ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰

    ลำดับตอนที่ #18 : กุ๊งกุ๊งที่ 16 : คุก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 30.04K
      3.09K
      26 ก.พ. 63

    สามหกสิบแปด  16

     

     

    เป็นเวลาเดือนกว่าแล้วตั้งแต่ที่ผมย้ายออกมาจากห้องลุง นั่นก็แสดงว่าเป็นเวลาเดือนกว่าแล้วที่ผมสามารถตื่นเช้าด้วยตัวเองโดยที่ไม่ต้องให้แม่ปลุกเพื่อรีบมาเจอลุงหน้าโรงเรียน จากที่ดูเป็นลุงน่าสงสัยตอนนี้ก็เหมือนจะกลายเป็นภาพที่เคยชินของยามหน้าโรงเรียนไปแล้ว


    พอเลิกเรียนผมก็จะหอบการบ้านไปนั่งทำห้องทำงานลุงเพื่อรอพี่แนนมารับ ถ้าอยากอยู่กับลุงนานขึ้นก็ต้องรีบมาก่อนเวลาเข้าแถวแล้วก็ต้องรีบทำงานให้เสร็จในคาบเรียนเพื่อที่จะได้รีบออกจากห้องทันทีที่กริ่งดัง


    ทุกคนรอบตัวพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าผมเปลี่ยนไป แต่อาจจะเพราะว่ามันเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเลยไม่มีใครถามอะไรต่อ


    วันนี้ก็ยังคงเป็นอีกวันที่ผมตั้งใจเรียนเพื่อจะได้ทำการบ้านให้เสร็จไวๆ เพิ่งค้นพบว่าวิธีนี้ง่ายกว่ากลับไปอ่านเองเยอะเลย รู้งี้ฟังๆ ครูพูดในคาบนานแล้ว สมัยก่อนผมรู้สึกเสียงครูสอนเหมือนเสียงพระสวดเลยเผลอหลับตลอด มาเป็นช่วงนี้แหละที่ตั้งใจฟัง


    พอตั้งใจหน่อยมันก็เข้าใจบ้างแหละนะ ถึงจะยังตามไม่ค่อยทันเท่าไหร่ก็ตาม


    “ไอ้หนูเน เอาการบ้านเจ๊ติ๋มมาลอกหน่อย”

    “มึงรู้ได้ไงว่ากูทำเสร็จแล้วอ้ะ”

    “แหมๆ ช่วงนี้มึงท็อปฟอร์มจะตายห่า งานแม่งเก็บเรียบหมดทุกวิชา กูอยากรู้ว่าลุงของมึงทำของเปล่าวะ” ไอ้กันเลื่อนเก้าอี้มานั่งเผชิญหน้าผม 

    “เพ้อเจ้อ”

    “อะโห ลูกกูมันปากเก่งแล้วนะเดี๋ยวนี้”

    “ใครลูกมึง”

    “อ่ะลืม เดี๋ยวนี้เป็นลูกคนอื่นแล้ว” ผมเงยหน้าจากหนังสือขึ้นย่นจมูกใส่ไอ้กัน ไอ้เวร ลุงไม่ใช่พ่อนะ “นอกเหนือจากจะแสดงอภินิหารให้มึงกลายร่างเป็นเด็กเรียนแล้ว ลุงมึงแม่งยังทำเสน่ห์อีก”

     


    ทำเสน่ห์ ? 

    ผมขมวดคิ้วมุ่นกับคำพูดของไอ้กันถึงจะรู้ก็เถอะว่าลุงไม่มีทางเล่นไสยศาสตร์ เคยถามลุงแล้วลุงเป็นคริสต์ ไสยศาสตร์มันของพุทธไม่ใช่หรอ


     

    “ทำเสน่ห์อะไรของมึงวะ” 

    “แหนะ อยากรู้อยากเห็น”

    “ไอ้กัน”

    “เสียงเข้มด้วย”

    “...” 

     


    ปั้ก!

