คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 วันแห่งการเดินทาง
สวัสดีค่ะ การะเกดเองนะคะ ต้องขอโทษด้วยที่มาโผล่ตรงนี้ 555 เพราะไม่งั้นจะไม่ค่อยมีคนอ่านด้านล่าง (กรรม ) เอาเป็นว่านิยายเรื่องนี้จะแตกต่างจากเรื่องอื่นๆ ค่ะ เพราะเกดจะอัพให้อาทิตย์ละสองวัน แต่ไม่ต้องห่วงนะคะว่ามันจะช้า เพราะเกดแต่งเรื่องนี้เสร็จแล้ว (ที่หายหน้าไปก็เพราะเรื่องนี้ล่ะค่ะ) 555 แล้วเจอกันนะคะ ขอให้สนุกกับเรื่องนี้ค่ะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ผู้คนมากมายเดินขวักไขว่อยู่ในสนามบิน สาวน้อยร่างเล็กบางฝ่ากลุ่มคนที่เนืองแน่นกันอยู่ออกมาอย่างทุลักทุเล หญิงสาวกำลังมองหาเพื่อนสาวที่บอกเอาไว้ว่าจะมารับเมื่อเธอเดินทางมาถึงที่นี่
อียิปต์....ดินแดนแห่งทะเลทราย
“เฮ้....ทางนี้ ยัยแพมฉันอยู่ทางนี้!”
นิดตะโกนเรียกเพื่อนสาว ร่างเล็กบางกระโดดขึ้นลงท่ามกลางผู้คนมากมาย จนกระทั่งสายตาของหญิงสาวที่มาใหม่มองเห็นเธอจนได้
“ยัยนิดดดด”
ทั้งคู่กระโดดกอดกันท่ามกลางผู้คนที่ยืนอยู่ในสนามบิน
“คิดถึงจังเลย ทำไมมาถึงช้าจังเครื่องบินมีปัญหาเหรอ?”
นิดมองร่างบางของเพื่อนสาวก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเห็นแล้วว่าแพม หรือ ประพิมพ์ เพื่อนสาวของเธอดูสวยขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากขนาดไหน
“ไม่หรอก แต่ต้องเปลี่ยนเวลาขึ้นเครื่องน่ะ ก็พวกพ่อกับแม่แล้วก็พี่ๆ น่ะสิ!บอกว่าจะมาส่งกัน แต่ว่าทุกคนกลับติดงาน กว่าจะว่างพร้อมกันได้เล่นเอาต้องหาเวลาขึ้นเครื่องใหม่จนปวดหัวไปหมด”
“ฮะๆๆ บ้านแกยังเหมือนเดิมไม่มีผิดเลยนะยัยแพม แล้วนี่ทำยังไงล่ะ ถึงได้มาที่นี่คนเดียวได้?”
นิดเป็นเพื่อนสาวของแพมตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย ทั้งคู่จบออกมาพร้อมกันเมื่อหลายเดือนก่อน แต่นิดกลับต้องเดินทางกลับมาที่อียิปต์เพราะบิดาและมารดาของเธออยู่ที่นี่
สวรรยา หรือนิด มีมารดาเป็นชาวอียิปต์ บิดาของเธอเป็นลูกครึ่งอังกฤษกับไทย ศาสตราจารย์เอดิสันซึ่งเป็นนักโบราณคดีประจำอยู่ที่นี่
เมื่อหลายคืนก่อนทั้งคู่โทรศัพท์หากันตามปรกติ แต่นิดกลับเล่าเรื่องงานค้นคว้าที่เพิ่งถูกค้นพบโดยบิดาของเธอให้กับเพื่อนสาวฟัง แพมที่สนใจในด้านโบราณวัตถุเป็นทุนเดิม ถึงขนาดผันตัวเองจนไปเปิดกิจการขายวัตถุโบราณ และหลังจากที่แพมได้ฟังก็ตัดสินใจที่จะมาเยี่ยมเยียนเพื่อนสาว พร้อมกับมาดูสิ่งที่บิดาของนิดเพิ่งขุดเจอ
สุสานฟาโรห์ราเมสที่ 1
“พอดีว่าทุกคนติดงานกันหมดน่ะสิ ไม่งั้นล่ะก็เธอคงได้เห็นพี่ชายหรือพี่สาวของฉันคนใดคนหนึ่งแล้วล่ะ!”
ครอบครัวของแพมเป็นครอบครัวใหญ่ที่รักใคร่กันมาก แพมมีพี่สาวและพี่ชายรวมทั้งหมด 5 คน และทุกคนรับราชการ บิดามารดาของแพมเองก็เป็นหมอ หญิงสาวเป็นลูกคนเล็กที่พวกพี่ๆ ให้ความรักราวกับเป็นบิดามารดาเสียเอง
“แน่ล่ะก็พวกเขาน่ะ รักเธอยังกับเธอเป็นลูกสาวพวกเขาเสียเองนี่นา”
นิดพูดอย่างรู้จักครอบครัวของแพมดี ด้วยวัยที่น้อยกว่าพวกพี่ๆ จนเกือบรอบทำให้ลูกสาวคนเล็กของบ้านนี้กลับกลายเป็นจุดสนใจของทุกคนในบ้านภายในพริบตา
“อย่ามัวแต่พูดถึงเรื่องที่บ้านฉันอยู่เลย ว่าแต่เรื่องที่เธอบอกจะทำให้ฉันน่ะได้หรือเปล่า?”
