ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰

    ลำดับตอนที่ #21 : กุ๊งกุ๊งที่ 19 : ความพี่น้อง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 28.2K
      2.71K
      10 มี.ค. 63

    สามหกสิบแปด 19

    ความพี่น้อง

     

     

    Naynay

     

     

    หากคนเรามีความกล้าในชีวิตจำนวนร้อยหน่วย

    ผมก็คงได้ใช่ความกล้าทั้งหมดนั้นไปแล้วในวันนี้

     


    ผมได้แต่กอดผ้าห่มซุกหน้าร้องไห้แบบไม่มีเสียง มันแทบไม่มีเสียงให้ออกมาแล้ว จมูกก็ตันจนหายใจไม่ออก ทรมานจนอยากจะหยุดหายใจ ผมถูกยึดโทรศัพท์ ถูกขังไว้ในห้องนอนเหมือนนักโทษ ถึงจะโดนบ่อยมาตั้งแต่เด็กเวลาทำผิดแล้วถูกขังให้ใช้เวลาทบทวนความผิดตัวเองหรือขังทำโทษเวลาโดนจับได้ว่าโดดเรียน แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกเสียใจ

     

    ผมเสียใจ...

    เสียใจที่สุด ที่สุดแทบจะที่สุดในชีวิตที่เคยรู้สึกเสียใจมา

    ผมพูดไปหมดทุกอย่างที่รู้สึกแล้ว ผมคิดว่าทุกอย่างคงจะดีขึ้น แต่ไม่เลย ทุกอย่างไม่ดีขึ้นแถมยัง แย่ลงเพราะลุงเลือกจะเดินออกไปตามคำสั่งพ่อผม ทั้งๆ ที่ผมสู้ที่สุดแล้วแท้ๆ ไม่เข้าใจอะไรเลย ผมพูดทุกอย่างไปมันดีหรอ หรือเพราะอะไร แล้วมันจะเกิดอะไรต่อ

     


    แค่รู้ว่าลุงไม่ได้อยู่ข้างๆ ก็รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหายไปแล้ว 

    เจ็บหัวใจจัง...

    รู้สึกเหมือนโลกถล่มเลย กลัว กลัวทุกอย่างเลย

     


    ก๊อกๆ 


     

    “เน... พี่เอง” ผมสะอื้นแต่ไม่ได้ตอบอะไรไปอยู่ดี สักพักก็มีเสียงแก็กปลดล็อคตามด้วยเสียงเปิดประตู เสียงเท้าย่ำค่อยๆ ขยับมาใกล้เตียงพร้อมกับแรงยุบเบาๆ บ่งบอกว่าพี่แนนนั่งลงข้างผม

    “ฮึก...”

    “หยุดร้องไห้ได้แล้ว ตาบวมหมดแล้ว”

    “...”

    “ไม่อยากคุยกับพี่แล้วใช่ไหม แต่พี่อยากคุยนะ คุยกันหน่อยได้ไหม” 

    “พี่แนนไม่ต้องยุ่ง”

    “เจ็บมือไหม พี่ทำแผลให้ไหม”

    “ฮึก...” 

    “ขอโทษนะเน”

    “...”

    “พี่เป็นพี่สาวที่ไม่ดีเลยใช่ไหม พี่ไม่เคยรู้เลยว่าพี่ทำให้เนเสียใจขนาดนั้น ขอโทษนะ” มือพี่แนนลูบเบาๆ บนหัวผมนั่นทำให้ผมร้องไห้ออกมาหนักขึ้น 

    “เน... เนก็เกลียดตัวเองที่เกลียดพี่แนน เนรักพี่แนนนะ แต่เนแค่... เนแค่...” 

    “พี่ผิดเอง”

    “...”

    “ก็จริงอย่างที่เนพูด พี่ไม่เคยสนใจเลยว่าเนไหวไหม ไม่เคยเป็นที่ปรึกษาเวลาเนเครียดหรือเสียใจเลย พี่คิดแค่ว่าเนยังเด็กก็แค่เรียกร้องความสนใจไปตามวัย พี่... ไม่เคยทำหน้าที่พี่สาวที่ดีให้เนเลย” เสียงพี่แนนสั่นระริกนั่นยิ่งทำให้ผมร้องไห้หนักขึ้น 


     

    ผมไม่ชอบเวลาพี่แนนร้องไห้ ตั้งแต่เด็กแล้ว

    ถ้าพี่แนนร้องไห้ผมก็จะร้องไปด้วย

     

     

     

    “ฮึก ไม่จริง พี่แนนมารับมาส่งเนไปเรียน พี่แนนเป็นพี่ที่ดี เนผิดเอง ฮึก เนเป็นเด็กไม่ดี เนแค่อิจฉาพี่แนนที่ได้ดีตลอด เนแค่อยากเป็นแบบพี่แนนแต่เนทำไม่ได้ เนขอโทษ”

    “อย่าขอโทษ เนไม่ผิด เนไม่จำเป็นต้องเป็นแบบพี่”

    “แต่เนรู้สึกว่าตัวเองผิด เนเป็นน้องที่ไม่ดี เนเป็นขี้อิจฉา เนอ่ะ ฮึก เน...”