    ผมเตะหน้าแข้งมันผ่านใต้โต๊ะไปหนึ่งป้าป ข้อหากวนตีนไม่รู้จักเวล่ำเวลา 

     


    “โอ๊ยๆ โหๆ ไปน้องเน มึงปีกกล้าขาแข็งนักนะเดี๋ยวนี้ มึงเตะกูเรอะ มึงรู้ไหมกูลูกใคร”

    “อยากให้กูพูดชื่อพ่อชื่อแม่มึงดังๆ ไหมล่ะ”

    “อ่ะลืมว่ามึงรู้ งื้ดๆ ใจเย็นจ้า” ไอ้กันที่ลุกขึ้นเตรียมดีดเหม่งผมรีบนั่งลงกลับที่ทันทีทันใด เล่นกับใครไม่เล่น ฮึ

    “พูดมาเร็วๆ เลย ลุงทำเสน่ห์อะไรวะ” 

    “เออๆ คืออากูมาบอกว่าช่วงนี้ลุงมึงอ่ะมีสาวมาติด”

    “ฮะ!!!!” ไม่มีทาง ผมไปขลุกอยู่ห้องทำงานลุงหลังเลิกเรียนทุกวัน ไม่เห็นมีสาวที่ไหนเลย ไอ้กันมั่วชัวร์

    “จริงมึง แซ่บป่ะ อากูบอกว่าเป็นสาวไฮโซนมตู้มด้วย”

    “อามึงมั่วแล้ว”

    “ไม่มั่วมึงแหล่งข่าวกูแม่น วงในยิ่งกว่าใน ได้ข่าวว่าไปดินเนอร์กันมาหลายรอบแล้วด้วย ลุงมึงฮอตนะกูพูดเลย” 


     

    ดะ ดะ ดินเนอร์หรอ


    พอเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผมไม่ได้อยู่กับลุงแล้วเลยไม่สามารถปฏิเสธได้อย่างเต็มปากว่าลุงไม่มีทางทำ อะไรกัน พอไม่อยู่ด้วยก็หาคนกินข้าวเป็นเพื่อนตอนกลางคืนแทนได้แล้วหรอ ทำไมล่ะ ที่ผมกินข้าวมื้อดึกผมยังส่งรูปรายงานลุงตลอดเลยแต่ลุงกลับไปนั่งกินข้าวกับคนอื่นงี้หรอ

     

    ...อยากร้องไห้ 

     


    “อ่ะ กูเล่าแล้ว เอาการบ้านมาให้กูลอกเลย” กันเล่นมุกต่อจากนั้นอีกหลายครั้งแต่ก็ไม่มีมุกไหนลอยเข้าโสตประสาทผมเลยสักนิด ในหัวผมมีแต่หน้าลุงอยู่กับผู้หญิง รู้สึกหัวใจบีบๆ แล้วก็อยากร้องไห้ที่สุด 


    ช่วงเวลาเรียนเหมือนจะยาวนานขึ้นกว่าเดิมเมื่อผมอยากให้มันจบลงไวๆ วันนี้ไม่มีสาระอะไรเข้าหัวผมเลยทำให้ตอนทำการบ้านท้ายคาบต้องไปรอลอกของคนอื่น ไอ้กันถึงกับล้อว่าผมปิดโหมดตั้งใจเรียนแล้วกลับเข้าสู่ร่างปกติแล้วแน่ๆ พอกริ่งเลิกเรียนดังผมก็รีบเอาการบ้านไปส่งก่อนจะรีบออกตัววิ่งออกมาจากโรงเรียนเพื่อตรงไปที่ที่ประจำหลังเลิกเรียน

     


    ... ออฟฟิสลุง

     

     

    “อ้าว น้องเน” 

    “พี่นนท์สวัสดีครับ”

    “ครับผม อ๊ะ วันนี้ยังเข้าไปไม่ได้นะ” ผมชะงักตัวเมื่อพี่นนท์หรือเลขาของลุงที่เจออยู่ทุกวันรั้งไว้ 

    “...” 

