะ?”
น่าน!...ชิ..ยัยนิด เอาคำพูดที่เมืองไทยมาแปลงซะไม่เหลือดีเลย....
แพมคิดอย่างปลงๆ ในความห่ามของเพื่อนสาวก่อนจะลุกไปเปิดประตูให้ทั้งชุดนอน
“เรียกแต่เช้าเลยนะยะ มีอะไรจ้าแม่....คุณ”
แพมเรียกอย่างประชด ก่อนที่จะหลบให้เพื่อนสาวแทรกตัวเข้ามาในห้องรับแขกที่เธอยึดเอาไว้เป็นที่นอน
“นี่หล่อน.....นี่มันไม่เช้าแล้วนะ ตอนนี้ปาเข้าไปเกือบสิบโมงแล้วย่ะ”
แพมสะดุ้งขึ้นจากที่นอนหลังจากที่กะว่าจะไปแอบหลับอีกสักหน่อย.....(ก็มันง่วงอ่ะ)
“เฮ้ย!....จริงดิ” แต่พอมองดูนาฬิกาก็พบว่า ตอนนี้เป็นเวลา 10 โมงเช้าอย่างที่เพื่อนกล่าวจริงเสียด้วย
นี่เธอตื่นสายขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย? สงสัยเพราะความฝันนั่นแน่ๆ เลย แล้วอย่างนี้คืนนี้จะกล้าหลับลงเหรอเนี่ย? เฮ้อ....เสียดายอีตาฟาโรห์ในฝันนั่นจัง ไม่น่าโหดเลย ไม่อย่างนั้นจะรูปร่างหล่อล่ำขนาดนั้นคงกลายเป็นฝันดีของเธอแน่ๆ หุๆ
ทั้งสองสาวรีบแต่งตัวออกมาจากบ้าน วันนี้นิดจะพาเพื่อนสาวไปดูการแสดงนิทัศการสุสานฟาโรห์ที่อยู่ในตัวเมืองห่างออกไปไม่ไกลนัก ที่นั่นเป็นบริษัทของเอกชนที่ทำหน้าที่ให้ทุนบิดาของเธอในการขุดหามัมมี่พระศพฟาโรห์องค์ต่างๆ
“คนเยอะจังเลยนะยัยนิด”
แพมมองผู้คนมากมาย มีทั้งชาวยุโรป และอีกหลายๆ ประเทศที่รวมตัวกันเพื่อที่จะมาชมนิทัศการแห่งนี้
“แน่ล่ะสิ ที่นี่น่ะขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอย่างนึ่งของอียิปต์เลยน้า ว่าแต่เธอเถอะ อยากไปที่ไหนเป็นพิเศษบ้างหรือเปล่าล่ะ?”
หลังจากคำถามนั้นแพมก็บอกกับเพื่อนสาวว่าเธออยากลองขี่อูฐสักครั้งในชีวิต เมื่อเป็นความต้องการของเพื่อนสาวนิดเองก็ไม่ขัด ถึงแม้ว่าเธอจะเคยขี่มันจนเบื่อแล้วก็ตาม
ทั้งคู่ท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่างๆ จนเย็น แต่พอกลับมาถึงบ้านก็พบกับศาสตราจารย์เอดิสันที่วันนี้กลับมาถึงไวนั่งจิบกาแฟอยู่ก่อนแล้ว
“อ้าว!...ทำไมวันนี้คุณพ่อกลับมาถึงไวจังคะเนี่ย?”
บิดาหันมายิ้มให้ก่อนจะตอบ
“พอดีวันนี้งานของพ่อเสร็จเร็วน่ะ อีกอย่างวันนี้แม่เขาให้พ่อไปที่บ้านคุณตา ไปเอาของที่คุณตาให้มาลูก”
“ของเหรอคะ?”