    “ถ้างั้นเราก็เป็นพี่น้องที่ไม่ดีทั้งคู่”

    “ฮึก...” 

    “เน ที่บอกว่าไม่น่าเกิดมาน่ะ”

    “...”

    “รู้เปล่า พี่ดีใจมากนะตอนที่แม่รู้ว่าท้องเน” 

    “...”

    “อย่าคิดแบบนั้นอีกนะ”

    “ฮึก พี่แนน” 

    “พี่เป็นพี่ที่ไม่ดี แต่พี่ไม่เคยเกลียดเนเลยนะ มันอาจจะสายไปที่จะพูด เนอาจจะไม่อยากมีพี่เป็นพี่สาวแล้ว แต่ถ้าวันหนึ่งเนไม่เหลือใคร เนยังมีพี่อยู่เสมอนะ จริงๆ ก็มีตั้งแต่วันแรกที่หายใจแล้วแต่แค่พี่ไม่ได้พูดออกไปเฉยๆ” เสียงพี่แนนเงียบไปก่อนจะเอ่ยต่อ “เพราะงั้น...”

    “...”

    “อย่าพูดว่าอยากตายอีกเลยนะ” 


    ผมสะอื้นจนเจ็บน่าอก พี่แนนไม่ได้ทำอะไรนอกจากก้มตัวลงกอดผมไว้แน่นผ่านผ้าห่ม 

     


    ผมเคยไม่อยากมีพี่สาว

    ไม่สิ ผมเคยไม่อยากมีพี่สาว... เป็นพี่แนน 

    แต่ทุกครั้งหลังจากนั้นผมก็นึกภาพตัวเองไม่มีพี่แนนในชีวิตไม่ออก

     


    กับพี่แนน


    ผมรักพี่แนนมาก โตมาก็มีแต่พี่แนนที่คอยเล่นด้วย เป็นเพื่อนคนแรกในชีวิต นอนเตียงเดียวกัน กินข้าวด้วยกัน ไปโรงเรียนพร้อมกัน ถึงจะทะเลาะกันกี่ครั้งก็คืนดีกันทุกครั้ง ผมมักจะคอยเป็นตุ๊กตาให้พี่แนนแต่งตัวตั้งแต่เด็กแต่พอโตขึ้นสักพักพ่อถึงห้ามพี่แนนแต่งหน้าแต่งตัวผมอีกเพราะกลัวผมจะเบี่ยงเบนทางเพศ นั่นน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ผมกับพี่แนนเริ่มห่างกัน เราต้องแยกกันดูการ์ตูนเมื่อบาร์บี้กับดิจิม่อนมันเข้ากันไม่ได้ แยกกันเล่น แยกห้องกันนอน เวลาเรียนที่ไม่ตรงกันทำให้เราไม่ได้นั่งกินข้าวด้วยกันเหมือนตอนเด็กๆ  

     

    เรามาเริ่มห่างกันจริงๆ ก็เมื่อต่างคนต่างโต ต่างก็ต้องการพื้นที่เป็นของตัวเอง 

    ... โดยไม่รู้ตัว

     

    ระยะห่างของผมกับพี่แนนก็เพิ่มขึ้น

    ผมเริ่มวิ่งไล่ตามแต่ก็ไม่ทัน พี่แนนเองก็ไปไกลขึ้นเรื่อยๆ จนผมหมดแรงจะวิ่งตาม 

     

    ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ความสัมพันของผมกับพี่แนนมันออกมาเป็นแบบนี้

    ทั้งอิจฉา ทั้งเข้าใจ ทั้งเกลียด ทั้งรัก

     



    “เรื่องลุงน่ะ ตอนแรกพี่ไม่โอเคจริงๆ พี่ไม้อายุมากเกินไปสำหรับเน แล้ว... แล้ว... พี่ตกใจ ตกใจมาก พี่ไม่ได้ตั้งใจจะด่าขนาดนั้น แต่พี่อยากให้เนเข้าใจพี่ น้องชายตัวเองอยู่ในท่าแบบนั้นกับผู้ชายที่ ที่... อายุก็เยอะแล้ว พี่ตกใจมากๆ พี่ขอโทษ”

    “เน...”