แพมทวงสัญญาเรื่องที่เพื่อนสาวของเธอบอกว่าจะขออนุญาตให้ตัวเธอเข้าไปชมสุสานของฟาโรห์ก่อนที่จะทำการเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการ
“แน่นอนอยู่แล้ว พ่อบอกว่าถ้าเป็นเธอล่ะก็จะมาเมื่อไหร่ก็ได้ ตอนนี้พ่อเองก็ยุ่งอยู่ที่ไซด์งานทั้งวันเลยล่ะ เดี๋ยวเธอกลับไปพักผ่อนที่บ้านฉันก่อนแม่ฉันรอเธออยู่แล้ว ว่าแต่เพื่อนเลิฟทำงานให้ถึงขนาดนี้มีอะไรมาเป็นรางวัลกันบ้างล่ะจ๊ะ?”
นิดทำหน้าล้อเลียนใส่ ก่อนจะตาโตเมื่อแพมอมยิ้มแล้วพูดว่า
“ฉันเอารางวัลของแกมาแล้วยัยนิด กะละแมของโปรดของแกไง นี่ฉันอุตส่าห์แบกมาจากเมืองไทยเลยนะ”
“กรี๊ดดดดดด จริงเหรอยัยแพม แกนี่มันเพื่อนเลิฟจริงๆ”
แพมหัวเราะกับทีท่าดีใจของเพื่อนสาว ก่อนจะมองไปรอบๆ และสังเกตว่าเธอทั้งคู่กลายเป็นจุดสนใจของทุกคนในสนามบินเสียแล้ว
“เอ่อ......ฉันว่าเราไปกันก่อนจะดีกว่า รู้สึกว่าพวกเรากลายเป็นของแปลกเสียแล้วล่ะ”
นิดเองก็เพิ่งรู้สึกตัวก่อนมองไปรอบๆ
สงสัยเธอจะส่งเสียงดังเกินไปซะแล้ว!.....
ทั้งคู่มองหน้ากันก่อนจะคว้ากระเป๋าถือไว้คนละใบแล้วก้าวเดินออกจากสนามบินอย่างเร่งรีบ
ผู้คนในสนามบินต่างพากันถอนหายใจ เมื่อร่างเล็กๆ น่ารักของทั้งสองสาวเดินลับสายตาไป พวกเขาต่างพากันคิดว่า หญิงทั้งคู่ล้วนแต่มีความงดงามตามแบบฉบับที่แตกต่างกัน น่าเสียดาย ที่อาจไม่ได้เจอดอกไม้ทั้งสองดอกนี้อีก นอกเสียจากพรจากพระเจ้าที่จะบัลดาลให้ความบังเอิญเกิดขึ้นอีกครั้ง
ย้อนกลับไปนับจากนั้นอีก 3500 ปี สงครามระหว่างชนชาติซีเรียและอียิปต์กำลังจะเริ่มขึ้น
“บุกเข้าไป! สังหารพวกมันให้หมดอย่าให้ใครรอดไปได้”
พระสุรเสียงสั่งการกองทัพอียิปต์ที่ประจันหน้าอยู่กับกองทัพซีเรีย เจ้าชายรัชทายาทผู้ได้รับสมญานามว่าเป็นบุตรแห่งเทพอานูบิส เทพแห่งความตาย
เจ้าชายราเมส...เจ้าชายรัชทายาทแห่งอียิปต์
“ใครก็ตามที่สามารถตัดหัวของกษัตริย์ซีเรียได้ ข้าจะยกสมบัติครึ่งหนึ่งที่ยึดได้จากซีเรียให้กับคนผู้นั้น”
สิ้นเสียง เหล่าทหารชาญศึกรูปร่างล่ำสันใหญ่โตนับแสนคน ต่างโห่ร้องเพื่อเรียกความฮึกเหิม กองทัพอันเกรียงไกรแห่งจักรวรรษอียิปต์ผู้ยิ่งใหญ่
เจ้าชายราเมสบุตรแห่งฟาโรห์ซิมเซซุสที่เกิดจากราชินีองค์ที่สองที่ได้รับตำแหน่งเมื่อราชินีพระองค์แรกทรงสิ้นพระชนม์ หลังจากศึกสายเลือดภายในของอียิปต์ทำให้เจ้าชายราเมส เจ้าชายลำดับที่ 5 ของราชวงศ์ที่เหลือรอดเพียงพระองค์เดียว จากเจ้าชายทั้งหมด 10 พระองค์ที่ลอบสังหารกันเอง ก็ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าชายรัชทายาทในที่สุด
ศึกครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากพระขนิษฐาของเจ้าชายราเมส ซึ่งเดินทางออกจากอียิปต์เพื่อที่จะไปอภิเษกสมรสกับกษัตริย์แห่งบาบิโลน แต่ระหว่างทางกลับถูกกองทหารของซีเรียบุกโจมตี และขณะนั้นเองเจ้าหญิงก็ทรงตัดสินพระทัยปลงพระชนม์ตัวเองเพื่อรักษาเกียรติเอาไว้
หลังจากที่ข่าวนี้ถูกส่งไปถึงอียิปต์ ราชินีก็ทรงประชวรทันทีที่ทราบข่าวการสิ้นพระชนม์ของพระธิดา ทำให้เจ้าชายราเมสและฟาโรห์ซิมเซซุส ตัดสินใจที่จะเปิดศึกกับซีเรียโดยทันที
กองทหารของอียิปต์เดินทางรอนแรมมายังซีเรียเพื่อแก้แค้น และกู้ศักดิ์ศรีของอียิปต์ที่ถูกซีเรียหมิ่นเกียรติ เหล่าประเทศทั้งหลายที่อยู่รายรอบอียิปต์ล้วนแต่หย่ำเกรงในตัวของเจ้าชายราเมสยิ่งนัก เจ้าชายพระองค์นี้ไม่เคยแพ้ศึกใดมาก่อน ว่ากันว่า ไม่ว่ารถศึกของพระองค์จะแล่นไปที่ใดในสนามรบ ที่นั่นจะเต็มไปด้วยซากศพและแม่น้ำแห่งเลือดที่ไหลนอง
“พวกเจ้าติดตามพระองค์ไปอย่าให้คลาดสายตา ต้องระวังให้ดีอย่าให้พระองค์ถูกลอบทำร้ายได้ เข้าใจหรือไม่?”
