ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰

    ลำดับตอนที่ #16 : กุ๊งกุ๊งที่ 14 : แก้มเย็น

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 28.05K
      2.7K
      18 ก.พ. 63

    สามหกสิบแปด 14



     

     

    เคาท์ดาวน์อาทิตย์สุดท้ายของการอยู่ร่วมกับเน

    กลับกลายเป็นผมเองที่รู้สึกไม่อยากให้น้องกลับบ้าน เผลอๆ อาจจะมากกว่าเนด้วยซ้ำ เพียงแต่แสดงออกมาไม่ได้ ด้วยความที่รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร มีแต่เด็กตรงหน้าเท่านั้นแหละ ที่ทำให้การเป็นผู้ใหญ่ของผมสั่นคลอนด้วยการ

     

     

    ... อ้อนแบบไม่รู้ตัว  


     

    “ลุงงงงงงง ขออีกหนึ่งเดือนไม่ได้จริงๆ หรอ” ไอ้ตัวดื้อทิ้งตัวนอนลงบนโซฟา วางหัวไว้บนตักผมพร้อมกับชูนิ้วชี้ขึ้นมา 

    “เน ไม่อ้อน”

    “ไม่ได้อ้อน เนขอร้อง อ้อนวอน กอดขา” มีออพชั่นเบะปากเสริม ผมดีดเหม่งใสนั่นไปหนึ่งป้าป 

     


    ไม่ได้อ้อนแต่แค่อ้อนวอน

    ตัดคำว่าวอนก็เหลือแค่อ้อนแล้ว ไอ้เด็กขี้อ้อน

     


    “เราคุยกันแล้ว”

    “ก็คุยใหม่ได้นะ เนพร้อมคุย” 

    “ไม่งอแง” 

    “อีกครึ่งเดือน”

    “ไม่ได้”

    “อีกหนึ่งอาทิตย์”

    “ไม่ได้”

    “อีกหนึ่งวันก็ได้!!!

    “ไม่ได้” 

    “แง” ส่งเสียงงอแงเสร็จก็วุ่นวายยกมือมาดึงแว่นผมออกจากหน้า แต่ถึงงั้นผมก็ยังคงเห็นหน้าซนๆ นั่นชัดเจนอยู่ดี 

    “เนอย่าซน”

    “ลุงอายุสามสิบหกแต่ยังไม่ค่อยมีริ้วรอยอะไรเลย มีแค่ตรงตา” มือเล็กนั่นยื่นมาจิ้มรอยย่นข้างตาผม แหง จะมีได้ไง ไอ้ครีมที่สีน้ำเอามาให้ใช้นั่นราคาเป็นหมื่น 

    “นั่งดีๆ “ ผมดุออกไป การมานอนหนุนตักอะไรแบบนี้มันก็ดีหรอกแต่อันตรายกับหัวใจอยู่เหมือนกัน ก่อนตีนกามาจะเจอตีนตำรวจก่อนก็เพราะไอ้ตัวดื้อตรงหน้าเนี่ยแหละ ไม่เคยจะระวังตัวอะไรเลย

    “ไม่อยากนั่งแล้วอ่ะ ปวดขาาาา พี่พี่ไม่อ่อนโยนกับเนเลย รู้ป่ะลุง พี่พี่ให้เนวิ่งรอบยิม โคตรเหนื่อยยยยย เนยกขาตัวเองไม่ขึ้นแล้วเนี่ย” เนบ่นงุบงิบแล้วก็ยกขาตัวเองถีบไปมาบนอากาศ

    “ออกกำลังกายบ้างเถอะ เราน่ะ” 

    “โอ้โหหหหหห ที่พี่พี่ให้เนทำไม่เรียกออกกำลังกายแล้ว เรียกเตรียมตัวเป็นนักกีฬาทีมชาติ” 

     


    โอเวอร์สุดๆ ...