    “เนไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยระบายอะไรกับพี่ พี่..​พี่รู้สึกว่าเนยังเป็นเด็กอยู่เสมอ หลายครั้งที่พี่มองข้ามความรู้สึกเน พี่ไม่รู้ว่าพี่เคยพูดอะไรทำร้ายจิตใจเนไปบ้างแต่พี่ไม่อยากให้เนคิดว่าพี่เกลียดเนหรือพี่อยากให้เนรู้สึกแย่ถึงขนาดนั้น หลายๆ เรื่องที่เนพูดมา พี่ไม่รู้จริงๆ ว่ามันทำร้ายจิตใจเนขนาดนั้น ถ้าเราได้คุยกันบ่อยกว่านี้ ถ้าเราไม่พูดกันมากกว่านี้ ถ้าพี่ได้ฟังเนมากกว่านี้มันคงไม่มาถึงจุดนี้ ฮึก พี่ขอโทษ”

    “พี่แนน อย่าร้อง”

    “วันนี้ทำให้พี่รู้ว่าเนโตขึ้นแล้วมากๆ เลย ไม่ใช่เด็กเล็กๆ ที่ทำอะไรด้วยตัวเองไม่ได้ โตจนตัดสินใจได้ด้วยตัวเองแล้ว เป็นพี่น้องกันแท้ๆ แต่กลับไม่รู้ตัวเลยว่าเนโตขนาดนี้ตอนไหน สำหรับพี่เนยังดูเหมือนเป็นไอ้เด็กดื้อที่พี่ต้องคอยดูแลอยู่ตลอดเพราะกลัวจะเสียคน”

    “...”

    “จนบางทีมันอาจจะมากเกินไป จนบางครั้งมันอาจจะผิดวิธี มัวแต่กลัวเนจะออกนอกลู่นอกทางจนไม่ได้สนใจความรู้สึกเราเท่าที่ควร ถ้าคะแนนพี่สาวเต็มสิบพี่คงสอบตก เป็นครั้งแรกเลยที่พี่สอบตก แย่จังน้า” พี่แนนหัวเราะเบาๆ พร้อมกับยกมือขึ้นลูบหัวผม 

    “พี่แนน ฮึก”

    “ถ้าพี่ไม้ดูแลเนดี แล้วเนเป็นคนตัดสินใจเอง พี่อาจจะไม่ได้สนับสนุนร้อยเปอร์เซ็นเพราะมันกะทันหันเกินไป แต่... ถ้าพี่ไม้ทำให้เนยิ้ม ทำให้เนสบายใจ ทำให้ไม่คิดทำร้ายตัวเอง”

    “...”

    “พี่ก็ไม่ขัดอะไร”

    “พี่แนน” 

    “ไม่ดราม่าแล้ว พอๆ ฮึบ...” พี่แนนปาดน้ำตาตัวเองพร้อมกับส่งเสียงฮึบเหมือนกลืนน้ำตาลงคอ “ได้ข่าวว่าเรียนดีขึ้นนี่ วันที่พี่ไปรับเราคุณครูก็ชมมาว่าเหมือนเนผีเข้า ตั้งใจเรียนมากขึ้นเยอะจนผิดปกติ”

    “อะไรกัน เนตั้งใจเรียนไม่ดีหรอ งั้นเนจะกลับไปโดดเรียนเหมือนเดิมก็ได้นะ” 

    “ไม่ได้บอกว่าไม่ดี แค่มันผิดปกติเฉยๆ เอ๊ะ อย่าหาเรื่องทะเลาะได้มะ ได้เด็กคนนี้นี่มันจริงๆ เลยนะ” พี่แนนตีป้าปเข้าให้ที่เหม่งผม 

    “พี่แนน ลุงคอยช่วยสอนการบ้านเน ก็ไม่ได้ครบทุกวิชาหรอกนะ บางวิชาเนก็ต้องถามเพื่อน”

    “พี่ไม้จบมัธยมมากี่ปีแล้ว ไม่แปลกหรอกที่จะลืม” 

    “ลุงเก่งอังกฤษนะ สอนเข้าใจด้วย บางทีก็สไกป์กับเพื่อนฝรั่งให้เนคุยเล่น ตอนแรกล่กมากเลยฟังไม่รู้เรื่องแต่ตอนนี้... ก็ล่กเหมือนเดิมแต่ก็พอจะเข้าใจนิดๆ”

    “...”

    “เนเลยอยากเข้าคณะมนุษย์อิ้ง” พอผมพูดจบพี่แนนก็นิ่งไปสักพัก

    “ปกติเกลียดอังกฤษจะตายนี่”

    “อื้อ เกลียดมากกกก เทนท์อะไรเยอะแยะ” 

    “อ้าว”

    “แต่ตอนนี้รู้สึกสนุกแล้ว อยากพูดได้คล่องๆ ”

    “...”

    “พี่แนนอย่าไม่ชอบลุงเลยนะ”

    “...”