แม่ทัพใหญ่แห่งอียิปต์คาอูลหันไปสั่งการทหารองค์รักษ์ขององค์รัชทายาทอย่างแข็งขัน เหตุการณ์ชุลมุนเช่นนี้ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ย่อมเกิดขึ้นได้
“ขอรับท่านแม่ทัพ”
เหล่าทหารองค์รักษ์รูปร่างบึกบึนกำยำต่างรับคำอย่างแข็งขันอยู่บนหลังม้าศึกตัวใหญ่
“บุกได้!!!”
ฟาโรห์ซิมเซซุสตะโกนก้อง พร้อมกับเสียงโห่ร้องของเหล่าทหาร หลังจากนั้นศึกครั้งสุดท้ายของซีเรียก็เริ่มขึ้นหลังจากที่พ่ายแพ้จนกระทั่งตอนนี้ กองทัพของอียิปต์บุกมาถึงเมืองหลวงของซีเรีย และตั้งทัพเพื่อที่จะบุกโจมตีอยู่ที่นอกเมืองไม่ไกลนัก
“พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่? อย่าปล่อยให้พวกมันมีชัยเหนือซีเรียได้ ใครก็ตามที่คิดหนี ข้าจะประหารมันทั้งครอบครัว”
กษัตริย์ซีเรียตะโกนก้อง แวดล้อมไปด้วยเหล่าทหารซีเรียที่มองกษัตริย์ตัวเองอย่างเกรงกลัว ในใจของพวกเขาไม่เคยเห็นด้วยแม้แต่น้อยที่ซีเรียสร้างความแค้นให้กับจักรวรรษอียิปต์ผู้ยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะเจ้าชายราเมส เจ้าชายที่ได้ชื่อว่าเป็นเทพแห่งสงครามพระองค์นั้นด้วยล่ะก็
“ฝ่าบาทกระหม่อมว่าพระองค์ทรงเสด็จออกไปจากที่น่าจะปลอดภัยกว่ากระหม่อม”
แม่ทัพใหญ่แห่งซีเรียมองกองทัพของทั้งสองชาติที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดอยู่ไม่ไกลนัก หลังจากที่สู้รบกันมาพักใหญ่ เขาก็พอจะมองออกว่า อีกไม่นานซีเรียคงต้องพ่ายแพ้อย่างย่อยยับเป็นแน่ อย่างน้อย เขาก็ต้องปกป้ององค์กษัตริย์เอาไว้ให้ได้ก่อน
กษัตริย์แห่งซีเรียผู้ขลาดเขลาเห็นด้วยในทันที เดิมทีที่เขาทำเรื่องเช่นนี้ก็หวังว่าจะสามารถมีตัวประกันที่ทำให้อียิปต์ต้องยอมสยบต่อเขา ใครจะคิดว่านังเจ้าหญิงนั่นจะชิงฆ่าตัวตายและทำให้เขาต้องมารับศึกอันใหญ่หลวงเช่นนี้
“ดีๆ! งั้นข้าจะเข้าไปรอฟังข่าวจากเจ้าที่ในเมือง”
กษัตริย์ขี้ขลาดแห่งซีเรียไม่ละทิ้งโอกาสแม้แต่น้อย หลังจากที่แม่ทัพใหญ่ของตนเสนอให้เข้าไปหลบอยู่ในเมือง เขาก็สั่งให้เหล่าทหารองค์รักษ์ออกติดตามกลับไปยังเมืองหลวงทันที
“พวกเจ้าไปกับข้า!”
ทหารกลุ่มใหญ่หลังแนวรบที่กำลังจะถอนตัวออกไป ตกเป็นเป้าสายตาของเจ้าชายราเมสที่กำลังมองหาคนที่เขาต้องการสังหารเป็นที่สุด
อา....อยู่ที่นั่นเอง...เจ้ากษัตริย์ขี้ขลาดแห่งซีเรีย
ฝ่ามือแข็งแรงกระตุกม้าอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะติดตามทหารกลุ่มนั้นไปให้ทัน เหล่าองค์รักษ์ของเจ้าชายต่างตามติดไปอย่างรีบร้อนเพื่ออารักษ์ขารัชทายาทคนสุดท้ายแห่งจักรวรรษอียิปต์เอาไว้ให้ได้
“ฝ่าบาท! มีคนตามพวกเรามาพะย่ะค่ะ”
ทหารคนสนิทตะโกนก้องเมื่อเห็นว่ามีกลุ่มม้ากำลังมุ่งตรงมาทางนี้ หากเขาเดาไม่ผิดนั่นต้องเป็นทหารของอียิปต์เป็นแน่
“เจ้าไปบอกเหล่าแม่ทัพให้สกัดพวกมันเอาไว้ ข้าจะล่วงหน้าไปก่อน”
ทหารอีกสองนายแยกออกจากกลุ่มเพื่อไปปฏิบัติตามพระราชโองการ หลังจากที่แยกตัวออกมา แม่ทัพใหญ่แห่งซีเรียก็ราวกับจะรู้ล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว เขาจึงได้รวบรวมเหล่าทหารคนสนิทที่ยังเหลืออยู่เพื่อที่จะไปสกัดทหารกลุ่มนั้นเอาไว้ ไม่นานฝุ่นที่ฟุ้งกระจายกันอยู่ก็เริ่มหมดไป ทำให้แม่ทัพใหญ่แห่งซีเรียได้เห็นผู้ที่ติดตามมา
เจ้าชายราเมส!....
