ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Douluo Dalu]​ ข้าคือจ้าวแห่งมังกรยังไงล่ะ!!!

    ลำดับตอนที่ #6 : การตื่นขึ้นของสปิริต(ถังซาน)​

    • อัปเดตล่าสุด 5 ม.ค. 64


    หลังจากสิ้นสุดเหตุการการตามล่าของเหล่าสปิริตฮอล สองพ่อลูกตระกูลถังก็ออกเล่ล่อนไปทั้วแดนคอยหลบซ่อนจากสายตาของเหล่าสปิริตฮอลอยู่อย่างหลบๆซ่อนมาแรมปีจนกระทั่งหยุดปักหลักอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ห่างไกลจากผู้คน โดยอาศัยนามของช่างตีเหล็กอันดับหนึ่งของหมู่บ้านมาอำพลางตัวตนของตัวเอง

     

    หลังจากที่เจ้าตัวน้อยถังซานมีอายุได้ 3 ขวบแข็งแรงพอที่จะทำอะไรได้ด้วยตัวเอง ถังห่าวก็ได้สอนวิธีใช้ชีวิตและงานบ้านต่างๆนานาให้แก่ถังซานซึ่งน่าแปลกที่เด็กอายุเพียง 3 ปีนั้นเรียนรู้ได้รวดเร็วเป็นอย่างมากตัดกับอายุของเขาเป็นอย่างมาก

     

    นับวันอาการของถังเห่าก็ยิ่งแย่ลงเมื่อเห็นหน้าของถังห่าวยิ่งทำให้เขานึกถีงภรรยาของตนที่ยอมเสียสละชีวิตของตนเพื่อให้เขากับลูกหนีรอดมาได้พร้อมกับสบถด่าตัวเองเบาๆ

     

    “เพราะพวกมันพวกสปิริตฮอล…เป็นเพราะเราถ้าในวันนั้น….ถ้าหากข้าไม่ขอให้เสี่ยวหลงเข้ามายุ่งล่ะก็เจ้าก็คงไม่..….” ถังห่าวสบถด่ากับตัวเองเบาหยาดน้ำตาไหลออกมาก่อนจะถูกมือหนาๆของเขาปาดออกพลางหยิบขวดที่บรรจุของเหลวสีเหลืองเอาไว้เต็มขวดขึ้นมาดื่ม

     

    แต่ถีงแม้ว่าเสียงของประโยคนั้นจะเบาซักเท่าไหร่มันก็ไม่ใช้ปัญหาของถังซานเลยเนื่องมาจากทักษาและความรู้ที่ติดตัวเขามาตั้งแต่โลกก่อนจึงทำให้เขาได้ยินประโยคเหล่านี้อย่างชัดเจน

     

    “สปิริตฮอล…นั้นคงเป็นพวกที่ทำให้ท่านแม่ของข้าต้องตายสินะ…” ถังซานกำมือของตนแน่นแววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความแค้นขณะหนึ่งก่อนที่จะถูกแทนที่ด้วยแววตาสงสัยแทน

     

    “เสี่ยวหลง? ทำไมท่านพ่อถึงห้ามไม่ให้เขาเข้ามายุ่งกัน?” ถังซานกล่าวออกมาด้วยความสงสัยพลางนำมือของตนมากุมคาง

     

    “แล้วหากว่าท่านพ่อไม่ห้ามเขาล่ะก็ท่านแม่ก็คงรอดสินะ…แสดงว่าเขาจะต้องเป็นผู้ที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก…” ถังซานยิ่งสงสัยในตัวของบุคคลที่ชื่อเสี่ยวหลงขึ้นไปอีกแถมน้ำเสียงของบิดาตนที่ดูมีความเคารพต่อคนๆ(?)นี้เป็นอย่างมาก

     

    “ข้าอยากจะพบเขา…ไม่สิ! ข้าตัดสินใจแล้ว! ข้าต้องพบเขาให้ได้ไม่ว่ายังไงก็ตาม! ข้าต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อครอบครัวที่เหลืออยู่ของข้า!!” น้ำเสียงอันหนักแน่นถูกปล่อยออกมาจากร่างบุรุษตัวน้อยแห่งตระกูลถังแววตาที่แสดงถึงปณิธานอันแรงกล้า

     

    “เสี่ยวซานไปทำงานได้แล้ว!” เสียงตะโกนของถังห่าวดังออกมาจากห้องพักของเขาไล่ให้ถังซานไปทำงานของตนให้เรียบร้อยและถ้าสังเกตน้ำเสียงดีๆจะรู้ว่าเจ้าของน้ำเสียงนั้นกำลังเกิดอาการมึนเมาอยู่

     

    “ครับพ่อ!” ร่างของบุรุษผู้กลับชาติมาเกิดผู้นี้รีบวิ่งไปในห้องทำงานของตนทันทีที่ได้รับคำสั่งจากบิดาก่อนจะปรากฏเงาของเจ้าของเสียงข้างๆประตูห้องที่กำลังจ้องมองร่างเล็กๆที่กำลังทำงานอย่างขยันขันแข็ง