    “เนตอนนี้ ไม่มีลุงไม่ได้จริงๆ นะ” 

     


    [... แล้วตอนอื่นไม่มีได้หรอ]

     


    เห้ย!!!

     


    ผีลุง!!!

     


     ผมสะดุ้งเฮือกกับเสียงลุง ถุงกับต้องลุกขึ้นมามองซ้ายมองขวาว่าลุงโผล่มาหรอ 

    แต่ก็ไม่ มีเพียงผมกับพี่แนนในห้อง อะไรฟะ คิดถึงจนหูหลอนไปเองแล้วหรอ ฮือออออ



    “ฮืออออออออ ผีลุงงงง”

    [ผีอะไร ห่างกันนิดเดียว แช่งกันแล้วหรอ] คราวนี้ผมมั่นใจแล้วว่าลุงต้องอยู่ในห้องแน่ๆ ผมรีบตบผ้าห่มป้าปๆ หาที่มาของเสียง ซึ่งก็ไม่มี 

    “คิกๆ “

    “พี่แนนขำอะไรอ่ะ”

    “อ่ะ ให้ยืมคืนหนึ่ง ก็บอกแล้วว่าไม่ขัด แต่ไม่ได้เห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็น ไว้พี่ไม้พิสูจน์ตัวเองกับพี่ก่อนถึงจะเต็ม” พี่แนนยื่นมือถือตัวเองส่งมาให้ผม พอรับมาก็เห็นว่าเป็นคอลวิดีโอที่มาหน้าลุงอยู่เต็มจอ อยากจะขำที่สอนเท่าไหร่ก็ไม่เคยจำว่าเวลาวิดีโอคอลอย่าเอามาใกล้หน้า แต่ตอนนี้น้ำตามันเอ่อเต็มตาไปหมดจนขำไม่ออก 



    แหมะ...

    เนี่ย อุตส่าห์จะหยุดร้องก็ร้องต่ออีกแล้ว


    [หยุดร้องได้แล้ว]

    “งั้นพี่กลับห้องแล้ว อย่าลืมทายาที่มือด้วยนะเน ถ้าเจ็บเกินไปก็เรียกได้ พี่พาไปโรงพยาบาล แล้วก็แม่ทำข้าวต้มไว้ให้แต่แช่ไว้ในตู้เย็น ถ้าหิวก็ลงไปอุ่นกินนะ” พี่แนนลูบหัวผมก่อนจะลุกขึ้นเตรียมเดินออกจากห้อง

    “พี่แนน” 

    “หืม? “

    “เนรักพี่แนนนะ”

    “อารมณ์ไหนมาบอกรัก”

    “เนขอโทษที่พูดไม่ดีใส่นะครับ”

    “พี่ก็ขอโทษนะ”

    “...”

    “หายกันนะ” พี่แนนยกนิ้วก้อยขึ้นมาชูเหมือนเวลาที่เราชอบใช้หลังจากทะเลาะกันเสร็จ ผมยิ้มก่อนจะยกนิ้วก้อยตัวเองขึ้นเกี่ยว

    “อื้อ”

    “จากนี้ก็ค่อยๆ ปรับไปนะ ส่วนพ่อ...” พอพูดถึงพ่อผมรู้สึกแย่ขึ้นมาทันที กับพี่แนนเรายังคุยกันเหมือนเพื่อนได้ง่าย

     


    แต่พ่อ... 

     


    “เน...”

    “อย่าเพิ่งไปคิดมากเลย พ่อเขาหัวโบราณรับเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยได้หรอก มันต้องใช้เวลา ไว้พี่จะช่วยพูดให้อีกแรง วันนี้พักก่อนเถอะ พี่ไม้ก็อย่าชวนเนคุยจนดึกนะคะ” แล้วพี่แนนก็ขยี้หัวผมอีกรอบก่อนจะยิ้มบางแล้วหันตัวเดินออกจากห้องไป พอเสียงประตูปิดผมก็หันกลับมามองมือถือในมือ หน้าลุงยังคงอยู่ใกล้จอเหมือนเดิม 



    “ลุง”

    [หืม]

    “ใจร้าย” 

    [นั่นสินะ] ใบหน้าที่ผมคิดถึงนั่นยิ้มเบาๆ แต่ตีนกาก็ขึ้นมาหลายรอย ผมทิ้งตัวนอนพร้อมกับจ้องลุงผ่านจอมือถือ 

    “... เนคิดถึงลุง เนอยู่ไม่ได้” 

    [เราน่ะอยู่ได้อยู่แล้ว]

    “ลุง”

    [... แต่อยู่ด้วยกันมันดีกว่า พี่ก็คิดถึงเรา] พอถึงตอนนี้น้ำตาผมก็มาออที่หัวตาอีกรอบ ผมเม้มปากแน่น 

     