    ผมตามตลอดว่าวันหนึ่งเนทำอะไรบ้างจากไอ้พาม ข้อมูลที่ได้ก็คืองอแงกับการวิ่งรอบยิ้มสองครั้ง โอดโอยทุกการออกกำลังกาย ให้ทำห้าเซทก็โกงนับเลขสุดเซท ชอบหนีไปเล่นกับเด็กที่ชื่อหญิงจนโดนครูวิ่งไล่เตะ ไอ้พามได้แต่หัวเราะเพราะตอนแรกคิดว่าเนจะเป็นเด็กขี้กลัวเงียบๆ ที่ไหนได้แสบแบบยิมแทบแตก 

     


    “เนว่าเนกล้ามขึ้นแล้วเนี่ยลุง ดูกล้ามเนสิ” เนถลกแขนเสื้อตัวเองแล้วเบ่งกล้ามโชว์ แต่ที่เห็นก็เหมือนจะเป็นเบ่งก้างมากกว่า

    “แบบนั้นเขาเรียกก้าง”

    “บอกเลยไม่มาแค่กล้ามนะ เนอ่ะแพลงก์ ซิทอัพ สควอต ล่าสุดมีซิกแพคแล้ว” พูดจบก็โชว์แพคต่อ ผมมองพุงขาวที่มีรอยยับเป็นขีดๆ แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

    “เน นั่นมันรอยพับพุงเวลานั่งนานๆ ”

    “ถ้าใจเรามองเป็นแพคมันก็คือแพคป่ะลุง”

    “พุง”

    “ลุงงงงงงง” 


     

    กล้าเรียกแพค พุงเป็นก้อนกลมขนาดนั้น 

    ไม่แปลกใจหรอกครับ ผมเองยังน้ำหนักขึ้นเลย อยู่กับเนแล้วเหมือนเปิดโลกเรื่องการกิน ร้านอาหารดังๆ รีวิวติดเทรนด์ทวิตเตอร์อะไรสักอย่าง เนก็ลากผมไปกินตลอดทั้งของคาวของหวาน หลังๆ เวลาออกกำลังกายผมก็เริ่มต้องเพิ่มเซทแล้วเหมือนกันก่อนที่แพคที่มีอยู่จะกลายร่างเป็นรอยยับพุงแบบเด็กดื้อตรงหน้า

     

    “ลุง ตอนลุงเด็กๆ ลุงทะเลาะกับพี่สีน้ำบ่อยไหม” 

    “คิดยังไงถามเรื่องสีน้ำขึ้นมา” ผมขมวดคิ้วถามกลับ

    “ก็... เห็นรูปลุงกับพี่สีน้ำบนชั้นหนังสือพอดี” น้องคงหมายถึงชั้นหนังสือข้างทีวี กรอบรูปนั้นได้มาจากตอนไปเล่นสกีสมัยมหาลัยกับครอบครัว เป็นภาพผมอุ้มสีน้ำไว้ด้วยท่าทางเหมือนพี่ชายหวงน้องสาวซึ่งคนบรีฟท่าก็ไม่ใช่ใคร ไอ้ตัวแสบน้องสาวผมเอง เห็นบอกอยากได้รูปเอาไปโพสต์ในเฟสให้แฟนรู้ว่าพี่หวง สุดท้ายรูปที่ว่าก็ยอดกดไลก์ถล่มทลายขนาดเจ้าตัวลงทุนไปอัดรูปใส่กรอบและแน่นอนว่าคนเอามาวางไว้ในห้องผมก็คือสีน้ำเองนั่นแหละ


     

    โพสต์ในเฟสให้รู้ว่าพี่หวง

    แต่เอามาตั้งในห้องพี่ชายในที่เห็นชัดขนาดนี้ ผมว่าคนขี้หวงน่าจะเป็นน้องสาวผมมากกว่า                                   

     


    “บ่อย แต่ไม่ถึงขั้นตีกันหรอก ยังไงก็น้องสาว” 

    “แล้วโตมาอ่ะ” 

    “โตมายิ่งไม่ค่อยทะเลาะ มีอะไรก็คุยกันดีๆ สิ”

    “เนตีกับพี่แนนทุกวันที่เจอหน้าเลย”

    “ก็เราดื้อ” พอพูดความจริงออกไป เนก็ทำหน้าหงึทันที 

    “บางทีพี่แนนก็ผิดเถอะ แต่พอเป็นเนก็กลายเป็นเนผิดแทน แค่มีชื่อเน เนก็ผิดแล้ว” 