     

    “เจ้ายังไม่พร้อมที่จะรู้ถังซาน…..รวมถึงเรื่องของเสี่ยวหลงด้วย…” ก่อนที่ชายขี้เมาผู้นี้จะกลับไปนอนในห้องของตนต่อ

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

    ผ่านไป 3 ปี

     

    บัดนี้ถังซานมีอายุครบ 6 ปี พอดิบพอดีจึงได้รับคัดเลือกให้เข้าพิธีปลุกสปิริตพร้อมกับวัดพลังวิญญาณภายในตัวซึ่งพิธีกรรมในครั้งนี้จะต้องให้คนขอเงสปิริตฮอลมาทำพิธีให้และนับว่าเป็นโชคของถังซานที่ทางของสปิริตฮอลส่งคนระดับล่างๆมาแทนเพราะเห็นว่าหมู่บ้านแห่งนี้เป็นเพียงหมู่บ้านที่ห่างไกลจากความเจริญไม่มีทางที่จะมีบุคคลที่อยู่ในระดับสปิริตลอร์ดจะมาอยู่ในที่แห่งนี้แน่ตามที่พวกเขาได้รับรายงานมาในแต่ละปี

     

    พิธีปลุกสปิริตของเหล่าเด็กๆภายในหมู่บ้านได้ดำเนินมาถึงคนสุดท้ายแล้วซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากถังซานของเรานั้นเอง โดยที่เหล่าเด็กภายในหมู่บ้านส่วนใหญ่นั้นจะปลุกสปิริตของตนได้ในประเภทสปิริตทูลแต่หน้าเสียดายที่ระดับวิญญาณของพวกเขานั้นเท่ากับศูนย์จึงทำให้พวกเขาไม่สามารถฝึกสปิริตของตนได้

     

    และเมื่อถึงรอบที่ถังซานจะต้องไปปลุกสปิริต ถังซานก็ได้ทำตามทุกอย่างที่สปิริตแกรนมาสเตอร์ผู้นี้พูด ก่อนจะปรากฏสปิริตที่ทุกครต่างดูถูกว่าเป็น ‘สปิริตขยะ’ บนฝ่ามือของเขานั้นทำให้สปิริตมาสเตอร์ผู้นี้เศร้าเป็นอย่างมากก่อนที่จะเตรียมตัวกลับแล้วเรียบร้อยแต่ถังซานกลับทักขึ้นมาเสียก่อนอันเนื่องจากตนนั้นยังไม่ทันได้ทดสอบระดับพลังวิญญาณของตนเลย

     

    “นะ-นี่มัน! พลังวิญญาณเต็มขั้น! สปิริตที่เป็นดั่งขยะแต่กลับมีพลังวิญญาณเต็มขั้นงั้นเรอะ!!” 

     

    ท่ามกลางความตกใจของทุกคนถังซานกลับรู้สึกของพลังงานบางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นอยุ่บนฝ่ามือซ้ายของตนก่อนที่มันจะปรากฏค้อนรูปร่างแปลกประหลาดขึ้นบนฝ่ามือของตนและแทนที่ถังซานจะซักถามสปิริตมาสเตอร์ผู้นั้นกลับตัดสินใจปกปิดมันเอาไว้เพราะรางสังหรของตนนั้นบอกกับตนว่าอย่างได้เปิดเผยสิ่งนี้ให้ผู้ใดเห็นนอกจากคนที่เจ้าไว้ใจที่สุด

     

    สปิริตมาสเตอร์ผู้นี้กล่าวชมเชยถังซานเล็กน้อยแต่ก็ออกอาการเศร้าใจเมื่อพูดถึงสปิริตของถังซาน แต่ก็กลับมาร่าเริงเช่นเดิมอย่างรวดเร็ว

     

    เมื่อปู่ที่เป็นคนรู้จักของถังห่าวรู้เข้าก็รีบพาถังซานไปอวดถังห่าวทันทีแต่ก็ได้รับการตอบรับที่ไม่ดีเท่าใดนักและก่อนที่จะเกิดการตบตีกันขึ้นถังซานก็ได้ขอให้ปู่ของเขากลับไปก่อนเดี๋ยวเรื่องนี้ตนจะจัดการเอง 

     

    เมื่อได้ยินเช่นนั้นมีหรือที่เขาจะอยู่แต่ก่อนจะกลับไปก็มิวายกว่ากลับถังซานอีกว่า ‘ถ้าเจ้าถังห่าวมันสั่งเจ้าทำงานอีกแล้วล่ะก็ให้มาข้าได้เลย ข้าจะได้เอาไม้เท้าของข้าเคาะหัวมันซักทีสองที’

     

    ถังซานหัวเราะแห้งพลางโบกมือลาผู้เฒ่าประจำหมู่บ้านก่อนจะค่อยๆปิดประตูบ้างลง

     