    “พอดีคุณไม้คุยงานอยู่น่ะครับ” 

    “งั้นเนรอ”

    “งั้นเดี๋ยวพี่ส่งข้อความบอกคุณไม้ให้นะ” ผมพยักหน้าพร้อมกับทิ้งตัวลงบนโซฟาหน้าออฟฟิสลุงซึ่งเป็นที่ประจำนั่งจนชิน ผมหยิบมือถือขึ้นไถเฟสเล่นสักพักพี่เลขาก็ส่งเสียงเอ่อในลำคอเหมือนลำบากใจ

    “คุณไม้ให้บอกน้องเนว่ากลับไปก่อนได้เลยครับ”  

     

    กลับไปก่อน...

    อะไรอ่ะ อะไร

    ผมน้ำตารื้นขึ้นมาทันที เป็นผมคนเดียวใช่ไหมอีกอยากมาอยู่ตรงนี้ อยากเจอลุง ทำไมถึงให้กลับไปก่อน ไม่อยากเจอกันแล้วหรอ เสียใจแล้วนะ 

     

    “น้องเนครับ เอ่อ...”

    “เนจะรอ”

    “แต่...”

    “เนจะรอ” 

     

    ผมหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์หาพี่แนนว่าเดี๋ยววันนี้กลับเอง อาจจะดึกหน่อย ด้วยความที่ช่วงนี้ทำตัวดีพี่แนนเลยอนุญาตพร้อมกับกำชับว่าอย่าให้ดึกมากนัก ผมยกมือขึ้นปาดน้ำตาแล้วก็หยิบกระเป๋านักเรียนขึ้นมากอด ให้รู้ว่าผมจะไม่ลุกไปไหน 


    พี่นนท์ดูลำบากใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เป็นเวลานานกว่าชั่วโมงประตูห้องทำงานลุงถึงเปิดออก ผมเตรียมตัวลุดขึ้นแต่ปรากฏว่าคนที่ออกมาจากห้องทำงานไม่ใช่ลุง


    ... แต่เป็นผู้หญิง 


    ผู้หญิงสวยด้วย สวยมากๆ เหมือนดาราเลย ผิวขาว ผมยาวดัดลอน ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ แต่กลับดูสวยสะอาดตา ไม่นับเดรสแหวกอกที่อวดเนินหน้าอกไซซ์ที่น่าตกใจนั่นอีก ถ้าเป็นปกติผมคงหน้าแดงแล้วหลบสายตาแล้ว แต่ตอนนี้มันกลับยิ่งอยากร้องไห้ 

     

    ลุงมีผู้หญิง 

    ลุงมีผู้หญิงจริงๆ ด้วย

     

    “ยังไงเดี๋ยวนีน่าจะติดต่อมาอีกทีนะคะพี่ไม้”

     

    พี่ไม้? 

    คุยธุรกิจยังไงถึงดูสนิทขนาดนี้ 

     

    “ได้เลยครับ”

    “ทานข้าวคราวหน้าไม่ให้เลี้ยงแล้วนะคะ ขอนีน่าเลี้ยงคืนบ้าง”

    “อันนี้ขอไม่รับปากนะครับ” 

    “พี่ไม้ล่ะก็” 

    ผมได้แต่เม้มปากแน่นกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า จนกระทั่งผู้หญิงคนนั้นหันหลังเดินออกไป ลุงถึงได้หันหน้ามาทางโต๊ะพี่นนท์ ตอนนั้นเองที่สายตาเรามาสบกัน ใบหน้าลุงแสดงความตกใจออกมาทันที เสียงทุ้มที่ผมโคตรจะคิดถึงดังออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ร่วงหล่น

     

    “เน ร้องไห้ทำไม”

     

    ผมเสียใจ

    ผมเสียใจจริงๆ 

     

     

    .

    .

    .


     

    [seemai]

     

    การคุยกับผู้หญิงไม่ใช่เรื่องถนัดของผมที่สุด นึกแค้นไอ้เก่งขึ้นมาจนอยากจะยกมือถือขึ้นโทรไปด่า มันรู้อยู่แล้วว่าผมเป็นเกย์แต่ก็ยังจะส่งลูกค้าสาวที่พยายามโปรยเสน่ห์ตลอดเวลามาให้ สนุกมันเลยแหละ ผมถอนหายใจหลังจากส่งแขกกลับบ้านไปเสร็จ เตรียมหันหน้าไปถามเลขาคนสนิทเรื่องที่เนแวะมาหาแต่ก็ต้องประหลาดใจที่เห็นร่างเล็กของเนยืนกอดกระเป๋านักเรียนอยู่ตรงหน้า