หัวใจของแม่ทัพใหญ่สั่นระรัว ถึงแม้ว่าเขาจะผ่านศึกสงครามมานับไม่ถ้วนแต่ก็ไม่เหมือนกับการที่จะต้องประจันหน้ากับเทพแห่งสงครามที่ไม่เคยพ่ายศึกใดเลยเช่นนี้ ด้วยรูปร่างอันใหญ่โตและแข็งแรงของเจ้าชายราเมสก็ทำให้ผู้คนล้วนเกรงกลัว ไม่นับเรื่องฝีมือดาบที่เป็นที่เลื่องลือ อีกทั้งความเหี้ยมโหด ที่ไม่เคยปราณีผู้ที่ตกเป็นเป้าหมายแม้แต่น้อย
เมื่อคนกลุ่มใหญ่มาถึง เจ้าชายราเมสที่ควบม้านำหน้ามาบังคับม้าให้หยุดอยู่กับที่ ก่อนจะมองหน้าแม่ทัพใหญ่แห่งซีเรียด้วยแววตาเฉยชา
“ท่านแน่ใจแล้วหรือที่จะทำเช่นนี้?”
ราเมสกล่าว ก่อนจะเบือนหน้ามองไปทางกลุ่มคนที่เริ่มห่างออกไป.....
“กระหม่อมเป็นข้ารองบาท ต้องทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้เจ้าชีวิตปลอดภัย อย่างไรเสียวันนี้ข้าพระองค์ก็ยินดีที่จะได้ประมือกับเทพแห่งสงครามเช่นพระองค์”
ม้าศึกคึกคะนองอย่างเต็มที่ เหล่าทหารองค์รักษ์ทั้งหลายเองก็กระหายที่จะแสดงฝีมือออกมา เหล่านักรบฝีมือเยี่ยมจากจักรวรรษอียิปต์ผู้ยิ่งใหญ่ที่เจ้าชายราเมสเป็นผู้คัดเลือกด้วยตัวเอง
“ข้าเอง...เคยได้ยินเรื่องของท่านเช่นกัน ข้าเป็นผู้ที่นับถือผู้กล้ายิ่งนัก ข้าจะให้โอกาสท่าน! ถ้าท่านยอมยกกษัตริย์แห่งซีเรียให้ข้า ชีวิตของชาวซีเรียที่อยู่หลังกำแพงนั่นก็จะรอดปลอดภัย ท่านจะว่ายังไง?”
สิ่งที่ราเมสกล่าวออกมาทำให้เหล่าทหารซีเรียที่อยู่ที่นั่นถึงกับมองหน้ากันไปมา ทุกคนต่างมีครอบครัวที่รักยิ่งอยู่หลังกำแพงนั่น หากเป็นคำที่ออกจากพระโอษฐ์ของเจ้าชายนักรบพระองค์นี้ ย่อมจะเป็นหลักประกันได้ว่าชีวิตของทุกคนจะได้รับการยกเว้นอย่างแน่นอน หากแต่......
จะต้องแลกด้วยชีวิตกษัตริย์ของพวกเขา.....เช่นนั้นท่านแม่ทัพจะตัดสินใจอย่างไร?
“กระหม่อมไม่เคยได้ยินการตกลงเช่นนี้มากก่อน หากฝ่าบาททรงคิดจะให้กระหม่อมทรยศต่อประเทศของตัวเองก็ให้กระหม่อมสิ้นชีพด้วยฝีมือของพระองค์จะดีกว่า”
แม่ทัพใหญ่รู้ดีว่าเขาคงไม่มีทางเอาชนะเจ้าชายพระองค์นี้ได้แน่ เพราะเมื่อนานมาแล้วตอนที่เข้าไปสืบข่าวเรื่องต่างๆ ในอียิปต์ด้วยตัวเอง เขาเคยเห็นเจ้าชายพระองค์นี้แสดงฝีมือมาแล้วที่ลานประลอง นับว่าเป็นสิ่งที่เขาเองก็ตกตะลึงไม่น้อย ในวันนั้นเจ้าชายราเมสสามารถเอาชนะ นักดาบฝีมือเยี่ยมนับสิบคนได้โดยที่พระองค์แทบจะไม่ได้ออกแรงแม้แต่น้อย
“ข้าไม่ได้จะให้ท่านทรยศต่อประเทศ ข้าเพียงให้ท่านเลือก ระหว่างกษัตริย์ที่น่าอายของพวกท่าน กับชีวิตของผู้คนที่อยู่หลังกำแพงนั่น ว่าท่าน...จะเลือกให้ใครมีชีวิตอยู่ต่อไปกันแน่”
แม่ทัพใหญ่ถึงกับนิ่งงัน เมื่อตระหนักดีว่า ตนเองกำลังถูกบีบให้ตัดสินใจเลือก เจ้าชายพระองค์นี้คงคิดที่จะสังหารทุกคนเพื่อที่จะระบายความแค้นให้กับพระขนิษฐาของตนเองเป็นแน่
แล้วเขาจะทำเช่นไรดี?....
การตัดสินใจภาระอันใหญ่หลวงนี้ทำให้แม่ทัพใหญ่จนปัญญา เมื่อมองไปรอบๆ ก็พบกับเหล่าทหารที่กำลังมองเขาอย่างมีความหวัง
ไม่มีใครอยากทรยศ! แต่ผู้เป็นที่รักยิ่งก็กำลังจะมีภัย.....
