ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    M!STAKE!!★ซวยฉิบหาย ผมชอบผู้ชายเข้าแล้ว!![Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #3 : Mistake#3

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.พ. 56




    Mistake!! # 3 : rewrite

     

     

     

     

     

     

     

                ผมทิ้งกายนอนมองท้องฟ้าสีครามทอดยาวสุดลูกหูลูกตาผ่านแว่นกันแดดกุชชี่สีชาของตน สายลมเย็นๆพัดแผ่วเข้าปะทะใบหน้าเรียกความสดชื่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ อากาศยามบ่ายของวันที่ครึ้มฟ้าครึ้มฝนแบบนี้ดูจะร้อนน้อยกว่าที่คิด หากแต่เสื้อแขนยาวปิดตั้งแต่คอจนถึงข้อมือของผมกลับดูเป็นอะไรที่ขัดกันยิ่งนัก

     

                ผมทอดกายนิ่งอยู่บนเบาะรถ Alpha Romeo 8Cคันโปรด ที่สั่งซื้อตอนไปเดินแบบงานมอเตอร์โชว์ที่เจนีวาเมื่อปีก่อน ในสมองเต็มไปด้วยเรื่องราวเมื่อคืนตั้งแต่ต้นจนจบหลายต่อหลายรอบทั้งที่ไม่อยากนึกถึงแต่ให้ตายเถอะ สมองมนุษย์เรา มันเต็มไปด้วยกลไกที่ซับซ้อนเหมือนที่เค้าว่าจริงๆ และนั่นทำให้ผมลืมสัมผัสเมื่อคืนไม่ลงแม้แต่วินาทีเดียว!

     

    “ คิดถึงจังค่ะพี่ไนท์

     

                เสียงหวานแผ่วๆจากริมฝีปากบางเปื้อนยิ้มโน้มลงมากระซิบข้างใบหู กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆแสนคุ้นชินลอยเข้าปะทะจมูก ก่อนจะตามมาด้วยริมฝีปากนุ่มนิ่มที่กดจูบลงมาบนริมฝีปากผมแผ่วหวานผมคงคิดถึงแต่เรื่องของตัวเองมากไปจนไม่ทันเห็นการมาของใครอีกคนมือบางเรียวขาวของผู้มาใหม่ค่อยๆบรรจงถอดแว่นตาที่ผมใส่เพื่อพรางตัวนั่นออกช้าๆพร้อมกับที่ผมลืมตาขึ้นมอง

     

     ใบหน้าสวยรับกับริมฝีปากบางที่ยกยิ้มอยู่น้อยๆดูน่ารัก นัยน์ตาสีเข้มดูลึกลับ ผมยาวดัดเป็นลอนดูเหมาะกับบุคลิกผู้หญิงมั่นของเจ้าตัว นั่นทำให้ผมนึกถึงใครอีกคนขึ้นมาเสียเฉยๆใครอีกคนที่พึ่งเข้ามา และออกจากชีวิตไปในเวลาชั่วข้ามคืน  

     

    “ พี่ก็คิดถึงยูเหมือนกัน

     

                ผมตอบรับพร้อมรอยยิ้มให้กับเจ้าของใบหน้าสวยตรงหน้า ยูนิยิ้มรับอายๆก่อนจะเดิมมาขึ้นรถเหมือนทุกครั้งที่เคยเป็น ผมเหล่มองคนข้างกายก่อนจะอดรู้สึกจุกขึ้นมาในอกเสียเฉยๆ คงจะเป็นเพราะเมื่อคืนผมพึ่งนอกใจเธอแถมคนที่นอนด้วยกลับเป็นผู้ชายอีกต่างหาก ทั้งๆที่เธอเองก็ไว้ใจผมและผมเองก็รักเธอแต่เรื่องเมื่อคืนทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากความลับงี่เง่านั่นมันรั่วไหลออกไปถึงตอนนั้น ผมยังจะมีเธอข้างกายอีกไหม?