    ที่ทำให้ตกใจยิ่งกว่าคือใบหน้าดื้อนั่นยับยู่ยี่แถมยังเปียกแฉะไปด้วยน้ำตา


    “เน ร้องไห้ทำไม” จังหวะที่ผมถามออกไป น้ำตาก้อนโตก็หยดแหมะลงบนแก้มใส ปากเล็กเม้มแน่นจนขึ้นสีซีด ผมขมวดคิ้วเงยหน้าถามเลขาสาวแต่ก็ได้คำตอบเป็นการส่ายหัวเบาๆ 

    “ฮึก”

    “เน...” ผมเตรียมจะก้าวขาเข้าไปดึงร่างเล็กมาปลอบแต่อยู่ดีๆ เนก็สูดน้ำมูกเข้าปอดหนึ่งฮึบแล้วลากผมเข้าห้องทำงาน 

     

    ปั้ง!!!

    เสียงปิดประตูห้องน้ำงานดังลั่นตามด้วยเสียงล็อคห้องหนึ่งแกร๊กด้วยข้อมือเล็กๆ นั่น ผมกระพริบตามองเนอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก 

     

    จู่ๆ ก็ร้องไห้ 

    จู่ๆ ก็ลากผมโยนใส่ห้องน้ำงาน

    และจู่ๆ ก็หันกลับมาเบะปากน้ำตาร่วง 

     

    “เน...” ผมเดินไปเตรียมจะยกมือขึ้นลูบหัวฟูนั่นแต่เนก็กำหมัดต่อยอกผมมาหนึ่งปึ้ก ดวงตาฉ่ำน้ำตาเงยขึ้นมองตัดพ้อผม

    “เนต้องทำดีอีกแค่ไหน” 

    “...” 

    “เนต้องทำดีอีกแค่ไหนลุงถึงจะมีแค่เน”

    “...”

    “เนต้องทำสอบได้ที่เท่าไหร่ เนต้องสอบติดที่ไหน เนต้องเป็นยังไงลุงถึงจะมีแค่เน” 

    “เน”

    “อย่าทิ้งเน อย่าทิ้งเนเลย ขอร้อง อย่าทิ้งเน” 

     

    ท่ามกลางความไม่เข้าใจของผม ข้อมือเล็กดูไร้เรี่ยวแรงนั่นก็กระชากเนคไทด์ผมอย่างแรงจนตัวเซพร้อมกับประทับสัมผัสนุ่มนิ่มลงมาบนปากผม ภาพเดิมเหมือนตอนที่ญี่ปุ่นฉายทับขึ้นมาแต่ครั้งนี้แตกต่างออกไปตรงนี้เด็กตรงหน้ามีสติดีกลับกลายเป็นผมเองที่กำลังไร้สติ

     

    นี่มันอะไรวะ... 

     

    แค่เสียงสัมผัสเบาๆ ประทับ ยังไม่ทันจะได้อุทานในใจจบก็ผละออกไป ทิ้งไว้แต่เสียงรอยจูบที่มีรสเค็มน้ำตาปะแล่ม ผมได้แต่กระพริบตาปริบๆ มองหน้าเนที่ตอนนี้ขึ้นสีแดง 

     

    “ฮึก... ฮึก โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ” 

     

    ... แล้วก็กลายเป็นร้องไห้ลั่นห้อง 

    อะไรกันวะเนี่ย มีแต่ความไม่เข้าใจเต็มไปหมดเลย 

     

    ผมถอนหายใจเดินเข้าไปอุ้มเนขึ้นวางบนโต๊ะทำงาน เนร้องไห้เสียงดังปาดน้ำตาตัวเองป้อยๆ ผมเองก็ทำอะไรไม่ถูกนอกจากลูบหัวปลอบน้องวนอยู่อย่างนั้นรอจนกว่าน้องจะใจเย็นลง ใช้เวลาอยู่สักพักเสียงร้องไห้ดังลั่นนั่นถูกแทนที่ด้วยเสียงสะอื้นแทน เนยังคงก้มหน้าไม่ยอมสบตาผม ดูทรงน่าจะหยุดร้องไห้แล้วแต่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมากกว่า 

     

    “เน” ไหล่เล็กสะดุ้งเฮือกแต่ก็ยังคงก้มหน้าคางชิดอก

    “...”