การตัดสินใจครั้งนี้ของเขา จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสน์ของชนชาติซีเรียตลอดกาล ถ้าหากเรายังมีซีเรียอยู่
.
“ท่านแม่ทัพ...ไม่ว่าท่านจะตัดสินใจเช่นใด พวกเราจะรบเคียงข้างท่านจนกว่าชีวิตนี้จะดับสูญ”
ทหารคนสนิทกล่าวขึ้น ทุกคนในที่นี้ล้วนเคยได้รับการช่วยเหลือจากชายตรงหน้า แม่ทัพผู้หาญกล้าแห่งซีเรีย ชีวิตของพวกเขาเป็นของท่านแม่ทัพ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นพวกเขาก็จะสู้เคียงข้างท่านแม่ทัพ แม้ว่าท่านแม่ทัพจะตัดสินใจอย่างไรก็ตาม...
ความจงรักภักดีของเหล่าทหารที่มีต่อชายตรงหน้านั้นเป็นที่ประจักษ์ ราเมสคิดว่าเขามาถูกทางแล้ว เพียงแต่ว่าชายตรงหน้าจะเลือกภักดีอย่างโง่งมหรือจะทำทุกอย่างเพื่อผู้คนที่เขาจะต้องปกป้องไม่แพ้กษัตริย์เช่นกัน
ราวกับราเมสอ่านสีหน้าของแม่ทัพใหญ่ออกเขาจึงกล่าวออกมาอีกประโยคเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับชาวซีเรียที่อยู่ที่นี่
“ข้าให้สัญญาท่านแม่ทัพ เมื่อไหร่ที่ข้าได้ตัวกษัตริย์ของท่าน ข้าจะถอยทัพกลับไปทันที โดยที่ซีเรียจะสูญเสียเพียงกษัตริย์และเครื่องบรรณาการที่จะส่งให้จักรวรรษอียิปต์เพียงเท่านั้น”
“หวังว่าพระองค์คงไม่ผิดคำที่ได้กล่าวไว้กับกระหม่อม”
ราเมสยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มเพียงเล็กน้อยจนแทบจะมองไม่เห็น
เขากำลังจะได้ตัวมันแล้ว! เจ้ากษัตริย์หน้าโง่ที่บังอาจมาต่อกรกับจักรวรรษอียิปต์ผู้ยิ่งใหญ่!.....
เมื่อตอนที่ชายหนุ่มชักม้าผ่านเหล่าทหารซีเรีย ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าขัดขวาง ไม่ใช่เพราะแม่ทัพใหญ่เท่านั้น หากแต่เป็นความกริ่งเกรงในตัวของเจ้าชายราเมสที่มีมากกว่า
กองทัพหลักของอียิปต์ที่ตั้งอยู่ห่างออกไป ฟาโรห์ซิมเซซุสกำลังมองการรบที่ใกล้จะรู้ผลเต็มทีด้วยความเป็นห่วงพระโอรส
“ฝ่าบาทอย่าได้กังวลพระทัยไป เจ้าชายราเมสไม่มีวันเพลี่ยงพล้ำให้กับผู้ใดแน่พะย่ะค่ะ”
องค์รักษ์คนสนิทกล่าวอย่างรู้ใจ ในเมื่อเจ้าชายราเมสคือความหวังเดียวของราชวงศ์ ที่เหลืออยู่
“ข้าก็คิดเช่นนั้น หากแต่ข้าก็ไม่ไว้ใจเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างกะทันหันโดยที่ข้าไม่ได้อยู่เคียงข้างลูกข้า”
สีหน้าขององค์ฟาโรห์เป็นกังวลยิ่งนัก แต่ก็ไม่สามารถทิ้งหน้าที่ไปทำตามที่ใจปรารถนาได้
“งั้นเดี๋ยวกระหม่อมให้ทหารติดตามเจ้าชายไป แล้วค่อยให้มารายงานข่าวน่าจะช่วยคลายกังวลให้กับพระองค์ได้”
ฟาโรห์ซิมเซซุสพยักพระพักตร์ ดังนั้นทหารคนสนิทจึงได้ปลีกตัวออกไปสั่งการ แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อมีเสียงบางอย่างแหวกอากาศเข้ามาใกล้
“ ฉึก! “
ท่ามกลางความตกตะลึงของเหล่าทหาร ฟาโรห์ซิมเซซุสก็ล้มลงก่อนที่ความโกลาหลจะเริ่มขึ้น
“อึก!”
ราเมสรู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอก เขากำลังจะตามเจ้ากษัตริย์ตาขาวนั่นทันอยู่อีกไม่กี่อึดใจชายหนุ่มจะไม่มีวันปล่อยให้โอกาสแสนงามนี้หลุดมือไป
“ฝ่าบาทพระองค์เป็นอะไรไปหรือพะย่ะค่ะ?”
ทหารองค์รักษ์เห็นเจ้าชายรัชทายาททรงนิ่งงันไปก็นึกเป็นห่วง
“ข้าไม่เป็นอะไร ไปต่อเถอะ!”