    “สปิริตที่เจ้าปลุกได้คืออะไร?” จู่ๆถังห่าวก็กล่าวขึ้นมากระทันหัน

     

    “สปิริตของข้าคือสปิริตขยะ ‘’หญ้าสีฟ้า ” ถังซานกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าหมองพลางเรียกใช้สปิริตของตน

     

     และเมื่อถังห่าวเห็นหญ้าสีฟ้าของถังซานก็รู้สึกโหยหาพลางนึกถึงใบหน้าของผู้เป็นที่รัก

     

    “ท่านเคยบอกข้าว่าพวกเรานั้นสามารถมีสปิริตได้เพียงหนึ่งเท่านั้นใล้หรือไม่? ”​ ถังซานกล่าวถาม

     

    “ใช่... พวกเรานั้นสามารถมีสปิริตได้เพียงหนึ่งเท่านั้นเจ้าก็รู้...... ”​ ถังห่าวมีสีหน้าฉงนใจทันที่ถังซานถามคำถามนี้กับตน

     

    “แต่ทำไมข้ากลับมีสปิริตถึงสองชิ้นกันล่ะ? ” ถังซานถามผู้เป็นพ่อด้วยความสงสัย​ก่อนที่บนฝ่ามืออีกข้างของถังซานจะเรืองแสงพร้อมกับปรากฏค้อนรูปทรงแปลกประหลาดแต่กลับดูน่าหลงใหลอย่างน่าประหลาด

     

    “จะ-เจ้า! เสี่ยวซานเจ้าทีสปิริตคู่!! โอ้! สวรรค์ยังไม่ทอดทิ้งพวกเรายังไม่ทิ้งตระกูลข้า!! ”​ ถังห่าวพุ่งเข้าโผกอดถังซานโดนทันทีหยาดน้ำตาที่เคยเหือดแห้งกลับมาไหลอีกครั้ง

     

    หลังจากนั้นถังห่าวก็ได้อธิบายเกี่ยวกับสปิริตทั้งสองชิ้นของถังซานจนได้รู้ว่าสปิริตทั้งสองนั้นได้สืบทอดมาจากผู้เป็นมารดาและบิดาของตน

     

    โดยที่สปิริตหญ้าสีฟ้านั้นเป็นของฝังมารดา ส่วนเจ้าค้อนรูปร่างประหลาดนั้นมากจากผู้เป็นพ่อหรือถังห่าวนั้นเอง

     

    และเมื่อพูดคุยทำความเข้าใจเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้นถังซานที่ยังคงติดใจอยู่เรื่องหนึ่งจึงถามขึ้น

     

    “ท่านพ่อ... ถึงแม้ว่าสิ่งที่ข้าพูดต่อไปนี้จะไม่ดีนักแต่.... ”​ ถังซานกลืนน้ำลายของตนลงก่อนจะกล่าวประโยคสุดท้าย

     

    “ข้าขอถามท่านได้รึไม่ว่า ‹เสี่ยวหลง› ที่ท่านเคยกล่าวถึงคำผู้ใดกันแล้วมีส่วนเกี่ยวข้องยังไงกับพวกท่าน”​ ถังซานกล่าวประโยคสุดท้ายที่ตนคิดออกมาแล้วก่อนจะจ้องมองกริยาของผู้เป็นพ่อทันที

     

    แต่กลับผิดคาดคราแรกเขาคิดว่าผู้เป็นพ่อจะตะโกนด่าทอเขาที่ยุ่งไม่เข้าเรื่องดั่งที่ผ่านๆมา แต่นี่กลับได้รับสายตาที่อ่อนโยนและอบอุ่นกลับมาแทน

     

    “อ่า... เสี่ยวหลงงั้นหรอ....”​ ถังห่าวกล่างขึ้นพลางมองไปยังนอกหน้าต่าง

     

    “เจ้ายังจำตำนานของ «เทพมังกรอมตะ» ที่ข้าเคยเล่าให้เจ้าฟังรึไม่?”​ ถังห่าวหันกลับมาถามถังซาน

     

    เนื่องจากถังซานนั้นเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมเขาสามารถเข้าใจสิ่งที่พ่อของตนสื่อได้ในทันที

     

    “อ่าบอกนะว่าเสี่ยวหลงที่ท่านกล่าวถึงคือ!”​ ถังซานถึงกับตาโตเมื่อนึกถึงสิ่งที่พ่อของตนพูดขึ้นมา

     

    “ใช่แล้วล่ะเสี่ยวซาน.... ตัวตนของเสี่ยวหลงนั้นก็คือ.......”​ ถังห่าวเว้นประโยคไปซักพักจนทำให้ถังซานถึงกับกลั้นลมหายใจ

     

    นางคือ เทพมังกรอมตะ เนอร์กิกันเต้ ยังไงล่ะ”​

     

     

    คันจังเลยน๊า~ งับๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×