     

                เมื่อคิดได้ดังนั้นผมกลับรับรู้ถึงร่างกายของตัวเองที่ชาวาบตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความรู้สึกกลัวที่แล่นไปทั่วกาย แค่คิดว่าคนที่ผมรักที่สุดจะต้องมารับรู้เรื่องราวบัดซบนั่น ผมก็แทบอยากจะหายไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่าทีจะต้องมาทนรับรู้ความอัปยศเหล่านั้น

     

    “ พี่ไนท์คะ เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมดูใจลอยๆ? ”

     

                ผมจำได้ว่าตัวเองสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงหวานนั่นถามขึ้นพร้อมสีหน้ากังวลเมื่อเห็นผมนิ่งไปครู่ใหญ่ ผมส่ายหน้าแทนคำตอบช้าๆพร้อมกับฝืนยิ้มไปให้ ใบหน้าสวยนั่นขมวดคิ้วนิดหนึ่งเชิงไม่เชื่อเท่าใดนัก หากแต่ก็ไม่มีคำถามซักไซ้เอาคำตอบอื่นใดที่หลุดออกมาจากริมฝีปากบางนั่นเฉกเช่นทุกที

     

    “ เราไปทานข้าวกันเถอะ

     

                ผมรีบตัดบทจากการสนทนาที่ดูไม่ค่อยจะเป็นปรกตินั่น ก่อนจะเหยียบคันเร่งสุดฝ่าเท้า  Alpha Romeo C8 ของผมกระชากตัวทะยานไปตามถนนด้วยความเร็วพร้อมกับสายลมที่สาดเข้าปะทะใบหน้า

     

                    ผมและยูนิออกมาจากคอนโดของเธอในเวลาเกือบบ่ายโมง อากาศร้อนอบอ้าวกับแสงแดดที่ร้อนผ่าวทำให้ผมต้องกางหลังคารถอย่างช่วยไม่ได้ พอขับรถตามทางที่ยูนิบอก ก็มาถึงร้านแมค โดนัลด์แถวชานเมืองซึ่งก็ไม่ห่างจากตัวเมืองออกมามากเท่าใดนัก ผมถามย้ำเธออยู่หลายครั้งเหมือนกันว่าบอกทางถูกหรือไม่ แล้วแน่ใจหรือที่จะกินร้านฟาสท์ฟูดที่มีคนเยอะแบบนี้ คงจะไม่ดีเท่าไหร่แน่ถ้าผมกับเธอซึ่งเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปโผล่เข้าไปทานที่นั่น แต่เธอก็ยืนยันว่าถูกต้องแล้ว ผมเลยต้องเลี้ยวเข้าไปอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง

     

                    ผมจอดรถไว้หน้าร้านก่อนจะลงไปเปิดประตูให้คนข้างๆ เราเดินเข้ามาในร้านที่ในเวลานี้มีคนไม่มากนัก มีเพียงแค่สองสามโต๊ะเท่านั้นที่นั่งทานอยู่และพร้อมใจกันมองทันทีที่ผมกับยูนิที่สวมแว่นดำที่ใช้ปิดบังหน้าตาเดินเข้ามาในร้าน แต่ยูนิดูจะไม่ค่อยสนใจคนเหล่านั้นมากเท่าใดนัก ตากลมโตภายใต้แว่นตากุชชี่สีชาที่ซื้อคู่กันกำลังกวาดมองไปทั่วร้านราวกับกำลังหาใครหรืออะไรสักอย่าง


    หาอะไรอยู่ครับ หืม? ”

     

                    ผมเชยคางอีกฝ่ายให้กลับมามองหน้าผมก่อนจะกระซิบถาม หญิงสาวตรงหน้านิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มหวานซึ่งเคลือบแววเจ้าเล่ห์ไว้ที่มุมปากก่อนจะแสร้งทำเป็นคุ่นคิดนิดหนึ่งก่อนจะเฉลยในที่สุด

     

    พี่ไนท์จำพี่เฮกซะ พี่ชายของยูที่เคยเล่าให้ฟังได้มั้ยคะ วันนี้ยูตามตัวมาเจอพี่ไนท์ได้แล้วนะคะ

                    ริมฝีปากบางเอ่ยเอื้อนพร้อมรอยยิ้มสดใสที่บ่งบอกถึงความดีใจ ผิดกลับผม ผมหยุดฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินลงในทันที ไม่คิดว่าที่อีกฝ่ายลงทุนให้ขับรถออกมานอกเมืองขนาดนี้เพราะต้องการจะเซอร์ไพรส์ให้ผมได้เจอกับพี่ชายของเธอ ยูนิชะงักฝีเท้าลงพร้อมผมในทันทีพร้อมกับหัวคิ้วที่ขมวดมุ่นแสดงความสงสัย