    “ที่ตัดพ้อนี่มันเกิดขึ้นจริงๆ หรือแค่น้อยใจไปเอง” ผมเอื้อมมือไปเกลี่ยปอยหน้าม้าที่ปรกหน้าผากใสนั่นออก 

    “เกิดขึ้นจริงๆ สิ ลุงต้องเชื่อเน”

    “ไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อ”

    “ลุงทำเสียงไม่เชื่อ”

    “คิดไปเอง”

    “ลุงงงงงง”

    “ตัวดื้อ” ผมจ้องหน้าดื้อนั่นกลับ เนยู่ปากพร้อมกับยกมือขึ้นมาจิ้มจมูกผม  

    “ลุงรู้ไหม แม่มารู้ว่ามีเนตอนไหน”

    “หือ”

    “ตอนกำลังจะไปทำหมัน”

    “...”

    “แจ๊คพอต ท้องเนอยู่สองเดือน ตกใจกันไปหมด” เนขยับตัวเป็นนอนหันหลังแต่ยังคงวางหัวไว้บนตักผมเหมือนเดิม

    “ก็เลี้ยงมาจนโตน่ะ”

    “เนคลอดก่อนกำหนด ทำอะไรก็ช้าไปหมด เนไม่ได้โง่นะลุง แต่เวลาเรียนอ่ะ ตอนที่กำลังจะเข้าใจครูกับเพื่อนก็ต่อไปเรื่องอื่นแล้ว แล้วพอจะตามไปเรื่องที่กำลังจะเข้าใจมันก็เริ่มจะไม่เข้าใจแล้ว เนพูดงงไหม” 

    “ไม่งง” ใจจริงแล้วผมไม่ได้อยากให้เนพูดเรื่องครอบครัวเท่าไหร่ เพราะเหมือนจะเป็นประเด็นอ่อนไหว แต่ในเมื่อน้องสบายใจจะพูดออกมาผมก็ไม่ขัด

     


    ... บางทีคนเราก็ต้องการแค่คนที่สามารถระบายเรื่องที่อึดอัดด้วย

     


    “แล้วพ่อเนเป็นทหารอ่ะลุง เข้าใจอารมณ์ไหมอ่ะ เขาคาดหวังกับความเป็นลูกชายไว้เยอะ แล้วพอเนออกมาเป็นแบบเนี้ย อ้อนแอ้น อ่อนแอ เขาก็ชอบดุเน อะไรก็ไม่ถูกใจ อะไรก็ขัดตาไปหมด เนพยายามจะเป็นลูกผู้ชาย เนมีเรื่องเนต่อยตีพ่อก็ดุ เนไม่รู้จะทำไงแล้ว เนแค่อยากให้พ่อชมเนบ้าง เนแค่อยากให้พ่อรักเนบ้าง” 

    “...” ผมไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่นั่งฟังเงียบๆ 

    “เนอ่ะนะเนอ่ะ เห็นพี่แนนได้อะไรดีๆ ตลอด เนก็ขอบ้างพ่อกับแม่ก็ชอบให้เนทำอะไรมาแลก ให้ตั้งใจเรียน ให้สอบได้คะแนนดีๆ กว่าเนจะทำได้ เนก็มองพี่แนนได้ของจนเนกลายเป็นเด็กขี้อิจฉา เนไม่ชอบเลย แต่เนก็เป็นเด็กแบบนั้น เนเป็นเด็กขี้อิจฉา”

    “...”

    “เนรักพี่แนนแต่เนก็เกลียดพี่แนน ทำไมพี่แนนทำได้ดีทุกอย่างเลย เนอ่ะนะเนอ่ะ ได้แต่สงสัย ทำไมเนทำไรไม่เคยดีเลย พี่แนนอ่ะหยิบจับอะไรก็ทำได้ดีไปหมดจนเน ฮึก เนเคยคิดด้วยซ้ำว่าเมื่อไหร่พี่แนนจะล้มเหลวบ้าง เนจะหัวเราะก่อนช่วย เนอยากให้พี่แนนเข้าใจบ้างว่าเนรู้สึกยังไง เนโคตรแย่เลย เนอ่ะ เกลียดตัวเองที่ตัวเองเกลียดพี่แนนมากเลย” 

    “เน...”

    “เนนิสัยไม่ดีเนรู้”

    “...”

    “แต่เนพยายามอยู่นะ...” 