ชายหนุ่มไม่สนใจอาการเจ็บเมื่อครู่ ใจของเขามุ่งมั่นอยู่กับการแก้แค้นมากเสียจนลืมทุกอย่างสิ้น เขาควบม้าตามกษัตริย์ซีเรียไปอย่างบ้าคลั่ง
“นั่นๆ เจ้าบอกข้าทีซิว่าใครกันที่ตามเรามา”
กษัตริย์ซีเรียเห็นกลุ่มฝุ่นควันขนาดใหญ่ที่ไล่หลังมา เมื่อมองจากฝุ่นที่ฟุ้งกระจายอยู่ พวกเขามีจำนวนน้อยกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย หากคิดว่าเป็นกองทัพของตนก็ดูจะติดตามมาเร็วไป ในเมื่อผู้ที่แม่ทัพใหญ่จะต้องรับมือด้วยก็คือเจ้าชายจอมทัพผู้นั้น
รถศึกที่มีทหารเป็นผู้ขับ ทำให้กษัตริย์ซีเรียสามารถทุ่มเทความสนใจไปที่กลุ่มผู้มาใหม่ได้อย่างถนัดขึ้น ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นชายผู้ควบม้านำมาเป็นคนแรกว่าเป็นใคร
“น่ะ... นั่นมันเจ้าราเมสนี่! ทำไมมันถึงได้ติดตามมาเร็วถึงขนาดนี้ หรือว่า?”
เพียงพริบตาเดียว เจ้าชายราเมสที่กษัตริย์ซีเรียให้ความเกรงกลัวก็ตามมาทันและให้เหล่าทหารล้อมองค์รักษ์ของกษัตริย์ซีเรียเอาไว้
“เจ้า!...ราเมส ทำไมเจ้าถึงได้มาเร็วถึงเพียงนี้ หรือว่าแม่ทัพใหญ่ของข้า”
“เจ้าไม่ต้องกังวลไป เหล่าแม่ทัพและทหารบางส่วนของเจ้ายังไม่ได้เป็นอะไรไปทั้งสิ้น ข้าเพียงแต่ยื่นข้อเสนอที่ท่านแม่ทัพไม่อาจปฏิเสธได้ต่างหากเล่า”
กษัตริย์ซีเรียถึงกับตัวสั่น เมื่อคิดว่าแม่ทัพที่จงรักภักดีที่สุดของเขากลับทรยศ
“พวกเจ้า!....พวกเจ้ารวมหัวกันอย่างนั้นหรือ!? ช่างน่าทุเรศสิ้นดี”
“ฮะๆๆๆ ถ้าเทียบกับเจ้าที่ทำกับน้องสาวข้าแล้วล่ะก็ เรื่องแค่นี้นับว่าสู้เจ้าไม่ได้อยู่แล้ว”
“เจ้า!ๆ” ความโกรธทำให้ใบหน้าของกษัตริย์ซีเรียแดงก่ำ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะถูกเด็กรุ่นหลังมาดูถูกเอาได้ถึงขนาดนี้
“ข้าก็แค่เอาชีวิตของทุกคนหลังกำแพงนั่น แลกกับชีวิต ของเจ้าและเครื่องบรรณาการอีกนิดหน่อย เจ้าน่าจะดีใจที่ชีวิตของเจ้ามีค่ามากถึงขนาดนี้นะ”
ราเมสกล่าวอย่างยั่วเย้า ก่อนจะชักม้าออกมาข้างหน้าอีกเล็กน้อย เหล่าทหารซีเรีย เมื่อได้ยินว่าท่านแม่ทัพใหญ่ของตนยอมแพ้แล้ว จึงมีความรู้สึกลังเล เพราะทหารทุกนายที่อยู่ที่นี่ล้วนแต่ชื่นชมและภักดีต่อแม่ทัพใหญ่มากกว่ากษัตริย์ที่ขี้ขลาดตาขาวของตนเสียอีก
“ทหาร!...พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่ จัดการมันเดี๋ยวนี้เลย!”
เหล่าทหารที่ยืนอยู่รอบตัวไม่มีการขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย จะมีก็แต่องค์รักษ์อีกสองสามคนที่พุ่งเข้าไปประจันหน้ากับเจ้าชายราเมส แต่ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ ดาบของเจ้าชายราเมสก็ตวัดออก เรียกเอาเลือดแดงฉานพุ่งออกมาจากรอยแผลของเหล่าทหารองค์รักษ์ที่มุ่งหน้าเข้าไปหาที่ตาย
นั่นยิ่งทำให้กษัตริย์ซีเรียหวาดกลัวในความเข้มแข็งของเจ้าชายราเมสมากขึ้น เมื่อมองไปรอบตัวเหล่าทหารซีเรียกลับเริ่มถอยห่าง แสดงให้เห็นว่าการทรยศของแม่ทับใหญ่แห่งซีเรีย มีผลต่อความภักดิ์ดีของเหล่าทหารยิ่งนัก
“พวกเจ้า!...คิดจะทรยศข้าเหมือนกับเจ้าพวกนั้นอย่างนั้นเรอะ!?”
สีหน้าเคียดแค้นของกษัตริย์ซีเรียปรากฏขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้เขากลับถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางศัตรูที่ล้อมเขาเอาไว้ทุกด้าน
“ข้าจะให้โอกาสกับเจ้า” ราเมสกล่าวก่อนจะ พาตัวเองลงจากหลังอาชาตัวโปรด
“ข้าจะท้าเจ้าประลอง หวังว่าเจ้าคงจะไม่กลัวจนปฏิเสธข้าหรอกนะ!”
เมื่อถูกหยามเกียรติ กษัตริย์ซีเรียก็ถึงกับโกรธจนตัวสั่น แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ ไม่อย่างนั้นเกียรติของกษัตริย์อย่างเขาจะต้องถูกหยามมากกว่านี้เป็นแน่
ร่างใหญ่โตหากแต่อ้วนท้วนเพราะไม่ค่อยได้ออกแรงมานานของกษัตริย์ซีเรียเดินลงจากรถศึก พร้อมกับดาบประจำกาย ทั้งคู่ตอนนี้อยู่ท่ามกลางเหล่าทหารของทั้งสองชาติ
เสียงต่อสู้ในสนามรบเริ่มเงียบหาย ทำให้ราเมสรู้ได้โดยทันทีว่า แม่ทัพใหญ่คาอูลสามารถสยบทัพของซีเรียได้อย่างเด็ดขาดแล้ว
อีกไม่นานเขาจะได้แก้แค้นให้น้องสาวของเขาเสียที....