    คิดถึงลุง คิดถึงห้องนอน

    คิดถึงกลิ่นแชมพู

    คิดถึงบ่าอุ่นๆ

    คิดถึงปากลุงที่ชอบจูบ


    คิดถึงทุกอย่างเลย 

     



    “ลุง ถ้าพ่อไม่ยอมรับลุง ลุงจะทำยังไง”

    [ก็คงทำจนกว่าจะยอมรับ ให้พาหนีคงทำไม่ได้หรอกเลิกคิดไปเลย]

    “ลุงรู้ได้ไงว่าเนคิด”

    [เราดูละครเยอะ ชอบคิดอะไรเหมือนละคร]

    “ลุง... พ่อต่อยเน พ่อเกลียดเนมากแน่เลย” ผมปาดน้ำตาออก รำคาญน้ำตาแต่ก็ห้ามไม่ร้องไม่ได้

    [พี่ว่าคุณลุงเขาก็รู้สึกผิดที่ลงไม้ลงมือกับเรา เขาคงโกรธ แต่ไม่ได้เกลียดหรอก]

    “เนกลัวมากเลยนะวันนี้ แต่ถ้าลุงไม่อยู่ด้วย เนคงไม่กล้าพูดหรอก เนอ่ะนะเนอ่ะ รู้สึกว่าต่อให้วันนี้ทั้งบ้านไม่รักเนแล้ว ทั้งบ้านจะตัดหางเนปล่อยวัด เนก็ยังมีลุงอยู่ เนเหลือแค่ลุงแล้ว ลุง... ลุงอย่าทิ้งเนนะ เนขออยู่กับลุงก่อน ต่อให้ลุงเบื่อเนแล้วลุงก็อย่าเพิ่งทิ้งนะ เนขออยู่ด้วยก่อน แต่จะหางานทำไม่ให้รบกวนลุงเลย” 

    [เอ้า ตาบวมหมดแล้ว หยุดร้องได้แล้วเน]

    “ฮึก เนอยากกอดลุง

    [รหัสห้องพี่เราก็รู้ไม่ใช่หรอ]

    “อื้อ”

    [มันจะเป็นเลขนั้นไม่มีวันเปลี่ยน มันเป็นที่สำหรับเราอยู่เสมอ อยากมาเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องห่วงหรอก]ผมยกผ้าห่มขึ้นมากัด ยิ่งฟังเสียงลุกยิ่งอยากซุกร้องไห้ด้วย อยากกลับห้องลุงแล้วซุกลุงอยู่แบบนั้น 

    “รหัสมันเปลี่ยนได้นี่”

    [งั้นเจอกันคราวหน้าพี่ให้กุญแจไว้เลยก็ได้ นี่ หยุดร้องได้แล้วเน พี่ต้องพูดยังไงเราถึงจะหยุด]

    “เนอยากหยุดร้องจะตายแล้ว หายใจไม่ออก แต่พอได้ยินเสียงลุงอ่ะ ฮึก มันช่วยไม่ได้นี่!!!” 

    [หยุดร้องเถอะ]

    “...”

    [พี่เจ็บหัวใจจะตายแล้ว]

     


    ฮึก...

    ลุงบ้า... 

    พูดจาแก่มาก เหมือนพระเอกละครสมัยก่อนเลย...


     

    “ลุง น้ำเน่า”

    [... เด็กนี่]

    “ว่าแต่จะให้กุญแจเนเลยหรอ กุญแจมีดอกเดียวไม่ใช่หรอลุง”

    [อืม]

    “อ้าว นี่ลุงให้ห้องเนหรอ”

    [... จะว่างั้นก็ได้]

    “ลุง รวยมากหรอ”

    [พี่รวยกว่าที่เราคิดไว้เยอะเลยเน] ลุงพูดติดหัวเราะในลำคอ

     


    ก็พอจะรู้หรอกนะ พี่แนนก็เคยเล่าให้ฟังบ้างว่าบ้านพี่สีน้ำรวยมาก รวยแบบไปต่างประเทศเหมือนฝรั่งเศสอยู่หน้าปากซอย ส่วนญี่ปุ่นอยู่หน้าบ้าน สมัยเรียนคือแค่เสาร์อาทิตย์ก็บินไปเที่ยว รวยจนตอนรู้จักกันแรกๆ พี่แนนเกลียดขี้หน้ามากแต่สุดท้ายดันกลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันได้ยังไงไม่รู้

     


    “เบื่อคนรวย แต่เนไม่เอาหรอก ห้องอ่ะ”

    [อ้าว...]