    “อยากตอบคำถามไหนก่อนระหว่างร้องไห้ทำไมกับ...”

    “...”

    “จูบพี่ทำไม” 

     

    ไม่มีคำตอบและก็ยังไม่มีการเงยหน้าขึ้น 

    ผมถอนหายใจยาวเหยียดให้กับความงงในหัวตัวเอง 

     

    “เน ยังไงวันนี้พี่ก็ต้องได้คำตอบ เงยหน้าคุยกันดีๆ ”

    “...”

    “เน”

    “...” เด็กดื้อยังคงดื้อ

    “เนรู้ใช่ไหมที่ทำเมื่อกี้เรียกจูบ” 

    “...”

    “เน” ผมใช้เสียงที่ดังขึ้นเมื่อเนยังคงเงียบ ไหล่เล็กสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ ส่งเสียงตอบ

    “อื้อ” หัวเล็กผงกเบาๆ เป็นการย้ำว่าเข้าใจ 

    “พี่ว่าเราไม่รู้หรอก”

    “เนรู้”

    “เราไม่รู้”


     ... เพราะถ้ารู้คงไม่ทำหรอก


    “เนรู้!!! เนเลิกกับแฟนเพราะเนไม่จูบ ลุงอย่ามาย้ำนะ” ในที่สุดหน้าดื้อก็เงยขึ้นมองผม คิ้วเล็กขมวดเหมือนไม่พอใจ ไอ้ความลูกแมวขู่ในเวลานี้มันน่ารักจนผมเองอยากเป็นฝ่ายรังแกปากเล็กนั่นเลย

    “แต่แฟนเราเป็นผู้หญิง”

    “แล้วไง!!!

    “พี่ไม่ใช่สาว”

    “เนรู้!!!

    “แล้วเนจูบพี่ทำไม”  พอผมย้อนถามน้องก็เล่นบทเงียบอีก ปากเล็ดบดเข้าหากัน ตากลมนั่นกลับมารื้นน้ำตาอีกรอบ 

    “ก็... อันนี้เนไม่รู้” ที่งี้ล่ะกลับมาไม่รู้ ผมอยากจะถอนหายใจให้กับความดื้อของเน แต่พอเห็นไอ้หน้าเลิ่กลั่กนั่นก็กลายเป็นเอ็นดูขึ้นมาแทน

    “เน”

    “ทะ ทำไมล่ะ ทีลุงยังแอบหอมแก้มเนตอนนอนเลยนี่ เนรู้ เนจับได้นะ!!!” 

    “หอมกับจูบมันคนละเรื่องนะเน” ... ถึงผมจะทำแล้วทั้งสองอย่างก็เถอะ 

    “แต่ลุงก็ทำนี่”

    “พี่ทำเพราะพี่ชอบเรา”

    “...”

    “แล้วมันก็ไม่ควร ทั้งที่พี่ทำ... แล้วก็ที่เนทำ มันไม่ควรเกิดขึ้น”

    “ทำไมไม่ควร”

    “เน พี่อายุสามสิบหก เราอายุสิบแปดนะ กี่ปีที่เราห่างกัน สิบแปดปีนะเน เราน่ะ... ยังเรียนอยู่มัธยมอยู่เลย ดูชุดนักเรียนกับชุดทำงานของพี่มันไม่ใช่ชุดที่สมควรเลย” ผมแค่นหัวเราะให้กับอายุของตัวเองที่เพิ่งพูดออกไป เกือบสองรอบ มองมาจากไหนก็เห็นแต่ลูกกรง 

    “ถ้าเนไม่เรียนต่อแล้วลุงยังจะชอบเนอยู่ไหม”