    เป็นอะไรหรือเปล่าคะ หรือไม่อยากเจอครอบครัวของยู? ”

     

                    แล้วน้ำเสียงตัดพ้อก็ตามมาแทบจะติดๆ ผมรีบส่ายศีรษะปฏิเสธก่อนที่อีกคนจะน้อยใจไปมากกว่านี้ ผมเองก็ต้องยอมรับว่ามีส่วนผิดเหมือนกันที่ผลัดนัดทานข้าวกับครอบครัวของอีกฝ่ายไปหลายครั้ง โดยการอ้างนู่นนี่นั่น ติดงานบ้างหล่ะ ถ่ายแบบอยู่ต่างจังหวัดบ้างหล่ะ เมาบ้างหล่ะ ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นเหตุผลให้เธอน้อยใจแล้ววางแผนแบบนี้ขึ้น


    เปล่านะครับ แล้วไหนหล่ะครับพี่ชายของยู? ” 

     

                    ผมส่ายศีรษะปฏิเสธก่อนจะรีบเปลี่ยนประเด็นให้เร็วที่สุดก่อนที่คนตรงหน้าจะโกรธขึ้นมาจริงๆ ซึ่งนั่นก็เหมือนกับการฆ่าตัวตายดีๆนี่เอง ใบหน้าหวานที่ตอนนี้งอง้ำเพราะความงอนเริ่มคลี่ยิ้มนิดๆ ก่อนจะกอดเข้าที่แขนผมแล้วลากให้เดินตามไปทันที

     

                    ผมก้าวขาตามการลากของอีกคนมาจนถึงโต๊ะที่อยู่ในสุดของร้านซึ่งเห็นศีรษะบางส่วนของคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วสูงเลยออกมาจากเก้าอี้แบบเบาะพิง ผมเห็นเพียงชายเสื้อกล้ามสีดำกับท่อนแขนขาวๆที่เลยออกมาจากการบดบังของพนักพิงออกมานิดหน่อยหากแต่กลับรู้สึกคุ้นเคยกับแผ่นหลังที่เห็นเพียงน้อยนิดนั่นอย่างน่าประหลาด            


    พี่เฮกซ์คะ รอนานมั้ย? ”

     

                    เสียงหวานใสของคนข้างกายผมเอ่ยทักขึ้นขณะที่เรากำลังเดินเข้ามาเกือบจะถึงโต๊ะ คนมาถึงก่อนมีเพียงเสียงหัวเราะเย็นๆแผ่วเบาตอบกลับซึ่งนั่นทำให้ผมยิ่งรู้สึกคุ้นเคยเข้าไปใหญ่ ‘ ใคร? ’

                    ผมเดินมาถึงโต๊ะเป้าหมายในที่สุดพร้อมกับถูกร่างบางๆข้างกายดึงให้นั่งลงตรงเก้าอี้ยาวตัวตรงกันข้ามกับผู้มาก่อน ทันทีที่พบสบตา ผมก็ต้องเบิกตาโพลงอย่างตกใจ ราวกับโลกทั้งใบเริ่มหมุนช้าลงจนหยุดในที่สุด ทุกสรรพเสียงรอบกายราวกับหยุดนิ่งไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว

     

                    ดวงตาดุดันขวางโลกคู่นั้นจับจ้องมาที่ผมพร้อมกับแววตกใจที่ฉายอยู่บนใบหน้าเช่นกัน หากแต่มันก็อยู่ได้ไม่นานนัก ใบหน้าหล่อเหลาสะดุดตานั่นค่อยๆคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์เรียวร้ายที่มุมปากบางได้รูป ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นจับจ้องราวกับผมกลายเป็นลูกไก่ในกำมืออีกครั้ง ผมรู้สึกได้ทันทีว่าหน้าของตัวเองซีดสนิทไร้สีเลือดเพราะความชาที่เล่นไปทั่วใบหน้าราวกับถูกตบฉาด

     

    …Damn!!!!  โลกมันช่างกลมกลมเสียจนรู้สึกน่าสมเพช!!! 

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×