นิดทำหน้างงๆ คุณตาของเธอให้อะไรมานะ? ทำไมคุณพ่อถึงได้ดูอารมณ์ดีขนาดนี้
“เป็นกระจกของเก่า เป็นของคุณยายที่ให้แม่เขา แต่ตอนที่แม่แต่งงานมากับพ่อคุณยายก็บอกว่าให้พ่อมีลูกสาวก่อนถึงจะยอมให้มา”
แพมที่นั่งอยู่ก็อดแปลกใจไม่ได้ ทำไมต้องรอให้เป็นลูกสาว เพราะปรกติธรรมเนียมของคนที่นี่ส่วนใหญ่มักจะยกมรดกให้กับบุตรชายเสียเป็นส่วนใหญ่
นิดเห็นเพื่อนทำหน้างงก็หัวเราะก่อนจะอธิบายให้ฟัง
“ฮะๆๆๆ......ไม่ต้องทำหน้าอย่างงั้นหรอกยัยแพม บ้านของฉันน่ะมีมรดกแค่ชิ้นเดียวก็คือกระจกนี้ คุณแม่น่ะเป็นลูกสาวคนโตจึงมีสิทธิได้ไป ส่วนฉันเป็นลูกสาวคนเดียวกระจกบานนี้ก็เป็นของฉันเอง หุๆ เอาไว้ฉันจะให้เธอได้เชยชมสักครั้งก็แล้วกัน”
“แล้วทำไมคุณยายของเธอไม่ให้ลูกชายล่ะ ที่นี่เขามีธรรมเนียมแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?”
นิดทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะตอบ
“ดูเหมือนว่าเป็นคำสั่งของบรรพบุรุษน่ะว่าให้มอบกระจกนี้แก่ลูกสาวคนโตเท่านั้น แต่อย่างว่านะเห็นคุณแม่บอกว่ากระจกบานนี้สวยมากเลยล่ะ เป็นของเก่าตั้งแต่หลายพันปีโน่นแน่ะ”
มารดาของนิดเดินเข้ามาสมทบ ทุกคนในห้องจึงเปลี่ยนภาษาที่คุยกันเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้เธอเข้าใจ ก่อนที่ทุกคนจะโดนสั่งให้ไปนั่งรอที่โต๊ะเพื่อที่จะรับประทานอาหารค่ำกัน
“อ้อ...หนูแพม ลุงเอากระจกบานนั้นเข้าไปไว้ในห้องของหนูก่อนนะ ห้องยัยนิดน่ะมันรกเหลือเกิน บ้านนี้ก็ไม่มีห้องเก็บของเสียด้วย ลุงเลยต้องขอเสียมารยาทสักหน่อย”
นิดได้ยินเข้าก็ร้องเอะอะ ก่อนที่จะพูดแก้ต่างให้กับตัวเอง ผิดกับแพมที่อมยิ้ม เธอคิดว่าเพื่อนสาวคงคิดเอากระจกเป็นเครื่องต่อรองเพื่อแกล้งเธออย่างแน่นอน แต่คราวนี้ราวกับเธอพกดวงมาดีกว่า ตอนนี้กระจกถึงได้อยู่ในห้องของเธอแล้ว อิอิ.......
“โห! พ่อค่ะ ทำไมเอาไปไว้ในห้องยัยแพมล่ะค่ะ นิดก็เลยไม่มีอะไรต่อรองเลยนิคราวนี้ อีกอย่างห้องนิดไม่ได้รกเสียหน่อย แค่ของเยอะไปเท่านั้นเอง”
“หุหุ ไม่เป็นไรค่ะคุณลุง เดี๋ยวแพมจะดูแลอย่างดีเลย”
นิดหันไปมองหน้าเพื่อน ชิ....ยิ้มหน้าบานเลยนะแก...
แน่นอน หุหุ.....แพมตอบเพื่อนในใจ
“เอาล่ะสาวๆ ไปนอนกันได้แล้วจ้า อีกอย่างนิด แม่คิดว่าห้องลูกน่ะไม่ใช่ของเยอะอย่างเดียวนะ เมื่อเช้าแม่เห็นหนูวิ่งออกมาจากห้องลูกด้วยนะ”
กรรม....หมดกันฉัน แม่น่ะไม่น่าเล้ยยยยย.....
แพมกับเอดิสันหัวเราะดังลั่น ไม่นำพาต่อใบหน้าแดงก่ำของผู้ที่ถูกประจานแม้แต่น้อย
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
การะเกดต้องขออภัยมา ณ. ที่นี้ด้วยนะคะ ที่ไม่ได้มาลงให้อย่างที่บอก เพราะฉะนั้นการะเกดจะลงย้อนหลังให้ทั้งหมดเลยค่ะ ยังไงก็ฝากผลงานเรื่องนี้ด้วยนะคะ
ด้วยรัก
การะเกด
ความคิดเห็น