    “ไม่ใช่แบบนั้น” ผมถอนหายใจกับระบบความคิดของเน

    “เนไม่รู้ คือเนไม่รู้จริงๆ เนไม่อยากให้ลุงไปมีใคร ไม่อยากให้เป็นของใคร ลุงมีสาวได้อีกเยอะเนรู้...” เนเงียบไปก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาผม ดวงตากลมเหมือนจะเอ่ยอ้อนอะไรบางอย่างก่อนที่ปล่อยหมัดฮุกออกมา “แต่ตอนนี้โลกของเนมีแค่ลุง ถ้ามันแปลว่าชอบ เนก็ชอบลุงเหมือนกัน”

     

    ตายสนิท

    ผมใจเต้นแรงจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ อายุก็เท่านี้แล้วแต่ดันมาใจเต้นให้กับคำพูดของเด็กมัธยม มันโคตรจะบ้า 

     

    “เน... เราเรียนอยู่มัธยม ยังมีแฟนได้อีกหลายคน แฟนรูปแบบที่มันเหมาะกับช่วงชีวิตเราแบบที่เด็กปกติมี”

    “แต่เนอยากมีแค่ลุง”

    “...” 


    ให้ตายเถอะ มันจะตายเอาจริงๆ กับเด็กคนนี้ 


    “ตอนนี้เนอยากมีแค่ลุงจริงๆ แค่ลุงคนเดียว ไม่อยากมีคนอื่นเลย อย่าไล่เนไปมีแฟนคนอื่นได้ไหม” 

     

    เสียงที่ตอบกลับมาทำเอาผมต้องทิ้งหน้าตัวเองลงบนไหล่เล็กนั่น

    ไม่ไหว เด็กคนนี้มันพูดจาทำให้ใจสั่นทุกประโยคเลย มันจะตายเอาจริงๆ นะ 

     

    “นี่มันผิดโคตรๆ เลยเน เราอายุสิบแปด มันไม่ถูกต้อง”

    “เนเกิดเร็วให้ไม่ได้นี่”

    “...”

    “เราต้องห่างกันกี่ปีมันถึงจะถูกต้องหรอ” น้องถามพร้อมกับเอียงหัวจนแก้มนุ่มแนบกับหูผม เป็นคำถามซื่อๆ ที่ผมไม่ได้ตอบกลับเพราะนึกคำตอบที่ถูกต้องไม่ออก แต่เอาเป็นว่ามันก็ไม่ได้ถูกควรนักกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ 

     

    ทุกอย่างตะโกนบอกว่ามันผิด

    แต่เป็นผมเองที่เลือกจะอยู่กับความไม่ถูกควรนี้

     

    “แนนคงเอาพี่ตายถ้ารู้ว่าพี่จูบเน” 

    “จูบแรกของเนเลย” 

     

    เนแก้มแดงไปจนถึงหูหลังพูดจบ น่ารักจนผมต้องกำหมัดที่วางอยู่บนโต๊ะแน่น ไอ้จุ๊บเปียกน้ำตาแบบนั้นมันเรียกจูบที่ไหน แล้วจะพูดไปเขินไปขนาดนั้นทำไม ใจผมมันเหลวไปหมดแล้ว

     

    “แบบนั้นมันเรียกจูบที่ไหน”

    “อ้าว ปากชนกันก็เรียกจูบทั้งนั้นแหละ”

    “...”

    “อ้าว ไม่ใช่หรอ... ละ ละ แล้วแบบไหนคือจูบล่ะ ก็เนไม่เคย” หน้าดื้อเลิ่กลั่กไปหมด ผมยิ้มขำให้กับความน่ารักนั่น ตอนเจอกันครั้งแรกก็จูบทำปากยุบๆ ยิบๆ ผ่านมาเกือบจะปีก็ยังคงเหมือนเดิมไม่มีการพัฒนา

     

    แต่ก็ดีแล้ว...