     


    ไหล่เล็กๆ ของเนสั่น มือเล็กขยุ้มขากางเกงของผมแน่น อุตส่าห์ไม่อยากให้ร้องแล้วแท้ๆ ผมไม่รู้จะตอบอะไร เพียงแต่ลูบหัวนั่นไปเรื่อยๆ บาดแผลในใจของเด็กที่ผู้ใหญ่อาจจะข้ามบางทีก็เป็นเรื่องใหญกว่าที่คิด 

     


    “เก่งมากแล้วที่อดทนอยู่กับความรู้สึกแบบนั้นมาตลอด”

    “...”

    “ทุกอย่างที่เจอ ทุกอย่างที่กำลังพยายาม มันหนักมากสำหรับวัยเน”

    “...”

    “เพราะงั้นถ้าอยากจะร้องไห้... ก็ร้องออกมาเถอะ” 

     


    จบคำพูดผมเนก็ร้องไห้ออกมาเหมือนก๊อกแตก สะอื้นจนตัวโยน ขาเล็กขดเข้าหาอกเหมือนเด็กกอดตัวเอง เสียงร้องไห้ดังระงมไปทั่วทั้งห้อง ผมไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ขาที่เนนอนทับอยู่ก็ชาจนไร้ความรู้สึกไปแล้ว แต่คาดเดาจากสีท้องฟ้าข้างหน้าต่างก็คงมากกว่าครึ่งชั่วโมง

     


    “ลุง..” เสียงแหบดังขึ้นหลังจากที่ร้องไห้เสียงดังมาตั้งนาน 

    “หืม”

    “เนดีใจนะที่ได้มาเจอลุง”

    “...”

    “ลุงเป็นคนดี” เนพูดออกมาสั้นๆ โดยที่ไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมา ผมเลยได้แต่จ้องกลุ่มผมฟูบนตักอย่างหลากหลายอารมณ์ 

     


    สำหรับเน ผมคงที่ผู้ใหญ่ที่แสนดีคนหนึ่ง

    แต่ในความจริงแล้ว สิ่งที่ผมทำไปกับเน 

     


    ผมไม่ได้ใกล้กับคำนั้นเลย

     


    ผู้ชายวัยสามสิบหกที่จูบกับเด็กอายุสิบแปดโดยไม่ได้ตั้งใจหนึ่งครั้ง ตั้งใจหนึ่งครั้ง

    ....และคิดอยากจะจูบอีกหลายครั้ง

     


    “ไม่หรอก...”

    “หือ”

    “พี่ไม่ได้เป็นคนดีขนาดนั้นหรอก” ผมตอบออกไปด้วยเสียงที่แผ่วเบา นึกดีใจที่เนไม่ได้หันหน้ากลับมา เพราะถ้าเนหันหน้ากลับมา เนคงต้องถามออกมาแน่ๆ ว่าทำไมผมถึงทำหน้าเสียใจแบบนั้น 

     


    เวลาที่กำลังจะหมดลง สำหรับเนก็คงเหมือนเวลาไปค้างบ้านเพื่อนแล้วต้องกลับบ้านตัวเอง งอแงไปตามพิธี แต่สำหรับผมแล้วช่วงเวลานี้มันคือช่วงเวลาที่ผมจะได้เห็นแก่ตัว ได้อาศัยความบริสุทธิ์ของเด็กในการทำสิ่งที่ตัวเองต้องการ 


     

    มีความสุขกับการที่มีเด็กมาอยู่ข้างๆ แต่ไม่ได้ทำอะไรเกินเลย

    ไอ้คำที่ว่าเสี่ยเลี้ยงเด็กมันก็คงจะจริงไปครึ่งหนึ่ง  

     


    “ลุง เนอยากดูหนัง” 

    “เปิดเนทฟลิกซ์เลือกสิ”

    “หึ อยากดูหนังในโรงอ่ะ” 

    “เวลานี้หรอ” ผมยกนาฬิกาขึ้นมาดู กำลังจะสี่ทุ่มป่านนี้ห้างก็คงจะปิดหมดแล้ว “ถ้าวันนี้ไม่น่าทันแล้วหละ”

    “วันอื่นก็ได้ แต่ลุงต้องสัญญาว่าจะพาไปดูนะ” 