    “เนอยากได้ห้องที่มีลุงอยู่ไม่ใช่แค่ห้องเฉยๆ “ ถ้าแค่กลับไปเจอห้องเปล่าๆ ก็ไม่เห็นจะน่ากลับไปตรงไหนเลย ห้องของลุงมันน่ากลับไปเพราะมีลุงอยู่ต่างหาก 

    [หึ เดี๋ยวโตกว่านี้ก็ลืมพี่แล้ว]

    “ลุงเลิกพูดเหมือนเนรักลุงเพราะเนเป็นเด็กได้ไหม ทำไม โตขึ้นเนเจอเพื่อนหล่อแล้วเนจะเลิกรักลุงงี้หรอ วู้ว เนไม่ได้รักลุงที่หน้าตานะเพราะถ้าเป็นงั้นเนไม่รักลุงหรอก”

    [ถ้าอยู่ใกล้ๆ พี่จะตีให้เหม่งแตกเลย]

    “ฮี่~ ล้อเล่น”

    [เน พรุ่งนี้น่ะ ขอโทษพ่อแม่เราด้วยนะ]

    “...”

    [จำที่พี่บอกได้ใช่ไหม]

    “แต่เนไม่ผิด เนโดนพ่อต่อยนะ”

    [แต่เราก็พูดอะไรทำร้ายจิตใจเขาออกไปเหมือนกัน แยกกันสิ พ่อต่อยเราพ่อก็ผิด แต่บางคำพูดเราก็ไม่ควรพูด ทำใครเสียใจก็ไม่ดีทั้งนั้น พี่เคยบอกเราว่ายังไง

    “...” ผมเงียบไปทันทีที่ลุงพูดจบ หน้าลุงในจอมือถือเหมือนจะยิ้มเหนื่อยอ่อนกลับมาให้ผม

    [ก้อนดื้อ ตอบพี่หน่อย]

    “อื้อ”

    [อื้อ? ] ไม่ย้ำแค่เสียง มีขมวดคิ้วดุด้วย

    “ต่อให้มีความผิดแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็ต้องขอโทษ”

    [เด็กดี... แล้วแผลเป็นไง ที่หน้ากับมือ เจ็บมากไหม]

    “อื้อ เจ็บมาก เจ็บสุดๆ ตาเนข้างขวาเนบวมด้วย มันเจ็บตุ้บๆ เลยอ่ะ” 

    [...]

    “เจ็บขนาดนี้ ลุงต้องรีบมาโอ๋เนแล้วนะ” ทำอ้อนไปงั้นแต่ผมเจ็บตาจริงๆ ครับ ผมไม่รู้ว่ายั้งมือไหม แต่จำได้ว่าจังหวะที่หมัดกระทบหน้า ตัวผมกลิ้งแบบเท้าลอยจากพื้นเลย ไม่ทันได้เจ็บ มันชามากกว่า แต่พอนอนไปสักพักผมถึงเริ่มรู้สึก

     


    ทั้งเจ็บแก้ม เจ็บตา เจ็บหลังที่กระแทกเก้าอี้ เจ็บมือที่ทุบประตู

    ระบมไปทั้งตัวเลย แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงนอกจากนอนทนไป ได้แค่ถอนหายใจยาว ถ้าผมอยู่กับลุง ถ้าผมกลับไปกับลุง ป่านนี้ลุงคงพาไปทำแผลแถมทำหน้าดุบังคับให้กินยาแล้วแหง 

     


    เนี่ย... 

    คิดถึงอีกแล้ว

     


    [อย่าอ้อน]

    “อยากจูบลุง เนี่ย ถ้าลุงไม่เล่นตัวแล้วจูบเนให้มันจบๆ ในห้องทำงานตั้งแต่แรก วันนี้เนคงคิดถึงจูบลุงน้อยลงแล้ว พอจูบน้อยแล้วต้องห่างกัน เนอยากจูบมากกว่าเดิมอีก” 

    [งั้นก็ดีแล้ว]

    “ดียังไง”

    [เนจะได้ ...คิดถึงพี่เยอะๆ] ผมยิ้มให้กับลุงที่หน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย อะไรนั่นน่ะ พูดเองเขินเองแบบนี้ก็ได้หรอคนเรา 

    “ลุง แก่แล้วนะ อย่าทำตัวแบ๊ว”

    [นอกจากตีเหม่งแตกพี่ว่าจะหยิกแก้มให้ช้ำด้วยเลยแล้วกัน ไอ้ก้อนดื้อ]

     


    ‘ ไอ้ก้อนดื้อ ‘

     ฉายาสุดแสนจะคิวต์ที่ลุงตั้งขึ้นมาให้ผม เหมือนจะน่ารัก แต่เอ๊ะ ฟังไปมาเหมือนก้อนขี้เลย ลุงตั้งใจให้เหมือนรึเปล่านะ แล้วลุงก็พูดไปงั้นแหละ พอผมมีแผลหน่อยก็มานั่งทำหน้าหงุดหงิด คนแก่นี่ปากแข็งแบบนี้ทุกคนหรือเปล่านะ 

     


    เอ๊ะ

     

    แต่ลุงก็ปากนิ่มอยู่นะ

     


    “ลุง”

    [หืม]

    “เนอยากเข้ามนุษย์อิ้ง”

    [โอ้] ลุงอุทานเหมือนตกใจก่อนจะยกยิ้ม [เลิกเกลียดภาษาอังกฤษแล้วหรอเรา เห็นปกติเจอแบบฝึกอังกฤษก็งอแงแล้ว]

    “เกลียดเหมือนเดิม”

    [อ้าว...]