“เข้ามาเลย เจ้าจะได้ตายด้วยน้ำมือของข้า”
กษัตริย์ซีเรียตะโกนท้า ก่อนจะไม่รอช้าชิงบุกเข้าไปก่อนเพื่อความได้เปรียบ การบุกเข้าไปของเขากลับถูกสกัดไว้อย่างง่ายดาย
ราเมสมองร่างอวบอ้วนที่มุ่งมั่นจะฟันเขาให้ได้ด้วยความสมเพช ก่อนจะใช้แรงเพียงเล็กน้อยผลักดาบที่มุ่งเข้ามาหาให้พ้นทาง แล้วใช้เท้าถีบร่างอ้วนๆ นั่นจนล้มลงไปกับพื้น ก่อนจะใช้เท้าอีกข้างเหยียบเอาไว้ แล้วเริ่มใช้ดาบฟันไปตามตัวของกษัตริย์ซีเรีย ท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด เลือดสีแดงเข้มสาดกระเซ็นไปทั่ว แต่ตัวของกษัตริย์ซีเรียทำได้เพียงแค่ดิ้นรน และมองดูเลือดที่ไหลออกจากตัวไปเท่านั้น
เหล่าทหารซีเรียที่ยอมจำนนต่างมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างหวาดหวั่น และทุกคนต่างก็คิดเหมือนกันว่า ข่าวลือเรื่องความโหดเหี้ยมของเจ้าชายราเมสพระองค์นี้นับว่าเป็นเรื่องจริงอย่างไม่ต้องสงสัย
“ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าหรอกนะ แต่ข้าจะทำให้เจ้าตายอย่างทรมาน”
ราเมสเอาเท้าออกจากอกของกษัตริย์อ้วน ก่อนจะพยักหน้าให้ทหารองค์รักษ์นำเชือกมาให้เขาเพื่อที่จะทำอะไรบางอย่างที่เหล่าทหารเองก็ยังนึกไม่ถึง ในที่สุดชายหนุ่มก็ออกคำสั่ง
“พามันกลับไปอียิปต์ด้วย”
เหล่าทหารล้วนแต่แปลกใจ ว่าทำไมเจ้าชายราเมสถึงได้ไม่สังหารเขาเสียที่นี่ แต่ก็ไม่สามารถขัดคำสั่งได้ ในระหว่างที่กำลังจะพาตัวกษัตริย์ซีเรียไปนั้นเอง ทหารองค์รักษ์คนสนิทขององค์ฟาโรห์ก็ควบม้ามาถึงพอดี
สีหน้าของเขาทำให้ราเมสรู้สึกใจไม่ดีนัก ซึ่งน้อยครั้งนักที่เขาจะรู้สึกแบบนี้ ลางสังหรณ์บอกเขาว่า ต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับพระบิดาของเขาเป็นแน่.........
ได้โปรด!....อย่าได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย
“ทูลฝ่าบาท......องค์ฟาโรห์ ทรง...ทรงถูกลอบปลงพระชนม์พะย่ะค่ะ”
ร่างทั้งร่างถูกตรึงอยู่กับที่ ก่อนที่จะตั้งสติได้ ราเมสก็กระโดดขึ้นอาชาตัวโปรดแล้วควบออกไปอย่างว่องไว
ความโศกเศร้าขยายวงออกไปทั่วทั้งอียิปต์ เสียงร่ำไห้ให้กับฟาโรห์ซิมเซซุสสั่นสะเทือนไปทั่ว ไม่เพียงเท่านั้น ข่าวร้ายเมื่อราเมสเดินทางมาถึงอียิปต์หลังจากที่จัดการเรื่องต่างๆ ในซีเรียเรียบร้อย
ข่าวการสิ้นพระชนม์ขององค์ราชินี พระมารดาของเจ้าชายรัชทายาท......
หลังจากที่ราชินีทรงทราบข่าวเรื่องการสิ้นพระชนม์ขององค์ฟาโรห์ พระนางจึงมีอาการทรุดหนักลง หลังจากนั้นไม่นานนัก พระองค์ก็ทรงสิ้นพระชนม์ก่อนที่เจ้าชายราเมสจะมาถึง
พระวรกายสูงใหญ่ประทับอยู่บนเฉลียงชั้นบนสุดของตำหนักใน พระพักตร์คมเข้มนิ่งงัน สายพระเนตรมองออกไปนอกกำแพง ในพระหัตถ์มีถ้วยน้ำจัณฑ์ ที่มีน้ำจัณฑ์พร่องไปกว่าครึ่ง ภายในพระราชวังหลวงเต็มไปด้วยความเศร้าโศก พระศพของพระขนิษฐาที่ถูกชิงมาได้จากซีเรียกำลังอยู่ในพิธีกรรมในการทำเป็นมัมมี่พร้อมกับพระบิดาและพระมารดา
“ฝ่าบาทเพคะ!”
หญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่หน้าประตู เรียกสายพระเนตรของเจ้าชายราเมสให้หันมาอย่างช้าๆ
“มีอะไรหรือฟาเรท”
นางเป็นแม่นมของเขา และยังเป็นพระพี่เลี้ยงของพระมารดาที่ติดตามมาเมื่อตอนที่พระมารดาแต่งงานออกมาอยู่ที่อียิปต์ หากนอกเหนือจากพระบิดา พระมารดา และพระขนิษฐาพระองค์นี้แล้ว ก็คงมีฟาเรทที่เขาไว้ใจมากที่สุด
“เอ่อ...หม่อมฉันได้รับพระเสาวนีย์จากราชินีฝากมาถึงพระองค์เพคะ”
“เรื่องอะไรหรือ?”