    “อื้อ ได้สิ” พอผมพูดจบเนก็ดันตัวเองขึ้นนั่ง ตาบวมตุ่ยดูแล้วแสนจะน่าเอ็นดู ปากสีแดงเคลือบใสนั่นบดตัวเองไปมาเหมือนทำตัวไม่ถูก นิ้วชี้ป้อมๆ ถูกยกขึ้นมาถูตาตัวเองสองสามทีก่อนที่จะหันหน้ามาหาผม 

    “เนหิวแล้ว”

    “กินอะไรดี ข้าวต้มไหม”

    “อื้อ เนสั่งเอง เอาเจ้าที่ทำหนำเลี้ยบหมูสับอร่อยนะ” 

    “เอากุ้ยช่ายขาวเต้าหู้ด้วย”

    “ใส่หมูกรอบด้วยนะลุง เนอยากกินหมูกรอบ”

    “เอาสิ” 

     


    ร้านข้าวต้มเจ้าประจำที่เนชอบกิน เป็นปกติอยู่แล้วที่ผมจะให้เนสั่ง ดูเหมือนไอ้มือเล็กๆ นั่นจะทำงานได้ดีกับมือถือปัจจุบัน กดหรือลากอะไรได้รวดเร็วไปหมด เห็นเวลาพิมพ์ไลน์กับเพื่อนนี่นิ้วรัวแป้นจนมองแทบไม่ทัน ต่างจากผมที่ต้องหาแว่นมาใส่ จะจิ้มอะไรทีนิ้วก็เบียดไปหมด กดลบกดพิมพ์ก็วุ่นวาย ผมเลยตัดปัญหาให้เนเป็นคนสั่งอาหารแล้วให้ตัดที่บัตรผมแทน

     


    เพราะแบบนั้นแหละ น้ำหนักผมและเนถึงได้ขึ้นเอา 

    ไม่ออกไปตะเวนหาร้านกินก็สั่งมากินที่ห้อง เป็นแบบนี้แทบจะทุกวัน ตรวจเลือดสิ้นเดือนนี้ผมอาจจะเริ่มโดนหมอมองแรงเรื่องคอเลสเตอรอลบ้างแล้วก็ได้ 

     


    ดินเนอร์ในยามค่ำคืนเป็นแค่อาหารธรรมดา แต่เพราะเสียงเจื้อยแจ้วเล่านู่นบ่นนี่ของเนเลยทำให้ผมต้องแอบยิ้มออกมา เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ห้องนี้คงจะกลับมาเงียบสงบมีแต่เพียงเสียงทีวีที่เปิดทิ้งไว้ไม่ก็เสียงเครื่องปรับอากาศ กลิ่นแชมพูหอมดอกไม้ก็คงจะกลับมาเหลือแต่กลิ่นแชมพูฟอร์เมนอันเก่าของผม โซฟาที่แทบไม่ได้ใช้เพราะถูกมนุษย์เนบุกรุกเอาหมอนกระต่ายกับผ้าห่มสีชมพูมาวางแผ่อาณาเขตก็คงกลับมาเหลือพื้นที่สีเทาจืดชืดเหมือนเดิม

     


    คิดแล้วก็แอบใจหาย

           

     

    “โหลลล ฟังเนพูดอยู่ป่ะเนี่ยลุง ยิ้มไร ได้หมูกรอบชิ้นใหญ่ไปใช่ป่ะ” 

    “ฟังอยู่”

    “เรอะ งั้นตอบว่าสิว่าไอ้เด็กที่ชื่อพ็อจจินั่นเรียกเนว่าอะไร”

    “ลิง?”