    อย่าพัฒนาเลย เป็นแบบนี้ดีแล้ว 

     

    “ขอจูบได้ไหม”

    “หือ”

    “ขอพี่จูบได้ไหม” พอถามซ้ำ แก้มใสก็ซับสีแดง เนเหมือนลังเลอยู่ไม่กี่วินาทีหัวทุยก็พนักหน้าเบาๆ เป็นสัญญาณว่าอนุญาต ผมยิ้มแล้วก้มลงจุ๊บเบาๆ บนสันจมูกนั่น เนเงยหน้าหลับตาพร้อมกับยกมือขึ้นจับบ่าผมไว้ ไอ้การตั้งท่าเตรียมพร้อมแบบนี้นี่จำมาจากในละครแหง


    เพียงแค่แตะสัมผัสลงบนริมฝีปากนุ่มนั่นหัวใจผมก็เต้นแรงจนแทบระเบิด ผมกดสัมผัสย้ำลงไปอีกรอบแต่เนก็ยังคงเมมปากแน่นพอๆ กับที่หลับตาปี๋ การกระทำทุกอย่างช่างตอกย้ำความความเด็กของเนจนยิ่งทำให้รู้สึกผิดไปมากกว่าเดิม

     

    แต่เวลานี้ ต่อให้นรกมาตั้งอยู่ตรงหน้า

    ผมก็คงยอมตกลงไปอย่างไม่ลังเล

     

    ผมใช้ลิ้นเลียริมฝีปากบางให้คลายปากออกจากกันแต่เหมือนนั่นจะยิ่งทำให้เนตกใจ ตากลมลืมขึ้นสบตาผมแต่พอเห็นว่าระยะหน้าเราอยู่ใกล้กันมากแค่ไหนเนก็หลับตาปี๋ลงไปอีกครั้ง ผมหัวเราะในลำคอก่อนจะยกนิ้วโป้งขึ้นกดเบาๆ ตรงช่องว่างข้างมุมปากจนโดนเขี้ยวเล็กๆ แค่นั้นเนก็อ้าปากกระดกลิ้นพร้อมจะโวยวายนั่นเลยเข้าแผนผม 


    เมื่อเนเปิดโอกาสผมจึงประทับจูบลงไปอีกครั้ง ขบเม้มริมฝีปากนุ่มและตวัดเกลียวลิ้นหยอกล้อจนเกิดเสียงเฉอะแฉะดังอยู่ข้างหู ผมผละออกและประกบลงไปใหม่อีกย้ำสัมผัสเหมือนเดินแต่หนักหน่วงขึ้น เสียงอื้ออ้าในลำคอของเนเหมือนเป็นน้ำมันที่ราดลงบนกองไฟให้ลุกโชน ผมไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแต่มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เนทุบที่ไหล่สองสามทีเลยจำใจยอมผละออกมา


    นอกเหนือจากไม่รู้ว่าระยะเวลาผ่านไปแค่ไหนผมยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเผลอเอนตัวทับจนน้องนอนหลังแนบไปกับโต๊ะทำงาน ข้าวของบนโต๊ะกลิ้งหล่นกระจายไปหมด ผมปาดผมตัวเองร่างของเนที่นอนหอบปากเจ่อบวมดวงตากลมรื้นน้ำตาส่งสายตาตัดพ้อต่อว่าออกมาแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเพราะปากเล็กกำลังพยายามเอาลมหายใจเข้าปอดอยู่

     

    มันเป็นภาพที่ผมใจเหลวอยู่สมควรเลย... 

     

    “ลุง...”

    “หืม”

    “จูบ... หายใจไม่ทันเลย” เนหอบจนผมเห็นอกใต้เสื้อนักเรียนนั่นกระเพื่อมเป็นจังหวะ 

    “โทษที” 

    “อื้อ...”

    “หืม? ” ผมขมวดคิ้วมองเนที่ยกมือขึ้นดึงแขนเสื้อผมไว้ 

    “จะ จูบอีก”

    “...” 

    “จูบเนอีก เนรู้สึกดี” 

    “...”

    “แต่ช้าๆ นะ เนหายใจไม่ทัน” 

     

    ให้ตายเถอะ ไอ้เด็กคนนี้... 

     

    “เน นี่มันผิดมากเลยนะ ให้ตายเถอะ” 

    “เนทำผิดมาทั้งชีวิต”

    “...”

    “นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ทำผิดแล้วรู้สึกดีขนาดนี้”

    “เน...” 