พระสุรเสียงเจือความเศร้าเอาไว้ จนฟาเรทถึงกับปวดใจแทน ต่อให้เป็นชายที่เข้มแข็งปานใด หากต้องสูญเสียทุกคนอันเป็นที่รัก ย่อมที่จะเสียใจเป็นธรรมดา
ฟาเรทเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะยอบตัวลง และถวายของชิ้นหนึ่งให้เจ้าชาย ก่อนจะกล่าวต่อ
“แหวนวงนี้ องค์ราชินีทรงมอบให้พระองค์เพคะ ทรงกล่าวว่าหากพระองค์กลับมาแล้วให้สวมมันไว้ที่พระหัตถ์มันจะช่วยให้พระองค์ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวงเพคะ”
ราเมสหยิบแหวนจากมือของฟาเรทก่อนจะยกมันขึ้นมาดูใกล้ๆ พระมารดาของเขาเป็นชาวเผ่าทะเลทรายที่เชื่อเรื่องการประกอบพิธีและการใช้เวทย์มนต์
“แหวนวงนี้!...เสด็จแม่ให้ข้าจริงๆ หรือ? ข้าเคยเห็นพระองค์สวมมันติดนิ้วเอาไว้ตลอดเวลา”
ดวงตาของฟาเรทเริ่มแดงก่ำ เมื่อนึกถึงเจ้าของแหวน องค์ราชินีผู้แสนงาม.......
“เพคะ พระองค์ทรงตรัสว่า เมื่อใดก็ตามที่พระองค์เจอหญิงสาวอันเป็นที่รัก เมื่อนั้นก็ขอให้พระองค์ทรงมอบแหวนวงนี้ให้นางเพคะ”
“งั้นหรือ!”
นิ้วมือหยาบกร้านเพราะการจับดาบ หมุนแหวนไปรอบๆ ก่อนจะสวมมันเอาไว้ที่นิ้วก้อยข้างขวา ก่อนจะมองมันด้วยสายตาที่ฟาเรทเองก็อ่านไม่ออก
“แค่นี้ใช่ไหม?”
ราเมสกล่าวเพราะเขาต้องการที่จะอยู่เพียงลำพัง และไม่อยากให้ใครมารบกวนเขาในเวลานี้
“ยังมีของอีกสิ่งเพคะ” ฟาเรทกล่าวก่อนจะมองพระพักตร์นิ่งสนิทที่อยู่ตรงหน้า
“องค์ราชินียังทรงมอบกระจกให้กับพระองค์เพคะ กระจกบานนี้พระองค์ทรงนำมาจากเผ่าเมื่อตอนที่พระองค์ทรงเข้าพิธีอภิเษกกับองค์ฟาโรห์เพคะ”
“กระจกหรือ? พระองค์จะทรงมอบมันให้ข้าทำไมกัน?”
“กระจกบานนี้เป็นกระจกที่พวกเราชาวเผ่าทะเลทรายให้ความเคารพมากนะเพคะ เคยมีตำนานเล่าว่า เมื่อนานมาแล้ว กระจกบานนี้เป็นทางผ่านของเหล่าเทพทั้งหลาย ใครก็ตามที่ได้ครอบครองจะได้รับการปกป้องจากทวยเทพ องค์ราชินีเคยได้รับการทำนายว่าพระโอรสของพระองค์จะได้อภิเษกกับหญิงสาวที่ต่างจากผู้อื่น หากแต่นางจะเป็นที่รักของทวยเทพ และจะทำให้อียิปต์รุ่งเรืองเพคะ”
ราเมสทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับกระจกบานนี้
“ตอนนี้กระจกนั่นอยู่ที่ใดกัน?”
“ยังอยู่ที่ห้ององค์ราชินีเพคะ หม่อมฉันไม่กล้าย้ายมันไปที่ใดเพราะกลัวว่าพวกนางข้าหลวง หรือพวกทหารที่มายกจะทำมันแตกเพคะ”
“อืม...ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ต้องย้ายไปที่ใดหรอก ข้าจะย้ายเข้าไปอยู่ที่ห้องของเสด็จพ่อวันนี้ เจ้าก็จัดการเรื่องกายโยกย้ายให้เรียบร้อยก็แล้วกัน”
เรื่องที่ฟาเรทกล่าวมาชายหนุ่มไม่เชื่อแม้แต่น้อย เขาเชื่อมั่นแต่เพียงว่าการกระทำทุกอย่างจะต้องใช้แรงกายและแรงใจต่างหากเล่าถึงจะประสพผลสำเร็จ ห้องของฟาโรห์และราชินี เป็นห้องติดกันที่อยู่ในส่วนลึกสุดของพระราชวังแห่งจักรวรรษอียิปต์ การที่กระจกอยู่ที่นั่นนับว่าปลอดภัยที่สุดแล้ว
“หม่อมฉันจะไปจัดการให้เรียบร้อยเพคะ”
ฟาเรท..ยอบกายอีกครั้งก่อนจะออกไปจากห้อง
สายลมแห่งความเศร้ากำลังพัดผ่านจักรวรรษอียิปต์ที่ยิ่งใหญ่ ขอทวยเทพจงปกปักรักษาจักรวรรษอียิปต์อันเป็นที่รักยิ่งของข้าด้วยเทอญ
--------------------------------------------------------------
ความคิดเห็น