    “เห้ย ฟังอยู่จริงด้วย เห็นป่ะ โคตรแย่อ่ะลุงงง เด็กเปรตป่ะ มาเรียกเนว่าพี่ลิงได้ไง ลิงที่ไหนจะหน้าตาดีขนาดนี้ มันต่างหากที่หน้าเหมือนลิง” ปากเล็กบ่นงุบงิบพร้อมกับเคี้ยวข้าวจนแก้มตุ่ย ผมไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่นั่งฟังเจ้าตัวบ่นต่อจนจบมื้ออาหารถึงได้เวลาแยกย้ายไปอาบน้ำ

     

    เป็นอีกครั้งที่ผมใช้ห้องน้ำต่อจากเนแล้วก็ได้แต่สงสัยว่าเนอาบน้ำสระผมยังไงให้มีกลิ่นหอมติดห้องน้ำได้ขนาดนี้ มันเป็นกลิ่นแชมพูและสบู่ที่มีความหอมดอกไม้อ่อนๆ เนทำอะไรไม่ค่อยระวังตัวอย่างวันนี้ไอ้ที่พันผ้าขนหนูออกมาแต่งตัวนอกห้องน้ำก็ถือเป็นสถานการณ์อันตราย กว่าผมจะอาบน้ำเสร็จออกมาเนก็ปิดไฟนอนแล้ว 

     

    เนติดนิสัยนอนขดเป็นก้อนแล้วห่มผ้าห่มปิดจนโผล่มาแค่ปอยผม ผมเคยถามดูท่าทำไมต้องคลุมผ้าขนาดนั้น น้องก็ตอบมาว่าไม่ชอบเวลาแก้มเย็น แต่ดูเหมือนว่าวันนี้เจ้าตัวจะหลับสนิทจนผ้าห่มร่นตกไปอยู่ตรงไหล่ เปิดให้เห็นใบหน้าดื้อนั่นอย่างชัดเจน ผมมองแก้มใสนั่นอยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเดินไปกดจมูกลง  

     

    ... แก้มเย็นจริงๆ ด้วย 

     

    เมื่อกลิ่นหอมตีเข้าจมูกเลยอดไม่ได้ที่จะปักจมูกลงไปอีกครั้งด้วยความหมันเขี้ยว ชักจะเริ่มเข้าใจพวกมีแฟนเด็กขึ้นมาบ้างแล้ว มันน่ารักไปหมดทั้งตัวเลยจริงๆ 

     

    หมดกลิ่นหอมที่ตามมาคงเป็นกลิ่นบาปที่ทำให้ผมต้องรีบยกตัวขึ้นแล้วเดินกลับเข้าห้องนอนก่อนที่จะเผลอทำอะไรไม่สมควรไปมากกว่านี้

     



    ฝันดีนะ

    ไอ้ก้อนดื้อ

     

     

     

     

    .

    .

    .

     

     

     

     



    ...เพียงเสี้ยววิหลังบานประตูปิด

    ดวงตากลมใต้เปลือกตาช้ำแดงก็เปิดขึ้นด้วยความตกใจ นิ้วเล็กยกขึ้นสัมผัสจุดที่เพิ่งโดนลักหอมแก้มไปถึงสองครั้งจากผู้ร้ายอายุสามสิบหก ความอุ่นซ่านยังคงติดอยู่บนผิวแก้มก่อนที่มันจะเห่อร้อนมากขึ้นไปอีกเท่าตัว

     

     

    แก้มหายเย็นแล้ว

    ...แต่ไม่ใช่เพราะผ้าห่มเหมือนทุกวัน

     

     

     

    ความตั้งใจที่จะแอบแฮ่ใส่ให้อีกฝ่ายสะดุ้งตอนเข้ามาใกล้ถูกพับทิ้งไปอย่างไม่ได้ตั้งใจเมื่อถูกจู่โจมด้วยการกระทำที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น ท่ามกลางเสียงจากเครื่องปรับอากาศและแตรรถยนต์ที่ดังรอดมาจากระเบียงในยามค่ำคื่น 

     

     

    .... กลับมีเสียงหัวใจหนึ่งดวงที่เต้นรัวจนกลบทุกเสียงไป

     

     

     

     --------



    เหล่าแม่น้องเน 



     

     อั่ยลุงคนนิมันร้ายจิงๆ เรยนะคะคุณกิตติ!!!!


    ในที่สุดน้องเนก็ตื่นตอนโดนแต๊ะอั๋งแล้วค่ะ หลังจากโดนขโมยจูบขโมยจุ๊บอยู่หลายครั้ง 

    ต่อไปนี้จะไม่มีน้องเนที่โดนลวนลามอีกต่อไป!!!!!


    ว่าแต่ตอนนี้สั้นจัง

    หรือเพราะเสี่ยงคุกเลยสั้นกันนะ  5555555555555



     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×