    “ลุง นี่เนเป็นตุ๊ดแล้วใช่ไหม” เนส่งสายตาสงสัย

    “ไม่รู้สิ ตุ๊ดสำหรับพี่คืออยากเป็นผู้หญิง” ผมโน้มตัวลงไปซุกจมูกเข้ากับลำคอขาว

    “แล้วผู้ชายชอบกันคืออะไร”

    “...”

    “เนเป็นอันนั้นแหละ”

    “เน...” เป็นอีกครั้งที่ผมเรียกชื่อน้องด้วยเสียงแห่งความเหนื่อยอ่อน อ่อนใจไปหมดแล้ว 

    “ลุงทำไมต้องเหงื่อตกขนาดนี้”

    “ดูอายุเราด้วยเน ไม่ให้เหงื่อตกก็เหลือแต่หุ้นที่จะตกถ้าข่าวออกแล้วล่ะ” 


    แสนจะกังวล ผมถึงต้องเหลือบตามองว่าประตูถูกปิดอยู่ดี ถ้าคลิปจะหลุดออกไปก็เหลือแค่ถ่ายมาจากตึกฝั่งตรงข้ามแหละนะเพราะห้องทำงานผมใช้กระจกเป็นกำแพงฝั่ง


    “งั้นเนก็แบล็กเมลล์ลุงได้สิอย่างนั้น”

    “...” ห้องนี้ก็ไม่มีกล้องวงจรปิดหรอกมีแต่หน้าห้อง แต่ถ้าน้องขู่จะฟ้องจริงผมก็ยอมรับทุกข้อกล่าวหา 

    “จูบอีกได้ไหมแล้วเนจะไม่แจ้งตำรวจ” 



    ไม่ต้องถึงตำรวจหรอก 

    อ้อนขนาดนี้ผมว่าเรียกรถพยาบาลก่อนเถอะ

    ใจมันจะล้มเหลวแล้ว ไอ้เด็กบ้า!!!



    ---


    มาก่อนเวลาเพราะว่ารู้สึกไทม์ไลน์ในโซเชี่ยลและในชีวิตจริงเครียดมากค่ะ 

    หาอะไรมาคลายเครียดกันหน่อย อ่านนิยายคลายเครียดกันนะคะ 

    (หรือเครียดกว่าเดิม อาเร๊ะ) 



    ตอนนี้ไข้หวัดโดวิดนายน์ทีมกำลังระบาด ยังไงก็ใส่แมสก์ รักษาความสะอาด ออกกำลังกายทานอาหารที่มีประโยชน์ให้สุขภาพแข็งแรง ถ้าใครไปเที่ยวตปท. มาก็เห็นแก่ส่วนรวมกักดูแลอาการตัวเองอยู่บ้านขั้นต่ำสิบสี่วัน เป็นไปได้ก็อย่าเพิ่งไปไหนเลยนะคะ หรือถ้าจะไปไหนก็ใส่แมสก์ด้วยป้องกันไม่ให้กระจายเชื้อ 


    ทั้งสถานการณ์บ้านเมืองแล้วก็ไวรัสนี่แสนจะเครียด 

    ช่วงนี้ทางเราก็โดนคอมเมนต์ใจร้ายรัวๆ แถมแมวที่บ้านก็ป่วยด้วยค่ะ เครียดมากเหมือนกัน อุแง้


    ยังไงก็ถ้ามีส่วนไหนอยากติ รบกวนติด้วยความนุ่มนิ่มทีนะคะ อย่าใจร้ายใส่กันเลย ;--;

    เรารับฟังความคิดเห็นอยู่แล้วนะคะ เพราะรับฟังเลยทำให้ถ้าอ่านเจอคอมเมนต์ที่รุนแรงหรือหยาบคาย

    เราจะเสียใจมากๆ เลย มันทำให้เขียนนิยายต่อแทบไม่ได้เลยค่ะ

    ใจนุก็เล็กเท่าหัวนมแมลงวัน อย่าบิดทำร้ายกันเลยค้าบ


     



    มาร่วมกันทำให้สังคมนักอ่านนักเขียนน่าอยู่ด้วยการ

    คิดถึงใจกันและกันก่อนคอมเมนต์นะคะ 



    ด้วยความเคาแพะ


    โอ๊ยแมปส์ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×