    “เลยอยากรู้ว่ามันจะแน่สักแค่ไหนไอ้อังกฤษเนี่ย”

    [เห้อ เด็กบ้า] ถ้าเราอยู่ด้วยกันลุงคงยีหัวผมจนฟูแล้ว โทษฐานพูดจาเด็กเกินลุงเข้าไม่ถึง ถึงงั้นลุงก็เริ่มจะใช้คำวัยรุ่นขึ้นเยอะแล้วนะครับ แน่นอนว่าอาจารย์ทางด้านภาษาไม่ลุงศาสตร์ก็คือผมเอง อาจารย์เน!!!

    “ถ้าเนสอบติด ลุงจะให้อะไรเป็นของขวัญเน”

    [ถ้าเราสอบติดมันเกี่ยวกับพี่ซื้อของขวัญยังไง]

    “ลุงอย่าขี้สงสัยสิ ตอบเนมาก่อน”

    [พาไปเที่ยว]

    “ทะเลหรออออออออ” ผมยิ้มตาปิดเมื่อนึกถึงว่าจะได้ไปทะเล ดีเหมือนกัน รอบที่แล้วยังไม่สะใจเท่าไหร่เลยเพราะไปได้ไม่กี่วัน อยากอาบแดดแบบในหนังฝรั่งให้ตัวแทนเป็นมันเผาเลยยยยย 

    [ไปวัด]

     


    ... พีค

    อะไรของลุง ทำไมต้องไปวัด เกิดรักศาสนาขึ้นมาเลยหรอ เห้ย หรือว่าเพราะแค่พ่อแม่ผมไม่ยอมรับลุงเลยอยากบวช เห้ยยยย นี่มันเกินไปแล้วนะ!!!

     


    “ลุง แค่พ่อกับแม่เนยังไม่ยอมรับ ลุงถึงกับต้องพึ่งทางบุญแล้วหรอ ลุงบวชไปพ่อเนก็ไม่ได้จะชอบลุงหรอกนะ ลุงบาปกว่าเดิมอีกนะ เพราะลุงจะเป็นพระแก่ที่ชอบเด็ก ดูดิ ฟังดูบาปกว่าแค่ลุงที่ชอบเด็กเฉยๆ อีกนะ”

    [... วัดอาซากุสะ]


     

    เอ๊ะ คุ้นๆ ผมเหลือบตามองบนเล็กน้อยเพราะรู้สึกคุ้นชื่อวัดมาก ฟังดูก็รู้ว่าคงไม่ใช่วัดไทยหรือวัดจีนในแถบกรุงเทพแน่นอน 


    อาซากุสะ อาซากุสะ

    คุ้นๆๆๆ เหมือนเคยไปมาก่อน คุ้นมากๆ อาซากุสะ

     

    อาซา... อ๊ะ 

     


    “ลุง วัดมันอยู่ญี่ปุ่นป่ะ เนว่าเนเคยไปซื้อเครื่องรางที่วัดนั้น”

    [ใช่]

    “ลุงจะพาเนไปญี่ปุ่นหรอ!!!!

    [อืม ฟรีทั้งทริป]

    “โอมายก็อดดดดดดดดด เนรักลุงงงงงง โอ๊ะ เจ็บปาก” เผลอโวยวายเกินไปเล็กน้อย แผลที่ปากแตกเลยตึงขึ้นมาเสียแบบนั้น พอผมครางว่าเจ็บแผลลุงก็ขมวดคิ้ว

    [ทายาด้วยนะเน]

    “อื้อออออ”

    [อื้อ?]

    “คร้าบบบบ ครับผมมมม เนจะเป็นเด็กดี จะตั้งใจติวเลย ลุงพูดแล้วลุงพูดแล้ว เอ๊ะ ลุงพูดใหม่ได้มะ เดี๋ยวนะจะอัดหน้าจอไว้ เผื่อลุงเบี้ยวขึ้นมา”

    [ไม่เบี้ยวหรอกน่า นอนได้แล้วไอ้ดื้อ]



    ชิ...

    รู้หรอกว่าคนอย่างลุงคงไม่เบี้ยวเรื่องแบบนี้หรอก ผมยู่หน้ายู่ตาก่อนจะล้มตัวถึงผ้าห่มขึ้นมาปิด เหลือแต่ลูกตาที่มองจ้องจอ 



    “ลุง ฝันดีนะ”

    [อืม ฝันดี]

    “อย่าเพิ่งวางจนกว่าเนจะหลับนะ”

    [อืม]

    “อืม?” ผมย้อนกลับแบบที่ลุงชอบทำ

    [หึ... ครับ เข้าใจแล้ว นอนซะ]



     

    ผมขยับตัวเข้าไปใกล้มือถือพี่แนนอีกนิดหน่อย เพื่ออะไรก็ไม่รู้ แต่มโนเอาว่าเหมือนได้ใกล้ลุงเข้าไปมากขึ้น พอจัดที่จัดทางเรียบร้อยก็หลับตาลง วันนี้ผมเหนื่อยมามากแล้ว วันพรุ่งนี้ก็อาจจะเหนื่อยเหมือนเดิมหรืออาจจะเหนื่อยมากขึ้น

     

    แต่ผมจะไม่เป็นไรเพราะผมยังมีคนรอยินดีและปลอบใจอยู่เสมอ

    ต่อให้ไม่มีญี่ปุ่นมาล่อ ผมก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้กลับไปอยู่กับลุง  

     

    การหลับตานอนเป็นสิ่งที่ผมไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ในคืนนี้ แต่เพราะมีลุงอยู่ข้างๆ แม้จะมาในรูปแบบคอลไลน์ แต่นั่นก็ทำให้ผมรู้ว่าโลกของผมยังหมุนต่อ

     

    โลกของผม

    คือโลกที่มีลุงอยู่ด้วย

     


    แล้วคืนนั้นผมก็หลับลงอย่างง่ายดาย  

     

                 



    --


    TALK (ยาวค่ะ ข้ามได้)


    บอกตรงๆ ว่าตอนนี้เป็นตอนที่เครียดมากเลยค่ะ เพราะเป็นตอนที่ลงมาจากจุดพีคของเรื่อง

    หลายคนอาจจะไม่ชอบที่น้องเนกับพี่แนนกลับมาคุยกันได้ไวหลังจากเกิดเรื่อง แต่เพราะมันเกิดเรื่องนั่นแหละค่ะ ครอบครัวถึงต้องหันหน้าเข้าหากัน 


    ถ้าทุกคนยังจำตอนก่อนหน้านี้ได้ น้องเนเคยพูดไปแล้วว่าน้องเนทั้งรักทั้งเกลียดพี่แนนแล้วก็เกลียดที่ตัวเองเกลียดพี่แนนด้วย

    ว่ายังไงดี มันคือความพี่น้องที่ตัดกันไม่ขาดค่ะ ความพี่น้องที่แท้จริง ถ้าใครมีพี่น้อง( ที่ตีกันบ่อย ) อาจจะเข้าใจดี  


    ถามว่ามันกลับเป็นพี่น้องสุขสันต์จูงมือกันเดินได้ไหมมันก็คงยาก 

    แต่อย่างน้อยก็เป็นพี่น้องที่เข้าใจกันมากขึ้น รู้ว่าควรปรับตรงไหน รู้ว่าทำร้ายกันตรงไหน 


    สำหรับตอนที่แล้วเป็นตอนที่กดดันมากๆ เพราะตอนเขียนไม่มีความมั่นใจเลย ถ้าได้ลองอ่านงานของเราเรื่องอื่นจะรู้เลยว่าเราไม่เขียนซีนอารมณ์ค่ะ ไม่ถนัด 555555555 มาสายขายขำขายตลกขายเอสเคป ตอนที่เขียนก็ปาดน้ำตาป้อยๆ เพราะกลัวเขียนออกมาแล้วคนอ่านไม่ชอบ แต่พอได้รับฟีดแบ็คก็ดีใจมากเลยค่ะ 


    แต่อย่างนั้นก็ไม่อยากดึงดราม่านาน ดึงไม่ได้ค่ะ ด้วยความเป็นคนจมกับความรู้สึกนานๆ ไม่ได้ จะกระทบต่อการใช้ชีวิต เพราะงั้นถ้าเกิดทำให้ใครไม่พอใจก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ 


    แปมเชื่อว่าทุกคนมีเหตุผลในการกระทำหมด เพียงแต่บางครั้งเราก็มองจุดประสงค์ของเราชัดเกินไปจนมองไม่เห็นคนอื่น

    เพราะงั้นอย่าลืมมองความรู้สึกของคนข้างๆ กันด้วยนะคะ 


    พอกันทีกับน้ำเค็ม จะกลับเข้าสู่ฟีลกู๊ดแล้วค่ะ 555555555555555555


    ในส่วนของนักอ่านนั้น 


    ไหนหร่อนบอกว่าฟีลกู๊ดไง ตุ้บตับๆๆๆๆๆๆๆๆๆ 




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×